ห้างสรรพสินค้า.....
“ลืมตา” ทันทีที่ลืมตาขึ้น สายตาของฉันก็สบเข้ากับตาคมที่ห่างจากหน้าฉันไม่ถึงคืบ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แววตาดูร่าเร่งและสดใส เสียงหัวใจของฉันเต้นถี่แรง เมื่อได้มองหน้าเขาใกล้ๆ นี่ฉันโดนเจ้าเด็กบ้านี่ทำของใส่หรือเปล่านะ ทำไมฉันถึงล่ะสายตาจากใบหน้าของโต้งไม่ได้เลย ทำไมเขาถึงได้หน้ามองขนาดนี้ ผิวเนียนมาก เขาใช้ครีมบำรุงยี่ห้ออะไร ฉันจะได้ไปหาซื้อมาใช้บ้าง “จ้องขนาดนี้ ไม่กินเลยล่ะ” โต้งกระซิบบอกชิดริมหู และนั่นก็ทำให้ฉันพึ่งได้สติขึ้นมา รีบยกมือบางขึ้นมาดันอกแกร่งของโต้งเบาๆ เพื่อให้เขาขยับถอยออกไป แต่มือหนากลับรวบมือบางของฉันไว้ด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว “พูดบ้าอะไร ใครอยากกินนายมิทราบ” ฉันโต้กลับ พร้อมกับพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของมือหนา “ก็อยากให้กินอ่ะ” โต้งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย “ไม่กินย่ะ ปล่อยได้แล้ว” ฉันกลิ้งลูกตาไปที่มือ ด้วยแววตาไม่พอใจนิดๆ แต่โต้งกลับนั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจแววตาไม่พอใจของฉันเลยสักนิด เอี๊ยดดดดดดด เสียงเบรกรถดังสนั่นลั่นลาดจอดรถของห้าง ฉันหันไปมองก็เห็นรถของพี่เฟยเลี้ยวเข้ามาจอด “ชอบมันหรือเปล่า ไอ้หน้าอ่อนนั่น” ฉันหันกลับมามองใบหน้าของโต้ง สายตาของเขาดูนิ่งมาก นิ่งจนเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือรู้สึกอย่างไร ทำไมถึงได้เปลี่ยนอารมณ์เร็วจัง เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย “เปล่า” ฉันตอบโดยที่ไม่หลบสายตาของเขา “แล้วทำไม ไม่ปฏิเสธไปล่ะ” “แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ” ฉันไม่ตอบเขา แต่แกล้งถามกลับอย่างกวนๆ ฉันแค่อยากจะแกล้งเขาเฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาไม่พอใจ โต้งปล่อยมือออกจากมือของฉันทันที แล้วก็หันไปมองกระจกส่องหลัง “ปฏิเสธให้เหมือนกับที่ปฏิเสธโต้งไง” พอพูดจบโต้งก็เปิดประตูลงจากรถไปในทันที ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างอึ้งๆ เขาประชดฉันสินะ รู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ ไม่น่าพูดแกล้งเขาไปแบบนั้นเลย และในจังหวะเดียวกัน พี่เฟยก็เดินมากระชากประตูรถฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ออกอย่างแรง เดี๋ยวประตูรถเขาก็พังหรอก ถ้าทำรถเขาพังนี่ คิดว่าจะยังมีชีวิตอยู่ไหม... “น้องมิรินเป็นไงบ้างครับ ตกใจหรือเปล่า” พี่เฟยเข้ามาดึงแขนฉันให้ลงจากรถของโต้ง พร้อมกับกุมมือฉันไว้แน่น “มิรินไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบพี่เฟย และพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพี่เฟย “พี่ไม่อยากขับรถเร็ว กลัวว่าจะทำให้เพื่อนของน้องมิรินตกใจกลัวก็เลยมาถึงทีหลัง” พี่เฟยรีบแก้ตัวทันที เพราะรถของเขามาถึงทีหลังคนอื่นๆ “ขับอย่างกับเต่า ยังกล้าไปท้าเขาอีก” บัวตองเดินมาหาฉัน พร้อมกับบ่นเสียงดัง “ใช่ไหมครับ บัวตอง” เลโอเดินเข้ามาทักบัวตองด้วยรอยยิ้มแสนทะเล้นของเขา “ใช่ค่ะ” บัวตองรีบส่งยิ้มหวานให้เลโอทันที ยัยนี่ เร็วจริงๆ ฉันส่ายหน้าให้เพื่อนอย่างรู้ทัน เมื่อบัวตองหันมาขยิบตาให้ฉันหนึ่งที “ไปหาพ่อมิโน่กัน” ราเรซเดินเข้ามากอดคอฉันกำลังจะพาเดินเข้าไปในห้าง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อพี่เฟยกุมมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ราเรซต้องหันหน้ากลับไปมองด้วยสายตาพิฆาต “จะจับอีกนานไหม พี่น้องเขาจะเดินคุยกัน” ราเรซเหล่ตามองที่มือของฉันกับพี่เฟย แต่พี่เฟยกลับทำนิ่งเฉย แกล้งไม่เข้าใจในสิ่งที่ราเรซสื่อ พรึบ!! “โอ๊ย!!” เสียงพี่เฟยร้องลั่น ก่อนที่เข่าของพี่เฟยจะซุดลงกับพื้นอย่างแรง ด้วยฝีมือของคนที่เดินตามมาทีหลังอย่าง...โต้ง เขาเดินมายกเท้าถีบที่ข้อพับของพี่เฟย ทำให้เข่าของพี่เฟยซุดลงกับพื้นทันที และก็ทำให้มือของฉันเป็นอิสระจากมือของพี่เฟยด้วย ฉันหันไปมองหน้าโต้ง ซึ่งเขาก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างกวนๆ ส่งมาให้ฉัน พร้อมกับยักไหล่ให้หนึ่งที ประมาณว่า...ช่วยไม่ได้ เพราะมันดันหน้ามึนเอง (ถ้าเฮียโต้งพูดก็จะประมาณนี้) “อ้าว! อยากทดสอบความแข็งแรงของพื้นกระเบื้องเหรอครับ” บิ๊กไบค์เดินเข้ามาถามอย่างกวนๆ พร้อมกับกอดคอโต้งให้เดินเข้ามาในห้างพร้อมกัน “ฮ่าๆ ๆ ๆ ” แล้วทั้งสี่หนุ่มก็ยืนขำพี่เฟยกันยกใหญ่ คนที่เดินผ่านไปมามองมาที่พวกเราเชิงตำหนิที่เสียงดัง เด็กพวกนี้มันร้ายกันจริงๆ แกล้งคนเขาไปทั่ว ฉันก็สงสารพี่เฟยอยู่นะ แต่ว่า.. เพราะเขาไม่ยอมปล่อยมือฉันเอง ถึงได้โดนพวกสี่กุมารแกล้งเอา เมื่อไม่มีคนฉุดฉันไว้แล้ว ราเรซก็กอดคอฉันเดินเข้ามาในห้างทันที พร้อมกับขำไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ใช่ว่าฉันเห็นด้วยกับโต้งที่แกล้งพี่เฟยนะ แต่เป็นเพราะฉันรู้นิสัยของพวกเขาดีต่างหาก ต่อให้ฉันดุ ด่า ว่ายังไง พวกนั้นก็ไม่สนใจอยู่ดี แก๊งนี้หน้ามึนทั้งแก๊งค่ะ บอกจนปากฉีกก็ไม่ฟังหรอก ร้าน M M Shopping ฉันถูกน้องชายลากคอเดินมาตลอดทางจนถึงร้านเสื้อผ้าของฉัน เมื่อเดินเข้ามาในร้านพนักงานต่างก็หันมาทำความเคารพพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างทักทาย ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานไปให้หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างฉัน ราเรซนั่นเอง และเพื่อนของน้องชายอีกสามคน “พึ่งมาทำงานเหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” เลโอเดินเข้าไปทำความรู้จักกับพนักงานคนใหม่ของฉัน ทั้งที่พึงเดินมากับบัวตองแท้ๆ โดนสลัดทิ้งกลางอากาศเลยเพื่อนฉัน บัวตองเดินทำหน้าเซ็งๆ มาหาฉัน เมื่อโดนเลโอสลัดทิ้งในเวลาอันรวดเร็ว มันไม่ไช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่ผู้ชายกลุ่มนี้จะจริงจังกับใครสักคน คนคนนั้นต้องพิเศษสำหรับเขามากๆ ถึงจะเป็นตัวจริงของพวกเขาได้ “ไงแก” ฉันทักบัวตองเมื่อเธอเดินมาถึงตัวฉัน “โดนเทอ่ะ ยังไม่ถึงสามสิบนาทีเลย เฮ้อ....” บัวตองทำหน้าหงอย ดูก็รู้ว่าเธอแกล้งทำ เธอไม่ได้เสียใจจริงๆ หรอก “ไม่เป็นไรนะ” ฉันตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างปลอบใจ แสล้งทำหน้าเศร้าอย่างเห็นใจ ฉันจำต้องแสดงบทเพื่อนที่แสนดีไปกับบัวตอง เพราะยัยเพื่อนตัวดีแกล้งดราม่าใส่ซะได้ “ทิ้งฉันได้ไง ฉันออกจะสวย คอยดูนะ ถ้าหันกลับมามองฉันเมื่อไร ฉันจะเมินใส่เลย ขอบอก..” บัวตองพูด พร้อมกับโพสต์ท่าที่คิดว่าดูสวยที่สุด “คริๆ ยัยบ้า” ฉันอดขำกับท่าทางของเพื่อนไม่ได้ “ฉันได้ยินมาว่า ลูกชายเจ้าของห้างนี้น่ะ หล่อมาก แกรู้จักเขาป่ะ” บัวตองถามอย่างตื่นเต้น เมื่อนึกถึงผู้คนใหม่ได้ “รู้สิ” “หล่อไหม” บัวตองถาม “หล่อมากกกก” “เหรอๆ ติดต่อให้ฉันหน่อยสิ” บัวตองเอื้อมมือมากุมมือของฉันพร้อมกับแกว่งไปมาอย่างตื่นเต้น “ก็ เลโอไง ลูกชายเจ้าของห้าง” ฉันตอบเพื่อนพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย เมื่อบัวตองทำหน้าหวออย่างตกใจ “ที่บอกว่าจะเมินเขาเมื่อกี้อ่ะ ฉันพูดเล่นนะ คริๆ ๆ ๆ ” แล้วเพื่อนฉันก็กลับคำทันทีที่รู้ว่าลูกชายเจ้าของห้างคือใคร ฉันได้แต่ยืนขำกับท่าทางของบัวตองที่ตอนแรกบอกจะไม่สนใจเลโอแล้ว แต่ตอนนี้กลับเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเลโอกับพนักงานคนใหม่ของฉันซะได้“พี่แอนค่ะ พ่อยังไม่เข้าร้านเหรอ” ฉันหันไปถามพี่พนักงานคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าแกเป็นใหญ่รองจากฉันกับพ่อเลยล่ะ เพราะพี่แอนทำงานอยู่กับร้านนี้มาหลายปีแล้ว เป็นที่ไว้ใจได้สำหรับฉันกับพ่อ“มาแล้วค่ะ แล้วก็ออกไปแล้วด้วย” พี่แอนตอบ“ว้า.. กะว่าจะได้เจอพ่อสักหน่อย” ฉันยิ้มให้พี่แอนอย่างใจดี พี่แอนก็ยิ้มใจดีตอบกลับมาเหมือนกัน“น้องมิรินครับ” พี่เฟยเดินตามฉันมาด้วยอาการเหนื่อยหอบสุดๆ ใบหน้าพี่เฟยเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมด้านหน้า น่าเห็นใจจัง ฉันจึงเดินไปหยิบกล่องทิชชูที่หลังเคาเตอร์มาซับเหงื่อให้พี่เฟย ซึ่งพี่เฟยก็ยิ้มรับดีใจอย่างออกนอกหน้านอกตา พร้อมกับเหล่ตามองกลุ่มน้องชายฉัน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจทำใส่กลุ่มสี่หนุ่ม ไม่มีใครเขารู้สึกอะไรหรอก นอกจากเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับดุร้าวจนหน้าหวั่นใจ เมื่อเห็นดังนั้น ฉันจึงชักมือตัวเองออกจากใบหน้าของพี่เฟยทันที พร้อมกับยื่นกล่องทิชชูให้พี่เฟยจัดการซับหน้าเอาเองฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวสายตาแบบนั้นของโต้งด้วย ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เพียงแค่เขาส่งสายตาดุมาให้ฉันก็แท
โต้งผมเดินออกมาจากร้านของมิรินด้วยอารมณ์ที่ยังเดือดไม่หาย ผมกะจะชกมันให้หนักกว่านี้อีก ถ้ามิรินไม่เข้ามาขว้างก่อนนะ มันได้สลบคาตีนผมแน่ตุบ!! ตุบ!!เมื่อเดินมาถึงรถผมก็เหวี่ยงแข้งใส่ยางรถไปสองทีติดๆ แต่อารมณ์ผมก็ยังเดือดอยู่ดี เธอคอยแต่ว่าผมอย่างเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้เริ่มก่อน ไอ้หมอนั่นก็สำออยฉิบหาย แม่ง!! เกิดมาเป็นผู้ชายได้ไงวะ โดนชกแค่นั้นร้องอย่างกับควายถูกเชือด“แม่งเอ๊ย!!” ผมสถบคำหยาบออกมาเสียงดังลั่นลานจอด“ใจเย็นๆ ไอ้โต้ง” ราเรซเดินเข้ามาตบบ่าผม“กูเย็นได้แค่นี้แหละ” ผมหันไปตอบเพื่อน“เฮ้ออออ ผู้หญิงนี่ เข้าใจยากเนอะ กูว่า กูชิวๆ แบบนี้แหละดีล่ะ ไม่ปวดหัวเหมือนพวกมึงดี” เลโอพูด“ถ้ามึงเจอคนที่ใช่ มึงจะเลิกคิดแบบนี้ทันที” บิ๊กไบค์บอกเลโอ“ไม่มีทาง กูไม่สนใครหรอก” เลโอบอก“เออๆ กูจะคอยดู” บิ๊กไบค์พูดกับเลโอ“ถ้าคนนี้มันยากนัก มึงก็หาคนใหม่ดิว่ะ ไอ้โต้ง” เลโอหันมาพูดกับผม“พูดนะมันง่าย แต่ทำยากนะโวย เปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องง่าย กูเองก็ยังทำไม่เคยได้เลย” ราเรซตอบเลโอแทนผม แล
ST ผับYou were the shadow to my light Did you feel us Another start You fade away Afraid our aim is out of sight Wanna see us AliveWhere are you now Where are you now Where are you now Was it all in my fantasy Where are you now Were you only imaginary Where are you nowAtlantis Under the sea Under the sea Where are you now Another dream The monsters running wild inside of meI'm faded I'm faded So lost I'm faded I'm faded So lost I'm fadedเสียงดนตรีเบสหนักๆ กระชากใจเหล่านักท่องราตรีทั้งหลาย ในทุกๆ ค่ำคืน ที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างหลั่งไหลเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสายผมนั่งกระดกเหล้าเข้าปากไปแก้วต่อแก้ว ไม่รู้ว่าเผลอดื่มเข้าไปเยอะแค่ไหนแล้ว แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้อารมณ์ของผมยังขุ่นอยู่“แดกให้ตาย มันไม่ตายหรอกนะ”ราเรซแย่งแก้วเหล้าเปล่าๆ ที่ผมพึ่งกระดกเข้าปากไปเมื่อกี้ เอาไปวางไว้ห่างตัวผม การที่ราเรซแย่งแก้วไปแบบนี้ นั่นหมายความว่าผมดื่มเยอะไปแล้ว เพราะถ้าผมยังดูโอเครอยู่ ไอ้พวกน
“ดึกแล้วนะ จะกลับยังไง” ผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องกลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ทุกวัน “กลับแท็กซี่ค่ะ ดึกขนาดนี้คงไม่มีรถเมล์แล้วล่ะ” แก้มใสบอก “ป่ะ! เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “แต่พี่โต้งดื่มแล้วนะคะ จะขับไหวเหรอ” แก้มใสมองหน้าผมอย่างพิจารณา “ใครบอกว่าพี่จะขับล่ะ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะยื่นมือไปให้แก้มใสจับเพื่อดึงมือเธอให้ลุกขึ้นยืนตาม แก้มใสก็ยื่นมือมาจับมือของผมเพื่อเป็นที่ยึดให้ตัวเองลุกขึ้น “ยังไงคะ” แก้มใสหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่งงอยู่ “พี่จะนั่งแท็กซี่ไปส่ง เป็นผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ” ผมยิ้มให้แก้มใสอย่างใจดี ก็นะ...เวลาเห็นแก้มใสแล้วผมก็อดนึกถึงน้องสาวของตัวเองไม่ได้ ต้าหนิงเป็นคนที่ภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในกลับอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ ส่วนแก้มใสแลดูภายนอกเหมือนบอบบาง แต่ภายในเธอกลับเข้มแข็งอย่างน่าน่าทึ่ง ผมรักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ เลยล่ะ ผมจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าหากต้องปล่อยให้เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้านเพียงคนเดียว ผมนั่งแท็กซี่มาส่งแก้มใสจนถึงหน้าบ
เมื่อเดินเข้ามาด้านหลังร้าน ก็เห็นมิรินกำลังวุ่นวายกับการจัดของใส่กล่องลังใบใหญ่ สงสัยจะเป็นของที่จะเอาไปบริจาค มีทั้งเสื้อผ้า อาหารแห้งและอื่นๆ อีกมากมาย“พี่มิริน เรซหาผู้ช่วยมาให้ล่ะ” ราเรซเดินเข้าไปบอกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมิรินหันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้ม แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ รอยยิ้มแสนสวยนั้นก็หายวับไปในทันตา สงสัยจะยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่แฮะ ชกแค่หมัดเดียวเอง มันจะเจ็บสักแค่ไหนกันเชียวมิรินตอนนี้ฉันกับบัวตองกำลังนั่งอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับพี่เฟยอยู่ที่บ้านของเขา ฉันลากบัวตองมางานด้วยเพราะไม่อยากมาคนเดียว ถึงแม่กับคุณตาจะมาด้วยก็เถอะ สักพักพวกท่านก็ต้องไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ร่วมธุรกิจของตัวเองกัน“จะลากฉันมา เพื่อ!!” บัวตองหันมาบ่นฉันด้วยใบหน้าที่เซ็งสุดๆ“ก็ถ้ามาคนเดียวฉันก็จะเซ็งแบบแกนี่ไง” ฉันหันไปตอบบัวตองด้วยความรู้สึกเหมือนกัน“มิรินมานี่หน่อย” แม่เฌอรีนโบกมือเรียกให้ฉันเดินไปหา ซึ่งแม่กำลังคุยกับพ่อแม่ของพี่เฟยและตัวพี่เฟยด้วย ไม่อยากเดินไปหาแม่เลยแฮะ ฉันหันไปมองเพื่อนอย่างขอความช่
“ชื่อแก้มใสเหรอ พี่ชื่อมิรินนะ” ฉันหันไปคุยกับสาวน้อยที่ยังยืนอยู่ข้างโต้งอยู่ พยายามส่งยิ้มให้เธออย่างใจดี เธอก็ดูน่ารักและใสซื่อดีนะ“ค่ะ พี่มิรินใช้แก้มได้เต็มที่เลยนะคะ งานหนักงานเบาแก้มทำได้หมดค่ะ แก้มไม่เกี่ยงงาน” แก้มใสตอบอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับโต้ง ซึ่งเขาก็ยิ้มกลับมาให้แก้มใสอย่างอบอุ่น แถมยังเอื้อมมือขึ้นมาลูบผมเธออย่างเอ็นดูอีก ผู้หญิงคนนี้คงจะมีความสำคัญกับเขามากสินะ ถึงได้ให้ราเรซมาคุยเรื่องฝากงานกับฉัน“โอเครจ๊ะ งั้นมาเริ่มงานพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวไปวัดตัวกับพี่แอนได้เลย พี่แอนจะได้หาชุดให้เราถูกไซร์”ถ้าฉันปฏิเสธก็คงจะดูเป็นคนที่แย่ในสายตาของเขาอีกล่ะ ฉันจึงตัดสินใจรับแก้มใสเข้าทำงาน ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเสียหน้าที่อุตส่าห์พามาฝากด้วยตัวเอง ถึงจะให้ราเรซพูดแทนก็เถอะ“กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ” แก้มใสเดินเข้ามาถามหลังจากที่ไปวัดตัวกับพี่แอนเสร็จแล้ว เธอส่งยิ้มสดใสมาให้ เพราะความสดใสของเธอนี่เอง ถึงทำให้ผู้ชายอย่างเขายิ้มได้“กำลังแพ็คของใส่กล่องเอาไปบริจาคนะ” ฉันก็พลอยยิ้มตามเธอไปด้วย“ให้แก้มช่วยนะคะ แก้มอยากช่
“ก็กินที่ชอบสิ” ฉันตอบน้องชายไป“ทั้งที่มันไม่อร่อย พี่ก็จะกินใช่ไหม” ราเรซถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ฉันเริ่มระแวงน้องชายอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันตอบไป มันจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่า“ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็อยากจะกินของที่ชอบและอร่อยด้วยนั่นแหละ”“ของที่พี่ไม่ชอบ ใช่ว่ามันจะไม่ดีหรือไม่อร่อย พี่ต้องลองกินดูสักครั้งถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง มันอาจจะอร่อยกว่าของที่พี่ชอบก็ได้นะ เราแค่ยอมเปิดใจรับมันดู” ราเรซขยิบตาให้ฉันหนึ่งที เมื่อพูดจบ“ต้องการจะบอกอะไรพี่” ฉันถามออกไปอย่างรู้ทัน“พี่ลองมองไปตรงนั้น ใช้ใจมอง อย่าใช้สมองมอง เพราะมันจะเกิดการต่อต้าน แค่เปิดใจแล้วทำตามความรู้สึกซะ ก่อนที่มันจะสายไป” ฉันหันไปมองตามสายตาของราเรซ ซึ่งสิ่งที่น้องชายของฉันอยากให้มองก็คือแก้มใสกับโต้ง ที่แสดงความสนิทสนมจนใจของฉันมันเริ่มสั่นด้วยความหวั่นไหวกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น ใจฉันมันบอกว่า ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้...“โต้ง..” แล้วริมฝีปากของฉันก็เอ่ยเรียกเขาเองโดยอัตโนมัติ จนตัวฉันเองก็ยังตกใจ โต้งหันมามองฉันอย่าง งงๆ“มีอะไร” โต้งเดินมายืนอยู่ตรงห
“แกะเข็มขัดให้หน่อยสิ” โต้งกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา ฉันเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแกะเข็มขัดออกให้เขาอย่างระมัดระวัง เมื่อแกะเสร็จฉันก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ไปรอด้านนอกนะ” ฉันหันหลังให้เตรียมจะเดินออกไป ก็โดนแขนหนารวบตัวไว้ก่อน“ไม่ให้ไป”“ไหนจะไม่ทำไง” ฉันรีบท้วงทันที“บอกตอนไหน” โต้งตอบกลับมา“ก็...” เขายังไม่ได้พูดจริงๆ แหละ ฉันคิดไปเองต่างหากมือหนาเอื้อมมือมาจับปอยผมของฉันไปทัดที่หลังหู ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะกดลงมาจูบเม้มเบาๆ ที่ซอกคออย่างหยอกล้อ เพียงแค่เขาสัมผัสเบาๆ มันก็ทำให้ขนลุกชันไปทั่วร่าง“อือออ โต้ง” ฉันพยายามควบคุมและประคองสติตัวเองให้ได้ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน“ครับ...” โต้งขานรับเสียงหวาน มันทำให้ร่างฉันถึงกับอ่อนระทวยโรยแรงไปเลยทีเดียวมือหนาเลื่อนผ่านใต้รักแร้เอื้อมมายังด้านหน้ากอบกุมเอาก้อนเนื้อนิ่มบีบเคล้นผ่านเสื้อผ้าตัวบาง ความอุ่นร้อนจากมือหนาแทบจะแผดเผาเสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่ล่ะ รู้สึกเหมือนโดนเขาสัมผัสโดนผิวเนื้อไปแล้วทั้งที่ร่างกายของฉันยังมีเสื้อผ้าอยู่“ยะ หยุดเถอะ...” เสียงฉันขาดห่วงไป เมื่อชุดเดรสที่สวมใส่อยู่ร่วงลงสู่พื้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยโต้งจับไหล่มนของฉัน
ผมนุ้งเพียงกางเกงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเดินลงมายังชั้นล่าง มองหาผ้ากับกะละมังอีกรอบเพื่อนำไปเช็ดตัวให้มิริน“ไอ้โต้ง”“มีไร”“ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ว่ะ แต่ก็ชั่งเหอะ กูไปเอาผ้ามาอาบน้ำดีกว่า” ราเรซบอก พร้อมกับที่มันกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ผมรีบวิ่งไปขว้างหน้ามันไว้ก่อน“อะไรของมึง กูอยากอาบน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว” ราเรซจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด“มิรินอยู่ข้างบน”“แล้วไง นั่นก็พี่กูป่ะ” ราเรซทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ“ไม่ได้!!”“อะไรของมึง ทำอย่างกับว่าพี่กู...เดี๋ยวนะ!! มึงอยู่สภาพนี้..แล้ว พี่มิริน...” ราเรซทำท่าคุ้นคิด ผมจึงพยักหน้าให้มันทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้มันคิดนาน“เฮ้ย!!” ราเรซกระโดนออกจากทางขึ้นบันไดทันที“รอกูอยู่นี้... ให้กูไปจัดการด้านบนให้เรียบร้อยก่อน” พูดจบ ผมก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นบนพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดตัว ผมถือกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ข้างตัวมิรินก่อนจะจุ่มผ้าลงในกะละมังแล้วบิดน้ำออกพอมาดๆ ผมเริ่มเช็ดใบหน้ารูปไข่ก่อน ค่อยๆซับผิวเนียนอย่างเ
“โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” น้ำหวานเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะสัมผัสร่างกายของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ผมคว้าหมับที่ข้อมือของเธอได้ก่อนที่เธอจะสัมผัสโดนตัว“เล่นพอล่ะ ออกไปได้แล้ว” ผมออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ตะ..”“ออกไป!!” คราวนี้ผมตะโกนเสียงดังลั่น จนทำให้น้ำหวานถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอยังยืนอยู่กับที่อยู่อีกไม่ยอมเดินออกไป ผมจึงจับที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากตัวเธอให้ออกไปจากเขตบ้านพักของผม“โอ๊ยยยย”“น้ำหวาน!!”เพื่อนๆ ของเธอรีบวิ่งเข้ามารับเพื่อนตัวเอง เมื่อโดนผมโยนออกมา นี่มารออะไรกัน มารอดูยัยนี่กินผมหรือไง“ไปให้ไกลๆ จากตรงนี้เลยนะ ก่อนที่โต้งจะหมดความอดทน”“ไปเถอะน้ำหวาน” เสียงเพื่อนเธอคนหนึ่งบอก แล้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ของเธอก็เดินหายไปจนหมดผมรีบเดินกลับขึ้นมาดูมิรินว่าเธอตื่นหรือเปล่า ที่ผมตะคอกน้ำหวานเสียงดังเมื่อกี้จะทำเธอตกใจตื่นหรือเปล่านะ เมื่อผมเดินขึ้นมาบนบ้านก็เจอกับมิรินกำลังนั่งทำหน้าหมุ่ยอยู่บนที่นอน“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ม
21:30 PM.ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง“เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น“ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันทีเมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน“เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ“เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ“ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง“ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ป
ติ่ง!! บัวตอง : แกอยู่ไหน มิริน มิริน : แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตามมานะ มิริน : ฉันอยากอยู่คนเดียว บัวตอง : ตามใจแกแล้วกัน บัวตอง : มีอะไรก็โทรบอกฉันนะ ขอโทษนะบัวตอง แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครจริงๆ ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ อยากจะคิดทบทวนอะไรสักหน่อย ทำไมความรู้สึกมันถึงยุ่งยากเหลือเกินนะ เฮ้ออออ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับฟู้กอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา ทำไมมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ เขาจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องตะคอก ต้องเสียงดังใส่ตลอดเลยหรือไง.... 18:30 PM. ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกที่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาที่พักเลยสักคน ไปไหนกันหมดนะ? ฉันลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อมองหาคนอื่นๆ และเมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นนักจิตอาสาทั้งหลายรวมกันอยู่ที่สนามฟุตบอล ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันฟุตบอลกันอยู่ ฉันจึงเดินไปดูที่ข้างสนามก็เห็นกลุ่มของโต้งกับพี่ยูแ
“ไหนบอกไม่ชอบไง” ฉันหันไปมองตามน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น “น้ำหวาน” ฉันเอ่ยชื่อเธอ “เธอนี่ ก็ตอแหลเป็นเหมือนกันเนอะ มิริน” น้ำเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉันพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง “อย่ามาพาลแถวนี้ น้ำหวาน ผู้ชายไม่มองแค่นี้ ก็เดือดซะแล้วเหรอ” ฉันกอดอกจ้องหน้าน้ำหวานกลับอย่างไม่เกรงกลัว “หึ รู้ได้ไง ว่าเขาไม่มอง เขากับฉันที่เอสที่ผับวันนั้น..” “มีแค่เรื่องเดียวสินะ ที่เธอเอามาเล่าไม่จบสักที” ฉันพูดสวนทันทีเมื่อน้ำหวานเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ฉันต้องเชื่อใจโต้ง เพราะเขาบอกฉันแล้ว ว่ามันไม่มีอะไร ฉันต้องไม่คิดตามยัยน้ำหวาน ฉันต้องเชื่อใจเขา “เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเราทำอะไรกันบ้าง” น้ำหวานยังพยายามพูดขึ้นมาอีก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ น้ำหวาน ว่าโต้งเขาจูบเก่งหรือเปล่า” ฉันจ้องหน้าน้ำหวานด้วยสายตาราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดใด เพราะฉันรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ หล่อนต้องการให้ฉันโมโห เธอไม่มีวันสมหวังหรอก “นะ..แน่นอน เขาจูบเก่งที่สุด” น้ำหวานถึงกลับพูดตะกุกตะกัก แค่นี้
มิริน ฉันยืนดูอยู่นานล่ะ จะแสดงความรักต่อกันอีกนานไหม ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้ผู้ชายมักมาก ไหนบอกว่ารอฉันคนเดียวไง โกหกทั้งเพ “น้ำค่ะ พี่ยู” ฉันถือขวดน้ำไปให้พี่ยูเมื่อเห็นว่าพี่เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย “โทดทีครับ พอดีมือพี่เปื้อน เดี๋ยววางไว้ก่อนนะ” พี่ยูตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิรินป้อนให้” ได้โอกาสเอาคืนบ้างล่ะ ฉันเปิดขวดน้ำแล้วเอาไปจ่อที่ปากของพี่ยู เพื่อให้พี่เขาดื่มได้ถนัด ฉันชำเลืองไปมองผู้ชายมักมากคนนั้น เขาส่งสายตาดุดันมาให้ฉัน ใครสนกันล่ะ ทีตัวเองยังทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ “ขอบคุณครับ” พี่ยูส่งยิ้มหวานมาให้ “แหม่ๆ เบาๆ หน่อยสิ คู่นั้นน่ะ อิจฉานะ” น้ำหวานพูดแซว ฉันหันไปมองน้ำหวานและก็ได้เห็นสีหน้าของโต้งเริ่มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แต่แววตากลับดุดัน ฉันไม่ชอบที่เขาทำหน้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันเดาใจเขาไม่ออก มันน่ากลัวมาก.. สู้ให้เขาแสดงออกเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีกว่า “ไปกันเถอะ บัวตอง” ฉันรีบคว้ามือบัวตองให้เดินหนีจากตรงนี้ทันที ทั้งที
โต้ง : นอนยัง มิริน : ... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : มิริน มิริน :... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : ตอบผัวหน่อยสิครับ มิริน : โต้ง!! โต้ง : เนะ จำได้ด้วย น่ารักจัง มิริน : ไปเอาเบอร์มาจากไหน โต้ง : น้องเรซให้มา มิริน : บังคับเรซล่ะสิ โต้ง : รู้ใจผัวซะจริง มิริน : โต้ง!! โต้ง : ครับ มิริน : ง่วงแล้ว โต้ง : ฝันดีครับ มิริน : อืม โต้ง : แค่เนี้ย! มิริน : ฝันดีค่ะ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนหลับฝันหวานทั้งคืนแล้วล่ะ ผมหันไปคว้าเอาแขนของราเรซมากอดพลางนึกไปว่ามันคือมิริน พร้อมกับพรมจูบเบาที่ต้นแขนของราเรซ “หนักล่ะ มึง” ราเรซบ่น พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกห่างจากแขนของมัน ตุบ!! “โอ๊ย!! ไอ้เชี้ยโต้ง” เมื่อมันไม่ให้ผมกอดแขน ผมก็เลยถีบมันหนีซะเลย ก่อนจะหันมาอีกฝั่งแล้วนึกถึงใบหน้าของมิรินต่อ...
โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
สามสิบนาทีต่อมา.... เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีก