Share

บทที่ 1 บอกรัก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-13 02:34:18

“ข้ารักเจ้า” 

เสียงของหญิงสาวผู้ที่ปกติน่ารักอ่อนหวานและขี้อายอยู่เสมอ พูดบอกรักอย่างไม่อายปาก นางโยนทิ้งสิ้นทั้งสามคุณธรรมสี่คล้อยตาม ครั้งนี้นางตัดสินใจเด็ดขาด จะไม่ยอมปล่อยเขาไป

“ข้าจะอยู่กับเจ้า ตายพร้อมเจ้า” หมิงอันประกาศกร้าวต่อหน้าเขา

คุณชายเยว่สือ มองตอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเงียบขรึม ก่อนจะถอนหายใจและหันหลังเดินต่อไป ไม่สนใจสิ่งที่หมิงอันพึ่งจะใช้ความกล้าทั้งหมดพูด

“เจ้าห้ามเดินหนีนะ! ข้าเอาจริงนะ!” หมิงอันพูด 

ที่จริงแล้ว นางอยากไล่ตามจับมือเขาให้เขาหยุดเดิน แต่นางไหนเลยจะกล้าแตะต้องตัวเขา ได้แต่ใช้สองเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปขวางทางเดินเขาเอาไว้ น่าเสียดายที่เขาทั้งขายาวทั้งเดินเร็ว ต่อให้นางวิ่งแล้วก็ยังตามไม่ทันฝีเท้าของเขา หมิงอันไล่ตามเท่าไหร่ก็ยังตามไม่ทัน จึงตะโกนออกไปสุดเสียง

“เจ้าหยุดนะ!” 

คุณชายเยว่สือหยุดชะงัก ไม่กล้าก้าวเดิน บางอย่างบีบรัดในอกของเขา ได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาวเดินเร็วๆตามมา นางใกล้เข้ามาแล้ว.. เขากำหมัดแน่น วิ่งทะยาน เหินขึ้นไปบนยอดไผ่ แตะปลายเท้าเบาๆและบินหนีไป

หมิงอัน ยืนมองเขาหนีไปด้วยความโกรธจัด นางไม่ยอมรับ พื้นที่แถวนี้ นางวิ่งไปมาเป็นร้อยๆครั้ง นางไม่เชื่อว่าตัวเองจะตามเขาไม่ทัน เพียงแต่หมิงอันไม่มีวรยุทธเช่นเขา ได้แต่ต้องเดินด้วยเท้าเท่านั้น

หมิงอันเดินตามจนสุดป่าไผ่ เห็นหน้าผาสูงชันตระหง่านตรงหน้า มีบันไดเชือกสำหรับใช้ปีนขึ้นไปข้างบน แม้หน้าผาจะสูงชัน แต่ถ้าปีนบันไดนี้ขึ้นไปจนถึงด้านบนก็จะเจอกับเรือนไม้ไผ่ที่งดงาม ท่ามกลางสายลมเย็นสบาย ที่นั่นเป็นที่พักของเขา หมิงอันตัดสินใจแน่วแน่ นางจับเชือกและเริ่มปีน แม้ในใจจะสั่นกลัวแต่นางยอมแพ้ไม่ได้

คุณชายเยว่สือ เห็นเรือนไม้ไผ่ของตัวเองอยู่ตรงหน้า เขาถอนหายใจอย่างยากลำบาก เดินเข้าไปในเรือนก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออก ใช้เสื้อตัวนั้นเช็ดคราบเลือดที่ปาก เยว่สือมองคราบเลือดแล้วโมโหสุดขีด ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดโยนทิ้งลงเตาไฟ เดินไปหลังบ้านเพื่อตักน้ำจากถังเก็บน้ำขึ้นมาล้างเนื้อตัว ลงไปแช่น้ำเย็นจัดในถังอาบน้ำใบใหญ่ เขาล้างทำความสะอาดอยู่นาน แม้ตามเนื้อตัวของเขาจะสะอาดและขาวเนียนแล้ว แต่เขาก็ยังคงขัดตัวหลังจากนั้นอีกนาน

ในที่สุดเขาก็เดินตัวเปลือยเปล่ากลับเข้ามาในบ้าน หยิบผ้าที่วางเป็นระเบียบตรงทางเข้าประตูมาเช็ดตัวและเอาผูกเอวบิดบังท่อนล่างไว้ เขาเดินไปที่เตาไฟ จุดไฟเผากองเสื้อผ้า เขามองกองไฟลุกไหม้เสื้อผ้าราคาแพงที่ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสามารถทอได้ผืนหนึ่งด้วยความรู้สึกสงบนิ่ง เปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ กลายเป็นแสงสว่างและความร้อน อย่างน้อยเสื้อผ้าชุดนั้นก็ได้ทำประโยชน์

“ว้ายยยย” 

เยว่สือหันควับไปยังเสียงกรี๊ดนั้น เห็นประตูบ้านตัวเองเปิดอ้า เป็นคุณหนูหมิงอันที่กำลังหันหลังให้ ใช้สองมือปิดหน้าด้วยความอับอาย สองใบหูแดงก่ำ 

“เจ้า ..เจ้า..เจ้า เจ้ารีบใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า” นางพูดตะกุกตะกัก

“ข้าไม่ได้ปิดประตูไว้หรือ?” เขาถามเสียงเรียบ

“คือข้า..เจ้านั่นแหละ เอ่อ..คือ..เจ้าปิดแล้วล่ะ แต่ไม่ได้ลงกลอนไว้ ข้าไม่ได้ตั้งใจ คือ..มันแค่ คือข้าเห็นว่ามันเปิดไว้เล็กน้อย ข้า...ข้า” หมิงอันพยายามแก้ตัว แต่ก็ยอมแพ้ในที่สุด สองมือยังคงยกปิดหน้าตัวเองไว้

เขาเดินไปหยิบเสื้อนอกตัวใหม่ที่แขวนอยู่มาสวมง่ายๆ เดินไปหลังบ้านหยิบขวดยาสองสามขวด และเดินกลับเข้าเรือนไผ่ นั่งลงโต๊ะเล็กกลางบ้าน

“มานั่ง” เยว่สือสั่งเสียงเรียบ มือยังคงวุ่นวายจัดเตรียมยา

หมิงอันรู้สึกผิดและอับอาย แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา นางยังคงใช้สองมือปิดหน้า ค่อยๆถอยมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ เปิดนิ้วมือเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองมองเห็น แต่พอเห็นอกขาวๆของชายหนุ่มก็รีบปิดอีกครั้ง ทั้งยังหลับตาปี๋ กลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเข้า

“ยื่นมือมา” เขาสั่งอีก

หมิงอันค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งให้เขา หลับตาปี๋หันหน้าไปทางอื่น มีคราบเลือดจากฝ่ามือติดบนแก้มของนางด้วย

เขามองฝ่ามือเล็กที่เป็นแผลถลอกบ้าง มีเลือดซึมเล็กน้อยบ้าง และเป็นรอยแดงเต็มไปหมดบ้าง ก่อนจะใส่ยาให้อย่างทะนุถนอม ไม่ต้องสงสัยว่าได้แผลมาจากไหน นางปีนหน้าผาขึ้นมา!

หน้าผานั่น ทั้งสูงชันและอันตราย นางยังคงดื้อดึงปีนขึ้นมา แน่นอนย่อมต้องมีแผล เขาไร้คำจะต่อว่า ได้แต่ทำแผลให้ นางเป็นเช่นนี้เสมอ และเขาต้องทำแผลให้นางเช่นเดิม เสมอ

เยว่สือใส่ยาด้วยความรู้สึกหนักหน่วง บางสิ่งในอกบีบรัดจนเจ็บปวด เขาไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกเช่นไร เขารู้เพียงเวลานี้ เขาโกรธนางมากจริงๆ แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย ซึ่งเป็นผลจากการที่เขาฝึกฝนควบคุมอารมณ์มานาน

“ซี๊ด..” หมิงอันเจ็บแสบจากฤทธิ์ยา แต่ไม่กล้าร้องโวยวาย ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นๆ กลัวเขาจะโกรธและหนีไปอีก นางต้องอดทนให้ได้

เยว่สือเห็นท่าทางของเด็กสาวตรงหน้าแล้ว ได้แต่ระอาใจ 

‘นางต้องการสิ่งใดกันแน่ ทำราวกับไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ทั้งที่รู้ทุกอย่างดี’ เขาคิด

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 2 คิดสามครั้ง

    เห็นท่าทางที่นางพยายามเก็บความเจ็บปวดแล้ว เขารู้สึกสงสารก็สงสาร แต่โกรธก็ยังคงโกรธ จึงแกล้งบีบมือแรงขึ้นอีกเล็กน้อย ให้นางรู้สึกเจ็บเสียบ้าง ต่อไปจะได้จำได้ว่าถ้าปีนขึ้นมาก็ต้องได้แผลเช่นนี้ และเจ็บเช่นนี้ ถึงแม้ในใจลึกๆ ของเขาจะรู้ดีว่านางไม่มีทางหลาบจำ ก็ในเมื่อนางทำเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งก็ต้องมีแผล ทุกครั้งจะถูกเขาดุด่าเสมอ แต่นางก็ยังทำ และเขาก็ต้องมานั่งกลัวทุกครั้งว่านางอาจพลัดตกลงไปจริงๆ สักวัน“อีกข้าง” เขาบอกหมิงอันยื่นมืออีกข้างให้ แต่ไม่กล้าหันมามองอกเปลือยของเขา จึงพยายามหันหลบ หลับตาแน่น เยว่สือเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แกล้งดึงแขนนางแรงๆ ให้นางหันมาทางเขาจะได้ใส่ยาได้สะดวก แต่นางกลับทรงตัวไม่อยู่ ถลาเข้าอ้อมสู่อกของเขา นางตกใจลืมตา ใช้สองมือยันหน้าอกเขาไว้!!ไม่ใช่แค่ได้เห็น แต่ยังได้จับสัมผัส! หัวใจของหมิงอันแทบจะหยุดเต้น หน้าแดงยิ่งกว่าผลท้อ มือข้างหนึ่งพันแผลแล้วจึงไม่เป็นอะไรมาก แต่อีกข้างเจ็บแสบจากการสัมผัส หมิงอันจึงรีบยกมือถอยออกมาเล็กน้อย“ข้า...ข้า..ไม่ใช่ข้านะ ..ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางพูดเสียงตะกุกตะกัก แต่สายตายังคงแอบชำเลืองอกเปลือยของเขา เห็นว่ามีคราบเลือดจา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 3 ความฝัน [warning]

    …มือใหญ่บีบหลังหัวของเขาจนเจ็บ กดเขาไว้กับหมอน ฉีกทึ้งกางเกงตัวในของเขาจนขาด เขารับรู้ถึงบางอย่างที่แทรกเข้ามาทางทวาร มันเจ็บจนเขาทนไม่ไหว ราวกับบางอย่างฉีกขาด เขาไม่แน่ใจว่าเป็นหัวใจของเขาหรือเนื้อตัวของเขา รู้แต่ว่าเขาร้องไห้จนตอนนี้น้ำตาแห้งเหือดแล้ว เขาทั้งอ้อนวอนขอความเมตตา ทั้งหวาดกลัวหลบหนี บางครั้งถึงขั้นต่อสู้ แต่ปีศาจตัวนั้นก็ไม่ปราณีเขา เขาไม่เคยชนะ เขาต้องอดทนจนกว่าปิศาจตัวนั้นจะสงบลง มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิม เขาเป็นเพียงของเล่นของปีศาจเท่านั้น วันนี้ก็เช่นกันหลังจากที่เขาถูกย่ำยีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งทางปากและทางทวาร ถูกกระแทกซ้ำๆ จนเลือดไหล จนเขาขยับไม่ไหว ในที่สุดปีศาจตัวนั้นก็พอใจ ปลดปล่อยความคลั่งขาวขุ่นในปากของเขาและลุกขึ้น ปล่อยเขานอนนิ่งไม่ไหวติงที่เตียงหยก จนขันทีต้องมาเร่งให้เขารีบออกไปจากที่นี่ แม้เจ็บปวดคราบน้ำตาเต็มหน้า แต่เขาก็ต้องอดทนลุกขึ้น หากไม่แล้วเขาจะต้องถูกฆ่าแน่ เขายังถูกฆ่าไม่ได้ เขายังมีคนให้ต้องปกป้อง เขาถูกขันทีพยุงให้เดินออกจากห้องนั้น ระหว่างกำลังเดิน เขาเห็นบางอย่างขยับเล็กน้อยทางหางตา จึงหันไปมอง และเขาก็ต้องเจอกับส

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 4 ชั่ววูบ

    ฮ่องเต้ตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกตกต่ำยิ่งกว่าการเป็นคน เพราะฮ่องเต้รับรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีให้กับเด็กหญิง เขาโกรธจนทำอะไรไม่ถูก แต่ฮ่องเต้กลับหัวเราะดีใจที่ในที่สุดก็ได้เห็นเขาแสดงอารมณ์ออกมาบ้างเยว่สือนึกถึงเรื่องราวแย่ๆเพราะความฝันนั้น ฝันร้ายที่ชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นใหม่เมื่อครู่ เขาพยายามหายใจเพื่อบรรเทาอาการปวดที่หัวใจ แต่เมื่อหายใจได้คล่องเล็กน้อยบ้าง ในหัวกลับเริ่มได้ยินเสียงบอกรักอีกครั้ง เขาจึงจับกระบี่เล่มเล็กตรงมุมห้องเดินออกไปที่ลานและเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่ เขาต้องหาอะไรสักอย่างทำ ไม่เช่นนั้นเขาคงทนรับรู้ความเจ็บปวดที่หน้าอกไม่ไหวแน่ เขาหนีออกมาอยู่คนเดียวที่หอเรือนไผ่ ปล่อยข่าวแย่ๆของตัวเองก็เพื่อหนีจากนาง เพื่อให้นางหนีไปจากเขา ไม่ใช่เพื่อให้นางมาบอกรักเขาเช่นนี้ ความรู้สึกของเขาหรือของนาง เขามองไม่เห็นวันข้างหน้า ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นแต่ความมืดมิด ไม่มีชีวิตที่อยู่ร่วมกันได้ ราวกับอยู่คนละฝั่ง ไม่อาจเอื้อมถึงอีกคน แม้หัวใจจะร่ำร้องมากเพียงใดก็ตาม การที่นางมาบอกรักด้วยสายตามุ่งมั่นจึงทำให้เขาโมโหจนไม่รู้จะทำเช่นไร โกรธนางที่โง่เขลา แต่โกรธตัวเองที่ไร้หนทา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 5 ร้องไห้

    เขาวางนางลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวเล็กกลางห้อง ตัวเดียวกับเมื่อตอนบ่าย เดินไปหยิบขวดยาหลังบ้านเช่นเดิม และมานั่งใส่ยาให้นางเช่นเดิม ไม่ยอมพูดกับนาง หมิงอันได้แต่นั่งนิ่งๆยื่นมือให้เขาใส่ยาให้ ใส่ยาเสร็จก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อมาคลุมให้นาง“ข้าไปส่ง” เขาพูดออกมาในที่สุด“ข้าไม่กลับ” “เจ้าโง่หรือไร” เขาหันมาดุนาง“ข้าไม่กลับ หากเจ้าไปส่งข้า ข้าจะปีนกลับขึ้นมาอีกครั้ง จะตามติดเจ้าจนกว่าเจ้าจะหยุดไล่ข้า” หมิงอันตอบอย่างแน่วแน่เยว่สือเห็นแววตาของนางที่บอกเขาว่านางเอาจริง เขาโกรธมากเพียงใดก็ได้แต่กระแทกตัวเองนั่งลง“เจ้าจะทำเช่นไร อยู่กับข้าเช่นนี้ไปจนกว่าข้าจะตายหรือ” เขาตัดสินใจพูดเรื่องที่เขากลัวในที่สุด“ข้าจะอยู่กับเจ้า ตายพร้อมเจ้า” หมิงอันพูด“เพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าพูดคำพล่อยๆเช่นตอนบ่าย!” เขาถามโกรธๆ น้ำเสียงเริ่มสั่นเล้กน้อย“ไม่ใช่ ข้ารักเจ้ามานาน นานมากแล้ว เจ้าน่าจะรู้ แต่ข้ายอมรับว่าความจริงเรื่องเจ้าจะตายทำให้ข้ากล้าหาญมากพอจะพูดความในใจ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไว้ ข้าไม่บอกรักเจ้าเพราะทุกครั้งที่เราพบกัน เจ้าทำหน้าตาคล้ายว่าไม่อยากอยู่ใกล้ข้า ข้าแค่ไม่ต้องการให้เจ้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 6 เป็นปีศาจ

