หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่
“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน “กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้ “ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง” “ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด “ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อน โต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ราเรซอุ้มไปนั้นเป็นใครกัน เมื่อประตูลิฟต์เปิดโต้งก็ทรุดตัวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว “โต้ง! ทำไมถึงดูใจร้อนขนาดนี้ เป็นอะไร” “เป็นอะไรล่ะ ก็น้องชายตัวดีของมิรินมันกำลังจะพาน้องสาวโต้งไปง้าบนะสิ” โต้งหันมาตะคอกฉันเสียงดังลั่นลิฟต์ ฉันนี้แทบน้ำตาไหลเลยทีเดียว “ราเรซไม่ใช่คนแบบนั้น” ฉันเถียงกลับอย่างไม่ยอม “ทำไมจะไม่ใช่!! ก็เห็นๆ อยู่” โต้งยังเสียงดังใส่ฉันไม่เลิก “มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ฉันยังเชื่อมั่นในตัวน้องชายอยู่ เพราะราเรซไม่ใช่คนที่จะบังคับหรือขืนใจใครง่ายๆ เพราะหน้าตาของราเรซใช่ว่าจะอดยากเรื่องผู้หญิง เว้นซะแต่ว่า น้องสาวของโต้งนั้นจะมีความหมายและเป็นคนพิเศษสำหรับราเรซ เพราะถ้าราเรซจะทำเรื่องอย่างว่าจริงๆ จะต้องแบกกลับมาคอนโดให้เหนื่อยทำไม จะพาไปโรงแรมหรือที่ไหนก็ได้นิ ราเรซเองก็ค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวมาก คงไม่ยอมให้ใครเข้ามาคอนโดของเขาได้ง่ายๆ เด็ดขาด “คนอย่างไอ้เรซนะ อ้อยเข้าปากมันแล้ว มันไม่มีวันคายออกมาแน่ๆ” โต้งยังอารมณ์เดือดใส่ฉันไม่หยุด “ทำไมโต้งถึงดูมั่นใจนักล่ะ ว่าราเรซต้องทำอะไรน้องสาวของโต้งแน่” “ก็เพราะว่ามันชอบต้าหนิงไง!!” แล้วฉันก็ได้คำตอบที่ตรงกับความคิดพอดี ในเมื่อน้องชายของฉันชอบน้องสาวของโต้ง ในฐานะที่ฉันเป็นพี่สาวที่แสนดีฉันก็ควรจะช่วยน้องชายสิ จริงไหม... ติ่ง!!! ประตูลิฟต์เปิดพอดี “งั้นโต้งก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งใหญ่” ฉันรีบวิ่งไปขว้างหน้าโต้งไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงห้องของราเรซ “มิริน!!” โต้งส่งสายตาดุมาให้ฉัน “โต้ง มิรินถามหน่อยเถอะ ในตอนที่เรามีปัญหาหรือตอนที่เราไม่เข้าใจกัน ใครคือคนที่คอยอยู่ข้างโต้งและช่วยเรื่องของเราเสมอมา ไม่ใช่ราเรซหรอกเหรอ” โต้งหยุดชะงัก และดูเหมือนว่าเขากำลังคุ้นคิดอะไรบางอย่าง “โต้ง...มิรินรู้ว่าโต้งเป็นห่วงน้องสาว แต่โต้งอย่าลืมสิ น้องเขาโตแล้วนะ ราเรซเองก็เป็นเพื่อนรักของโต้งนิ หรือราเรซยังดีไม่พอที่จะชอบน้องสาวโต้งได้ โต้งน่าจะรู้จักนิสัยของราเรซดีกว่าใครนะ” ฉันเดินเข้าไปกุมมือหนาด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง โต้งก้มหน้ามองพื้นแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนแรก “เข้าใจแล้ว” โต้งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับยกมือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่เลื่อนขึ้นมาวางบนหัวของฉันแล้วก็ออกแรงโยกไปมาเบาๆ “แต่ว่า...” โต้งโน้มตัวลงมาให้หน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับฉัน “แต่อะไร...” ฉันเริ่มไม่ค่อยไว้ใจสายตากรุ้มกริ่มของเขาแล้วล่ะ “พี่สาวคนสวยต้องรับโทษแทนน้องชายนะ” โต้งยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เกี่ยวไรกับมิรินล่ะ” ฉันถึงกับเหวอไปเลยทีเดียว “งั้นโต้งก็จะไปลากไอ้เรซมากระทืบเดี๋ยวนี้แหละ” โต้งทำท่าจะเดินไปที่ห้องของราเรซอีกครั้ง “ก็ได้ๆ ๆ” ฉันรีบร้องห้ามทันที “เปิดห้องสิ” โต้งหยิบคีการ์ดออกมาจากการเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ฉันเป็นคนเปิดประตู ฉันจำต้องยื่นมือไปรับคีการ์ดแล้วเปิดประตูให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ โต้งเดินตามหลังฉันมาติดๆ ทำให้ฉันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ที่สันหลังยังไงไม่รู้ “เข้าไปในห้องนอน” โต้งสั่ง ฉันหันขวับกลับมาตั้งท่าจะเถียง แต่ก็เถียงไม่ออกเมื่อโต้งส่งสายตาดุดันมาให้ ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องนอนก็ได้ยินเสียงล็อกประตูห้องตามหลังทันที โต้งเดินไปนอนยาวเหยียดบนเตียงนอนพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง “มานี่” โต้งตบมือลงบนเตียงนอนข้างๆ เขา ฉันค่อยๆ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า พยายามยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ “ถ้ามัวแต่ชักช้า เดี๋ยวโต้งเปลี่ยนใจนะ” ฉันเดินฟึดฟัดไปยืนข้างเตียงอย่างอารมณ์เสีย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันแทบจะกัดปากตัวเองให้ขาดเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมา “ไม่แฟร์!!” ฉันโวยทันที “เอางี้ เรามาสลับกันถอดดีกว่า โต้งจะถอดให้มิริน แล้วมิรินก็ถอดให้โต้ง จะได้แฟร์ๆ ดีไหม” ปากฉันอยากจะตะโกนออกไปดังๆ ว่าไม่ดีโว๊ย!! แต่ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ขัดใจไม่ได้ด้วยสิ โต้งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ ร่างหนาขยับเข้ามาเกือบชิดตัวของฉัน “ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ฉันก้มหน้าก้มตาพูดด้วยความประหม่าสุดๆ “อะไรนะ ให้ใกล้อีกเหรอ” แล้วคนเจ้าเล่ห์ก็เอื้อมมือมาโอบรอบเอวของฉันเพื่อรั้งให้ชิดกับอกแกร่งเข้าไปอีก มือหนาข้างที่ว่างอยู่เลื่อนขึ้นมาแกะกระดุมชุดเดรสฉันทีล่ะเม็ดอย่างใจเย็น “แกะให้โต้งบ้างสิ” ฉันจำต้องเลื่อนมือขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และแล้วชุดเดรสของฉันก็ร่วงลงสู่พื้นทันทีที่มือหนาสะบัดมันออกให้พ้นจากไหล่บาง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องกระทบผิวทำให้ฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว โต้งตัวสูงกว่าฉันมากทำให้ฉันต้องเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อรั้งเสื้อเชิ้ตให้พ้นจากไหล่หนาซึ่งโต้งเองก็ช่วยขยับถอดออกด้วยเพราะฉันไม่สามารถถอดให้เขาได้สะดวก . . .วันนี้เป็นวันรับน้องคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยสำหรับผม ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ มหาลัยเปิดเทอมได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ ไม่รู้จะมารับอะไรตอนนี้เสียเวลา...“แม่ง! น่าเบื่อว่ะ” ผมหันไปบ่นกับเพื่อนทั้งสามคน“นั่นดิ เสียเวลาชิบ!” ราเรซเห็นด้วยกับผม“น้องปีหนึ่งสองคนนั้นน่ะ คุยอะไรกัน ออกมาคุยตรงนี้มา” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งประกาศเรียกให้ผมกับราเรซเดินออกไปยืนด้านหน้าเพื่อนๆ พอผมกับราเรซลุกขึ้นยื่นเท่านั้นแหละ สายตาของผู้หญิงที่คณะ ต่างก็หันมามองที่ผมสองคนเป็นตาเดียว ก็คนมันหล่ออ่ะนะ พอรู้ตัวเองอยู่แหละผมกับราเรซเดินตรงไปหารุ่นพี่ที่ถือไมค์ประกาศเรียกพวกผมเมื่อกี้ ชำเลืองมองดูป้ายชื่อที่รุ่นพี่คนนี้ฆ้องคอไว้ ชื่อน้ำหวานสินะ ทำเป็นพูดเสียงเข้มใส่ ตัวเท่าลูกแมวยังกล้ามาเบ่งใส่อีก ผมเล่ตามองพี่น้ำหวานเล็กน้อยด้วยแววตาเรียบนิ่ง เพียงแค่นั้นก็ทำให้พี่น้ำหวานยืนอายม้วนบิดไป บิดมา อะไรวะ... เรียกออกมาแล้วก็มาเขินใส่เนี้ยนะ ไร้สาระวะ!พี่น้ำหวานเอาแต่จ้องหน้าผมกับราเรซสลับกันไม่ยอมพูดอะไรสักที เธอก็เลยโดนเพื่อนตบหัวไปหนึ่งทีเพื่อเรียกสต
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวใส่ตะขอให้” ผมกระซิบบอกชิดริมหู ผมไม่รู้หรอกว่ามิรินมีสีหน้ายังไง เพราะเธอหันหลังให้อยู่ แต่ผมมั่นใจว่า เธอต้องเขินอยู่แน่ๆผมค่อยๆ เลือนมือเข้าไปในเสื้อนักศึกษาของมิรินอีกครั้ง แกล้งลากนิ้วผ่านเข้าไปอย่างเชืองช้า สร้างความสยิวให้กับร่างบางเล่น ผมชำเลืองมองไปด้านหน้าผ่านหัวทุ่ยก็เห็นมือน้อยๆ ของมิรินกำลังกำหมัดแน่น เหมือนกับว่า เธอกำลังอดกลั้นกับอะไรสักอย่าง... ผมยกยิ้มแอบขำอยู่ในใจ อดทนให้ได้ตลอดนะ มิริน เพราะว่าต่อจากนี้ไป มันคือของจริง...“บอกไม่จำ ก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” ผมกระซิบบอกมิรินอีกครั้ง เมื่อใส่ตะขอให้เธอเสร็จแล้ว ทันทีที่ผมปล่อยมือออกจากเอวบาง มิรินก็รีบวิ่งหนีไปโดยที่ไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ผมเดานะ เธอต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำแน่นอน เพราะเสื้อนักศึกษาของมิรินหลุดลุ่ยออกมาจากขอบกระโปรงด้วยฝีมือของผมนึกว่าจะโดนมิรินตบซะแล้ว ผมคิดเอาไว้ว่า ถ้าเธอหันมาตบ แสดงว่าเธอไม่ได้แค่ไม่ชอบ แต่เธอต้องรังเกียจผมเลยล่ะ และการที่เธอไม่ตบผม แสดงว่าลึกๆแล้ว เธอก็ต้องมีชอบผมบ้างล่ะน่า... ไม่มากก็น้อยล่ะวะ เตรียมรับมือโต้งไว้ให้ดีล่ะ มิริน
14:50 PM. หลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องเรียนไป ฉันกับบัวตองก็เดินออกจากห้องเรียนมานั่งเล่นยังใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างตึกคณะ อากาศในตอนบ่ายค่อนข้างร้อนมาก แต่พอได้นั่งอยู่ใต้ร่มไม้แบบนี้แล้ว กลับรู้สึกเย็นสบายเพราะมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นไปพลางๆ รอเวลาที่พี่เฟยหลานชายเพื่อนคุณตามารับ ตามที่แม่เฌอรีนของฉันได้บอกไว้ ใจจริงฉันอยากจะชิ่งกลับก่อนซะด้วยซ้ำ ถ้าไม่กลัวว่าจะต้องมาทะเลาะกับแม่ทีหลังน่ะนะ “อาทิตย์หน้ามีเข้าค่าย มึงว่างไหม ไอ้ยู” เสียงพูดคุยดังขึ้นจากโต๊ะด้านหลังของฉัน ปกติฉันก็ไม่ค่อยจะสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่พอผู้ชายคนที่พูดเมื่อกี้ได้เอ่ยชื่อใครบางคนออกมา มันก็เลยทำให้ฉันอดที่จะหันไปมองไม่ได้ และเมื่อฉันหันหลังไปมองสายตาของฉันก็สบเข้ากับเขาคนนั้นพอดี ฉันรีบหันกลับมามองหน้าเพื่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้... เขาทันเห็นรึเปล่านะ คงไม่หรอก เขาไม่รู้หรอก... “แกเป็นอะไรรึเปล่า มิริน ดูท่าทางแปลกๆ” บัวตองถามพร้อมกับชะเงอคอมองไปยังด้านหลังของฉัน “ไม่มีอะไร” ฉันรีบตอบพร้
“ไปด้วย!! ”ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงห้วนๆนั่น ก็ทำให้ฉันได้สติแล้วล่ะสายตาจากพี่ยูมามองยังเจ้าของน้ำเสียงแข็งๆนี้ ที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างฉันตั้งแต่เมื่อไร เห็นตอนแรกยังไม่ยอมลุกขึ้นยืนเลย แล้วไงมายืนข้างฉันได้เร็วขนาดนี้ ราเรซกับเพื่อนอีกสองคนยังเดินตามมาไม่ถึงเลย ทั้งที่ลุกขึ้นยืนก่อนซะด้วยซ้ำ“ไหนบอกไม่ไปไง ไอ้โต้ง” ราเรซถามขึ้น เมื่อเดินมาถึงตัวเพื่อน“กูเปลี่ยนใจแล้ว” โต้งตอบโดยที่ไม่หันหน้าไปมองราเรซ เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นี่แหละ ไม่รู้จะทำหน้านิ่งไปถึงไหน ฉันเดาใจเขาไม่ออก...ตึกๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆแล้วทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวเขาด้วยนะ ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำผิด ก็เลยกลัวเขาอย่างนั้นแหละ... นี่ก็จ้องอยู่ได้ ไหนจะสายตาเอาเรื่องนั่นอีก“จะไปด้วยเหรอ ไอ้น้อง บอกไว้ก่อนนะ งานนี้น่ะ มันงานแมนๆ ต้องการผู้ชายแมนๆ ไม่ใช่โดนแดดนิดๆ หน่อยๆ ก็วิ่งเข้าร่มนะ” พี่แมทเดินเข้ามาพูดแขวะโต้ง“ผมไม่แมนตรงไหน” โต้งล่ะสายตาจากฉันแล้วหันไปจ้องหน้าพี่แมทแทน“หุ่นมึงบอบบางมากอ่ะ น้อง!” พี่แมทยังแขวะต่อ“ลองชกกันหน่อยไหมล่
“น้องมิรินใช่ไหมครับ”ในระหว่างที่ฉันกำลังยืนดูกลุ่มเพื่อนของราเรซ ก็มีผู้ชายผิวขาวใสเดินเข้ามาทัก ฉันหันมามองหน้าเขา ใช้สายตาเพ่งมองเพื่อนึกให้ออกว่าเคยเจอกันหรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนเข้ามาทักฉันก่อน แถมยังรู้จักชื่อฉันอีก“พี่เฟยเองครับ” เขาเฉลยชื่อของตัวเองทันทีที่ฉันขมวดคิ้วเป็นปม ฉันนึกไม่ออกจริงๆ อ่ะ พี่เขาดูเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูขาวขึ้น จมูกก็โด่งขึ้นด้วย“ออ ค่ะ” ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร“น้องมิรินนี่ สวยขึ้นเยอะเลยนะครับ พี่เกือบจำไม่ได้เนะ ดีนะ ที่คุณแม่เฌอรีนส่งรูปน้องมิรินมาให้พี่ดูก่อน” ระหว่างที่สนทนากัน พี่เฟยนี่ฉีกยิ้มให้ฉันตลอดเวลาเลย เหงือกแห้งแล้วมั้งนั่น“ค่ะ”“เราไปกันเลยไหม คุณแม่เฌอรีนบอกว่า น้องมิรินยังไม่มีชุดใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับพี่เลย เดี๋ยวพี่พาไปซื้อนะ” ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่เฟยก็ร่ายยาวเอาเองเสร็จสับฉันเนี้ยนะไม่มีชุด เหอะ! ฉันมีชุดเต็มร้านเลย ขอบอก... เพราะฉันกับพ่อมิโน่เปิดร้านเสื้อผ้าเป็นแบรนด์ของตัวเองอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง มีทั้งแบบตามสมัย แบบวัยรุ่น แบบออกงานสังคม ร้านฉัน
ห้างสรรพสินค้า.....“ลืมตา”ทันทีที่ลืมตาขึ้น สายตาของฉันก็สบเข้ากับตาคมที่ห่างจากหน้าฉันไม่ถึงคืบ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แววตาดูร่าเร่งและสดใส เสียงหัวใจของฉันเต้นถี่แรง เมื่อได้มองหน้าเขาใกล้ๆ นี่ฉันโดนเจ้าเด็กบ้านี่ทำของใส่หรือเปล่านะ ทำไมฉันถึงล่ะสายตาจากใบหน้าของโต้งไม่ได้เลย ทำไมเขาถึงได้หน้ามองขนาดนี้ ผิวเนียนมาก เขาใช้ครีมบำรุงยี่ห้ออะไร ฉันจะได้ไปหาซื้อมาใช้บ้าง“จ้องขนาดนี้ ไม่กินเลยล่ะ” โต้งกระซิบบอกชิดริมหู และนั่นก็ทำให้ฉันพึ่งได้สติขึ้นมา รีบยกมือบางขึ้นมาดันอกแกร่งของโต้งเบาๆ เพื่อให้เขาขยับถอยออกไป แต่มือหนากลับรวบมือบางของฉันไว้ด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว“พูดบ้าอะไร ใครอยากกินนายมิทราบ” ฉันโต้กลับ พร้อมกับพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของมือหนา“ก็อยากให้กินอ่ะ” โต้งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย“ไม่กินย่ะ ปล่อยได้แล้ว” ฉันกลิ้งลูกตาไปที่มือ ด้วยแววตาไม่พอใจนิดๆ แต่โต้งกลับนั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจแววตาไม่พอใจของฉันเลยสักนิดเอี๊ยดดดดดดดเสียงเบรกรถดังสนั่นลั่นลาดจอดรถของห้าง ฉั
“พี่แอนค่ะ พ่อยังไม่เข้าร้านเหรอ” ฉันหันไปถามพี่พนักงานคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าแกเป็นใหญ่รองจากฉันกับพ่อเลยล่ะ เพราะพี่แอนทำงานอยู่กับร้านนี้มาหลายปีแล้ว เป็นที่ไว้ใจได้สำหรับฉันกับพ่อ“มาแล้วค่ะ แล้วก็ออกไปแล้วด้วย” พี่แอนตอบ“ว้า.. กะว่าจะได้เจอพ่อสักหน่อย” ฉันยิ้มให้พี่แอนอย่างใจดี พี่แอนก็ยิ้มใจดีตอบกลับมาเหมือนกัน“น้องมิรินครับ” พี่เฟยเดินตามฉันมาด้วยอาการเหนื่อยหอบสุดๆ ใบหน้าพี่เฟยเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมด้านหน้า น่าเห็นใจจัง ฉันจึงเดินไปหยิบกล่องทิชชูที่หลังเคาเตอร์มาซับเหงื่อให้พี่เฟย ซึ่งพี่เฟยก็ยิ้มรับดีใจอย่างออกนอกหน้านอกตา พร้อมกับเหล่ตามองกลุ่มน้องชายฉัน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจทำใส่กลุ่มสี่หนุ่ม ไม่มีใครเขารู้สึกอะไรหรอก นอกจากเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับดุร้าวจนหน้าหวั่นใจ เมื่อเห็นดังนั้น ฉันจึงชักมือตัวเองออกจากใบหน้าของพี่เฟยทันที พร้อมกับยื่นกล่องทิชชูให้พี่เฟยจัดการซับหน้าเอาเองฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวสายตาแบบนั้นของโต้งด้วย ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เพียงแค่เขาส่งสายตาดุมาให้ฉันก็แท
โต้งผมเดินออกมาจากร้านของมิรินด้วยอารมณ์ที่ยังเดือดไม่หาย ผมกะจะชกมันให้หนักกว่านี้อีก ถ้ามิรินไม่เข้ามาขว้างก่อนนะ มันได้สลบคาตีนผมแน่ตุบ!! ตุบ!!เมื่อเดินมาถึงรถผมก็เหวี่ยงแข้งใส่ยางรถไปสองทีติดๆ แต่อารมณ์ผมก็ยังเดือดอยู่ดี เธอคอยแต่ว่าผมอย่างเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้เริ่มก่อน ไอ้หมอนั่นก็สำออยฉิบหาย แม่ง!! เกิดมาเป็นผู้ชายได้ไงวะ โดนชกแค่นั้นร้องอย่างกับควายถูกเชือด“แม่งเอ๊ย!!” ผมสถบคำหยาบออกมาเสียงดังลั่นลานจอด“ใจเย็นๆ ไอ้โต้ง” ราเรซเดินเข้ามาตบบ่าผม“กูเย็นได้แค่นี้แหละ” ผมหันไปตอบเพื่อน“เฮ้ออออ ผู้หญิงนี่ เข้าใจยากเนอะ กูว่า กูชิวๆ แบบนี้แหละดีล่ะ ไม่ปวดหัวเหมือนพวกมึงดี” เลโอพูด“ถ้ามึงเจอคนที่ใช่ มึงจะเลิกคิดแบบนี้ทันที” บิ๊กไบค์บอกเลโอ“ไม่มีทาง กูไม่สนใครหรอก” เลโอบอก“เออๆ กูจะคอยดู” บิ๊กไบค์พูดกับเลโอ“ถ้าคนนี้มันยากนัก มึงก็หาคนใหม่ดิว่ะ ไอ้โต้ง” เลโอหันมาพูดกับผม“พูดนะมันง่าย แต่ทำยากนะโวย เปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องง่าย กูเองก็ยังทำไม่เคยได้เลย” ราเรซตอบเลโอแทนผม แล
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม