“ทำไมครับ ทำไม...” ผมเผลอก้าวเดินเข้าไปหาแม่ของมิรินด้วยท่าทีคุกคาม จนท่านถึงกลับก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ
“แกจะทำอะไรนะ!!” ไอ้เฟยเดินเข้ามาขว้างหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้างแขนออกปกป้องแม่เฌอรีนอย่างวีรษุร “ไอ้โต้ง” ราเรซรั้งแขนผมไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปถึงตัวของแม่เฌอรีน “เป็นเพราะผมใช่ไหม” ผมไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงของท่านอย่างต้องการคำตอบ “มาคุยกันหน่อย” แม่ของมิรินบอกกับผมก่อนที่ท่านจะเดินนำไปยังสวนด้านหลังของบ้าน ผมรีบเดินตามท่านไปในทันที ท่านเดินเข้าไปนั่งในศาลาริมน้ำของสวนหลังบ้าน พร้อมกับส่งสายตาบอกให้ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับท่าน “ทำไมต้องส่งมิรินไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยครับ” ผมเปิดประเด็นถามก่อนด้วยความร้อนใจ “ฉันอยากให้มิรินไปเรียนในที่ดีๆ สังคมดีๆ และอยู่กับคนดีๆ” แม่เฌอรีนจ้องหน้าบอกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง “เธอเองอายุก็ยังน้อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนใหม่ๆ อีกเยอะ” “แล้วไงครับ” “มิรินเป็นหลานสาวของตระกูลผู้ดีเก่า ฉันก็อยากจะให้ลูกสาวเจอคนที่ดีและเหมาะสมกัน ครอบครัวของเธอก็มีแค่กิจการสนามกีฬา ซึ่งต่างจากบ้านของฉันที่เป็นนักธุรกิจมานานและต้องการคนที่มีความพร้อมในการบริหารบริษัทต่อได้ ซึ่งเฟยเขาก็มีความพร้อมทุกอย่าง” “ต้องการจะบอกอะไรกับผม ก็พูดมาเถอะครับ อย่างเสียเวลาอ้อมค้อมเลย” “งั้นฉันจะพูดตรงๆเลยนะ” ผมพยักหน้าให้ทันที “ฉันต้องการให้มิรินแต่งงานกับเฟย ฉันรู้ ว่าในตอนนี้มิรินไม่ได้ชอบเฟย เพราะฉะนั้น ถึงต้องให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้ศึกษาดูใจกัน” คำพูดที่ออกมาจากปากของแม่เฌอรีน มันชั่งไม่ต่างอะไรกับของมีคมเลยสักนิด มันบาดลึกเข้ามาถึงใจของผมทุกคำพูด จากคนที่ปากร้ายถึงกลับจุกจนพูดไม่ออก มันเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่มาถ่วงเอาไว้อย่างหนักหน่วง “ไม่ไป ไม่ได้เหรอครับ" ผมมองหน้าแม่เฌอรีนด้วยสายตาอ้อนวอน "จะให้ผมทำอะไร ผมก็ยอมทั้งนั้น ขอเพียงแค่ ให้มิรินเรียนต่ออยู่ที่นี่ อย่าส่งมิรินไปเลยนะครับ ผมขอร้อง” ผมลุกออกจากที่นั่งก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของแม่มิริน ผมไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วตอนนี้ รู้เพียงแต่ว่าไม่อยากให้มิรินไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม “เธอพูดจริงเหรอ” “ครับ” ผมจ้องหน้าท่านโดยที่ไม่หลบสายตาเป็นการยืนยันว่าผมจะรักษาคำพูด “ฉันจะไม่ส่งมิรินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ได้ แต่...” ผมตั้งใจฟังสิ่งที่แม่มิรินพูดอย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่ว่าท่านจะเสนออะไรออกมา ผมก็พร้อมที่จะยอมรับมันโดยที่ไม่คิดจะคัดคาดแต่อย่างใด “เธอ...ต้องเลิกกับมิรินซะ ห้ามเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าจะกรณีใดใด” ผมแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ของมิรินบอก มันบีบหัวใจของผมเหลือเกิน ผมเฝ้ามองมิรินมาสามปี กว่าผมจะมีความกล้าพอที่จะเอ่ยปากบอกความรู้สึกในใจกับมิรินรู้ และกว่ามิรินจะยอมรับและคบกับผม แต่ดูตอนนี้สิ มันกำลังจะพังแล้ว มันกำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปยังจุดเริ่มต้น “ฉันอนุญาตให้เธอเจอหน้ามิรินได้ แต่ก็แค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น เธอ...