    เยว่สือค่อยๆใช้มือชันลุกออก แต่ก็ขยับออกเล็กน้อย และดึงหมิงอันขึ้นมานอนกอดกันบนเตียง “เจ้ารู้ได้อย่างไร” เขาถาม“ข้าแอบตามเจ้าไป และได้ยินท่านหมอพูด” นางอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง แต่ยามนี้เขาตัดสินใจจะโยนทุกอย่างทิ้ง ไม่สนใจจะดุด่านางอีก ในเมื่อนางโง่เขลาเช่นนี้ เขาตีตัวออกห่างอยู่หลายปีก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เขาตั้งใจจะคว้านางไว้ แม้ในใจจะหวาดกลัวและเสียใจที่ไม่กล้าหาญมากพอจะคว้านางมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ไม่สายเกินไป “เจ้า..ไม่รังเกียจข้าหรือ?” เขาถามเสียงเบา“ข้ารักเจ้า” หมิงอันยังคงหนักแน่น “ข้า..น่ารังเกี..!” หมิงอันรีบยกมือปิดปากเขา“เจ้างดงาม ไม่มีที่ใดเปื้อนมลทิน เจ้ายังคงเป็นเจ้า และข้ารักเจ้า รักทั้งหมดที่เป็นเจ้า” นางพูดท่ามกลางแสงตะเกียงสลัวที่ใกล้มอด เยว่สือมองตาที่สาดประกายเจิดจ้าของหมิงอัน เขาตื้นตันในอกจนหายใจไม่สะดวก ได้แต่ดึงหญิงสาวที่กล้าหาญตรงหน้ามากอด ภาวนาให้ตัวเองมีเวลามากขึ้น“ไม่เสียใจแน่ใช่หรือไม่?” เขาเสียงสั่นจะร้องไห้อีกครั้งหมิงอันส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เสียใจ....และทั้งสองก็เงียบไปครู่หนึ่ง“ท่านแม่ของเจ้าล่ะ เจ้าบอกนางหรือยัง?”“นาง....นาง..ตายแล้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 7 หอมแก้ม

    “ข้าต้องการเจ้า อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า แต่ข้ากลับทำไม่ได้ ถึงแม้ข้าจะรู้ตัวดีว่าใกล้ตาย แต่ข้าก็ยังเห็นแก่ตัว กอดกกเจ้าเอาไว้ทั้งคืน ข้ารู้ดีว่าต่อไปเจ้าจะต้องถูกผู้คนดูแคลน แต่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ อยากกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขน เจ้าก็โง่เขลานัก ไม่รู้จริงหรือว่าข้าเป็นสามีของเจ้าไม่ได้ ไม่รู้หรือข้าเป็นตัวประหลาดในสายตาผู้คน ต่อให้ข้ารักเจ้าแทบสิ้นใจ ในภพนี้ข้าก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวชิงตัวเจ้ามาครอบครอง ต่อให้ข้าบังอาจอาจหาญชิงตัวเจ้ามา ข้าก็ไม่สามารถครอบครองเจ้าได้ ข้ามันโง่นัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวข้าจะต้องตาย แต่ก็ยังดึงให้เจ้ามาแปดเปื้อน ข้ามันสารเลว ที่ไม่รู้จักเจียมตัว เป็นเพียงมดแดง แต่อาจหาญจะขย่มไม้ใหญ่” เยว่สือตะโกนด่าทอตัวเองและโชคชะตาสำหรับหมิงอันตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดยาวเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาอย่างไม่ต้องพยายามเก็บเอาไว้ นางรับรู้ถึงความโกรธเคืองของเขา รับรู้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่อาจครอบครองนาง ในที่สุดนางก็ได้รู้ว่าเขาก็รักนาง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาถูกบีบจึงไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดว่ารักนาง “อื้ม ข้าก็

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ไม่คู่ควร

    หมิงอันวิ่งไปควานหาเชิงเทียนและชุดไฟ เป่าจุดเทียนให้ความสว่างในห้อง นางใช้เวลาไม่นานเพราะนางถือว่าคุ้นเคยกับหอเรือนไผ่มาก พอจะจำได้ว่าของสิ่งใดเก็บไว้ที่ใด ต่อมาในห้องมืดก็สว่างขึ้น เยว่สือหันหลังให้นาง ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก เขาพยายามถอดเสื้อตัวนอกออกและโยนทิ้งบนพื้นเพื่อปกปิดกองเลือดที่เขาเพิ่งจะอวกออกมา แต่หมิงอันเห็นกองเลือดนั่นแล้ว “ไม่ต้องกลัว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เจ้าคิด” เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงว่านางจะกลัว เขารู้ดีว่านางหวาดกลัวเลือดมากเพียงใด หลายปีก่อนตอนที่มีคนตามล่าเขาและนางบังเอิญอยู่กับเขาพอดี เขาทิ่มแทงกระบี่ทะลุคอของอริ เขานิ่งสงบ นางกลับหวาดกลัวไม่ยอมออกจากห้องนอนหลายวัน เพียงแต่ยามนี้แม้นางจะหวาดกลัวมาก ในใจของหมิงอัน นางกลับเป็นห่วงเขามากกว่า “เจ้าโง่ไปแล้วหรือ?!!!!” นางตะคอกใส่เขาหมิงอันวิ่งไปกอดเขาไว้จากด้านหลัง น้ำตาไหลริน“เจ็บหรือไม่ ข้าไม่ดีเอง ปกติข้ากินเยอะไป ตัวข้าจึงหนักมาก เมื่อครู่เจ้าต้องมาอุ้มข้า ทำให้พิษกระจาย ข้าขอโทษ” นางร้องไห้ขอโทษ“ไม่ใช่เจ้า” เยว่สือตอบสั้นๆเขารู้ดีว่าพิษจะกระจายต้องขับพลังภายใน เพียงอุ้มนางสองสามครั้ง ไม่ทำให้เขาบา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 ชื่นชม (จบ)

    “หยุด เจ้าจะไปไหน มานั่ง ต้องเช็ดผมก่อน” นางบังคับเยว่สือแม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่แววตาเป็นประกาย เขาค่อยๆนั่งลง นั่งหันหลังปล่อยให้นางหาผ้าแห้งมาเช็ดผมของเขา ในความฝันของเขา ในอีกชีวิตหนึ่ง หรือภพอื่น เขาเฝ้าฝันว่าเขาไม่ต้องเป็นตัวประหลาด ไม่ถูกย่ำยี เขาได้เรียนวิชาดาบตัดวายุของสำนักตวนอู่ เขาได้แต่งงานกับอันอันผู้เป็นที่รักของเขา ได้ใช้ชีวิตปกติ ยามค่ำคืนหลังมื้ออาหาร หลังจากอาบน้ำ นางจะเช็ดผมให้เขาเช่นนี้ และเอ่ยชื่นชมผมสลวยของเขาอย่างหลงใหลโง่งม“ผมของเจ้า งดงามราวกับเส้นไหมเลย ข้าชอบมากเวลาได้สัมผัส” หมิงอันพูดขึ้น“หึ..” เขายิ้มขำอย่างลืมตัวเขานึกอยู่แล้วว่านางต้องพูดคำชื่นชมโง่ๆเช่นนี้ แต่หมิงอันกลับตกใจกับเสียงหัวเราะของเขา รีบจับไหล่เขาบังคับให้เขาหันมาเผชิญหน้า“เมื่อครู่..เจ้าหัวเราะเยาะข้าหรือ?” นางถามเขายื่นสองมือไปจับสองแก้มนุ่มของนาง ดึงหมิงอันลงมาจูบ คราแรกหมิงอันตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ แม้เขาจะล้างปากไปแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดยังคงฟุ้งในปาก หมิงอันไม่อยากใส่ใจ ยกสองมือคล้องคอเขาไว้ ทิ้งตัวนั่งบนตักของเขา ปล่อยให้เขากลืนกินริมฝีปากของตัวเองเยว่สือรู้ว่าไม

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status