หลานหนีกัดฟันกดหมายเลขอีกสองสามหมายเลข ล้วนแล้วแต่สายไม่ว่างเมื่อเขาโทรไปครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รับสายจากโทรศัพท์มือถือของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย“คุณนี่โทรมาไม่เลิกเลยนะหลานหนี บอกฮั่วจิ้นเฉิงด้วยว่าเขาพลาดนิทรรศการนี้ไปแล้ว”หลี่เกอพูดอย่างไม่อดทน และอีกฝ่ายก็เงียบไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคำสองคำสั้น ๆ ออกมาว่า “ผมเอง”เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลีเกอก็ใจหายฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้เลย “ฮั่วกรุ๊ปได้เพิ่มส่วนแบ่งเงินทุนจากสามร้อยล้านเป็นห้าร้อย ล้าน มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมในนิทรรศการนี้หรือยัง?”ในขณะนี้ หลีเกอกำลังนั่งอยู่ในซุปเปอร์คาร์ของหลีหรานแล้ว “ฮั่วจิ้นเฉิง คุณคิดว่านี่สนุกมากไหม?”เมื่อครู่เห็นเธอยุ่งมาก หลีหรานก็ยืนกรานที่จะลากเธอไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนในดูไบให้ได้ เธอทนไม่ไหว จึงต้องขึ้นรถมากับเขา“ถ้าห้าร้อยล้านไม่พอก็หนึ่งพันล้าน ถ้ายังไม่ได้ ผมจะรายงานต่อหอการค้าโลก ให้พวกเขารับผิดชอบในการตัดสินใจ พวกคุณไม่ใช่ผู้จัดงานเพียงคนเดียว”“คุณ…”หลีเกอพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลีหราน ที่เป็นคนขับรถก็เริ่มใจร้อนและคว้าโ
“นี่ไง!”เฉียวซีอวิ๋นยื่นมือออกมา เผยให้เห็นแหวนที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่มีแสงวาววับอันเป็นเอกลักษณ์วางอยู่บนฝ่ามือของเธอทันทีที่ฮั่วจิ้นเฉิงเห็นแหวน เขาก็จำได้ว่านี่เป็น 'ของขวัญ' ชิ้นเดียวที่เขามอบให้กับหลีเกอ ในช่วงสามปีของการแต่งงานหยิบมันมาจากมือของเฉียวซีอวิ๋น พลางใช้นิ้วหัวแม่มือถูด้านในของแหวนด้านในสลักอักษรย่อว่า 'H&L' ไว้ด้วยเขายังคงจำได้ว่าตอนที่หลีเกอขอให้เขาช่วยสวมแหวน เขาพูดว่า ‘เอาไว้ทีหลัง’ อย่างไม่แยแสแต่เธอยังคงสวมมันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามปีและไม่เคยถอดเลยสักครั้งเฉียวซีอวิ๋นเห็นฮั่วจิ้นเฉิงถือแหวนด้วยความสับสน เธอก็ไม่พอใจ แต่ยังคงรักษารอยยิ้มที่ดีไว้ “ของสำคัญขนาดนี้แต่คุณหลีก็ดันทิ้งไว้ซะได้ จิ้นเฉิง จะเอาแหวนวงนี้คืนให้คุณเลขา หรือว่าจะ…”“จะไปทำอะไรให้เธออีก?” หลี่ซูฉินพูดด้วยความโกรธทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ผู้หญิงคนนี้มักจะแสร้งทำเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟัง แต่พอนานวันเข้าเธอก็เสแสร้งไม่ไหว สุดท้ายก็ทำตามใจตัวเอง ไม่เห็นหัวใคร ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้!”“ใช่เลย! ตอนที่เธอมาที่บ้านของเราครั้งแรก ฉันก็คิดว่าเธอไม่ธรรมดา!” ฮั่วซินพูดเสริมอีกสองสามประ
ภายในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสของเครื่องบินฮั่วจิ้นเฉิงหยิบแหวนสองวงนั้นที่เขาเอ่ยปากให้ ‘โยนทิ้ง’ ออกมาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลือกแหวนวงที่หนากว่าสวมลงบนนิ้วมือ เขาไม่เคยลองสวมมาก่อนและไม่คาดคิดว่าขนาดจะพอดีราวกับวัดมาอย่างไรอย่างนั้นแต่ช่วงตลอดสามปีมานี้เขาปฏิเสธที่จะสวมแหวนแต่งงาน โดยใช้เรื่องงานมาอ้างเสมอหากเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปคงต้องทะเลาะกันแน่นอนทว่าหลี่เกอกลับไม่โวยวาย ทั้งยังโอนอ่อนตามและมีเหตุผล คอยตามใจเขาสารพัดแต่เขาไม่คาดคิดว่าสามปีต่อมา หลังหย่ากัน เธอจะจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ต้องการกระทั่งแหวนแต่งงานด้วยซ้ำฮั่วจิ้นเฉิงหมุนแหวนเงียบ ๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นอ่อนโยนว่าง่าย เด็ดขาดมุทะลุเธอเป็นแบบไหนกันแน่………เครื่องบินเดินทางมาถึงดูไบฮั่วจิ้นเฉิงตรงไปชั้นบนสุดของตึกระฟ้าตระกูลฉี ซึ่งเป็นห้องทำงานของซีอีโอฉีอวิ๋นเทียนหรี่ตาดอกท้ออันงดงามลงมองบนคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง แล้วหยิบข้อเสนอโครงการมาตรวจตราให้มั่นใจอีกรอบ จากนั้นก็วางเอกสารลงพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพื่อน ฉันดูแล้วนะ ฮั่วกรุ๊ปของนายตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมแน่นอน”คิ้วเข้มของฉั่วจิ้นเฉิงกระตุกเป็นทาง
“แต่งงานเพื่อธุรกิจ ขอแค่ไม่ก้าวก่ายกัน แต่งไปก็ไม่ผิดอะไร” ฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวตามตรง“มันก็จริง แต่ฉันทำไม่ได้”“ภรรยาในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตาที่ทำให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เธอจะต้องสวยไร้ที่ติมีสเน่ห์ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดี ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ”ฉีอวิ๋นเทียนโบกมือ “นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก”เมื่อเห็นกริยานี้ของเพื่อนซี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับมาคุยเรื่องงานนิทรรศการต่อ“แล้วเรื่องนี้แก้ไขได้ไหม?”ฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอก “ตระกูลฉีร่วมจัดนิทรรศการกับบริษัทตี้จิงในครั้งนี้ ฉันจะโทรคุยกับเขาเอง หลีหานต้องรักษาหน้าฉันแน่”ขณะเขาพูดก็หยิบมือถือกดหมายเลขโทรออกแต่ทว่าเสียงรอสายดังสิบกว่าวินาทีแล้วก็ยังไม่มีคนรับ ฉีอวิ๋นเทียนไม่เชื่อพลางกดโทรใหม่อีกรอบคราวนี้…อีกฝ่ายตัดสายตรง ๆ ชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาเพียงใดหลังถูกตัดสายโทรศัพท์ ใบหน้าหน้าฉีอวิ๋นเทียนก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในใจรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่งไม่บ่อยนักที่เพื่อนสนิทจะขอให้ตนช่วยทำธุระ แต่ตกปากรับคำแล้วกลับต้องมาเสียหน้าเขาลูบจมูกอยู่สักพัก รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง “เขายุ่งอยู่ล่ะม
ยามราตรีภายในรอยัลคลับชั้นสูงแห่งดูไบเจี่ยงอีอีจัดปาร์ตี้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อหลีเกอภายในบรรยากาศมีชีวิตชีวา เสียงเพลงคึกคักดังสนั่นเจี่ยงอีอีโอบแขนหลีเกอยืนบนเวทีพลางยกแก้วให้หนุ่มหล่อสาวสวยที่รวมตัวกันด้านล่าง “มา! ทุกคนหมดแก้ว! ฉลองที่หลีเกอเพื่อนฉันหลุดพ้นจากทะเลทุกข์! ได้ชีวิตใหม่คืนมา!”“หมดแก้ว!”“ยินดีด้วย!”หลีเกอดื่มสุราดีกรีสูงในมือรวดเดียวเกลี้ยง จากนั้นก็ถูกเจี่ยงอีอีดึงไปกลางฝูงชนทันที“ที่รัก นี่คือทายาทของเอชบีกรุ๊ป ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้าน”“นี่คือเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมเทียนเซิง หุ่นเขาดีสุดยอด”หลีเกอยกแก้วสุราขึ้นทักทายพวกเขาทีละคน พอหันหน้าก็ไม่ระวัง ชนใครบางคนเข้าให้“ไม่มีตาเหรอ? เธอเหยียบเท้าฉันแล้วนะ!” เสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูลอยมาจากข้างหลังหลีเกอเลิกคิ้ว ส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชาเธอคุ้นเคยเสียงนี้ดี เป็นฮั่วซินน้องสามีผู้หยาบคายประจำตระกูลฮั่วครั้นเห็นมีคนด่าหลีเกอ เจี่ยงอีอีจึงขวางหน้าเธอไว้ “อะไรของเธอ? หยาบคายอะไรแบบนี้?!”ฮั่วซินยังเจ็บใจเพราะรองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อ เมื่อเธอเงยหน้ามองก็พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นหลีเกอ อดีตพี่สะใภ้ของเธอ พลางพูดอย
เมื่อเผชิญกับฝูงชนจำนวนมาก พฤติกรรมหาเรื่องชาวบ้านในที่สาธารณะของฮั่วซินน่าขายหน้ามากจริง ๆ เฉียวซีอวิ๋นถอยหลังโดยสัญชาตญาณ อยากตีตัวออกห่างจากเธอหลีเกอเขย่าแชมเปญในแก้ว เดินไปหาทั้งสองอีกครั้ง น้ำเสียงเธอฟังดูยั่วเย้า สายตาคมเย็นเฉียบมองออกไป “ทำไม? พอน้องสามีมีปัญหา เธอที่เป็นสะใภ้ใหญ่ก็เตรียมหนีแล้วเหรอ?”“พวกคุณกำลังทำอะไร?!” น้ำเสียงเดือดดาลดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทุกคนหัยไปตามเสียงดังกล่าว พบเพียงฮั่วจิ้นเฉิงในชุดสูทสีเข้ม ดวงตามืดครึ้มราวกับกลางคืน เดินมาพร้อมรัศมีน่าเกรงขามเขาชายตามองหลีเกอห่างหายกันไปหลายวันดูเหมือนเธอจะมีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย มีรูปร่างดีกว่าตอนผอมกะหร่องก่องเมื่อตอนอยู่บ้านตระกูลฮั่วมากเธอยืนท่ามกลางสปอร์ตไลท์ เปราะรอยยิ้มสวยจาง ๆ เธอสวมชุดเดรสสั่งตัดพิเศษขับให้ผิวขาวราวหิมะ ดูคล้ายเงาะถอดรูปแปลงร่างไปเป็นคนละคน ดึงดูดสายตาเขาอย่างลึกซึ้งเมื่อฮั่วซินเห็นพี่ชายมาถึง ความหยิ่งทะนงก็เพิ่มขึ้นทันใด พลางชี้หลีเกอกับเจี่ยงอีอี “พี่คะ พวกเธอรังแกหนูค่ะ”เมื่อพบว่าเครื่องสำอางค์บนหน้าของฮั่วซินไม่เหลือเค้าความสวยและเห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเฉียวซีอวิ๋น ดวงตาด
ดวงตาดำขลับของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาถึงขีดสุด เขาไม่เคยเห็นกิริยาเช่นนี้ของหลีเกอมาก่อน หลังจากหย่ากัน พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งเกินขอบเขตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับม้าป่าพยศหลุดบังเหียน“ไม่คิดว่าคุณจะใจยักษ์ถึงขั้นลงมือกับคนท้อง ผมมองคุณผิดไป”หลีเกอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ใยดี “ใช่แล้ว ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรทั้งนั้นเธอพูดอย่างเยือกเย็น “สร้างปัญหามากพอรึยัง? ไสหัวไปได้แล้ว”“หลีเกอ ระวังคำพูดของคุณด้วย” สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงบึ้งตึง แววตาเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม“คุณจะทำไม? คิดว่าฉันจะโค้งคำนับ ขอโทษขอโพยพวกคุณงั้นเหรอ?” หลีเกอส่งเสียงเหอะแผ่ว ๆ มุมปากยิ้มเสียดสีเต็มที่ “ฝันไปเถอะ”“จิ้นเฉิง ฉันเจ็บจังเลย…”เสียงร้องละมุนเจือน้อยใจดังขึ้นข้างหู ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังเฉียวซีอวิ๋นในอ้อมแขนหยาดน้ำตารินผ่านแก้มขวาแดงก่ำที่ถูกตบ ริมฝีปากเธอสีซีดและอ่อนแรง แต่มือกลับป้องท้องไว้ ดูคล้ายจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”เขาโอบเอวเฉียวซีอวิ๋นไว้มั่น ฝูงชนหลีกทางให้เขาทันทีหลังเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปพูดก
หน้าจอมือถือแสดงคำพูดห้วนตามแบบปกติของฮั่วจิ้นเฉิง - เรื่องวันนี้เป็นซินซินผิดเอง ผมจะให้เธอขอโทษคุณนะ แต่คุณก็ต้องขอโทษซีอวิ๋นด้วย!หลีเกอโมโหสุดใจพลางสบถ “บ้าเอ๊ย ไอ้ทึ่ม!”พอด่าเสร็จก็บล็อกฮั่วจิ้นเฉิงเสียเลย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้างเจี่ยงอีอีคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่รัก เธอจะไปงานประมูลกับพี่หลีหานวันมะรืนนี้รึเปล่า?”หลีเกอพยักหน้า “อื้ม ไปสิ”“ฉันจะช่วยเธอเลือกเดรส ขอฉันไปดูห้องเสื้อสุดหรูของเธอหน่อยสิ” เจี่ยงอีอีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น“ได้อยู่แล้ว เลือกของด้านในได้ตามใจเลย” หลีเกอตกปากรับคำก่อนผลักประตูบานยักษ์ของห้องเสื้อให้เปิดออกเจี่ยงอีอีพลันร้อง “ว้าว”“เพื่อนจ๋า ที่นี่มันใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่กว่าร้านเสื้อผ้าที่อยู่เมืองปิงเฉิงของเราเสียอีก!”รวม ๆ แล้วห้องเสื้อมีขนาดสามชั้น ภายในเรียงรายไปด้วยอัญมณีและเสื้อผ้าแบรนด์หรูชั้นนำต่าง ๆหลังกลับมาคราวนี้หลีเกอสั่งปรับปรุงห้องใหม่ เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อวานนี้เอง“ฉันคิดว่าห้องเสื้อของฉันใหญ่พอตัวแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าของเธอจะใหญ่จน ‘น่าอิจฉา’ แบบนี้” สายตาของเจี่ยอีอีมองเดรสตัวงามอย่างไม่ละสายตา ชื่นชมไม่หยุด