ตกลงไหม” ผมพยายามกลืนก้อนสะอึกลงคอก่อนจะเอ่ยพูดออกมาได้อย่างยากลำบาก “ตกลงครับ” ผมก้มหน้าก้มตาตอบอย่างหมดหนทาง ผมไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ ขอแค่มิรินยังอยู่ในสายตาของผม แค่เธอไม่ไปจากผม ให้ผมได้มองดูเธออยู่ห่างๆก็ยังดี “แต่..” ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่เฌอรีนอีกครั้งด้วยสายตาที่แน่วแน่ "อะไร.." ท่านมองหน้าผมด้วยสีหน้าหวาดระแวงนิดๆ “ผมไม่มีวันเลิกรักมิรินได้ ต่อให้คุณน้าพยายามขัดขว้างแค่ไหน ผมก็ยิ่งรักมิรินมากขึ้นเท่านั้น ผมจะไม่ขอร้องไห้คุณน้าเห็นใจผม แต่ผมจะทำให้คุณน้าได้เห็นเอง ว่าผมรักมิรินมากแค่ไหน จำไว้นะครับ ผมชื่อโต้ง มิรินคือผู้หญิงที่ผมรัก และผมจะรักแค่มิรินคนเดียวตลอดไป” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อพูดจบ แม่เฌอรีนมีแสดงสีหน้าตกใจและไม่พอใจในเวลาเดียวกัน ผมไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรแล้วตอนนี้ เพราะหัวใจของผมมันแตกสลายไปแล้ว ด้านชาเข้าไว้...ไอ้โต้ง แล้วมันจะดีเอง “ผมขอคุยกับมิรินหน่อยได้ไหม..” ท่านมองหน้าผมด้วยสายตาเป็นกังวล “วันนี้...มิรินยังเป็นแฟนของผมอยู่ อนุญาตเถอะครับ ไม่งั้นผมจะทุบประตูห้อง” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนกลับไม่วางตา ผมไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนอีกต่อไป เพราะคนที่ผมจะอ่อนโยนด้วยมีแค่มิรินคนเดียวเท่านั้น ซึ่งมันจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าหากผมไม่ได้มิรินคืนมา ก็จะไม่มีโต้งคนที่อ่อนโยนอีกต่อไป “ได้ แต่ว่า...คุยกันผ่านประตูเท่านั้นนะ” “ครับ” ได้ยินแค่เสียงหวานใสก็ยังดี ผมคิดได้แค่นั้นจริงๆ ถ้าหากว่าผมได้เจอหน้ามิรินแล้วเธอเข้ามาสวมกอดผมละก็... ความตั้งใจตั้งแต่แรก มันจะพังทลายทันที และผมจะกลายเป็นคนผิดคำพูด ผมก้าวขายาวๆ ของตัวเองขึ้นมายังชั้นสองของบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันทั้งดีใจและเสียใจ ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ค่อยๆ แนบหูกับบานประตูเพื่อฟังเสียงของคนตัวเล็กที่อยู่ในนั้น ผมได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ออกมาเป็นระยะๆ มันชั่งบีบหัวใจผมเหลือเกิน ผมไม่อยากให้มิรินร้องไห้ อยากจะเข้าไปรั้งร่างบางเข้ามาโอบกอดพร้อมกับลูบผมยาวเสวยอย่างปลอบโยน ผมอยากจะเป็นคนที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด แต่มันก็เป็นได้แค่ฝัน เพราะผมไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนั้นได้อีกแล้ว “มิริน” ผมเอ่ยชื่อเธอออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ พยายามบังคับให้มันนิ่งที่สุด เพราะไม่อยากให้มิรินรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไร “โต้ง!” เสียงความเคลื่ยนไหวจากด้านในเข้ามาชิดประตูอย่างรวดเร็ว จนผมต้องยกมือขึ้นมาแปะที่บานประตูอย่างตกใจ ก๊อกๆ ๆ ๆ “โต้งช่วยมิรินด้วย” เสียงมิรินเคาะประตูจากด้านในอย่างรัวเร็ว ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่ามือน้อยๆ ของมิรินมันจะปลอบช้ำเอาได้ อยากจะเอื้อมมือทะลุผ่านประตูเข้าไปกอบกุมมือบางนั้นไว้ให้เธอเลิกเคาะประตูสักที “กินข้าวหรือยัง” ผมพยายามกลั้นทุกอย่างเอาไว้ กดมันลงไปให้ลึกที่สุดของหัวใจ ไม่ให้มันได้เล็ดลอดออกมา “โต้ง...ฮือ อึก..” ผมรู้สึกได้ว่า มิรินรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเธอเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “ที่มาวันนี้ แค่จะมาบอกว่า...” ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดานก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมา “คบกับเธอนี่ มันเหนื่อยจังเนอะ” มือหนากำหมัดแน่นจนสั่นไหว อดทนไว้โอ้โต้ง ถ้ายังอยากเห็นใบหน้าหวานๆ นี้ต่อ “หยุดพูดนะ มิรินไม่อยากฟัง” “เราเลิกกันเถอะ มิริน” . . .“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน...“ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกินผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด“ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด“ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...”ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้“เธ
“เราเลิกกันเถอะ มิริน” ผมกลั้นใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดที่จะพูดมันออกมาเลย มันทำใจได้ยากเหลือเกิน มันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ถึงจะพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว ก็คงพูดออกมาได้ไม่ยาก แต่สำหรับผม...คนที่รักมิรินหมดหัวใจ มันยากเหลือเกิน... “ไม่เอา!! มิรินไม่เลิก ทำไมโต้งถึงพูดแบบนี้ แม่ใช่ไหม แม่บังคับให้โต้งพูดใช่ไหม” เสียงมิรินโวยวายดังมาจากด้านในห้องนอนของเธอ ผมสงสารมิรินเหลือเกิน ผมรู้ดีว่าคำพูดของผมมันทำร้ายจิตใจมิรินเพียงใด และมันส่งผลต่อผมด้วย มันบาดใจผม จุกจนพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าตัวผมเอง จะเป็นคนทำร้ายมิริน ผมมันเลวที่สุด “ไม่มีใครบังคับโต้งได้ มิรินก็รู้นิ อะไรที่โต้งไม่อยากทำ โต้งจะไม่ทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดใด “ทำไมล่ะโต้ง ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือออ มิรินทำอะไรผิด ฮือออ มิรินขอโทษ...” ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้แต่เอื้อมมือหนาขึ้นลูบที่บานประตู อยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าเธอไม่ผิด ผมผิดเองที่ดีไม่พอ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรินต้องถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้ “เธอไม่ผิดหรอก... ฉันแค่ เบื่อเธอแล้ว” พูดจบผมก
“นะ..อุ๊บ!!”ฉันยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากหนาช่วงชิ่งประกบปิดปากฉันไว้ซะก่อน ลิ้นชื้นแทรกผ่านกรีบปากบางเข้ามากวาดต้อนเอาทุกอย่างไปจนหมด ก่อนจะป้อนความหวานเข้ามาอย่างอ่อนนุ่ม ฉันรู้สึกวูบโวงไปทั่วท้องน้อยอย่างปั่นป่วนเมื่อโดนร่างสูงรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว“แฮ่ก...” เสียงหายใจหอบแรงจากร่างสูงเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองหน้าฉัน แววตาดูไหวสั่นเหมือนคนร้องไห้ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจป่นความไม่เข้าใจ ฉันมึนงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้จูบฉันแบบนี้ คนเลิกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ“ทะ ทำไม..” ฉันเอ่ยถามร่างสูงอย่างตะกุกตะกัก เพราะยังตกใจไม่หาย“ออกไปได้แล้ว” โต้งไม่ตอบฉันแต่กลับไล่ให้ฉันออกไปฉันก้มหน้ามองพื้นด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี ฉันเลื่อนมือบางขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกเหมือนอยากจะดีใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วยิ้มอยู่ในใจ“หูหนวกหรือไง”ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโกรธไปแล้วที่เขาพูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกช
“วันนี้ไปไหนดีแก” เสียงพูดหญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น ฉันทำทีเป็นไม่สนใจแกล้งแต่งหน้าแต่งตาไปพลางอย่างเนียนๆ“วันนี้ผู้ชายนัดฉันไปเที่ยวที่เอสทีผับอ่ะ” ผู้หญิงที่ดันลอนผมเป็นวอลุ่มพูดขึ้น“ใครเหรอ ถ้าเป็นลูกคนรวยแต่หน้า เ...ย ฉันไม่เอาแล้วนะ เสียของหมด” ผู้หญิงผมสั้นออกแนวทอมบอยพูดขึ้นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วนี่ ดูเปรี้ยวใช่ย่อย เธอใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาถึงขาอ่อนแถมแวกข้างอีกต่างหาก“ไม่หรอก ยัยเปรี้ยว คนนี้เนี้ยนะ เป็นทายาทเจ้าของห้างฯนี้ด้วย แถมหล่อเฟ่ออีกต่างหาก” ทายาทเจ้าของห้างนี้งั้นเหรอ ก็ต้องเป็นเลโอสิ พวกนี้รู้จักเลโอด้วยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกหรอก รายนั้นก็นะ ว่านเสน่ห์เป็นว่าเล่น“ฉันไม่เชื่อแกหรอก ยัยโบวี่ สายตาการมองผู้ชายของแกนะมันแย่ คราวที่แล้วก็บอกหล่อๆ เป็นไง อย่างกะพวกสัมภเวสีดีๆ นี่เอง”“เออนั่นดิแก ไหนเอารูปมาดูก่อนดิ ถ้าไม่หล่อจริง ฉันไม่ไปนะ” เสียงผู้หญิงอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น“แกอยากดูรูปเหรอแคล อ่ะนี่” ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เพื่อนดู“อุ๊ยแก... คนนี้
“มาแล้วเหรอโบวี่ มานั่งข้างเรามา..” เลโอบอกกับผู้หญิงผมยาวดัดลอน ซึ่งเธอเองก็ส่งยิ้มหวานไปให้เลโอทันที มันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าได้ทำให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างมันอีกคนไม่พอใจ แต่ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินไปนั่งข้างเลโอทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นลูบอกเลโอเบาๆ อย่างเอาใจ“นั่งด้วยคนนะ” แม่สาวผมสั้นเดินมานั่งข้างผมทันทีโดยที่ไม่รอคำอนุญาตจากผม“เราชื่อเปรี้ยวนะ เธอล่ะ” ใครกันชั่งตั้งชื่อให้เธอได้เหมาะเจาะขนาดนี้“เธอคงรู้ชื่อฉันอยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้เพื่อนตัวดีมันคงบอกเธอหรือไม่ก็เพื่อนเธอไปแล้วที่เกี่ยวกับฉัน”“ก็รู้แค่ว่า... ชื่อโต้ง มีนิสัยที่หยิ่งมาก ใช่หรือเปล่า”“ตามนั้น” ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว“น่าสนใจจัง” เปรี้ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วของเธอขึ้นมาดื่มบ้าง“ชื่อแคลนะคะ นั่งด้วยคนสิ” เพื่อนของเปรี้ยวอีกคนหันไปพูดกับราเรซ ซึ่งราเรซมันก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้นั่งได้Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrในระหว่างที่พวกผมนั่งดื่มเหล้าปาร์ตี้กันอยู่นั้น
“ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ โต้ง”ในขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีให้มิรินยอมกลับบ้านแต่โดยดี เปรี้ยวก็เดินเข้ามาชิดตัวผมพร้อมกับลูบไล้บริเวณอกแกร่งอย่างเอาใจ สายตาของมิรินจ้องเขม็งมาที่มือของเปรี้ยวก่อนจะหันไปกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว ผมรู้ว่ามันให้มิรินโกรธแต่ผมก็แอบคิดว่า วิธีนี้อาจจะทำให้มิรินยอมกลับบ้านก็ได้“ขอตัวนะ” ผมเอ่ยพูดกับมิรินก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปโอบไหล่เปรี้ยว“ทำไมเป็นนี้ เจ็บมากนะ รู้ไหม..” มิรินไม่ได้หันมามองหน้าผมในระหว่างที่เธอพูด แต่มิรินกลับจ้องมองแก้วเหล้าในมือตาเขม็งพร้อมกับบีบมันแน่นจนมือบางสั่นไหว“มิรินจะปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร จะพยายามโอเครกับทุกๆ อย่างให้ได้มากที่สุด” มิรินหันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอพยายามปั้นมันออกมาเหมือนยินดี“เมาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวโต้งไปส่ง” ผมผละตัวออกจากเปรี้ยวแล้วเดินไปยืนข้างมิริน ผมเอื้อมมือหนาไปจับมือบาง แต่ปรากฏว่า...ผมถูกมิรินปัดมือออกอย่างแรง“จะไปทำอะไรกันก็ไปสิ เชิญ!!” มิรินพูดโดยที่ไม่ยอมหันหน้ามามองผม โกรธจริงๆ แล้วสินะ“หยุดกินได้แล้ว
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม