21:30 PM.
ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง “เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น “ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันที เมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน “เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ “เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ “ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง “ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ปล่อยผีหนึ่งวัน” บัวตองหันมาตอบ “ทุกคนครับๆ เบียร์นะ เก็บไว้ให้ผู้หญิงเถอะ ผู้ชายอย่างเรามันต้องแบบนี้” เลโอหยิบเหล้าสีอำพันออกมาจากลัง ยิ่งทำให้เหล่าผู้ชายฮือฮากันยกใหญ่ แล้วอย่าบอกนะอีกสองลังที่อยู่กับบิ๊กไบค์และราเรซ ก็คือเหล้าเหมือนกัน นี่กะจะดื่มกันถึงเช้าเลยหรือไง “อะ มิริน” บัวตองยื่นแก้วที่มีเหล้าสีอำพันอยู่ค่อนแก้วส่งมาให้ ฉันมองหน้าเพื่อนอย่างอึ้งๆ นี่กะจะมอมฉันหรือไง ดื่มเหล้าเลยเหรอ “แค่เบียร์ก็พอมั้ง เหล้าเลยเหรอ” ฉันยังไม่ยอมยื่นมือไปรับแก้วเหล้าจากบัวตอง “เบียร์น่ะ ให้เด็กๆ ดื่มไปเหอะ มะ!! เลิฟชอตกับฉันหน่อยเพื่อนรัก” บัวตองสอดแขนเข้ามาเกี่ยวแขนของฉัน “หมดแก้ว ไม่งั้นเลิกคบ” บัวตองบอก แล้วฉันจะปฏิเสธเธอได้ไหมล่ะ ฉันไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าต้องดื่มยังไง ต้องค่อยๆ จิบ หรือยกดื่มที่เดียวเลย ฉันมองดูบัวตองซึ่งเพื่อนของฉันยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ฉันก็เลยทำตามบ้าง “ฮื้ออออ” ทันทีที่น้ำสีอำพันไหลลงสู่ลำคอมันชั่งเหมือนกับลูกไฟดวงเล็กแล่นบาดคอลงไป รู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ในท้องหน่อย ฉันจะเมาไหมเนี้ย “ขมมากอ่ะ บัวตอง” ฉันหันไปบอกเพื่อน หน้าฉันตอนนี้มีอาการบิดเบี้ยวนิดหน่อยเพราะยังรู้สึกฟืนคอไม่หาย “มาๆ อีกแก้ว จะได้คล่องคอ” บัวตองรินให้ฉันอีกแก้ว จะปฏิเสธก็คงไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้ยัยเพื่อนตัวดีนอยได้ “สาวๆ นี่ดื่มกันเพียวๆ เลยเหรอ” เลโอเดินมานั่งลงข้างบัวตอง “แล้วมันต้องดื่มยังไง” ฉันถามเลโอกลับ ตอนนี้ก็เริ่มมึนหัวหน่อยๆแล้วล่ะ “ดื่มเพียวๆ แบบนั้นกะจะมอมตัวเองรึไง” เสียงดุๆ แบบนี้เป็นใครไปไม่ได้ มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ โต้งเดินมานั่งลงข้างฉันพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาโอบไหล่แล้วรั้งให้ฉันเอียงหน้าไปซบกับไหล่หนาของเขา “มึนหัวจัง..” ฉันบอกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา “ใครใช้ให้ดื่มแบบนั้นล่ะ” โต้งบ่น “ก็ยัยบัวตองไง ถ้ามิรินไม่ดื่ม เพื่อนจะไม่คบ” ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มพูดจาหย่อนยานเหลือเกิน “อย่ามาโทษฉันนะ ยัยมิรินบ้า” เสียงบัวตองก็หย่อนยานไม่แพ้กัน “สองสาวนี่เมาแล้วล่ะ ไอ้โต้ง” ฉันไม่รู้ว่าใครพูดเพราะตอนนี้ฉันเอาหน้าของตัวเองแนบอยู่กับอกแกร่งของโต้งอยู่ แต่ถ้าจะให้เดาคงเป็นเลโอแน่ๆ “พึ่งเคยดื่ม ก็น่าจะดื่มเบียร์ดีกว่าไหม เหล้ามันแรงไป ไม่รู้เหรอ” โต้งบ่น “ขี้บ่นจัง เป็นตาแก่หรือไง ห๊ะ!! โธ่เอ๊ย!!” นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี้ย พูดแบบนั้นเดี๋ยวเขาก็โกรธเอาหรอก “เมาแล้วเก่งจังนะ” “อยู่แล้วย่ะ!!” “มิริน” “อื้ออ” ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมามองเขา แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน รู้สึกหนักหัวยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเงยหน้าไม่ไหว ฉันก็เลยเลิกความพยายามแล้วหันไปซบลงที่ต้นคอของโต้งแทน ฟุดฟิดๆ หอมจัง... น้ำหอมหรือเปล่านะ จ๊วบ!! โต้ง “มิริน!!” ผมเรียกชื่อมิรินเสียงดังลั่น จนเพื่อนในกลุ่มหันมามองแทบจะพร้อมกัน เพราะอะไรนะเหรอที่ทำให้ผมเสียงดังใสเธอ ก็มิรินน่ะสิ ดูดเม้มที่ต้นคอของผมอย่างแรงจนผมถึงกับสะดุ้งเฮื้อกด้วยความตกใจ เมาแล้วเป็นแบบนี้เหรอวะ! เดี๋ยวก็อดใจไม่ไว้หรอก “อะไร!! จะเสียงดังทำไม!! ทำอย่างกับว่าตัวเองเวอร์จิ้นงั้นแหละ” มิรินทำหน้าบูดบึ้งใส่ผม นี่คงเมาแล้วสินะ ถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา “อยากรู้ไหมล่ะ ว่าเวอร์จิ้นหรือเปล่า” ผมกระซิบถามกลับ “หึ ไม่รู้หรอก ว่านายเวอร์จิ้นหรือเปล่า แต่ว่า...ฉันจะบอกความลับอะไรให้” มิรินทำหน้าตื่นเต้น พร้อมกับเอามือป้องปากแล้วกระซิบบอก ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อฟังมิรินพูด “ฉันอ่ะ ไม่เวอร์จิ้น คริๆ อย่าบอกใครนะ” มิรินพูดพร้อมกับทำหน้าบ๋องแบ๋ว พร้อมกับขำไปด้วย “ยัยขี้เมา” ผมยกยิ้มที่มุมปากอย่างขำๆ จะบอกทำไม ในเมื่อคนที่ทำเวอร์จิ้นเธอหาย ก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้วไง “ไอ้บ้านั่นน่ะ ใจร้อน ชอบมีเรื่องกับใครเขาไปทั่ว มิรินไม่ชอบเลย แต่ว่า..ก็นายนั่นแหละ ที่ขโมยเวอร์จิ้นมิรินไป มันน่าโมโหที่สุด” มิรินยังเพ้อไม่เลิก เมาแล้วก็รั่วเหมือนกันนะเนี้ย “แล้วอยากแก้แค้นไหมล่ะ” ผมกระซิบถาม “อยากสิ ต้องทำไง” มิรินมองหน้าผมตาแบ๋วเหมือนหมาน้อยเลย “เดี๋ยวพาไปแก้แค้น” ผมพยุงมิรินให้ลุกขึ้นยืนแล้วก็พาเธอเดินออกมาจากกลุ่มทันที ไม่มีเพื่อนคนไหนเอ่ยถาม เพราะพวกมันต่างก็รู้เรื่องของผมกับมิรินแล้ว ส่วนบัวตองนั้นก็ ดูเหมือนเธอจะนั่งก๊งเหล้าไม่เลิก แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะมีเพื่อนของผมอยู่ สามคนนั้นไว้ใจได้ ถึงเลโอมันจะกะหล่อนไปหน่อย แต่มันก็เป็นสุภาพบุรุษมันให้เกียรติผู้หญิงเสมอ ส่วนราเรซกับบิ๊กไบค์ สองคนนั้นต่างก็มีคนที่ตัวเองรออยู่และมันสองคนก็หนักแน่นพอที่จะรอด้วย “จา..ปายหนาย..” มิรินเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ผมพามิรินมายังบ้านพักหลังที่ผมพักอยู่ ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรคนเมาหรอกนะ แค่จะพาเธอมาพักก่อน ขืนนั่งอยู่ต่อคงได้เพ้อพูดอะไรออกมามากกว่านี้แน่ ผมจัดท่านอนให้มิรินได้นอนสบายๆ แล้วค่อยเดินลงมายังชั้นล่างหากะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูเพื่อเอาไปเช็ดตัวให้มิริน “โต้ง” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นน้ำหวาน เธอเดินตรงเข้ามาหาผม “มีอะไร” “โต้งโกรธอะไรน้ำหวานหรือเปล่า” “ก็ไม่นิ” “งั้น...ขอน้ำหวานอยู่ด้วย สักพัก ได้ไหม” น้ำหวานเดินเข้ามาชิดตัวผม พร้อมกับเลื่อนมือบางของเธอลูบไล้ไปตามอกแกร่งอย่างยั่วยวน “ไม่ว่าง” ผมบัดมือน้ำหวานออกเบาๆ “แค่แป๊บเดียวเอง ไม่นานหรอก” น้ำหวานยังไม่ล่ะความพยายาม เธอผลักร่างผมชิดผนังแล้วก็ตามมาด้วยร่างบางของเธอที่พยายามจะเบียดเสียดเข้ามาให้ชิดร่างกายผมให้ได้ มือน้ำหวานก็ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชายเสื้อ แล้วเธอก็จับชายเสื้อยืดของผมขึ้นเพื่อถอดออก “อย่าทำแบบนี้ น้ำหวาน” ผมพยายามดันไหล่ของเธอไว้ แต่เธอก็ไม่ยอม เมื่อถอดเสื้อของผมไม่ได้เธอก็ฉีกมันขาดเป็นสองท่อนซะเลย แกร๊กกก ไปแล้วเสื้อผม... “โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” ? . . .“โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” น้ำหวานเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะสัมผัสร่างกายของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ผมคว้าหมับที่ข้อมือของเธอได้ก่อนที่เธอจะสัมผัสโดนตัว“เล่นพอล่ะ ออกไปได้แล้ว” ผมออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ตะ..”“ออกไป!!” คราวนี้ผมตะโกนเสียงดังลั่น จนทำให้น้ำหวานถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอยังยืนอยู่กับที่อยู่อีกไม่ยอมเดินออกไป ผมจึงจับที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากตัวเธอให้ออกไปจากเขตบ้านพักของผม“โอ๊ยยยย”“น้ำหวาน!!”เพื่อนๆ ของเธอรีบวิ่งเข้ามารับเพื่อนตัวเอง เมื่อโดนผมโยนออกมา นี่มารออะไรกัน มารอดูยัยนี่กินผมหรือไง“ไปให้ไกลๆ จากตรงนี้เลยนะ ก่อนที่โต้งจะหมดความอดทน”“ไปเถอะน้ำหวาน” เสียงเพื่อนเธอคนหนึ่งบอก แล้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ของเธอก็เดินหายไปจนหมดผมรีบเดินกลับขึ้นมาดูมิรินว่าเธอตื่นหรือเปล่า ที่ผมตะคอกน้ำหวานเสียงดังเมื่อกี้จะทำเธอตกใจตื่นหรือเปล่านะ เมื่อผมเดินขึ้นมาบนบ้านก็เจอกับมิรินกำลังนั่งทำหน้าหมุ่ยอยู่บนที่นอน“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ม
ผมนุ้งเพียงกางเกงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเดินลงมายังชั้นล่าง มองหาผ้ากับกะละมังอีกรอบเพื่อนำไปเช็ดตัวให้มิริน“ไอ้โต้ง”“มีไร”“ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ว่ะ แต่ก็ชั่งเหอะ กูไปเอาผ้ามาอาบน้ำดีกว่า” ราเรซบอก พร้อมกับที่มันกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ผมรีบวิ่งไปขว้างหน้ามันไว้ก่อน“อะไรของมึง กูอยากอาบน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว” ราเรซจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด“มิรินอยู่ข้างบน”“แล้วไง นั่นก็พี่กูป่ะ” ราเรซทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ“ไม่ได้!!”“อะไรของมึง ทำอย่างกับว่าพี่กู...เดี๋ยวนะ!! มึงอยู่สภาพนี้..แล้ว พี่มิริน...” ราเรซทำท่าคุ้นคิด ผมจึงพยักหน้าให้มันทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้มันคิดนาน“เฮ้ย!!” ราเรซกระโดนออกจากทางขึ้นบันไดทันที“รอกูอยู่นี้... ให้กูไปจัดการด้านบนให้เรียบร้อยก่อน” พูดจบ ผมก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นบนพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดตัว ผมถือกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ข้างตัวมิรินก่อนจะจุ่มผ้าลงในกะละมังแล้วบิดน้ำออกพอมาดๆ ผมเริ่มเช็ดใบหน้ารูปไข่ก่อน ค่อยๆซับผิวเนียนอย่างเ
“เฮ้ย!! อุ๊บ..” ฉันรีบเอื้อมมือไปปิดปากเขาทันทีด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับยกมืออีกข้างขึ้นมาจุ๊ที่ปากเป็นสัญญาณให้เขาเงียบๆ“มีอะไรหรือเปล่าไอ้ยู” เสียงเพื่อนที่อยู่ด้านนอกตะโกนถามเขา“ไม่มีไร แค่...” พี่ยูมองหน้าฉันแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ฉันรีบส่ายหน้าเป็นพลันวันไม่ให้พี่ยูพูดอะไรที่เกี่ยวกับว่าฉันอยู่ในนี้ด้วย“แค่...แมวน้อยนะ” พี่ยูตอบเพื่อนเขา ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าพี่ยูจะบอกเพื่อนเขาไปซะแล้วว่าฉันอยู่ในนี้“แล้วมึงเสร็จยังว่ะ พวกกูเสร็จหมดแล้วนะ” เสียงเพื่อนพี่ยูตะโกนถามอีกครั้ง“พวกมึงไปก่อนเลย” พี่ยูตะโกนบอกเพื่อนกลับ“ขอบคุณนะคะ” ฉันเอ่ยขอบคุณพี่ยูเสียงเบา เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ด้านนอกออกไปกันหมดหรือยังปัง!!เสียงประตูห้องน้ำห้องที่ติดกันปิดประตูดังลั่น จนฉันถึงกับสะดุ้งตัวโหย่ง สงสัยจะปวดหนักล่ะมั้งนั้น ถึงได้รีบปิดประตูเร็วขนาดนี้ แต่ว่า...กลับไม่ใช่อย่าที่คิดซะแล้ว เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินต่อจากนี้มันชั่งบีบหัวใ
ฉันเดินเข้ามายังบ้านพักด้วยความงุนงงไม่หาย เป็นอะไรของเขานะ ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ก็มาทำหน้านิ่งใส่ซะงั้น ทำตัวไม่ถูกเลยเฮะ เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนก็เจอกับพวกยัยน้ำหวานที่กำลังพากันนั่งล้อมรอบมิรินไว้“ทำอะไรน่ะ!” ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักทันที พร้อมกับผลักพวกยัยน้ำหวานออก“ฉันก็แค่สงสัยว่าเพื่อนเธออ่ะ หลับจริงหรือแค่แกล้งหลับเพื่ออ่อยผู้ชาย” น้ำหวานพูด“ระดับยัยมิรินไม่จำเป็นต้องอ่อยให้เสียเวลาหรอกย่ะ! แค่เพื่อนฉันกระดิ้กนิ้วให้ ผู้ชายก็แทบถวายตัวมาให้แล้วล่ะ” ฉันตอบกลับด้วยความหมั่นไส้ยัยน้ำหวาน“เชอะ! สวยตายแหละ” น้ำหวานพูด“สวยกว่าเธอก็แล้วกัน” ฉันสวนกลับทันที“นี่!!”“เธอจะไปนอนดีๆ หรืออยากจะนอนด้วยน้ำตา ห๊ะ!!” ฉันเริ่มรำคาญยัยพวกนี้แล้วนะ“เชอะ!!” แล้วกลุ่มของยัยน้ำหวานก็ยอมถอยทัพกลับไปยังที่ของตัวเองฉันหันกลับมามองหน้าเพื่อนรักที่ตอนนี้หลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ฉันไม่น่าให้มิรินดื่มเยอะเลย ดูสิเนี้ย สลบเลยเพื่อนฉัน ว่าแต่มิพิศวาสกลับมายังที่พักได้ไงนะ โต้งมาส่งงั้นเหรอ สองคนนี้
“โต้ง!!” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรเขาอยู่ดี“หนีทำไม”ป้าบ!! ป้าบ!!“โอ๊ย!! เจ็บนะ!!” ฉันร้องลั่นด้วยความเจ็บ เมื่อโดนมือหนาฟาดก้นอย่างแรง จนน้ำตาแทบซึมเลยทีเดียว นั้นมือหรือเท้ากันแน่ ตีมาได้ เจ็บชะมัดโต้งพาฉันเดินมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างหอประชุมของโรงเรียน เขาย่อตัวเล็กน้อยเพื่อให้เท้าของฉันแตะพื้นแล้วยืนด้วยตัวเองได้“เดินหนีทำไม” โต้งถามขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันหลุบตาลงต่ำทันทีไม่กล้าสบตากับเขา“มิริน เงยหน้าขึ้นมาสิ” ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา และเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นร่องรอยที่คอของเขามันก็ทำให้ใจฉันเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างน่าโมโห โต้งยกมือขึ้นลูบคอตัวเองปอยๆพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม“โกรธหรือเปล่า” โต้งถามขึ้น“เปล่า!! โต้งจะไปที่ไหน ทำอะไรกับใคร ก็เรื่องของโต้งสิ มิรินจะไปโกรธได้ไง..” พูดจบ ฉันก็ก้มหน้าลงมองพื้นตามเดิม“ห๊ะ พูดอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”“น้ำหวานพูดออกมาหมดแล้วล่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้” ฉันยังก้มหน้าลงมองพื้นอยู่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา
“คิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าหมุ่ยแบบนั้น” โต้งโน้มหน้ามาถาม เกือบจะโดนแก้มฉันอยู่ละ“โต้ง”“หือ”“เพื่อนของโต้ง เขาชอบเพื่อนของมิรินหรือเปล่า” ฉันไม่รู้จะถามใครดี นอกจากเขา“แล้วโต้งจะรู้ไหมล่ะ ถ้าถามว่าโต้งชอบใคร...มีคำตอบให้แน่” โต้งส่งยิ้มหวานมาให้“อันนั้นรู้อยู่แล้ว” ฉันก็ยิ้มหวานกลับไปให้เขาเหมือนกัน“อยากไปเที่ยวคอนโดโต้งไหม” โต้งถาม พร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“จะบ้าเหรอ ไม่ไปหรอก” ฉันรีบหันหน้าหนีทันที จู่ๆ ก็มาชวนไปคอนโด อีตาบ้าเอ๊ย...“ไปเถอะ โต้งไม่ทำอะไรหรอก สาบาน” โต้งยกมือขึ้นมาชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางแล้วไขว้กันเป็นสัญลักษณ์กากบาท นี้คือการสาบานของเขาใช่ไหม ฉันส่ายหน้าให้เขาอย่างหนายๆ แต่โต้งกลับยืนยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี“เอาล่ะทุกคน มองมาที่กล้องแล้วก็พูดว่า ชีสสสสส” เสียงตากล้องจำเป็นพูดขึ้น เมื่อเขาทำการตั้งกล้องถ่ายเรียบร้อยแล้ว“เดี๋ยวๆ ๆ รอด้วย” พี่ยูวิ่งมาจากไหนไม่รู้ เขาเข้ามาแทรกกลางระหว่างบัวตองกับเลโอ ซึ่งเลโอก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่เล็กน้อยฉันรอบสังเกตเพื่อนรักของตัวเอง
ที่จริง... ที่ผมชอบมิรินก็เพราะว่า ผมคิดว่าเธอโสด ส่วนบัวตองนั้น ผมเห็นเธอสนิทกับผู้ชายหลายคนและเธอก็เป็นคนที่คุยเก่งมาก ผู้ชายต่างก็เข้าไปคุยกับเธอ มันทำให้ผมมองเธอผิดไปและในวันนั้น...ผมยอมรับว่า มีความคิดชั่วๆ อยู่ในหัว ผมเห็นเธออยู่ในห้องน้ำชาย และเผลอคิดไปว่าเธอต้องมารอใครสักคน เพื่อมาทำเรื่องอย่างว่า... ตอนที่ได้ยินเสียงห้องข้างๆ กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันนั่น เมื่อบัวตองรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเลโอ เธอมีสีหน้าที่ตกใจมาก ผมคิดว่าบัวตองต้องมารอเลโอแน่ๆ แต่ไอ้หมอนั้นกลับพาสาวอื่นมากินแทนซะงั้นผมจึงตอบสนองบัวตองซะเลย แต่แล้ว... กลับกลายเป็นว่าผมได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะงั้น ถามว่ารู้สึกผิดไหม ผมรู้สึกผิด..แต่ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะพรากความบริสุทธิ์ของบัวตอง แต่ผมรู้สึกผิด...ที่เคยมองบัวตองในแง่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากจะศึกษาบัวตองให้มากกว่านี้ ผมอยากคบกับบัวตองจริงๆโต้งผมยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังกระสับกระส่ายอย่างเป็นกังวล เมื่อเพื่อนรักของตัวเองโดนผู้ชายลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้“จะกลับได้ยัง” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่ชะเง้อคอมอ
“ต้นหลิว!!” ผมเอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เพราะต้นหลิวเรียนอยู่ที่ลอนดอน“ไง หวัดดีพี่ยัง” ต้นหลิวยืนยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่มีเขี้ยวอยู่หน่อยๆ“พี่ป้าแกดิ” ผมยื่นมือไปยีหัวต้นหลิวเล่นอย่างมั่นเขี้ยวผมกับต้นหลิวเกิดปีเดียวกัน ต้นหลิวเกิดก่อนผมสองเดือน และไอ้แค่สองเดือนของมันนั่นแหละ ที่คอยบังคับให้ผมเรียกมันว่าพี่ เรื่องอะไรผมต้องเรียกมันว่าพี่ด้วย ขนาดคนที่ห่างกับผมหนึ่งปี ผมยังไม่เรียกพี่เลย“ผมยุ่งหมดแล้ว โต้ง!!” ต้นหลิวโวยทันที พร้อมกับพยายามปัดมือผมออกจากหัวน้อยๆ ของเธอ“ฮ่าๆ ๆ” แต่มีเหรอ ที่คนอย่างโต้งจะหยุด ผมรวบตัวต้นหลิวเข้ามาใกล้เพื่อที่ต้นหลิวจะได้ปัดมือผมออกจากหัวของเธอไม่ได้ มือหนาก็ยีผมต้นหลิวเล่นอย่างสนุกสนาน“ไอ้โต้ง!!”ผมหยุดการแกล้งต้นหลิวไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียกเมื่อกี้ เพื่อนผมเอง ราเรซ มันเรียกผมซะเสียงดังเชียว พอหันหน้ามาก็เจอกับสีหน้าอย่างใคร่รู้ของเพื่อนทั้งสาม“ใครเหรอ ไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้น“ออ นี่ ต้นหลิว ลูกสาวของอากูเอง” ผมหันไปบ
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ โต้งก็พาฉันมาที่คอนโดของเขาไม่ยอมไปส่งฉันที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของฉันเองก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรแล้วตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจเข้าไปใหญ่“ทำไมไม่ไปส่งมิรินที่บ้าน” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อโต้งเดินมาเปิดประตูให้ฉัน“กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ก็ต้องออกกำลังกายให้อาหารมันย่อยก่อนสิ” โต้งส่งยิ้มแพรวพราวมาให้“ไม่อยากออกกำลังอ่ะ อยากนอนมากกว่า มิรินง่วง”“ได้นะ ทุกทีก็ให้นอนอยู่แล้วนิ” โต้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลสนัย ทำให้ฉันต้องก้าวขาออกจากตัวรถแล้วฟาดลงที่ต้นแขนเขาอย่างหมั่นเคี้ยว คนอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ โต้งยืนหัวเราะชอบใจที่ยั่วอารมณ์ทำให้ฉันโมโหได้ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ ฉันก็เห็นน้องชายของตัวเองกำลังอุ้มสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ก่อนโดยที่เขาไม่ทันเห็นฉันกับโต้งเลยสักนิด“ไอ้เรซ!!!” จู่ๆ โต้งก็ตะโกนเรียกราเรซเสียงดังลั่น แต่ว่าราเรซไม่ทันได้ยินเพราะประตูลิฟต์ปิดตัวลงก่อนโต้งรีบเดินไปกดปุ่มหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็วจนฉันตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ดูอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แล้วสาวน้อยน่ารักที่ร
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม