“ก็กินที่ชอบสิ” ฉันตอบน้องชายไป
“ทั้งที่มันไม่อร่อย พี่ก็จะกินใช่ไหม” ราเรซถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ฉันเริ่มระแวงน้องชายอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันตอบไป มันจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่า “ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็อยากจะกินของที่ชอบและอร่อยด้วยนั่นแหละ” “ของที่พี่ไม่ชอบ ใช่ว่ามันจะไม่ดีหรือไม่อร่อย พี่ต้องลองกินดูสักครั้งถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง มันอาจจะอร่อยกว่าของที่พี่ชอบก็ได้นะ เราแค่ยอมเปิดใจรับมันดู” ราเรซขยิบตาให้ฉันหนึ่งที เมื่อพูดจบ “ต้องการจะบอกอะไรพี่” ฉันถามออกไปอย่างรู้ทัน “พี่ลองมองไปตรงนั้น ใช้ใจมอง อย่าใช้สมองมอง เพราะมันจะเกิดการต่อต้าน แค่เปิดใจแล้วทำตามความรู้สึกซะ ก่อนที่มันจะสายไป” ฉันหันไปมองตามสายตาของราเรซ ซึ่งสิ่งที่น้องชายของฉันอยากให้มองก็คือแก้มใสกับโต้ง ที่แสดงความสนิทสนมจนใจของฉันมันเริ่มสั่นด้วยความหวั่นไหวกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น ใจฉันมันบอกว่า ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้... “โต้ง..” แล้วริมฝีปากของฉันก็เอ่ยเรียกเขาเองโดยอัตโนมัติ จนตัวฉันเองก็ยังตกใจ โต้งหันมามองฉันอย่าง งงๆ “มีอะไร” โต้งเดินมายืนอยู่ตรงหน้าฉันในทันที ฉันหันไปมองหน้าราเรซอย่างขอความคิดเห็น แต่ราเรซกับใช้นิ้วชี้วาดเป็นวงกลมลงที่อกแกร่งของตัวเอง ประมาณว่าให้ฉันเปิดใจและใช้ใจคิด “คือ...มิรินพึ่งออกแบบชุดใหม่เสร็จนะ มาเป็นนายแบบให้หน่อยสิ” นี่ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วใช่ไหมเนี้ย ถึงได้เอาเรื่องงานมาอ้าง เขาจะหาว่าฉันหลอกใช้เขาหรือเปล่านะ “ได้สิ ไหนล่ะชุด” โต้งตอบด้วยใบหน้าที่งุนงงไม่หาย ฉันจึงเดินนำเขามาอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเก็บเสื้อผ้าที่ฉันพึงทำเสร็จและเป็นห้องที่ฉันเอาไว้ถ่ายนายแบบนางแบบด้วย ฉันเดินไปหยิบชุดสูททันสมัยมาชุดหนึ่งแล้วยืนให้เขา “เปลี่ยนตรงไหน” “นั่นไง” ฉันชี้ไปที่หลังผ้าม่านฝื่นหนาขนาดใหญ่ ซึ่งมีไว้สำหรับเปลี่ยนชุด ระหว่างที่รอโต้งไปเปลี่ยนชุด ฉันก็เดินมาเช็กกล้องของตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้พร้อมถ่ายนายแบบจำเป็น “ต้องติดกระดุมหมดไหม” โต้งเดินออกมาถาม จังหวะที่ฉันกำลังจะหันตัวไปหาเขา ก็เกิดสะดุดเท้าของตัวเอง ทำให้ร่างของฉันกระเด็นไปปะทะกับอกแกร่งเข้าอย่างจัง แขนหนาโอบรอบเอวรับตัวฉันไว้ทันที “ซุ้มซ่ามจริงๆ เลย” ฉันเงยขึ้นมองหน้าเขาอย่างตะลึง เสียงบ่นไม่ได้เข้าหูฉันสักนิด เพราะตอนนี้ฉันกำลังอึ้งในความหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้า เขาดูดีมากเมื่ออยู่ในชุดแบบนี้ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาหล่อหรือไม่หล่อเลย หรือเป็นเพราะตอนนั้นฉันยังปิดกั้นตัวเองอยู่ ก็เลยมองไม่เห็น โต้งเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างแปลกใจที่ฉันเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่ง “โกรธเหรอ” โต้งยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ จมูกโด่งเกือบจะโดนแก้มฉันอยู่ล่ะ “ปะ เปล่า” ฉันผละตัวออกจากอ้อมแขนเขาเบาๆ ด้วยอาการตื่นเต้นยังไม่หาย “แล้วเป็นอะไร” ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด “มะ มีอะไร มาถ่ายรูปกันเถอะ” ฉันพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ จะให้เขารู้ว่าฉันหวั่นไหวไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียฟอร์ม “มิริน” ร่างสูงเดินเข้ามาชิดตัวพร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างกักขังฉันไว้กับโต๊ะ ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจ จนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ “รู้ใช่ไหม ว่าโต้งรู้สึกยังไง โต้งยังรอมิรินอยู่นะ เมื่อไรจะเปิดใจสักที” สายตาของเขาดูเว้าวอนและขอร้องให้ฉันยอมเปิดใจ ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตานี้ที่กำลังฉายแววความโหยหาฉันอยู่เต็มที “คือ...อุ๊บ..” ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากหนาก็โฉบลงมาบดจูบฉันทันที คราวนี้ฉันไม่ได้ต่อต้านเหมือนคราวก่อน ฉันยอมให้เขาได้สัมผัสอย่างเต็มใจ ฉันอยากจะลองชิมอาหารที่ไม่ชอบดูบ้าง ว่ามันจะอร่อยอย่างที่น้องชายแนะนำหรือเปล่า “อือออ” ร่างสูงครางอยู่ในลำคออย่างพอใจ ที่ฉันยอมให้เขาจูบอย่างง่ายดาย ความหวานจากปลายลิ้นมันชั่งหอมหวานและนุ่มนวล มันทำให้ฉันรู้สึกเสพติดรสชาตินี้ขึ้นมา อยากจะชิมมันอยู่อย่างนั้น ไม่อยากหยุดเลย รสจูบแสนอ่อนหวานเริ่มเปลี่ยนอารมณ์เป็นร้อนแรงขึ้น จนฉันแทบละลาย เหมือนกับว่าคนตรงหน้าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ร่างสูงอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะก่อนจะแทรกเอวสอบเข้ามากั้นกลางไว้ เขาล่ะริมฝีปากออกแล้วลากไล้ลิ้นร้ายลงมายังลำคอระหง มือหนาข้างหนึ่งเลื่อนเข้ามาใต้กระโปรง ฉันรีบคว้าข้อมือของเขาไว้แน่น แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสู้แรงเขาไม่ไหว ทันทีที่ล่วงล้ำเข้ามาได้นิ้วเรียวยาวก็แทรกเข้ามายังกางเกงชั้นในก่อนจะกีดนิ้วเข้ามาทักทายสิ่งสงวนกลางกายสาว “อ๊ะ! อืออออ” ฉันเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว นิ้วเรียวเริ่มขยับรัวเร็วจนส่วนนั้นของฉันบีบรัดนิ้วเรียวแน่นเพราะไม่ชินกับสิ่งแปลกปลอม ฉันซบหน้าลงกับอกแกร่งด้วยความสยิวและวาบหวามอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มือบางกำเสื้อด้านหลังของร่างสูงแน่น ร่างกายช่วงล่างเริ่มบิดเกร็งเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย “อือออ โต้ง...” ฉันเอ่ยชื่อเข้าเสียงเบาหวิว เมื่อเขาส่งให้ฉันไปถึงฝั่งฝัน ความรู้สึกเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกดี... “อ่า... แน่นจัง ขอเข้าไปได้ไหม” เสียงกระเซ้าเย้ายวนอย่างอ่อนหวาน มันทำให้ฉันเคลิ้มจนลืมตัวแล้วเผลอพยักหน้าอนุญาตให้เขาเข้ามาได้ โต้งส่งยิ้มหวานมาให้อย่างพอใจ สายตาของเขาสั่นระริกอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยกำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่เขาต้องการ ร่างสูงอุ้มฉันเดินเข้าไปยังหลังผ้าม่านฝื่นใหญ่ที่เอาไว้สำหรับเปลี่ยนชุด เขาวางฉันลงกับพื้นให้ยืนด้วยตัวเอง และนั่นก็ทำให้ฉันพึงได้สติขึ้นมา ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ “มะ ไม่ได้นะ” ฉันจ้องมองหน้าเขาอย่างตกใจ “ทำไมล่ะ” โต้งส่งสายตาออดอ้อนมาให้สุดๆ สายตาก็เว้าวอนอย่างขอร้อง “มิรินยังไม่พร้อม” ฉันบอกเขาตามความจริง ฉันยอมเปิดใจให้ แต่ฉันยังไม่พร้อมจะทำอะไรแบบนี้นะ มันเร็วไป แล้วดูเขาสิ แค่ฉันเผลอใจไปแป๊บเดียวเอง เขาก็... โอ๊ยยยยย ฉันจะบ้าตาย นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย “ทำให้อยากแล้วก็จากไปอย่างนั้นเหรอ” โต้งยืนตาหลับนิ่งเหมือนกำลังพยายามข่มอารมณ์เอาไว้สุดๆ “โกรธเหรอ” ฉันถามออกไปพร้อมกับมองใบหน้าของเขาอย่างรู้สึกผิด “ไม่หรอก แค่อยากกินแล้วไม่ได้กินมันก็เลยหงุดหงิดอ่ะ” “แล้วต้องทำไงถึงจะหายหงุดหงิดล่ะ” “มันก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้นแหละ” โต้งตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ” ฉันลองเชิงถามดูอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ “ร้อนจัง อยากเปลี่ยนชุดล่ะ ถอดเสื้อให้หน่อยสิ” ฉันยิ้มให้แล้วรีบถอดเสื้อให้เขาทันที เพราะคิดว่าเขาคงไม่คิดจะทำอะไรฉันแล้ว ด้วยความที่คิดไปเองและวางใจ ฉันจึงถอดเสื้อเขาออกจนหมด เผยให้เห็นหมัดกล้ามหน้าท้องเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม มันทำให้ฉันตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ฉันเผลอยกมือขึ้นไปสัมผัสกับกล้ามหน้าท้องของโต้งอย่างลืมตัว... . . .“แกะเข็มขัดให้หน่อยสิ” โต้งกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา ฉันเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแกะเข็มขัดออกให้เขาอย่างระมัดระวัง เมื่อแกะเสร็จฉันก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ไปรอด้านนอกนะ” ฉันหันหลังให้เตรียมจะเดินออกไป ก็โดนแขนหนารวบตัวไว้ก่อน“ไม่ให้ไป”“ไหนจะไม่ทำไง” ฉันรีบท้วงทันที“บอกตอนไหน” โต้งตอบกลับมา“ก็...” เขายังไม่ได้พูดจริงๆ แหละ ฉันคิดไปเองต่างหากมือหนาเอื้อมมือมาจับปอยผมของฉันไปทัดที่หลังหู ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะกดลงมาจูบเม้มเบาๆ ที่ซอกคออย่างหยอกล้อ เพียงแค่เขาสัมผัสเบาๆ มันก็ทำให้ขนลุกชันไปทั่วร่าง“อือออ โต้ง” ฉันพยายามควบคุมและประคองสติตัวเองให้ได้ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน“ครับ...” โต้งขานรับเสียงหวาน มันทำให้ร่างฉันถึงกับอ่อนระทวยโรยแรงไปเลยทีเดียวมือหนาเลื่อนผ่านใต้รักแร้เอื้อมมายังด้านหน้ากอบกุมเอาก้อนเนื้อนิ่มบีบเคล้นผ่านเสื้อผ้าตัวบาง ความอุ่นร้อนจากมือหนาแทบจะแผดเผาเสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่ล่ะ รู้สึกเหมือนโดนเขาสัมผัสโดนผิวเนื้อไปแล้วทั้งที่ร่างกายของฉันยังมีเสื้อผ้าอยู่“ยะ หยุดเถอะ...” เสียงฉันขาดห่วงไป เมื่อชุดเดรสที่สวมใส่อยู่ร่วงลงสู่พื้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยโต้งจับไหล่มนของฉัน
สามสิบนาทีต่อมา.... เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีก
โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
โต้ง : นอนยัง มิริน : ... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : มิริน มิริน :... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : ตอบผัวหน่อยสิครับ มิริน : โต้ง!! โต้ง : เนะ จำได้ด้วย น่ารักจัง มิริน : ไปเอาเบอร์มาจากไหน โต้ง : น้องเรซให้มา มิริน : บังคับเรซล่ะสิ โต้ง : รู้ใจผัวซะจริง มิริน : โต้ง!! โต้ง : ครับ มิริน : ง่วงแล้ว โต้ง : ฝันดีครับ มิริน : อืม โต้ง : แค่เนี้ย! มิริน : ฝันดีค่ะ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนหลับฝันหวานทั้งคืนแล้วล่ะ ผมหันไปคว้าเอาแขนของราเรซมากอดพลางนึกไปว่ามันคือมิริน พร้อมกับพรมจูบเบาที่ต้นแขนของราเรซ “หนักล่ะ มึง” ราเรซบ่น พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกห่างจากแขนของมัน ตุบ!! “โอ๊ย!! ไอ้เชี้ยโต้ง” เมื่อมันไม่ให้ผมกอดแขน ผมก็เลยถีบมันหนีซะเลย ก่อนจะหันมาอีกฝั่งแล้วนึกถึงใบหน้าของมิรินต่อ...
มิริน ฉันยืนดูอยู่นานล่ะ จะแสดงความรักต่อกันอีกนานไหม ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้ผู้ชายมักมาก ไหนบอกว่ารอฉันคนเดียวไง โกหกทั้งเพ “น้ำค่ะ พี่ยู” ฉันถือขวดน้ำไปให้พี่ยูเมื่อเห็นว่าพี่เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย “โทดทีครับ พอดีมือพี่เปื้อน เดี๋ยววางไว้ก่อนนะ” พี่ยูตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิรินป้อนให้” ได้โอกาสเอาคืนบ้างล่ะ ฉันเปิดขวดน้ำแล้วเอาไปจ่อที่ปากของพี่ยู เพื่อให้พี่เขาดื่มได้ถนัด ฉันชำเลืองไปมองผู้ชายมักมากคนนั้น เขาส่งสายตาดุดันมาให้ฉัน ใครสนกันล่ะ ทีตัวเองยังทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ “ขอบคุณครับ” พี่ยูส่งยิ้มหวานมาให้ “แหม่ๆ เบาๆ หน่อยสิ คู่นั้นน่ะ อิจฉานะ” น้ำหวานพูดแซว ฉันหันไปมองน้ำหวานและก็ได้เห็นสีหน้าของโต้งเริ่มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แต่แววตากลับดุดัน ฉันไม่ชอบที่เขาทำหน้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันเดาใจเขาไม่ออก มันน่ากลัวมาก.. สู้ให้เขาแสดงออกเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีกว่า “ไปกันเถอะ บัวตอง” ฉันรีบคว้ามือบัวตองให้เดินหนีจากตรงนี้ทันที ทั้งที
“ไหนบอกไม่ชอบไง” ฉันหันไปมองตามน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น “น้ำหวาน” ฉันเอ่ยชื่อเธอ “เธอนี่ ก็ตอแหลเป็นเหมือนกันเนอะ มิริน” น้ำเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉันพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง “อย่ามาพาลแถวนี้ น้ำหวาน ผู้ชายไม่มองแค่นี้ ก็เดือดซะแล้วเหรอ” ฉันกอดอกจ้องหน้าน้ำหวานกลับอย่างไม่เกรงกลัว “หึ รู้ได้ไง ว่าเขาไม่มอง เขากับฉันที่เอสที่ผับวันนั้น..” “มีแค่เรื่องเดียวสินะ ที่เธอเอามาเล่าไม่จบสักที” ฉันพูดสวนทันทีเมื่อน้ำหวานเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ฉันต้องเชื่อใจโต้ง เพราะเขาบอกฉันแล้ว ว่ามันไม่มีอะไร ฉันต้องไม่คิดตามยัยน้ำหวาน ฉันต้องเชื่อใจเขา “เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเราทำอะไรกันบ้าง” น้ำหวานยังพยายามพูดขึ้นมาอีก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ น้ำหวาน ว่าโต้งเขาจูบเก่งหรือเปล่า” ฉันจ้องหน้าน้ำหวานด้วยสายตาราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดใด เพราะฉันรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ หล่อนต้องการให้ฉันโมโห เธอไม่มีวันสมหวังหรอก “นะ..แน่นอน เขาจูบเก่งที่สุด” น้ำหวานถึงกลับพูดตะกุกตะกัก แค่นี้
ติ่ง!! บัวตอง : แกอยู่ไหน มิริน มิริน : แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตามมานะ มิริน : ฉันอยากอยู่คนเดียว บัวตอง : ตามใจแกแล้วกัน บัวตอง : มีอะไรก็โทรบอกฉันนะ ขอโทษนะบัวตอง แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครจริงๆ ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ อยากจะคิดทบทวนอะไรสักหน่อย ทำไมความรู้สึกมันถึงยุ่งยากเหลือเกินนะ เฮ้ออออ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับฟู้กอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา ทำไมมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ เขาจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องตะคอก ต้องเสียงดังใส่ตลอดเลยหรือไง.... 18:30 PM. ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกที่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาที่พักเลยสักคน ไปไหนกันหมดนะ? ฉันลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อมองหาคนอื่นๆ และเมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นนักจิตอาสาทั้งหลายรวมกันอยู่ที่สนามฟุตบอล ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันฟุตบอลกันอยู่ ฉันจึงเดินไปดูที่ข้างสนามก็เห็นกลุ่มของโต้งกับพี่ยูแ
21:30 PM.ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง“เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น“ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันทีเมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน“เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ“เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ“ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง“ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ป
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม