“วันนี้ไปไหนดีแก” เสียงพูดหญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น ฉันทำทีเป็นไม่สนใจแกล้งแต่งหน้าแต่งตาไปพลางอย่างเนียนๆ
“วันนี้ผู้ชายนัดฉันไปเที่ยวที่เอสทีผับอ่ะ” ผู้หญิงที่ดันลอนผมเป็นวอลุ่มพูดขึ้น “ใครเหรอ ถ้าเป็นลูกคนรวยแต่หน้า เ...ย ฉันไม่เอาแล้วนะ เสียของหมด” ผู้หญิงผมสั้นออกแนวทอมบอยพูดขึ้นเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วนี่ ดูเปรี้ยวใช่ย่อย เธอใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาถึงขาอ่อนแถมแวกข้างอีกต่างหาก “ไม่หรอก ยัยเปรี้ยว คนนี้เนี้ยนะ เป็นทายาทเจ้าของห้างฯนี้ด้วย แถมหล่อเฟ่ออีกต่างหาก” ทายาทเจ้าของห้างนี้งั้นเหรอ ก็ต้องเป็นเลโอสิ พวกนี้รู้จักเลโอด้วยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกหรอก รายนั้นก็นะ ว่านเสน่ห์เป็นว่าเล่น “ฉันไม่เชื่อแกหรอก ยัยโบวี่ สายตาการมองผู้ชายของแกนะมันแย่ คราวที่แล้วก็บอกหล่อๆ เป็นไง อย่างกะพวกสัมภเวสีดีๆ นี่เอง” “เออนั่นดิแก ไหนเอารูปมาดูก่อนดิ ถ้าไม่หล่อจริง ฉันไม่ไปนะ” เสียงผู้หญิงอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “แกอยากดูรูปเหรอแคล อ่ะนี่” ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เพื่อนดู “อุ๊ยแก... คนนี้น่ารักจัง ชื่ออะไรเหรอ” เสียงผู้หญิงที่ชื่แคลเอ่ยขึ้น “คนนี้ของฉันย่ะ ชื่อเลโอ” โบวี่หันไปตอบเพื่อนของเธอพร้อมกับส่งสายดุอย่างหวงผู้ชาย “เชอะ!! แล้วสองคนนี้ล่ะ ขาวอ่อร่าพุงทั้งคู่เลย” แคลถามโบวี่ต่อ “สองคนนี้นะเหรอ ชื่อราเรซกับบิ๊กไบค์” หื้อ...นี่ไอ้น้องชายตัวดีของฉันก็ไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยเหรอเนี้ย “แล้วคนนี้ล่ะ” เปรี้ยวถามขึ้นบ้างพร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเพื่อน “คนนี้นะเหรอ ชื่อโต้ง แต่ว่า ค่อนข้างหยิ่งหน่อยนะ ฉันนะ พยายามอ่อยหลายทีล่ะ เขาก็ไม่ยอมสนใจเลย แถมทำหน้ายักษ์ใส่อีกต่างหาก” โบวี่พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร นี่เขาก็เป็นไปกับน้องชายของฉันด้วยเหรอเนี้ย แต่ว่า..พอได้ยินสิ่งที่โบวี่พูดมันก็ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถึงเขาจะชอบทำหน้ายักษ์ แต่มุมอ่อนโยนเขาก็มีนะ แถมน่ารักมากๆด้วย คนพวกนี้ไม่มีวันได้เห็นซะหรอก “ฉันจอง!!” ฉันเผลอหันขวับไปมองหน้าผู้หญิงที่ชื่อเปรี้ยวด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างมาก ทำให้เพื่อนของเธออีกสองคนต่างก็หันมามองหน้าฉันอย่างงงๆ “มีอะไรหรือเปล่า” ผู้หญิงที่ชื่อเปรี้ยวถามขึ้น “เปล่า” ฉันหันหน้ากลับมองส่องกระจกต่อ พยายามควบคุมสติตัวเองอยู่พักใหญ่ “มาแล้วค่ะ พี่มิริน” แก้มใสเดินเข้ามาพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกันกับสามสาวนั้นเดินออกไปพอดี “ทำไมมาช้าจัง” ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละไม่ได้รู้โกรธแก้มใสแต่อย่างใด แค่อยากหาเรื่องคุยเฉยๆ “ขอโทษค่ะ พอดีว่า ต้องหลบพี่แอน ออกมานะคะ กลัวโดนพี่แอนดุว่าอู้งาน” แก้มใสตอบด้วยใบหน้าที่เศร้านิดๆ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้โกธรอะไร พี่แค่ถามเฉยๆ” แก้มใสเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ฉันทันที “กลับไปร้านได้แล้ว และก็... อย่าบอกใครนะ ว่าเจอพี่อยู่ที่นี่” “ได้ค่ะ แก้มจะปิดปากเงียบ” แก้มใสทำท่ารูดซิปปากตัวเองอย่างน่ารัก นี่สินะ ที่ทำให้บิ๊กไบค์หลงจนหัวปลักหัวปลำ เธอจะรู้ตัวเองบ้างไหมน้อ แก้มใส ฉันยืนยิ้มให้กับบานประตูห้องน้ำที่แก้มใสพึ่งเดินออกไป และตอนนี้ ฉันก็มีจุดหมายแล้วล่ะ ว่าฉันจะไปไหนดี โต้ง จนได้สินะ...ไอ้โต้ง ผมเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเองด้วยอารมณ์ที่แสนจะเบิกบานอย่างมาก ถ้าแม่ของมิรินรู้ว่าผมทำอะไรลูกสาวของท่านไปบ้าง..จะเป็นยังไงนะ หึๆ ๆ แต่ผมก็ไม่คิดจะพูดอะไรแบบนั้นไปหรอก เพราะคนที่เสียหายคือมิริน ไอ้ผมมันผู้ชาย ไม่ได้มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมกำลังนั่งมองดูรูปของมิรินที่หน้าจอโทรศัพท์ของผม เมื่อเช้าผมพูดจาไม่ดีกับมิรินอีกแล้ว ก็เลยมานั่งสำนึกผิดกับรูปของมิรินแทน แต่ในจังหวะนั้นเอง สายตาของผมก็มองออกไปยังนอกห้อง ก็เห็นร่างบางของมิรินเดินไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ผมจึงลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว และก็...อดใจไม่ได้อีกตามเคย “วันนี้ไปปาร์ตี้กัน กูนัดสาวๆ ไว้แล้ว” เลโอพูดขึ้น “สาวไหนวะ” บิ๊กไบค์ถามเลโอ “ก็สาวในมหาลัยเรานี้แหละ แจ่มๆ ทั้งนั้นเลย” เลโอบอก “กูก็เห็นมึงบอกแจ่มทุกคนแหละ” ราเรซพูดขึ้นบ้าง “พวกมึงอย่าจำศีลไปหน่อยเลย เราหนุ่มหล่อและโสดด้วย ไม่เที่ยวก็เสียของดิวะ!!” “ไอ้แรด!!” ผมเอ่ยปากด่าเลโอไป “เฮ้ยๆ ๆ ด่ากูได้แบบนี้แสดงว่าอารมณ์ดีแล้วดิมึง” แล้วไอ้เลโอก็หันมายิ้มล้อเลียนผม “สองทุ่มเจอกัน” พูดจบผมก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกมาจากห้องเรียนมุ่งหน้าไปที่รถคู่ใจของตัวเองเพื่อขับกลับคอนโดไปเตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ เมื่อกลับมาถึงห้องของตัวเอง ผมก็เดินมานั่งลงที่โซฟาตัวยาวพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผมค่อนข้างตกใจอยู่ที่จู่ๆ มิรินก็ขอในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน ว่าคนอย่างมิรินจะยอมอะไรง่ายๆ มิรินคงคิดว่าผมกำลังมีคนอื่นอยู่แน่ๆ เธอขอให้ผมเป็นเหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องระบุสถานะใดใด มันเหมือนกับว่า เธอยอมเป็นรองผมทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผมไปไหน ผมอยากจะบอกมิรินเหลือเกิน ว่าผมไม่ได้มีใครและไม่เคยคิดที่จะให้มิรินมาเป็นตัวสำรองด้วย เธอคือผู้หญิงที่ผมรักและอยากจะอยู่ด้วยที่สุด แต่ในเวลานี้ ผมไม่สามารถแสดงความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองได้ เพราะผมรับปากแม่เฌอรีนไปแล้ว “ยัยบ้าเอ๊ย...ใครเขาให้เธอเป็นตัวสำรองกัน” ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูรูปที่หน้าจอ “มิรินเป็นเมียโต้งต่างหาก” ผมเอ่ยพูดกับรูปภาพของมิริน พร้อมกับรอยยิ้มที่ผมมอบใครแค่มิรินคนเดียวเท่านั้น 20:20 PM. ผมขับถึงมาเอสทีผับเป็นเวลาสองทุ่มกว่า เมื่อก้าวขาเข้ามายังที่แห่งนี้เสียงเพลงก็ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วชั้น ผมเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นชั้นวีไอพีและเป็นโต๊ะประจำของพวกผมด้วย “มาแล้วเหรอ ไอ้พ่อพระเอก” เสียงทักทายอย่างกวนตีนเป็นใครไปไม่ได้ เลโอนั่นเอง “ทำไม! คิดถึงกูเหรอ” ผมเดินมานั่งลงที่โซฟาข้างราเรซ เพราะมันนั่งอยู่คนเดียวพอดี ส่วนไอ้บิ๊กไบค์กับไอ้เลโอนั้นข้างกายพวกมันไม่ว่างเพราะมีสาวสวยนั่งประกบไว้อยู่ “กูนึกว่ามึงจะชิ่งซะอีก วันนี้ห้ามใครกลับก่อนนะโว้ย” เลโอบ่น “มึงจะนอนที่นี้เลยไหมล่ะ” ราเรซถามเลโอ “ก็ไม่ขนาดนั้น.. นี่! กูหาสาวๆ มาให้ด้วย อย่างทำให้พวกเธอหมดสนุกเพราะอารมณ์บูดของพวกมึงล่ะ” เลโอบอก ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเจาะจงบอกแค่ผมต่างหาก เพราะผมไม่ค่อยสนใจผู้หญิงที่มาเที่ยวด้วยสักเท่าไร “รอนานไหมหนุ่มๆ” สักพักก็มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาทักทายยังโต๊ะของพวกผม ผมหันไปมองแวบเดียวพอรู้หน้าตาแล้วหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าในมือต่อ ตอนที่ผมหันไปมองแม่สาวผมสั้นลุคเปรี้ยวเข็ดฟันพยายามส่งสายตายั่วยวนมาให้ เสียใจด้วยนะ ผมชอบสาวผมยาวมากกว่า ผมเมินใส่เธอทันทีไม่ต้องมาเสียเวลากับผมหรอก . . .“มาแล้วเหรอโบวี่ มานั่งข้างเรามา..” เลโอบอกกับผู้หญิงผมยาวดัดลอน ซึ่งเธอเองก็ส่งยิ้มหวานไปให้เลโอทันที มันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าได้ทำให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างมันอีกคนไม่พอใจ แต่ผู้หญิงที่ชื่อโบวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินไปนั่งข้างเลโอทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นลูบอกเลโอเบาๆ อย่างเอาใจ“นั่งด้วยคนนะ” แม่สาวผมสั้นเดินมานั่งข้างผมทันทีโดยที่ไม่รอคำอนุญาตจากผม“เราชื่อเปรี้ยวนะ เธอล่ะ” ใครกันชั่งตั้งชื่อให้เธอได้เหมาะเจาะขนาดนี้“เธอคงรู้ชื่อฉันอยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้เพื่อนตัวดีมันคงบอกเธอหรือไม่ก็เพื่อนเธอไปแล้วที่เกี่ยวกับฉัน”“ก็รู้แค่ว่า... ชื่อโต้ง มีนิสัยที่หยิ่งมาก ใช่หรือเปล่า”“ตามนั้น” ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว“น่าสนใจจัง” เปรี้ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วของเธอขึ้นมาดื่มบ้าง“ชื่อแคลนะคะ นั่งด้วยคนสิ” เพื่อนของเปรี้ยวอีกคนหันไปพูดกับราเรซ ซึ่งราเรซมันก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้นั่งได้Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrในระหว่างที่พวกผมนั่งดื่มเหล้าปาร์ตี้กันอยู่นั้น
“ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ โต้ง”ในขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีให้มิรินยอมกลับบ้านแต่โดยดี เปรี้ยวก็เดินเข้ามาชิดตัวผมพร้อมกับลูบไล้บริเวณอกแกร่งอย่างเอาใจ สายตาของมิรินจ้องเขม็งมาที่มือของเปรี้ยวก่อนจะหันไปกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว ผมรู้ว่ามันให้มิรินโกรธแต่ผมก็แอบคิดว่า วิธีนี้อาจจะทำให้มิรินยอมกลับบ้านก็ได้“ขอตัวนะ” ผมเอ่ยพูดกับมิรินก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปโอบไหล่เปรี้ยว“ทำไมเป็นนี้ เจ็บมากนะ รู้ไหม..” มิรินไม่ได้หันมามองหน้าผมในระหว่างที่เธอพูด แต่มิรินกลับจ้องมองแก้วเหล้าในมือตาเขม็งพร้อมกับบีบมันแน่นจนมือบางสั่นไหว“มิรินจะปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร จะพยายามโอเครกับทุกๆ อย่างให้ได้มากที่สุด” มิรินหันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอพยายามปั้นมันออกมาเหมือนยินดี“เมาแล้วใช่ไหม เดี๋ยวโต้งไปส่ง” ผมผละตัวออกจากเปรี้ยวแล้วเดินไปยืนข้างมิริน ผมเอื้อมมือหนาไปจับมือบาง แต่ปรากฏว่า...ผมถูกมิรินปัดมือออกอย่างแรง“จะไปทำอะไรกันก็ไปสิ เชิญ!!” มิรินพูดโดยที่ไม่ยอมหันหน้ามามองผม โกรธจริงๆ แล้วสินะ“หยุดกินได้แล้ว
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
รถยนต์หรูจอดสนิทที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกคูหาสามชั้น ข้างๆ ตึกนั้นมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอยู่หลายสนามซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร ฉันลงมายืนอยู่ข้างรถแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบ้านของโต้ง รู้สึกประหม่าจังแฮะ พ่อแม่ของเขาจะชอบฉันหรือเปล่านะ ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นอยู่ในใจ“ป่ะ เข้าบ้านกัน” โต้งเดินมาจับมือฉันแล้วเดินนำเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคูหา“ม๊า” โต้งเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเช็ดตู้กระจกอยู่“อ้าว โต้ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” โต้งเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเขาพร้อมกับหอมแก้มเสียงดังฟอด เวลาอยู่กับแม่นี่ เป็นหมาน้อยเชียวนะ“สาวสวยคนนี้ คือมิรินใช่ไหม” แม่ของโต้งหันมามองฉัน“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันที“สวยจังเลย มิน่าล่ะ ตาโต้งถึงได้ตามหวงนักหวงหนา ถึงขนาดโทรไปขู่ต้นหลิวให้ส่งบอดี้การ์ดไปค่อยดูแลให้เนะ!” แม่ของโต้งพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย นี่แม่เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันแอบส่งสายตาดุไปให้โต้ง แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกแถมยังยิ้มหวานกลับมาให้อีก โต้งยิ้มหวานเหมือนแ
“สวัสดีครับ ผมธนาธร บรรณาลักษณ์ หรือจะเรียกว่า โต้ง ก็ได้ครับ”“คุณธนาธร ยังเด็กอยู่เลยนะครับเนี้ย” มีเสียงหนึ่งจากผู้ร่วมประชุมเอ่ยขึ้น“จะไม่เด็กได้ไง มันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” พี่เฟยพูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ คุณจะทำงานได้เหรอ”“ผมยังเรียนไม่จบก็จริงครับ แต่ผมก็สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ ซึ่งผมก็พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา” โต้งหันไปตอบคำถามจากผู้ร่วมประชุม“ยังไงก็...ช่วยเป็นคุณครูสอนวิชาให้ผมเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ผมเรียนจบ ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ เพราะในตำรากับชีวิตจริงมันต่างกัน จริงไหมครับ ท่านรองประธาน” โต้งพูดกับผู้ร่วมประชุมด้วยท่าทีสุภาพ และท้ายประโยคนั้นได้หันมาพูดกับแม่เฌอรีน พร้อมรอยยิ้มแม่เฌอรีนถึงกลับพูดไม่ออก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันเชิงเป็นคำถามว่า ฉันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ฉันจึงส่ายหน้าตอบกลับแม่ไปตามความจริง“นี่มันอะไรกันค่ะ คุณพ่อ!!”เมื่อการประชุมจบลง แม่เฌอรีนรีบเดินมาหาคุณตาที่ห้
“ถ้าคิดว่าทำให้ถอยได้ก็ลองดูสิ”“โต้ง อือออ”ใบหน้าคมโน้มลงมาซุกไซร์ซอกคอฉันทันทีพร้อมกับที่มือบางถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงนอนที่ข้างหัว ทำให้ฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ใจอยากจะต่อต้านเขาเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงกลับมีไม่พอที่จะผลักไสเขาออกไป ร่างกายของฉันถูกมือหนาถอดเสื้อผ้าออกไปทีล่ะชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิด ทุกส่วนบนร่างกายถูกริมฝีปากหนาครอบครองและทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากสัมผัส“คิดถึงโต้งหรือเปล่า หื้อ..” ริมฝีปากหนากระซิบถามพร้อมกับงับเข้ากับติ่งหูอย่างหยอกล้อ“คิดถึง..อืออออ” ฉันถึงกลับครางเสียงแผ่ว เมื่อช่วงล่างถูกนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้าไปสร้างความปั่นป่วนอย่างวาบหวิว“อยากกลับมาหาโต้งไหม..อ่า..” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดอยู่บริเวณดอกบัวคู่งาม ชวนให้ขนกายรุกชันไปทั่วร่าง“อยากสิ... อ๊ะ!!” ช่วงล่างบิดเร่าตามจังหวะจากมือหนา“ยังรักโต้งอยู่ไหม..” ฉันเลือนสายตาขึ้นมาสบเข้ากับตาคมอย่างแน่วแน่“มิรินรักโต้ง...” โต้งยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ“ขอกินหน่อยนะ” โต้งถอดนิ้วเรียวออกจากส่วนนั้นแล
“จริง ถ้าเธอไม่เชื่อ ถามไลลาดูก็ได้ เพราะตอนที่มิรินบอกกับฉันไลลาก็อยู่ด้วย”ผมหันไปมองหน้าแม่ไลลาที่ผมรักและเคารพท่านเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งเมื่อผมหันหน้าไปหาแม่ไลลา ท่านก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่แม่เฌอรีนพูด ว่ามันคือเรื่องจริง“ทำไมครับ ทำไมมิรินถึงอยากไป” ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี และยังต้องการคำตอบที่มากกว่านี้ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ“ฉันขอโทษนะ ที่ผิดคำพูดกับเธอ แต่มันคือความต้องการของมิริน ซึ่งฉันเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ มิรินก็ดื้อดึงไม่ว่าจะทำอย่างไร มิรินก็ไม่ยอมไป แต่ครั้งนี้ มิรินเป็นคนขอไปเอง”“มันเป็นความต้องการของคุณน้าอยู่แล้วนี่ครับ คงจะสมใจแล้วล่ะซิ” ผมจ้องหน้าแม่เฌอรีนตาเขม็งด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ“ไอ้โต้ง ใจเย็น” ราเรซเดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ เมื่อผมเผลอก้าวเดินเข้าหาแม่เฌอรีนอย่างลืมตัว“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดอีกต่อไป”“นั้นก็แล้วแต่เธอ” แม่เฌอรีนตอบกลับมาด้วยใบหน้าและท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร ท่านคงคิดว่า การที่ส่งมิรินไปไกลผมแบบนั้น คิดว่าผมจะตามไปไม่ได้ล่ะสิ“ผมขอบอก
“แม่ค่ะ”“มิริน”ฉันเดินเข้าไปหาแม่ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับแม่เฌอรีน พร้อมกับสวมกอดแม่อย่างแนบแน่น ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอกฉันแล้ว“เป็นอะไรไปล่ะ หื้อออ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน“มิรินขอโทษนะคะ ที่มิรินดื้อกับแม่” ฉันเงยหน้ามองผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ว่า...ลึกๆ แล้วฉันจะเจ็บปวดอยู่ก็ตาม แต่ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย”“มิรินตัดสินใจแล้วค่ะ”“อะไรลูก”“มิรินจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน”“จริงเหรอลูก” แม่สวมกอดฉันกลับอย่างดีใจฉันไม่อาจทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป เรื่องของฉันกับโต้ง มันคงจบแล้วจริงๆ ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นได้ เพราะฉันทำใจไม่ได้จริงๆหนึ่งอาทิตย์ต่อมา.... ณ สนามบิน“ทำไมมันเร็วแบบนี้อ่ะแก แล้วฉันจะอยู่ยังไง...” เสียงบัวตองพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งด้านหลังของเธอก็มีพี่ยูคอยดูแลไม่ห่าง“
“นี่เธอ...”ผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเจอกับแม่เฌอรีนพร้อมทั้งแม่ไลลา ราเรซและมิริน ผมจึงยกมือไหว้แม่ๆ ทั้งสองซึ่งแม่ไลลาเองก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่เฌอรีนนั้น ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ มองจิกผมอย่างเอาเรื่องเลยล่ะ ผมนึกว่าพากันกลับไปแล้วซะอีก ซวยแล้วไหมล่ะ ท่านต้องเดาออกแน่ๆ ว่าเมื่อคืนนี้มิรินอยู่กับผมไม่ใช่ราเรซ“เธอพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” แม่เฌอรีนมองหน้าผมด้วยสายตาดุร้าว ก่อนจะหันมองหน้ามิรินอย่างจับผิด“ครับ” ผมพยายามซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ใครๆ ก็มองว่าหยิ่งนี้“แสดงว่า....”“รอด้วยสิ โต้ง!!” ท่านกำลังจะถามอะไรผมต่อ ก็มีเสียงของต้นหลิวตะโกนขึ้นมาขัดซะก่อน“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ มีแขกอยู่เหรอ” ต้นหลิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันมาถามผมอย่างสงสัย“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ” ผมคว้ามือต้นหลิวกำลังจะพาเธอเดินออกจากตรงนี้ แต่ว่า.. ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องชะงักกับคำพูดของแม่เฌอรีน“อยู่กับแฟนนี่เอง”“อ้อ ไม่ชะ....” ต้นหลิวกำลังจะปฏิเสธ ผมจึงพูดขัดขึ้นทันที เพราะถ้าห
โต้ง“จำไว้นะ ไม่มีใครแทนที่มิรินได้”ผมเอ่ยพูดกับร่างบางที่กำลังค่อยๆ หลับตาลงอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มิรินจะได้ยินหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่า ผมได้ทำให้เธอสลบคาอกไปแล้วความจริงยาที่ผมกินเข้าไปไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอก ผมพอจะควบคุมมันได้อยู่ แต่ยัยตัวเล็กนี้สิ ดันมายั่วผมสะงั้น แล้วใครมันจะไปทนได้ล่ะครับ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับอีก ก็เลยโดนจัดหนักเข้าให้จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะผมคิดถึงมิรินมากกว่า ผมหยุดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไหม ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามของผมมันก็อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วจะทำให้พวกมันผิดหวังได้ไงผมรู้ทันพวกมันสามตัวดี โดยฉะเพราะบิ๊กไบค์มันรู้ว่าในแก้วเหล้านั้นมียาปลุกเซ็กส์อยู่และที่มันไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกเพราะมันอยากให้ผมกับมิรินได้มีช่วงเวลานี้ด้วยกันบิ๊กไบค์ถึงได้ยุยงให้ผมดื่มแทน เพราะถ้าหากมิรินดื่มเข้าไป เธออาจจะเป็นอันตรายได้ ก็อ่อนแอซะขนาดนั้นน่ะนะ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณในความฉลาดของไอ้บิ๊กไบค์ เพราะมันผมถึงได้อยู่กับมิรินในคืนนี้ ถ้าหากผมไม่ดื่มสิ่งนั้
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม
“เครื่องดื่มสำหรับสาวสวยครับ” จู่ๆ ก็มีบริกรถือถาดเครื่องดื่มที่มีสีสันน่าทานเอามาเสิร์ฟให้ฉัน“ให้มิรินเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ“ใช่ครับ มีโน๊ตมาให้ด้วยครับ” บริกรวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปทันที ฉันก้มหน้าลงไปอ่านแผ่นกระดาษโน๊ตที่แปะมาบนถาด“สำหรับคนสวย ถ้าอยากจะขอบคุณ ขอเป็นเบอร์โทรแทนนะครับ” ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะหันหน้าไปหาราเรซด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“ฝีมือพวกมึงใช่ไหม” โต้งเอ่ยถามราเรซและเลโอ“จะบ้าเหรอ พวกกูก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอด” เลโอตอบ“งั้น ไอ้ไบค์สินะ” โต้งพูด“อะไรมึง” แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินเข้ามาพอดี“มึงใช่ไหม” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์เดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะโน้มหน้ามามองที่ถาดตรงหน้าฉัน“ไม่ใช่กู” บิ๊กไบค์ตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“พวกกูไม่ได้แกล้งมึงหรอกนะ ไอ้โต้ง” ราเรซพูดขึ้นบ้าง“แล้วพี่ควรทำไงเรซ ต้องดื่มมันไหม” ฉันหันไปถามน้องชาย“ไม่ต้องดื่ม” แต่โต้งกลับตอบแทนซะงั้น“เหล้าแก้วนี้แพงอยู่นะ แสดงว่าคนที่สั่งมาให้ ม