สามสิบนาทีต่อมา....
เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีกนานไหมครับ หาคนช่วยยกของไปใส่รถเนี้ย จะได้เอาไปเก็บไว้ที่คณะ” ราเรซบอก เมื่อได้โอกาสให้ฉันได้พักหายใจหายคอได้บ้าง ฉันจึงดันร่างหนาให้หันกลับไปหาราเรซ เพื่อให้เขาไปช่วยน้องชายขนของไปใส่รถ “ไปช่วยราเรซเลย” ฉันบอกเขา “ได้ แต่ว่า อย่าลืมจ่ายค่าแรงด้วยล่ะ ชั่วโมงล่ะสองยก” โต้งหันตัวกลับมากระซิบบอกให้ได้ยินแค่สองคน แล้วเขาก็ยกของออกไปจากร้านของฉันทันทีที่ได้ทิ้งระเบิดตุ้มใหญ่ใส่หน้าฉันแล้ว เขาเดินไปไกลแล้ว แต่ฉันยังยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความเขินอาย เขามันบ้าที่สุด... ฉันไม่น่าเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาเลย... วันเดินทาง.... 20:20 PM. “เอาล่ะครับน้องๆ เช็กสำภาระของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วก็เดินขึ้นรถไปนั่งรอได้เลยนะครับ” เสียงพี่แมทตะโกนบอกทุกๆ คน “คนเยอะเหมือนกันเนอะ วันที่ลงชื่อเห็นมีไม่กี่คนเอง” ฉันคุยกับเพื่อน ฉันกับบัวตองขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว บัวตองนั่งติดริมหน้าต่างส่วนฉันก็นั่งข้างบัวตองนี้แหละ “เฮ้ หนุ่มๆ มาขึ้นคันนี้” อยู่ดีๆ เพื่อนฉันก็โบกไม้โบกมือให้กับหน้าต่าง พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่นรถ ทำให้คนที่อยู่บนรถหันมามองฉันกับบัวตองอย่างตำหนิ “หุบปาก เดี๋ยวนี้นะ ยัยบัวตอง!!” ฉันเลยดุเข้าให้ “อุ้ย! โทษที คริๆ” บัวตองหันมาส่งสายตาขอโทษผู้คนที่นั่งอยู่บนรถ “แกตะโกนบอกใคร แอบนัดผู้ชายไปด้วยเหรอ” ฉันกระซิบถามบัวตอง “ก็หนุ่มๆ แก๊งนั้นไง” บัวตองเหล่ตาไปทางด้านหน้ารถ เมื่อฉันหันไปมองตามสายตาของเพื่อนก็หายสงสัยในทันที ราเรซกับบิ๊กไบค์เดินมานั่งที่เบาะด้านหน้าของฉัน ส่วนโต้งนั้นกำลังจะเดินมานั่งที่เบาะข้างๆ ฉันอีกฝั่ง แต่ไม่ทันได้นั่ง ก็โดนพี่แมทแย่งนั่งไปซะก่อน โต้งมองหน้าพี่แมทด้วยความไม่พอใจอย่างมาก พร้อมกับถอนหายใจแรงๆ ใส่ เลโอเดินเข้ามาขว้างหน้าโต้งกับพี่แมทไว้ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปดันหลังโต้งให้ไปนั่งที่เบาะด้านหลังของฉัน ซึ่งว่างอยู่พอดี นี่ก็...ใจร้อนทีไร ลำบากเลโอทุกที “บัวตองครับ แลกที่นั่งกับไอ้โต้งมั้ย ไม่อยากนั่งข้างมัน” เลโอยืนขึ้นแล้วชะเง้อหน้ามาถามเพื่อนฉัน ซึ่งบัวตองก็ไม่รอช้ารีบรุกขึ้นออกจากที่นั่งทันที “นี่แกจะไปไหน” ฉันคว้ามือเพื่อนไว้ เมื่อบัวตองเดินออกจากที่นั่ง “แกปล่อยฉันเลย ให้ฉันได้นั่งข้างผู้หล่อๆ บ้าง นั่งข้างแกแล้วฉันเมารถ” เพื่อนฉันนี่ มันน่าตบจริงๆ ผู้ชายกระดิกนิ้วให้ทีเดียวรีบแจ่นไปหาเขาเลย “ยัยแรด!!” ฉันเลยแขวะเข้าให้ “สมัยนี้ ไม่แรดอยู่ยากนะคะ” แล้วบัวตองก็ตอบกลับมาทันที “ขยับเข้าไปหน่อย” ฉันจำต้องขยับเข้าไปนั่งติดริมหน้าต่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถ้าง่วงก็ซบไหล่ได้นะ” โต้งบอกเมื่อเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว “ใครเขาอยากซบไหล่นายกัน” ฉันบอกโดยที่ไม่หันหน้ามามองเขา แกล้งทำเป็นมองออกไปด้านนอกหน้าต่างทั้งที่มันก็ไม่มีอะไรให้มองเลย “จะมองมันอีกนานไหม” อยู่ดีๆ น้ำเสียงของโต้งก็เปลี่ยนไป เหมือนกับว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง “อะไร” ฉันหันหน้ากลับมาถามเขาอย่าง งงๆ “ก็มองไอ้รุ่นพี่คนนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ” โต้งจ้องหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาดุดันมาให้ ฉันหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ก็เข้าใจทันที กลุ่มของพี่ยูกำลังยืนคุยกันอยู่ข้างรถอีกคันหนึ่ง ซึ่งพี่เขากำลังส่งยิ้มหวานมาให้ฉันอยู่ สาบานได้นะ..ว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้มองพี่ยูเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เขายืนอยู่ตรงนั้น พรึบ!! โต้งยืนขึ้นแล้วดึงผ้าม่านมาปิดหน้าต่างทันที ทำให้ตรงที่นั่งของฉันมืดไปเลย เมื่อมีความมืดพรางตา ฉันก็สัมผัสได้ถึงมือหนาเลือนเข้ามาทางด้านหลังแล้วโอบรอบเอวฉันไว้ นิ้วเรียวยาวยื่นมาด้านหน้าเขี่ยวนเล่นอยู่กับสะดื่อของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกเกร็งไปทั้งตัวอย่างสยิว “เล่นบ้าอะไรนะ” ฉันรีบตะปบมือหนาทันทีที่พยายามจะสอดนิ้วเข้ามาในขอบกางเกงของฉัน “กล้ามองผู้ชายคนอื่น ต่อหน้าผัวได้ไง” โต้งกระซิบบอกชิดแก้มเนียน ความอุ่นร้อนจากลมหายใจเป่ารดผิวแก้มเพียงนิด มันสามารถทำให้ฉันร้อนรุ่มไปทั้งตัวได้ ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเคือง “กัดปากทำไม หยุดเดี๋ยวนี้” โต้งสั่งเสียงดุ ยิ่งโดนห้ามฉันยิ่งทำ ฉันแกล้งทำเหมือนกัดแรงกว่าเดิม “ถ้าไม่หยุดนะ เดี๋ยวได้โดนกัดจริงๆ แน่” ฉันหยุดกัดปากตัวเองทันทีที่ได้ยินคำขู่จากเขา หงุดหงิดชะมัด ทำไมฉันต้องกลัว ต้องยอมเขาด้วยนะ ฉันยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วหันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างอารมณ์เสีย ที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย “ข้างหลังอย่าหวานกันเยอะนะ เดี๋ยวมดขึ้นรถ” ราเรซโพล่หน้ามาแซว ตุบ!! แล้วก็โดนคนขี้โมโหเตะเบาะจากด้านหลังไปหนึ่งที ราเรซถึงกลับหันหลังไปนั่งที่เหมือนเดิม เพราะรู้แล้วว่า เพื่อนของตัวเองอยู่ในโหมดที่พูดเล่นด้วยไม่ได้ “อันธพาล” ฉันเลยแขวะเข้าให้ “พูดอีกทีดิ” โต้งยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วใครมันจะกล้าไปว่าเขาอีกล่ะ ถ้าขืนยังปากดีอยู่ มีหวังโดนเขารังแกเป็นแน่ “ง่วงแล้ว” ฉันแสร้งทำทีเป็นง่วงนอนแทน เพราะไม่อยากต่อกรกับเขา โต้งเลื่อนแขนยาวๆ ของตัวเองมาประคองหลังฉัน พร้อมกับดันหัวของฉันให้เอียงมาซบลงที่ไหล่ของเขา ฉันทำท่าจะขัดขืน ก็โดนสายตาดุๆ ส่งมาให้ ฉันจำต้องยอมซบไหล่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่จะว่าไป ไหล่ของโต้งก็นอนสบายดีนะ แถมอบอุ่นด้วย... . . .โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
โต้ง : นอนยัง มิริน : ... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : มิริน มิริน :... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : ตอบผัวหน่อยสิครับ มิริน : โต้ง!! โต้ง : เนะ จำได้ด้วย น่ารักจัง มิริน : ไปเอาเบอร์มาจากไหน โต้ง : น้องเรซให้มา มิริน : บังคับเรซล่ะสิ โต้ง : รู้ใจผัวซะจริง มิริน : โต้ง!! โต้ง : ครับ มิริน : ง่วงแล้ว โต้ง : ฝันดีครับ มิริน : อืม โต้ง : แค่เนี้ย! มิริน : ฝันดีค่ะ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนหลับฝันหวานทั้งคืนแล้วล่ะ ผมหันไปคว้าเอาแขนของราเรซมากอดพลางนึกไปว่ามันคือมิริน พร้อมกับพรมจูบเบาที่ต้นแขนของราเรซ “หนักล่ะ มึง” ราเรซบ่น พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกห่างจากแขนของมัน ตุบ!! “โอ๊ย!! ไอ้เชี้ยโต้ง” เมื่อมันไม่ให้ผมกอดแขน ผมก็เลยถีบมันหนีซะเลย ก่อนจะหันมาอีกฝั่งแล้วนึกถึงใบหน้าของมิรินต่อ...
มิริน ฉันยืนดูอยู่นานล่ะ จะแสดงความรักต่อกันอีกนานไหม ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้ผู้ชายมักมาก ไหนบอกว่ารอฉันคนเดียวไง โกหกทั้งเพ “น้ำค่ะ พี่ยู” ฉันถือขวดน้ำไปให้พี่ยูเมื่อเห็นว่าพี่เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย “โทดทีครับ พอดีมือพี่เปื้อน เดี๋ยววางไว้ก่อนนะ” พี่ยูตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิรินป้อนให้” ได้โอกาสเอาคืนบ้างล่ะ ฉันเปิดขวดน้ำแล้วเอาไปจ่อที่ปากของพี่ยู เพื่อให้พี่เขาดื่มได้ถนัด ฉันชำเลืองไปมองผู้ชายมักมากคนนั้น เขาส่งสายตาดุดันมาให้ฉัน ใครสนกันล่ะ ทีตัวเองยังทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ “ขอบคุณครับ” พี่ยูส่งยิ้มหวานมาให้ “แหม่ๆ เบาๆ หน่อยสิ คู่นั้นน่ะ อิจฉานะ” น้ำหวานพูดแซว ฉันหันไปมองน้ำหวานและก็ได้เห็นสีหน้าของโต้งเริ่มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แต่แววตากลับดุดัน ฉันไม่ชอบที่เขาทำหน้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันเดาใจเขาไม่ออก มันน่ากลัวมาก.. สู้ให้เขาแสดงออกเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีกว่า “ไปกันเถอะ บัวตอง” ฉันรีบคว้ามือบัวตองให้เดินหนีจากตรงนี้ทันที ทั้งที
“ไหนบอกไม่ชอบไง” ฉันหันไปมองตามน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น “น้ำหวาน” ฉันเอ่ยชื่อเธอ “เธอนี่ ก็ตอแหลเป็นเหมือนกันเนอะ มิริน” น้ำเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉันพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง “อย่ามาพาลแถวนี้ น้ำหวาน ผู้ชายไม่มองแค่นี้ ก็เดือดซะแล้วเหรอ” ฉันกอดอกจ้องหน้าน้ำหวานกลับอย่างไม่เกรงกลัว “หึ รู้ได้ไง ว่าเขาไม่มอง เขากับฉันที่เอสที่ผับวันนั้น..” “มีแค่เรื่องเดียวสินะ ที่เธอเอามาเล่าไม่จบสักที” ฉันพูดสวนทันทีเมื่อน้ำหวานเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ฉันต้องเชื่อใจโต้ง เพราะเขาบอกฉันแล้ว ว่ามันไม่มีอะไร ฉันต้องไม่คิดตามยัยน้ำหวาน ฉันต้องเชื่อใจเขา “เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเราทำอะไรกันบ้าง” น้ำหวานยังพยายามพูดขึ้นมาอีก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ น้ำหวาน ว่าโต้งเขาจูบเก่งหรือเปล่า” ฉันจ้องหน้าน้ำหวานด้วยสายตาราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดใด เพราะฉันรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ หล่อนต้องการให้ฉันโมโห เธอไม่มีวันสมหวังหรอก “นะ..แน่นอน เขาจูบเก่งที่สุด” น้ำหวานถึงกลับพูดตะกุกตะกัก แค่นี้
ติ่ง!! บัวตอง : แกอยู่ไหน มิริน มิริน : แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตามมานะ มิริน : ฉันอยากอยู่คนเดียว บัวตอง : ตามใจแกแล้วกัน บัวตอง : มีอะไรก็โทรบอกฉันนะ ขอโทษนะบัวตอง แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครจริงๆ ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ อยากจะคิดทบทวนอะไรสักหน่อย ทำไมความรู้สึกมันถึงยุ่งยากเหลือเกินนะ เฮ้ออออ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับฟู้กอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา ทำไมมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ เขาจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องตะคอก ต้องเสียงดังใส่ตลอดเลยหรือไง.... 18:30 PM. ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกที่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาที่พักเลยสักคน ไปไหนกันหมดนะ? ฉันลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อมองหาคนอื่นๆ และเมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นนักจิตอาสาทั้งหลายรวมกันอยู่ที่สนามฟุตบอล ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันฟุตบอลกันอยู่ ฉันจึงเดินไปดูที่ข้างสนามก็เห็นกลุ่มของโต้งกับพี่ยูแ
21:30 PM.ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง“เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น“ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันทีเมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน“เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ“เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ“ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง“ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ป
“โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” น้ำหวานเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะสัมผัสร่างกายของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ผมคว้าหมับที่ข้อมือของเธอได้ก่อนที่เธอจะสัมผัสโดนตัว“เล่นพอล่ะ ออกไปได้แล้ว” ผมออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ตะ..”“ออกไป!!” คราวนี้ผมตะโกนเสียงดังลั่น จนทำให้น้ำหวานถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอยังยืนอยู่กับที่อยู่อีกไม่ยอมเดินออกไป ผมจึงจับที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากตัวเธอให้ออกไปจากเขตบ้านพักของผม“โอ๊ยยยย”“น้ำหวาน!!”เพื่อนๆ ของเธอรีบวิ่งเข้ามารับเพื่อนตัวเอง เมื่อโดนผมโยนออกมา นี่มารออะไรกัน มารอดูยัยนี่กินผมหรือไง“ไปให้ไกลๆ จากตรงนี้เลยนะ ก่อนที่โต้งจะหมดความอดทน”“ไปเถอะน้ำหวาน” เสียงเพื่อนเธอคนหนึ่งบอก แล้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ของเธอก็เดินหายไปจนหมดผมรีบเดินกลับขึ้นมาดูมิรินว่าเธอตื่นหรือเปล่า ที่ผมตะคอกน้ำหวานเสียงดังเมื่อกี้จะทำเธอตกใจตื่นหรือเปล่านะ เมื่อผมเดินขึ้นมาบนบ้านก็เจอกับมิรินกำลังนั่งทำหน้าหมุ่ยอยู่บนที่นอน“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ม
ผมนุ้งเพียงกางเกงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเดินลงมายังชั้นล่าง มองหาผ้ากับกะละมังอีกรอบเพื่อนำไปเช็ดตัวให้มิริน“ไอ้โต้ง”“มีไร”“ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ว่ะ แต่ก็ชั่งเหอะ กูไปเอาผ้ามาอาบน้ำดีกว่า” ราเรซบอก พร้อมกับที่มันกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ผมรีบวิ่งไปขว้างหน้ามันไว้ก่อน“อะไรของมึง กูอยากอาบน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว” ราเรซจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด“มิรินอยู่ข้างบน”“แล้วไง นั่นก็พี่กูป่ะ” ราเรซทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ“ไม่ได้!!”“อะไรของมึง ทำอย่างกับว่าพี่กู...เดี๋ยวนะ!! มึงอยู่สภาพนี้..แล้ว พี่มิริน...” ราเรซทำท่าคุ้นคิด ผมจึงพยักหน้าให้มันทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้มันคิดนาน“เฮ้ย!!” ราเรซกระโดนออกจากทางขึ้นบันไดทันที“รอกูอยู่นี้... ให้กูไปจัดการด้านบนให้เรียบร้อยก่อน” พูดจบ ผมก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นบนพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดตัว ผมถือกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ข้างตัวมิรินก่อนจะจุ่มผ้าลงในกะละมังแล้วบิดน้ำออกพอมาดๆ ผมเริ่มเช็ดใบหน้ารูปไข่ก่อน ค่อยๆซับผิวเนียนอย่างเ
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม