ที่จริง... ที่ผมชอบมิรินก็เพราะว่า ผมคิดว่าเธอโสด ส่วนบัวตองนั้น ผมเห็นเธอสนิทกับผู้ชายหลายคนและเธอก็เป็นคนที่คุยเก่งมาก ผู้ชายต่างก็เข้าไปคุยกับเธอ มันทำให้ผมมองเธอผิดไป
และในวันนั้น...ผมยอมรับว่า มีความคิดชั่วๆ อยู่ในหัว ผมเห็นเธออยู่ในห้องน้ำชาย และเผลอคิดไปว่าเธอต้องมารอใครสักคน เพื่อมาทำเรื่องอย่างว่า... ตอนที่ได้ยินเสียงห้องข้างๆ กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันนั่น เมื่อบัวตองรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเลโอ เธอมีสีหน้าที่ตกใจมาก ผมคิดว่าบัวตองต้องมารอเลโอแน่ๆ แต่ไอ้หมอนั้นกลับพาสาวอื่นมากินแทนซะงั้น ผมจึงตอบสนองบัวตองซะเลย แต่แล้ว... กลับกลายเป็นว่าผมได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะงั้น ถามว่ารู้สึกผิดไหม ผมรู้สึกผิด..แต่ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะพรากความบริสุทธิ์ของบัวตอง แต่ผมรู้สึกผิด...ที่เคยมองบัวตองในแง่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากจะศึกษาบัวตองให้มากกว่านี้ ผมอยากคบกับบัวตองจริงๆ โต้ง ผมยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังกระสับกระส่ายอย่างเป็นกังวล เมื่อเพื่อนรักของตัวเองโดนผู้ชายลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “จะกลับได้ยัง” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่ชะเง้อคอมองหาเพื่อนอยู่นั่นแหละ “มิรินเป็นห่วงบัวตองอ่ะ” “บัวตองไม่เป็นอะไรหรอกน่า” ถามว่า...ผมสงสัยไหม เรื่องสองคนนั้น ก็สงสัยอยู่หรอก แต่ว่า..จะอย่างไรก็ตาม การที่ไอ้พี่ยูนั้นไปกับบัวตอง ผู้ชายด้วยกันมันดูออก ว่าไอ้รุ่นพี่ยู สนใจบัวตองเข้าให้แล้ว ซึ่งมันก็เป็นผมดีต่อผม เพราะหมดเสียนหนามไปหนึ่ง “แต่ว่า...” “ไม่มี แต่... กลับกันได้แล้ว” เมื่อผมกับมิรินยังไม่กลับ ไอ้สามตัวที่เหลือก็ยังไม่ยอมกลับเหมือนกัน ผมพามิรินเดินมายังรถยนต์หรูคู่ใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูให้มิริน ซึ่งเธอก็ส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ เมื่อมิรินนั่งที่เรียบร้อยแล้วผมก็เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ แล้วก็ขับรถออกจากมหาลัยทันที ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับมาถึงบ้านของมิริน ซึ่งไม่ต้องถามทางซะให้ยาก เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าบ้านของมิรินอยู่ตรงไหน ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดในตัวบ้านเมื่อประตูหน้าบ้านเปิดออก บ้านของมิรินค่อนข้างใหญ่โต พอๆ กับบ้านของราเรซ แต่บ้านของมิรินจะดูเก่าแก่กว่าเพราะเป็นบ้านของตะกลูผู้ดีเก่า บ้านราเรซจะออกแนวสมัยใหม่แต่ความใหญ่โตก็พอๆ กัน “ให้โต้งเดินไปส่งไหม” ผมหันไปถามมิริน พร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว มิรินพยักหน้าให้แทนคำตอบ ผมจึงเปิดประตูเร็วแล้วเดินไปยังท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางมาให้มิริน “กลับมาแล้วเหรอ มิริน” ผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าๆ แต่ยังดูสาวและสวยอยู่ หน้าคล้ายกับมิรินมากเลย เพราะเธอคือแม่เฌอรีนแม่ของมิริน ผมจึงยกมือไหว้ท่านทันที ซึ่งท่านก็รับไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก ผู้รู้สึกได้ทันที ว่าแม่ของมิรินไม่ชอบผม “ค่ะ” ผมชำเลืองมองมิรินซึ่งเธอดูอึดอัดเป็นอย่างมาก ผิดจากตอนที่ผมเจอมิรินที่เวลาอยู่กับพ่อมิโน่ มิรินดูร่าเริงและสดใส ยิ้มเก่ง แต่ดูตอนนี้สิ ความสดใสความร่าเริงของมิรินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “กลับมาแล้วเหรอ หลานตา” เสียงชายวัยสูงอายุทักขึ้น ผมจึงรีบยกมือไหว้ท่านทันที ซึ่งท่านก็รับไหว้พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร ค่อยทำให้ผมรู้สึกหายเกร็งได้นิดหน่อย “ค่ะ คุณตา” มิรินเดินเข้าไปโอบกอดชายสูงวัยที่เธอเรียกว่าคุณตา ท่านดูเป็นคนใจดี และดูจากสีหน้าของมิริน ดูเหมือนเธอจะรักคุณตามากๆ เลย “ทำไมไม่พาเพื่อนไปดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนล่ะ ปล่อยให้เพื่อนยืนอยู่นั้น เสียมารยาทหมด” คุณตาบอกกับหลายสาวของตัวเอง ซึ่งมิรินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ มิรินยื่นมือมาหยิบกระเป๋าของเธอออกจากมือของผม แล้วส่งไปให้แม่บ้านเพื่อนำไปเก็บยังที่ของมัน จากนั้นมิรินก็เดินเข้ามาคล้องแขนผมแล้วพาเดินมายังห้องนั่งเล่นของบ้าน “เดี๋ยวมิรินไปเอาน้ำมาให้นะ” “ไม่ต้องหรอก” ผมเอื้อมมือไปรั้งข้อมือมิรินให้เธอนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับผม “ขอโทษนะ” จู่ๆ มิรินก็เอ่ยคำขอโทษออกมา ผมจึงเอื้อมมือไปจับมือบางมากุมไว้ที่หน้าขาของตัวเอง พร้อมกับมองหน้ามิรินด้วยรอยยิ้ม ผมรู้ว่ามิรินขอโทษเรื่องอะไร “ไม่มีอะไรที่คนเราได้มันมาง่ายๆ ยิ่งได้มายากเท่าไร มันยิ่งมีค่ามากเท่านั้น อย่าคิดมากเลยมิริน เพราะโต้งหนักแน่นพอที่จะไม่หวั่นไหวไปกับอะไรง่ายๆ” มิรินส่งยิ้มมาให้ผมอย่างอ่อนโยน เพียงแค่นี้ ก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นแล้วล่ะ “ขอบคุณนะ ที่เข้าใจ” มิรินซบหน้าลงกับอกแกร่งของผม ผมรับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ซึมผ่านเสื้อยืดตัวบางที่ผมสวมใส่อยู่ “เวลาอยู่กับโต้ง ไม่ต้องเกรงใจ อยากจะทำอะไรหรืออยากจะพูดอะไร ก็เชิญเลย โต้งอยู่ข้างมิรินเสมอ” ผมเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมยาวเสวยของมีมิรินอย่างปลอบโยน มิรินดูอึดอัดมาก แววตาดูไม่มีมีความสุกใส เวลาที่อยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ ผมไม่รู้ว่าระหว่างมิรินกับแม่เฌอรีน มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า และดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยชอบผมด้วยทั้งที่พึ่งเคยเจอกันแท้ๆ ไม่รู้ว่า เผลอไปทำอะไรที่ไม่เข้าท่าให้แม่เฌอรีนไม่พอใจหรือเปล่านะ “มิรินไปพักผ่อนเถอะ โต้งก็จะกลับไปพักผ่อนเหมือนกัน ถ้าคิดถึงก็ไปหาโต้งที่คอดโดนะ” ผมยื่นคี่การ์ดให้มิริน ซึ่งเธอก็รับไว้พร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ ผมจูบลาที่หน้าผากมน แล้วค่อยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของมิริน ผมเห็นแม่บ้านมาซุ้มดูผมกับมิรินอยู่ห่างๆ ผมคิดว่าคงเป็นแม่เฌอรีนแน่ๆ ที่ให้มาคอยสังเกตการณ์ ผมไม่อยากให้มิรินมีปัญหากับแม่ของตัวเองไปมากกว่านี้ ผมจึงขอตัวกลับทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากจะกลับเลย อยากจะอยู่กอดปลอบโยนมิรินอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอุปสรรคจะเยอะแค่ไหน ผมก็ไม่มีวันยอมถอยแน่นอน ขอเพียงแค่มิรินพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ ผม คอยให้กำลังใจผม ก็เพียงพอแล้ว ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดของตัวเอง พร้อมกับคิดมาตลอดทาง ว่าผมเคยไปทำอะไรที่ไม่ดีให้แม่ของมิรินเห็น หรือไม่พอใจหรือเปล่า และก็คิดว่าจะต้องทำอย่างไร ท่านถึงจะรู้สึกพอใจในตัวผมบ้าง เฮ้อ... งานนี้มันยากซะยิ่งกว่าที่มีผู้ชายมาจีบมิรินอีก ในกรณีนั้น ผมแค่แสดงความเป็นเจ้าของก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับมิรินแล้ว แต่กับแม่ของมิรินนี่ดิ จะทำอย่างไรดี ก๊อกๆ ๆ ๆ ผมหันไปมองที่ด้านข้างก็เจอกับร่างเล็กของใครบางคนที่แสนจะคุ้นตา เธอยืนส่งยิ้มมาให้อย่างสดใสตามสไตล์ของเธอ ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันนาน ผมจึงรีบเปิดประตูรถลงไปหาเธอทันที ลืมคิดเรื่องแม่ของมิรินไปชั่วขณะ . . .“ต้นหลิว!!” ผมเอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เพราะต้นหลิวเรียนอยู่ที่ลอนดอน“ไง หวัดดีพี่ยัง” ต้นหลิวยืนยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่มีเขี้ยวอยู่หน่อยๆ“พี่ป้าแกดิ” ผมยื่นมือไปยีหัวต้นหลิวเล่นอย่างมั่นเขี้ยวผมกับต้นหลิวเกิดปีเดียวกัน ต้นหลิวเกิดก่อนผมสองเดือน และไอ้แค่สองเดือนของมันนั่นแหละ ที่คอยบังคับให้ผมเรียกมันว่าพี่ เรื่องอะไรผมต้องเรียกมันว่าพี่ด้วย ขนาดคนที่ห่างกับผมหนึ่งปี ผมยังไม่เรียกพี่เลย“ผมยุ่งหมดแล้ว โต้ง!!” ต้นหลิวโวยทันที พร้อมกับพยายามปัดมือผมออกจากหัวน้อยๆ ของเธอ“ฮ่าๆ ๆ” แต่มีเหรอ ที่คนอย่างโต้งจะหยุด ผมรวบตัวต้นหลิวเข้ามาใกล้เพื่อที่ต้นหลิวจะได้ปัดมือผมออกจากหัวของเธอไม่ได้ มือหนาก็ยีผมต้นหลิวเล่นอย่างสนุกสนาน“ไอ้โต้ง!!”ผมหยุดการแกล้งต้นหลิวไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียกเมื่อกี้ เพื่อนผมเอง ราเรซ มันเรียกผมซะเสียงดังเชียว พอหันหน้ามาก็เจอกับสีหน้าอย่างใคร่รู้ของเพื่อนทั้งสาม“ใครเหรอ ไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์เอ่ยถามขึ้น“ออ นี่ ต้นหลิว ลูกสาวของอากูเอง” ผมหันไปบ
เพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านเพี๊ยะ!ฉันรู้สึกชาวาบที่ใบหน้าด้านซ้าย น้ำตาไม่แม้แต่จะไหลออกมาด้วยซ้ำ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด เพราะใจของฉันมันชาด้านไปหมดแล้ว ฉันค่อยๆ หันหน้ากลับมามองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร“มิริน...แม่...” แม่เฌอรีนพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนของแม่“พูดจบแล้วใช่ไหมคะ มิรินจะได้พักผ่อน” ฉันเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา แล้วค่อยๆ หันหลังให้ก่อนจะก้าวเดินขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาแตะพื้นห้องนอนอันแสนคุ้นเคยของตัวเอง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆเราพึ่งจะเริ่มคบกันเองนะ ทำไมต้องมีอุปสรรคด้วย ฉันยังไม่อยากเลิกกับโต้ง ฉันควรจะทำอย่างไรดีเช้าวันรุ่นขึ้น....ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน แต่ที่รู้ๆ ก็คือฉันนอนร้องไห้ทั้งคืนหลังจากที่ทะเลาะกับแม่เฌอรีน ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยเฮะฉันลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ เพ
“ทำไมครับ ทำไม...” ผมเผลอก้าวเดินเข้าไปหาแม่ของมิรินด้วยท่าทีคุกคาม จนท่านถึงกลับก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ“แกจะทำอะไรนะ!!” ไอ้เฟยเดินเข้ามาขว้างหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้างแขนออกปกป้องแม่เฌอรีนอย่างวีรษุร“ไอ้โต้ง” ราเรซรั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงตัวของแม่เฌอรีน“เป็นเพราะผมใช่ไหม” ผมไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงของท่านอย่างต้องการคำตอบ“มาคุยกันหน่อย”แม่ของมิรินบอกกับผมก่อนที่ท่านจะเดินนำไปยังสวนด้านหลังของบ้าน ผมรีบเดินตามท่านไปในทันที ท่านเดินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำของสวนหลังบ้าน พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับท่าน“ทำไมต้องส่งมิรินไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ” ผมเปิดประเด็นถามก่อนด้วยความร้อนใจ“ฉันอยากให้มิรินไปเรียนในที่ดีๆ สังคมดีๆ และอยู่กับคนดีๆ” แม่เฌอรีนจ้องหน้าบอกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง“เธอเองอายุก็ยังน้อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนใหม่ๆ อีกเยอะ”“แล้วไงครับ”“มิรินเป็นหลานสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ฉันก็อยากจะให้ลูกสาวเจอคนที่ดีและเหมาะสมกัน ครอบครัวขอ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน...“ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกินผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด“ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด“ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...”ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้“เธ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน... “ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกิน ผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด “ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด “ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...” ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้ “เธอไม่ผิดหรอก... ฉันแค่ เบื่อเธอแล้ว” พูดจบผมก
“นะ..อุ๊บ!!”ฉันยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากหนาช่วงชิ่งประกบปิดปากฉันไว้ซะก่อน ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากบางเข้ามากวาดต้อนเอาทุกอย่างไปจนหมด ก่อนจะป้อนความหวานเข้ามาอย่างอ่อนนุ่ม ฉันรู้สึกวูบโวงไปทั่วท้องน้อยอย่างปั่นป่วนเมื่อโดนร่างสูงรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว“แฮ่ก...” เสียงหายใจหอบแรงจากร่างสูงเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองหน้าฉัน แววตาดูไหวสั่นเหมือนคนร้องไห้ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจป่นความไม่เข้าใจ ฉันมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้จูบฉันแบบนี้ คนเลิกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ“ทะ ทำไม..” ฉันเอ่ยถามร่างสูงอย่างตะกุกตะกัก เพราะยังตกใจไม่หาย“ออกไปได้แล้ว” โต้งไม่ตอบฉันแต่กลับไล่ให้ฉันออกไปฉันก้มหน้ามองพื้นด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี ฉันเลื่อนมือบางขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะดีใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วยิ้มอยู่ในใจ“หูหนวกหรือไง”ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโกรธไปแล้วที่เขาพูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกช
“วันนี้ไปไหนดีแก” เสียงพูดหญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น ฉันทำทีเป็นไม่สนใจแกล้งแต่งหน้าแต่งตาไปพลางอย่างเนียนๆ“วันนี้ผู้ชายนัดฉันไปเที่ยวที่เอสทีผับอ่ะ” ผู้หญิงที่ดันลอนผมเป็นวอลุ่มพูดขึ้น“ใครเหรอ ถ้าเป็นลูกคนรวยแต่หน้า เ...ย ฉันไม่เอาแล้วนะ เสียของหมด” ผู้หญิงผมสั้นออกแนวทอมบอยพูดขึ้นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วนี่ ดูเปรี้ยวใช่ย่อย เธอใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาถึงขาอ่อนแถมแวกข้างอีกต่างหาก“ไม่หรอก ยัยเปรี้ยว คนนี้เนี้ยนะ เป็นทายาทเจ้าของห้างฯนี้ด้วย แถมหล่อเฟ่ออีกต่างหาก” ทายาทเจ้าของห้างนี้งั้นเหรอ ก็ต้องเป็นเลโอสิ พวกนี้รู้จักเลโอด้วยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกหรอก รายนั้นก็นะ ว่านเสน่ห์เป็นว่าเล่น“ฉันไม่เชื่อแกหรอก ยัยโบวี่ สายตาการมองผู้ชายของแกนะมันแย่ คราวที่แล้วก็บอกหล่อๆ เป็นไง อย่างกะพวกสัมภเวสีดีๆ นี่เอง”“เออนั่นดิแก ไหนเอารูปมาดูก่อนดิ ถ้าไม่หล่อจริง ฉันไม่ไปนะ” เสียงผู้หญิงอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น“แกอยากดูรูปเหรอแคล อ่ะนี่” ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เพื่อนดู“อุ๊ยแก... คนนี้
“มาแล้วเหรอโบวี่ มานั่งข้างเรามา..” เลโอบอกกับผู้หญิงผมยาวดัดลอน ซึ่งเธอเองก็ส่งยิ้มหวานไปให้เลโอทันที มันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าได้ทำให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างมันอีกคนไม่พอใจ แต่ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินไปนั่งข้างเลโอทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นลูบอกเลโอเบาๆ อย่างเอาใจ“นั่งด้วยคนนะ” แม่สาวผมสั้นเดินมานั่งข้างผมทันทีโดยที่ไม่รอคำอนุญาตจากผม“เราชื่อเปรี้ยวนะ เธอล่ะ” ใครกันชั่งตั้งชื่อให้เธอได้เหมาะเจาะขนาดนี้“เธอคงรู้ชื่อฉันอยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้เพื่อนตัวดีมันคงบอกเธอหรือไม่ก็เพื่อนเธอไปแล้วที่เกี่ยวกับฉัน”“ก็รู้แค่ว่า... ชื่อโต้ง มีนิสัยที่หยิ่งมาก ใช่หรือเปล่า”“ตามนั้น” ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว“น่าสนใจจัง” เปรี้ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วของเธอขึ้นมาดื่มบ้าง“ชื่อแคลนะคะ นั่งด้วยคนสิ” เพื่อนของเปรี้ยวอีกคนหันไปพูดกับราเรซ ซึ่งราเรซมันก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้นั่งได้Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrในระหว่างที่พวกผมนั่งดื่มเหล้าปาร์ตี้กันอยู่นั้น
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ โต้ง”ในขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีให้มิรินยอมกลับบ้านแต่โดยดี เปรี้ยวก็เดินเข้ามาชิดตัวผมพร้อมกับลูบไล้บริเวณอกแกร่งอย่างเอาใจ สายตาของมิรินจ้องเขม็งมาที่มือของเปรี้ยวก่อนจะหันไปกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว ผมรู้ว่ามันให้มิรินโกรธแต่ผมก็แอบคิดว่า วิธีนี้อาจจะทำให้มิรินยอมกลับบ้านก็ได้“ขอตัวนะ” ผมเอ่ยพูดกับมิรินก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปโอบไหล่เปรี้ยว“ทำไมเป็นนี้ เจ็บมากนะ รู้ไหม..” มิรินไม่ได้หันมามองหน้าผมในระหว่างที่เธอพูด แต่มิรินกลับจ้องมองแก้วเหล้าในมือตาเขม็งพร้อมกับบีบมันแน่นจนมือบางสั่นไหว“มิรินจะปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร จะพยายามโอเครกับทุกๆ อย่างให้ได้มากที่สุด” มิรินหันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอพยายามปั้นมันออกมาเหมือนยินดี“เมาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวโต้งไปส่ง” ผมผละตัวออกจากเปรี้ยวแล้วเดินไปยืนข้างมิริน ผมเอื้อมมือหนาไปจับมือบาง แต่ปรากฏว่า...ผมถูกมิรินปัดมือออกอย่างแรง“จะไปทำอะไรกันก็ไปสิ เชิญ!!” มิรินพูดโดยที่ไม่ยอมหันหน้ามามองผม โกรธจริงๆ แล้วสินะ“หยุดกินได้แล้ว
“มาแล้วเหรอโบวี่ มานั่งข้างเรามา..” เลโอบอกกับผู้หญิงผมยาวดัดลอน ซึ่งเธอเองก็ส่งยิ้มหวานไปให้เลโอทันที มันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าได้ทำให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างมันอีกคนไม่พอใจ แต่ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินไปนั่งข้างเลโอทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นลูบอกเลโอเบาๆ อย่างเอาใจ“นั่งด้วยคนนะ” แม่สาวผมสั้นเดินมานั่งข้างผมทันทีโดยที่ไม่รอคำอนุญาตจากผม“เราชื่อเปรี้ยวนะ เธอล่ะ” ใครกันชั่งตั้งชื่อให้เธอได้เหมาะเจาะขนาดนี้“เธอคงรู้ชื่อฉันอยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้เพื่อนตัวดีมันคงบอกเธอหรือไม่ก็เพื่อนเธอไปแล้วที่เกี่ยวกับฉัน”“ก็รู้แค่ว่า... ชื่อโต้ง มีนิสัยที่หยิ่งมาก ใช่หรือเปล่า”“ตามนั้น” ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว“น่าสนใจจัง” เปรี้ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วของเธอขึ้นมาดื่มบ้าง“ชื่อแคลนะคะ นั่งด้วยคนสิ” เพื่อนของเปรี้ยวอีกคนหันไปพูดกับราเรซ ซึ่งราเรซมันก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้นั่งได้Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrในระหว่างที่พวกผมนั่งดื่มเหล้าปาร์ตี้กันอยู่นั้น
“วันนี้ไปไหนดีแก” เสียงพูดหญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น ฉันทำทีเป็นไม่สนใจแกล้งแต่งหน้าแต่งตาไปพลางอย่างเนียนๆ“วันนี้ผู้ชายนัดฉันไปเที่ยวที่เอสทีผับอ่ะ” ผู้หญิงที่ดันลอนผมเป็นวอลุ่มพูดขึ้น“ใครเหรอ ถ้าเป็นลูกคนรวยแต่หน้า เ...ย ฉันไม่เอาแล้วนะ เสียของหมด” ผู้หญิงผมสั้นออกแนวทอมบอยพูดขึ้นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วนี่ ดูเปรี้ยวใช่ย่อย เธอใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาถึงขาอ่อนแถมแวกข้างอีกต่างหาก“ไม่หรอก ยัยเปรี้ยว คนนี้เนี้ยนะ เป็นทายาทเจ้าของห้างฯนี้ด้วย แถมหล่อเฟ่ออีกต่างหาก” ทายาทเจ้าของห้างนี้งั้นเหรอ ก็ต้องเป็นเลโอสิ พวกนี้รู้จักเลโอด้วยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกหรอก รายนั้นก็นะ ว่านเสน่ห์เป็นว่าเล่น“ฉันไม่เชื่อแกหรอก ยัยโบวี่ สายตาการมองผู้ชายของแกนะมันแย่ คราวที่แล้วก็บอกหล่อๆ เป็นไง อย่างกะพวกสัมภเวสีดีๆ นี่เอง”“เออนั่นดิแก ไหนเอารูปมาดูก่อนดิ ถ้าไม่หล่อจริง ฉันไม่ไปนะ” เสียงผู้หญิงอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น“แกอยากดูรูปเหรอแคล อ่ะนี่” ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เพื่อนดู“อุ๊ยแก... คนนี้
“นะ..อุ๊บ!!”ฉันยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากหนาช่วงชิ่งประกบปิดปากฉันไว้ซะก่อน ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากบางเข้ามากวาดต้อนเอาทุกอย่างไปจนหมด ก่อนจะป้อนความหวานเข้ามาอย่างอ่อนนุ่ม ฉันรู้สึกวูบโวงไปทั่วท้องน้อยอย่างปั่นป่วนเมื่อโดนร่างสูงรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว“แฮ่ก...” เสียงหายใจหอบแรงจากร่างสูงเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองหน้าฉัน แววตาดูไหวสั่นเหมือนคนร้องไห้ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจป่นความไม่เข้าใจ ฉันมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้จูบฉันแบบนี้ คนเลิกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ“ทะ ทำไม..” ฉันเอ่ยถามร่างสูงอย่างตะกุกตะกัก เพราะยังตกใจไม่หาย“ออกไปได้แล้ว” โต้งไม่ตอบฉันแต่กลับไล่ให้ฉันออกไปฉันก้มหน้ามองพื้นด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี ฉันเลื่อนมือบางขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะดีใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วยิ้มอยู่ในใจ“หูหนวกหรือไง”ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโกรธไปแล้วที่เขาพูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกช
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน... “ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกิน ผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด “ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด “ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...” ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้ “เธอไม่ผิดหรอก... ฉันแค่ เบื่อเธอแล้ว” พูดจบผมก
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน...“ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกินผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด“ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด“ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...”ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้“เธ
“ทำไมครับ ทำไม...” ผมเผลอก้าวเดินเข้าไปหาแม่ของมิรินด้วยท่าทีคุกคาม จนท่านถึงกลับก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ“แกจะทำอะไรนะ!!” ไอ้เฟยเดินเข้ามาขว้างหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้างแขนออกปกป้องแม่เฌอรีนอย่างวีรษุร“ไอ้โต้ง” ราเรซรั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงตัวของแม่เฌอรีน“เป็นเพราะผมใช่ไหม” ผมไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงของท่านอย่างต้องการคำตอบ“มาคุยกันหน่อย”แม่ของมิรินบอกกับผมก่อนที่ท่านจะเดินนำไปยังสวนด้านหลังของบ้าน ผมรีบเดินตามท่านไปในทันที ท่านเดินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำของสวนหลังบ้าน พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับท่าน“ทำไมต้องส่งมิรินไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ” ผมเปิดประเด็นถามก่อนด้วยความร้อนใจ“ฉันอยากให้มิรินไปเรียนในที่ดีๆ สังคมดีๆ และอยู่กับคนดีๆ” แม่เฌอรีนจ้องหน้าบอกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง“เธอเองอายุก็ยังน้อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนใหม่ๆ อีกเยอะ”“แล้วไงครับ”“มิรินเป็นหลานสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ฉันก็อยากจะให้ลูกสาวเจอคนที่ดีและเหมาะสมกัน ครอบครัวขอ