14:50 PM.
หลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องเรียนไป ฉันกับบัวตองก็เดินออกจากห้องเรียนมานั่งเล่นยังใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างตึกคณะ อากาศในตอนบ่ายค่อนข้างร้อนมาก แต่พอได้นั่งอยู่ใต้ร่มไม้แบบนี้แล้ว กลับรู้สึกเย็นสบายเพราะมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นไปพลางๆ รอเวลาที่พี่เฟยหลานชายเพื่อนคุณตามารับ ตามที่แม่เฌอรีนของฉันได้บอกไว้ ใจจริงฉันอยากจะชิ่งกลับก่อนซะด้วยซ้ำ ถ้าไม่กลัวว่าจะต้องมาทะเลาะกับแม่ทีหลังน่ะนะ “อาทิตย์หน้ามีเข้าค่าย มึงว่างไหม ไอ้ยู” เสียงพูดคุยดังขึ้นจากโต๊ะด้านหลังของฉัน ปกติฉันก็ไม่ค่อยจะสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่พอผู้ชายคนที่พูดเมื่อกี้ได้เอ่ยชื่อใครบางคนออกมา มันก็เลยทำให้ฉันอดที่จะหันไปมองไม่ได้ และเมื่อฉันหันหลังไปมองสายตาของฉันก็สบเข้ากับเขาคนนั้นพอดี ฉันรีบหันกลับมามองหน้าเพื่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้... เขาทันเห็นรึเปล่านะ คงไม่หรอก เขาไม่รู้หรอก... “แกเป็นอะไรรึเปล่า มิริน ดูท่าทางแปลกๆ” บัวตองถามพร้อมกับชะเงอคอมองไปยังด้านหลังของฉัน “ไม่มีอะไร” ฉันรีบตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างตื่นๆ “แต่ท่าทางแกมันมีพิรุธมากอ่ะ” บัวตองเหล่ตามองฉันอย่างจับผิด และจังหวะที่ฉันคิดว่าเพื่อนจะเลิกสนใจแล้ว แต่เปล่าเลย บัวตองกลับยื่นมือยาวๆ ของเธอออกมาผลักหัวฉันให้พ้นทาง ก่อนที่เพื่อนจะมองไปยังโต๊ะที่ด้านหลังของฉัน “นั่นมันกลุ่มรุ่นพี่ปีสามนิ” บัวตองหันมามองหน้าฉันอีกครั้ง “ก็ใช่ไง ไม่มีอะไรสักหน่อย” ฉันตอบเพื่อน พร้อมกับเซลูกตาไปทางอื่น พยายามทำตัวเนียน แต่ทำไมถึงรู้สึกว่า ยิ่งทำ ยิ่งไม่เนียน “แกตอบฉันมาตามตรงนะมิริน ที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้นนะ แกเล็งใครไว้” สมกับเป็นเพื่อนรักฉันจริงๆ รู้ทันไปซะทุกเรื่อง ฉันรอบถอนหายใจอย่างปลงๆ ฉันไม่มีวันปิดบังอะไรบัวตองได้เลย “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็มองไปเรื่อยแหละ” เรื่องอะไรจะยอมรับง่ายๆล่ะ ขืนตอบไปตามตรงมีหวังโดนยัยเพื่อนบ้าล้อแน่ๆ “พี่ยูใช่ป่ะ” ฉันถึงกับสะดุ้งทันทีที่บัวตองเอ่ยชื่อรุ่นพี่คนนั้นออกมา ก็ดันเดาถูกซะได้ “ไปเป็นหมอดูเหอะ!” ฉันบอกเพื่อนอย่างประชด “จริงด้วย” บัวตองทำท่าชูกำปั้นทั้งสองข้างขึ้นอย่างดีใจที่นางดันเดาถูก “อย่าบอกใครนะ” ฉันกระซิบบอกเพื่อนเสียงเบาหวิว “พูดแบบนี้ เหมือนแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนเลยอ่ะ” บัวตองทำท่าน้อยใจ “ไม่ใช่แบบนั้น..” ฉันยื่นมือไปลูบผมบัวตองเล่น เหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็กน้อย “พอเลยแก ถ้าชอบก็จีบเลยสิ มัวรออะไรอยู่” บัวตองเสนอ “ไม่กล้าอ่ะ พี่เขาฮอตจะตาย คนตามจีบยาวเป็นหางว่าว ฉันสู้เขาไม่ได้หรอก” ก็นะ.. พี่ยูออกจะฮอตในหมู่สาวๆ จะตาย ฉันไม่อยากฝ่าดงตีนเข้าไปหรอกนะ แค่แอบปลื้มก็พอแล้ว “แกสวยออกมิริน มั่นใจหน่อยสิ” บัวตองยื่นมือของเธอมาจับมือฉันอย่างให้กำลังใจ “ไม่กล้าอยู่ดี” ฉันทำหน้าง้อนิดหน่อย เพราะเซ็งตัวเองเหมือนกันที่ไม่มีความกล้าอะไรเลย ติ่ง!! เสียงไลน์กลุ่มดังขึ้น ฉันกับบัวตองแทบจะเปิดดูพร้อมกันอยู่ล่ะ ประธานปีสอง : เรียกประชุมปีสองทุกคน ที่หอประชุม ฉันกับบัวตองหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ประชุมอะไรกันนะ? ฉันกับบัวตองเดินเข้ามายังหอประชุมก็เจอกับน้องปีหนึ่ง ปีสอง พี่ปีสามและพี่ปีสี นี่เขาไม่ได้นัดแค่ปีสองนิ แต่ว่าเรียกประชุมทั้งคณะเลย ฉันเดินมานั่งยังที่ของปีสอง ซึ่งอยู่ติดกับปีหนึ่งพอดี แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปสบเข้ากับสายตาของไอ้เด็กบ้า ที่บังอาจขโมยจูบแรกของฉันไปได้อย่างหน้าโมโหที่สุด ฉันแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาคู่นั้น ที่เอาแต่จ้องฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ใบหน้าก็แสนนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดใด ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ ออกจะยิ้มเก่งซะด้วยซ้ำ... “เอาล่ะครับน้องๆ มากันครบแล้วนะ พี่จะได้บอกทีเดียวเลย หรือใครที่ไม่ได้มาก็ฝากไปบอกเพื่อนๆ น้องๆ ด้วยก็แล้วกันนะ” เสียงพี่แมทประกาศใส่ไมค์ไร้สาย “อาทิตย์หน้า ทางคณะของเรามีกิจกรรมจิตอาสาในโครงการ พี่แบ่งปันน้อง เราจะนำเสื้อผ้าและอาหาร หนังสือเรียน ไปบริจาคให้กับน้องๆ ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด ซึ่งเราจะไปค้างที่นู่นสามวันสองคืน นอนกันที่โรงเรียนนะครับ เพราะเราจะไปช่วยชาวบ้านซ่อมแซมโรงเรียนในส่วนที่ชำรุดด้วย ใครสนใจมาลงชื่อกับพี่ที่ด้านซ้ายมือได้เลยนะครับ อ้อ อาจารย์ฝากมาบอกว่า ใครที่ไป อาจารย์จะมีคะแนนพิเศษให้ด้วยนะครับ” น่าสนุกดีเฮะ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ฉันจะได้หนีความวุ่นวายที่บ้านได้ เพราะถ้าอยู่บ้านมีหวังโดยพี่เฟยชวนไปนุ่นนี้นั้นแน่ๆ “ไปแก ไปลงชื่อกัน” ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับรั้งมือบัวตองให้ลุกขึ้นตาม “ใครจะไปกับแก ฉันไม่ไป..” บัวตองไม่ยอมลุกขึ้นยืน แถมยังรั้งมือฉันให้นั่งลงอีก “ถ้าแกไม่ไป ฉันโกรธ” ฉันแกล้งสะบัดมือเพื่อนไม่แรงมาก ก่อนจะยืนกอดอกแล้วมองหน้าบัวตองอย่างงอนๆ “มิริน แกอย่าเล่นแบบนี้ดิ” แล้วบัวตองก็ยอมลุกขึ้นยืนตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ “จะไปไม่ไป” ฉันถามเพื่อนอีกครั้ง บัวตองพยักหน้าหงึกๆ อย่างไม่เต็มใจนัก ใครสนกันล่ะ แค่เพื่อนยอมไปก็พอล่ะ ฉันจับมือเพื่อนเดินมายังโต๊ะด้านซ้ายมือตามที่พี่แมทบอก มีรุ่นพี่ผู้หญิงอยู่สามสี่คนนั่งรออยู่ คอยรับลงชื่อให้กับน้องๆ ที่จะไปเข้าค่ายจิตอาสาครั้งนี้ และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครออกมาลงชื่อกันด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ชั้นกับบัวตองเอง “น้องผู้ชายครับ อายน้องผู้หญิงสองคนนี้ไหม เธอสองคนเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ เอง แต่มีจิตอาสาที่อยากจะช่วยเหลือ” พี่แมทประกาศอีกครั้ง เมื่อไม่มีใครยอมลุกขึ้นมาลงชื่ออีก ฉันหันหลังไปมองยังกลุ่มน้องผู้ชายปีหนึ่งอยู่กลุ่มหนึ่งก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา อยากจะแกล้งน้องชายตัวเองสักหน่อย ก็นะ.. ฉันมีเพื่อนไม่ค่อยเยอะ ก็อยากให้มีคนรู้จักไปด้วยกันจะได้สนุกกว่านี้ “พี่แมทคะ มิรินขอยืมไมค์แป๊บหนึ่ง จะได้ไหมคะ” พี่แมทมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยอยู่สักพักก่อนจะยื่นไมค์มาให้ฉัน “อะ แฮ่ม” ฉันกะแอ้มเบาๆ พอเป็นพิธี “ราเรซ.... จะปล่อยให้พี่สาวสุดสวยไปคนเดี๋ยวเหรอน้องรัก ไม่ห่วงพี่แล้วใช่ไหม” ฉันพูดผ่านไมค์ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนน้องชายสุดๆ ซึ่งราเรซก็แสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับกลับมาให้ “ก็ได้ๆ พี่นี่.. จริงๆ เลย” ในที่สุดน้องชายสุดที่รัก ก็ยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนโวยวายอย่างอารมณ์เสีย และเมื่อราเรซยืนขึ้นเสียงผู้หญิงทุกชั้นปีก็พูดคุยกันยกใหญ่ “ถ้าผู้ชายคนนั้นไป ฉันไปด้วย” “ฉันด้วยๆ” ว๊าว... ความหล่อของน้องชายมีประโยชน์ดีจริง “พวกมึงด้วยลุกขึ้นเลย” ราเรซหันไปตะคอกเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนให้ลุกขึ้นตาม เลโอกับบิ๊กไบค์ลุกขึ้น แต่... โต้งกลับนิ่งเฉยไม่ยอมลุกตาม ฉันกำลังยืนมองราเรซดุเพื่อนอย่างขำๆ จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาคว้าเอาไมค์ออกจากมือของฉันไปพูด ฉันหันไปมองแทบจะในทันที “ลงชื่อให้เราด้วยนะ อยากไปกับคนสวย..” ริมฝีปากหนาเอ่ยพูดกับคนรับลงชื่อแต่สายตาของเขากลับมองมาที่ฉันอย่างจงใจ “ฮิ้ววววววววว” แล้วทั้งหอประชุมก็โฮ่แซวกันยกใหญ่ ฉันนี่ถึงกับใบ้รับประทาน จ้องมองใบหน้าผู้ชายคนนี้นิ่งค้างตึง เขายืนอยู่ใกล้ฉันมาก มากซะจนได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน....พี่ยู “ไปด้วย!!” . . .“ไปด้วย!! ”ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงห้วนๆนั่น ก็ทำให้ฉันได้สติแล้วล่ะสายตาจากพี่ยูมามองยังเจ้าของน้ำเสียงแข็งๆนี้ ที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างฉันตั้งแต่เมื่อไร เห็นตอนแรกยังไม่ยอมลุกขึ้นยืนเลย แล้วไงมายืนข้างฉันได้เร็วขนาดนี้ ราเรซกับเพื่อนอีกสองคนยังเดินตามมาไม่ถึงเลย ทั้งที่ลุกขึ้นยืนก่อนซะด้วยซ้ำ“ไหนบอกไม่ไปไง ไอ้โต้ง” ราเรซถามขึ้น เมื่อเดินมาถึงตัวเพื่อน“กูเปลี่ยนใจแล้ว” โต้งตอบโดยที่ไม่หันหน้าไปมองราเรซ เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นี่แหละ ไม่รู้จะทำหน้านิ่งไปถึงไหน ฉันเดาใจเขาไม่ออก...ตึกๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆแล้วทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวเขาด้วยนะ ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำผิด ก็เลยกลัวเขาอย่างนั้นแหละ... นี่ก็จ้องอยู่ได้ ไหนจะสายตาเอาเรื่องนั่นอีก“จะไปด้วยเหรอ ไอ้น้อง บอกไว้ก่อนนะ งานนี้น่ะ มันงานแมนๆ ต้องการผู้ชายแมนๆ ไม่ใช่โดนแดดนิดๆ หน่อยๆ ก็วิ่งเข้าร่มนะ” พี่แมทเดินเข้ามาพูดแขวะโต้ง“ผมไม่แมนตรงไหน” โต้งล่ะสายตาจากฉันแล้วหันไปจ้องหน้าพี่แมทแทน“หุ่นมึงบอบบางมากอ่ะ น้อง!” พี่แมทยังแขวะต่อ“ลองชกกันหน่อยไหมล่
“น้องมิรินใช่ไหมครับ”ในระหว่างที่ฉันกำลังยืนดูกลุ่มเพื่อนของราเรซ ก็มีผู้ชายผิวขาวใสเดินเข้ามาทัก ฉันหันมามองหน้าเขา ใช้สายตาเพ่งมองเพื่อนึกให้ออกว่าเคยเจอกันหรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนเข้ามาทักฉันก่อน แถมยังรู้จักชื่อฉันอีก“พี่เฟยเองครับ” เขาเฉลยชื่อของตัวเองทันทีที่ฉันขมวดคิ้วเป็นปม ฉันนึกไม่ออกจริงๆ อ่ะ พี่เขาดูเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูขาวขึ้น จมูกก็โด่งขึ้นด้วย“ออ ค่ะ” ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร“น้องมิรินนี่ สวยขึ้นเยอะเลยนะครับ พี่เกือบจำไม่ได้เนะ ดีนะ ที่คุณแม่เฌอรีนส่งรูปน้องมิรินมาให้พี่ดูก่อน” ระหว่างที่สนทนากัน พี่เฟยนี่ฉีกยิ้มให้ฉันตลอดเวลาเลย เหงือกแห้งแล้วมั้งนั่น“ค่ะ”“เราไปกันเลยไหม คุณแม่เฌอรีนบอกว่า น้องมิรินยังไม่มีชุดใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับพี่เลย เดี๋ยวพี่พาไปซื้อนะ” ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่เฟยก็ร่ายยาวเอาเองเสร็จสับฉันเนี้ยนะไม่มีชุด เหอะ! ฉันมีชุดเต็มร้านเลย ขอบอก... เพราะฉันกับพ่อมิโน่เปิดร้านเสื้อผ้าเป็นแบรนด์ของตัวเองอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง มีทั้งแบบตามสมัย แบบวัยรุ่น แบบออกงานสังคม ร้านฉัน
ห้างสรรพสินค้า.....“ลืมตา”ทันทีที่ลืมตาขึ้น สายตาของฉันก็สบเข้ากับตาคมที่ห่างจากหน้าฉันไม่ถึงคืบ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แววตาดูร่าเร่งและสดใส เสียงหัวใจของฉันเต้นถี่แรง เมื่อได้มองหน้าเขาใกล้ๆ นี่ฉันโดนเจ้าเด็กบ้านี่ทำของใส่หรือเปล่านะ ทำไมฉันถึงล่ะสายตาจากใบหน้าของโต้งไม่ได้เลย ทำไมเขาถึงได้หน้ามองขนาดนี้ ผิวเนียนมาก เขาใช้ครีมบำรุงยี่ห้ออะไร ฉันจะได้ไปหาซื้อมาใช้บ้าง“จ้องขนาดนี้ ไม่กินเลยล่ะ” โต้งกระซิบบอกชิดริมหู และนั่นก็ทำให้ฉันพึ่งได้สติขึ้นมา รีบยกมือบางขึ้นมาดันอกแกร่งของโต้งเบาๆ เพื่อให้เขาขยับถอยออกไป แต่มือหนากลับรวบมือบางของฉันไว้ด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว“พูดบ้าอะไร ใครอยากกินนายมิทราบ” ฉันโต้กลับ พร้อมกับพยายามดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของมือหนา“ก็อยากให้กินอ่ะ” โต้งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย“ไม่กินย่ะ ปล่อยได้แล้ว” ฉันกลิ้งลูกตาไปที่มือ ด้วยแววตาไม่พอใจนิดๆ แต่โต้งกลับนั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจแววตาไม่พอใจของฉันเลยสักนิดเอี๊ยดดดดดดดเสียงเบรกรถดังสนั่นลั่นลาดจอดรถของห้าง ฉั
“พี่แอนค่ะ พ่อยังไม่เข้าร้านเหรอ” ฉันหันไปถามพี่พนักงานคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าแกเป็นใหญ่รองจากฉันกับพ่อเลยล่ะ เพราะพี่แอนทำงานอยู่กับร้านนี้มาหลายปีแล้ว เป็นที่ไว้ใจได้สำหรับฉันกับพ่อ“มาแล้วค่ะ แล้วก็ออกไปแล้วด้วย” พี่แอนตอบ“ว้า.. กะว่าจะได้เจอพ่อสักหน่อย” ฉันยิ้มให้พี่แอนอย่างใจดี พี่แอนก็ยิ้มใจดีตอบกลับมาเหมือนกัน“น้องมิรินครับ” พี่เฟยเดินตามฉันมาด้วยอาการเหนื่อยหอบสุดๆ ใบหน้าพี่เฟยเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมด้านหน้า น่าเห็นใจจัง ฉันจึงเดินไปหยิบกล่องทิชชูที่หลังเคาเตอร์มาซับเหงื่อให้พี่เฟย ซึ่งพี่เฟยก็ยิ้มรับดีใจอย่างออกนอกหน้านอกตา พร้อมกับเหล่ตามองกลุ่มน้องชายฉัน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจทำใส่กลุ่มสี่หนุ่ม ไม่มีใครเขารู้สึกอะไรหรอก นอกจากเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับดุร้าวจนหน้าหวั่นใจ เมื่อเห็นดังนั้น ฉันจึงชักมือตัวเองออกจากใบหน้าของพี่เฟยทันที พร้อมกับยื่นกล่องทิชชูให้พี่เฟยจัดการซับหน้าเอาเองฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวสายตาแบบนั้นของโต้งด้วย ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เพียงแค่เขาส่งสายตาดุมาให้ฉันก็แท
โต้งผมเดินออกมาจากร้านของมิรินด้วยอารมณ์ที่ยังเดือดไม่หาย ผมกะจะชกมันให้หนักกว่านี้อีก ถ้ามิรินไม่เข้ามาขว้างก่อนนะ มันได้สลบคาตีนผมแน่ตุบ!! ตุบ!!เมื่อเดินมาถึงรถผมก็เหวี่ยงแข้งใส่ยางรถไปสองทีติดๆ แต่อารมณ์ผมก็ยังเดือดอยู่ดี เธอคอยแต่ว่าผมอย่างเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้เริ่มก่อน ไอ้หมอนั่นก็สำออยฉิบหาย แม่ง!! เกิดมาเป็นผู้ชายได้ไงวะ โดนชกแค่นั้นร้องอย่างกับควายถูกเชือด“แม่งเอ๊ย!!” ผมสถบคำหยาบออกมาเสียงดังลั่นลานจอด“ใจเย็นๆ ไอ้โต้ง” ราเรซเดินเข้ามาตบบ่าผม“กูเย็นได้แค่นี้แหละ” ผมหันไปตอบเพื่อน“เฮ้ออออ ผู้หญิงนี่ เข้าใจยากเนอะ กูว่า กูชิวๆ แบบนี้แหละดีล่ะ ไม่ปวดหัวเหมือนพวกมึงดี” เลโอพูด“ถ้ามึงเจอคนที่ใช่ มึงจะเลิกคิดแบบนี้ทันที” บิ๊กไบค์บอกเลโอ“ไม่มีทาง กูไม่สนใครหรอก” เลโอบอก“เออๆ กูจะคอยดู” บิ๊กไบค์พูดกับเลโอ“ถ้าคนนี้มันยากนัก มึงก็หาคนใหม่ดิว่ะ ไอ้โต้ง” เลโอหันมาพูดกับผม“พูดนะมันง่าย แต่ทำยากนะโวย เปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องง่าย กูเองก็ยังทำไม่เคยได้เลย” ราเรซตอบเลโอแทนผม แล
ST ผับYou were the shadow to my light Did you feel us Another start You fade away Afraid our aim is out of sight Wanna see us AliveWhere are you now Where are you now Where are you now Was it all in my fantasy Where are you now Were you only imaginary Where are you nowAtlantis Under the sea Under the sea Where are you now Another dream The monsters running wild inside of meI'm faded I'm faded So lost I'm faded I'm faded So lost I'm fadedเสียงดนตรีเบสหนักๆ กระชากใจเหล่านักท่องราตรีทั้งหลาย ในทุกๆ ค่ำคืน ที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างหลั่งไหลเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสายผมนั่งกระดกเหล้าเข้าปากไปแก้วต่อแก้ว ไม่รู้ว่าเผลอดื่มเข้าไปเยอะแค่ไหนแล้ว แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้อารมณ์ของผมยังขุ่นอยู่“แดกให้ตาย มันไม่ตายหรอกนะ”ราเรซแย่งแก้วเหล้าเปล่าๆ ที่ผมพึ่งกระดกเข้าปากไปเมื่อกี้ เอาไปวางไว้ห่างตัวผม การที่ราเรซแย่งแก้วไปแบบนี้ นั่นหมายความว่าผมดื่มเยอะไปแล้ว เพราะถ้าผมยังดูโอเครอยู่ ไอ้พวกน
“ดึกแล้วนะ จะกลับยังไง” ผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องกลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ทุกวัน “กลับแท็กซี่ค่ะ ดึกขนาดนี้คงไม่มีรถเมล์แล้วล่ะ” แก้มใสบอก “ป่ะ! เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “แต่พี่โต้งดื่มแล้วนะคะ จะขับไหวเหรอ” แก้มใสมองหน้าผมอย่างพิจารณา “ใครบอกว่าพี่จะขับล่ะ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะยื่นมือไปให้แก้มใสจับเพื่อดึงมือเธอให้ลุกขึ้นยืนตาม แก้มใสก็ยื่นมือมาจับมือของผมเพื่อเป็นที่ยึดให้ตัวเองลุกขึ้น “ยังไงคะ” แก้มใสหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่งงอยู่ “พี่จะนั่งแท็กซี่ไปส่ง เป็นผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ” ผมยิ้มให้แก้มใสอย่างใจดี ก็นะ...เวลาเห็นแก้มใสแล้วผมก็อดนึกถึงน้องสาวของตัวเองไม่ได้ ต้าหนิงเป็นคนที่ภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในกลับอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ ส่วนแก้มใสแลดูภายนอกเหมือนบอบบาง แต่ภายในเธอกลับเข้มแข็งอย่างน่าน่าทึ่ง ผมรักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ เลยล่ะ ผมจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าหากต้องปล่อยให้เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้านเพียงคนเดียว ผมนั่งแท็กซี่มาส่งแก้มใสจนถึงหน้าบ
เมื่อเดินเข้ามาด้านหลังร้าน ก็เห็นมิรินกำลังวุ่นวายกับการจัดของใส่กล่องลังใบใหญ่ สงสัยจะเป็นของที่จะเอาไปบริจาค มีทั้งเสื้อผ้า อาหารแห้งและอื่นๆ อีกมากมาย“พี่มิริน เรซหาผู้ช่วยมาให้ล่ะ” ราเรซเดินเข้าไปบอกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมิรินหันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้ม แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ รอยยิ้มแสนสวยนั้นก็หายวับไปในทันตา สงสัยจะยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่แฮะ ชกแค่หมัดเดียวเอง มันจะเจ็บสักแค่ไหนกันเชียวมิรินตอนนี้ฉันกับบัวตองกำลังนั่งอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับพี่เฟยอยู่ที่บ้านของเขา ฉันลากบัวตองมางานด้วยเพราะไม่อยากมาคนเดียว ถึงแม่กับคุณตาจะมาด้วยก็เถอะ สักพักพวกท่านก็ต้องไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ร่วมธุรกิจของตัวเองกัน“จะลากฉันมา เพื่อ!!” บัวตองหันมาบ่นฉันด้วยใบหน้าที่เซ็งสุดๆ“ก็ถ้ามาคนเดียวฉันก็จะเซ็งแบบแกนี่ไง” ฉันหันไปตอบบัวตองด้วยความรู้สึกเหมือนกัน“มิรินมานี่หน่อย” แม่เฌอรีนโบกมือเรียกให้ฉันเดินไปหา ซึ่งแม่กำลังคุยกับพ่อแม่ของพี่เฟยและตัวพี่เฟยด้วย ไม่อยากเดินไปหาแม่เลยแฮะ ฉันหันไปมองเพื่อนอย่างขอความช่
ผมนุ้งเพียงกางเกงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเดินลงมายังชั้นล่าง มองหาผ้ากับกะละมังอีกรอบเพื่อนำไปเช็ดตัวให้มิริน“ไอ้โต้ง”“มีไร”“ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ว่ะ แต่ก็ชั่งเหอะ กูไปเอาผ้ามาอาบน้ำดีกว่า” ราเรซบอก พร้อมกับที่มันกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ผมรีบวิ่งไปขว้างหน้ามันไว้ก่อน“อะไรของมึง กูอยากอาบน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว” ราเรซจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด“มิรินอยู่ข้างบน”“แล้วไง นั่นก็พี่กูป่ะ” ราเรซทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ“ไม่ได้!!”“อะไรของมึง ทำอย่างกับว่าพี่กู...เดี๋ยวนะ!! มึงอยู่สภาพนี้..แล้ว พี่มิริน...” ราเรซทำท่าคุ้นคิด ผมจึงพยักหน้าให้มันทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้มันคิดนาน“เฮ้ย!!” ราเรซกระโดนออกจากทางขึ้นบันไดทันที“รอกูอยู่นี้... ให้กูไปจัดการด้านบนให้เรียบร้อยก่อน” พูดจบ ผมก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นบนพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดตัว ผมถือกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ข้างตัวมิรินก่อนจะจุ่มผ้าลงในกะละมังแล้วบิดน้ำออกพอมาดๆ ผมเริ่มเช็ดใบหน้ารูปไข่ก่อน ค่อยๆซับผิวเนียนอย่างเ
“โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” น้ำหวานเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะสัมผัสร่างกายของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ผมคว้าหมับที่ข้อมือของเธอได้ก่อนที่เธอจะสัมผัสโดนตัว“เล่นพอล่ะ ออกไปได้แล้ว” ผมออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ตะ..”“ออกไป!!” คราวนี้ผมตะโกนเสียงดังลั่น จนทำให้น้ำหวานถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอยังยืนอยู่กับที่อยู่อีกไม่ยอมเดินออกไป ผมจึงจับที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากตัวเธอให้ออกไปจากเขตบ้านพักของผม“โอ๊ยยยย”“น้ำหวาน!!”เพื่อนๆ ของเธอรีบวิ่งเข้ามารับเพื่อนตัวเอง เมื่อโดนผมโยนออกมา นี่มารออะไรกัน มารอดูยัยนี่กินผมหรือไง“ไปให้ไกลๆ จากตรงนี้เลยนะ ก่อนที่โต้งจะหมดความอดทน”“ไปเถอะน้ำหวาน” เสียงเพื่อนเธอคนหนึ่งบอก แล้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ของเธอก็เดินหายไปจนหมดผมรีบเดินกลับขึ้นมาดูมิรินว่าเธอตื่นหรือเปล่า ที่ผมตะคอกน้ำหวานเสียงดังเมื่อกี้จะทำเธอตกใจตื่นหรือเปล่านะ เมื่อผมเดินขึ้นมาบนบ้านก็เจอกับมิรินกำลังนั่งทำหน้าหมุ่ยอยู่บนที่นอน“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ม
21:30 PM.ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง“เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น“ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันทีเมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน“เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ“เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ“ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง“ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ป
ติ่ง!! บัวตอง : แกอยู่ไหน มิริน มิริน : แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตามมานะ มิริน : ฉันอยากอยู่คนเดียว บัวตอง : ตามใจแกแล้วกัน บัวตอง : มีอะไรก็โทรบอกฉันนะ ขอโทษนะบัวตอง แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครจริงๆ ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ อยากจะคิดทบทวนอะไรสักหน่อย ทำไมความรู้สึกมันถึงยุ่งยากเหลือเกินนะ เฮ้ออออ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับฟู้กอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา ทำไมมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ เขาจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องตะคอก ต้องเสียงดังใส่ตลอดเลยหรือไง.... 18:30 PM. ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกที่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาที่พักเลยสักคน ไปไหนกันหมดนะ? ฉันลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อมองหาคนอื่นๆ และเมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นนักจิตอาสาทั้งหลายรวมกันอยู่ที่สนามฟุตบอล ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันฟุตบอลกันอยู่ ฉันจึงเดินไปดูที่ข้างสนามก็เห็นกลุ่มของโต้งกับพี่ยูแ
“ไหนบอกไม่ชอบไง” ฉันหันไปมองตามน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น “น้ำหวาน” ฉันเอ่ยชื่อเธอ “เธอนี่ ก็ตอแหลเป็นเหมือนกันเนอะ มิริน” น้ำเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉันพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง “อย่ามาพาลแถวนี้ น้ำหวาน ผู้ชายไม่มองแค่นี้ ก็เดือดซะแล้วเหรอ” ฉันกอดอกจ้องหน้าน้ำหวานกลับอย่างไม่เกรงกลัว “หึ รู้ได้ไง ว่าเขาไม่มอง เขากับฉันที่เอสที่ผับวันนั้น..” “มีแค่เรื่องเดียวสินะ ที่เธอเอามาเล่าไม่จบสักที” ฉันพูดสวนทันทีเมื่อน้ำหวานเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ฉันต้องเชื่อใจโต้ง เพราะเขาบอกฉันแล้ว ว่ามันไม่มีอะไร ฉันต้องไม่คิดตามยัยน้ำหวาน ฉันต้องเชื่อใจเขา “เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเราทำอะไรกันบ้าง” น้ำหวานยังพยายามพูดขึ้นมาอีก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ น้ำหวาน ว่าโต้งเขาจูบเก่งหรือเปล่า” ฉันจ้องหน้าน้ำหวานด้วยสายตาราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดใด เพราะฉันรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ หล่อนต้องการให้ฉันโมโห เธอไม่มีวันสมหวังหรอก “นะ..แน่นอน เขาจูบเก่งที่สุด” น้ำหวานถึงกลับพูดตะกุกตะกัก แค่นี้
มิริน ฉันยืนดูอยู่นานล่ะ จะแสดงความรักต่อกันอีกนานไหม ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้ผู้ชายมักมาก ไหนบอกว่ารอฉันคนเดียวไง โกหกทั้งเพ “น้ำค่ะ พี่ยู” ฉันถือขวดน้ำไปให้พี่ยูเมื่อเห็นว่าพี่เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย “โทดทีครับ พอดีมือพี่เปื้อน เดี๋ยววางไว้ก่อนนะ” พี่ยูตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิรินป้อนให้” ได้โอกาสเอาคืนบ้างล่ะ ฉันเปิดขวดน้ำแล้วเอาไปจ่อที่ปากของพี่ยู เพื่อให้พี่เขาดื่มได้ถนัด ฉันชำเลืองไปมองผู้ชายมักมากคนนั้น เขาส่งสายตาดุดันมาให้ฉัน ใครสนกันล่ะ ทีตัวเองยังทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ “ขอบคุณครับ” พี่ยูส่งยิ้มหวานมาให้ “แหม่ๆ เบาๆ หน่อยสิ คู่นั้นน่ะ อิจฉานะ” น้ำหวานพูดแซว ฉันหันไปมองน้ำหวานและก็ได้เห็นสีหน้าของโต้งเริ่มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แต่แววตากลับดุดัน ฉันไม่ชอบที่เขาทำหน้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันเดาใจเขาไม่ออก มันน่ากลัวมาก.. สู้ให้เขาแสดงออกเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีกว่า “ไปกันเถอะ บัวตอง” ฉันรีบคว้ามือบัวตองให้เดินหนีจากตรงนี้ทันที ทั้งที
โต้ง : นอนยัง มิริน : ... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : มิริน มิริน :... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : ตอบผัวหน่อยสิครับ มิริน : โต้ง!! โต้ง : เนะ จำได้ด้วย น่ารักจัง มิริน : ไปเอาเบอร์มาจากไหน โต้ง : น้องเรซให้มา มิริน : บังคับเรซล่ะสิ โต้ง : รู้ใจผัวซะจริง มิริน : โต้ง!! โต้ง : ครับ มิริน : ง่วงแล้ว โต้ง : ฝันดีครับ มิริน : อืม โต้ง : แค่เนี้ย! มิริน : ฝันดีค่ะ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนหลับฝันหวานทั้งคืนแล้วล่ะ ผมหันไปคว้าเอาแขนของราเรซมากอดพลางนึกไปว่ามันคือมิริน พร้อมกับพรมจูบเบาที่ต้นแขนของราเรซ “หนักล่ะ มึง” ราเรซบ่น พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกห่างจากแขนของมัน ตุบ!! “โอ๊ย!! ไอ้เชี้ยโต้ง” เมื่อมันไม่ให้ผมกอดแขน ผมก็เลยถีบมันหนีซะเลย ก่อนจะหันมาอีกฝั่งแล้วนึกถึงใบหน้าของมิรินต่อ...
โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
สามสิบนาทีต่อมา.... เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีก