หลานหนีกัดฟันกดหมายเลขอีกสองสามหมายเลข ล้วนแล้วแต่สายไม่ว่างเมื่อเขาโทรไปครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รับสายจากโทรศัพท์มือถือของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย“คุณนี่โทรมาไม่เลิกเลยนะหลานหนี บอกฮั่วจิ้นเฉิงด้วยว่าเขาพลาดนิทรรศการนี้ไปแล้ว”หลี่เกอพูดอย่างไม่อดทน และอีกฝ่ายก็เงียบไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคำสองคำสั้น ๆ ออกมาว่า “ผมเอง”เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลีเกอก็ใจหายฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้เลย “ฮั่วกรุ๊ปได้เพิ่มส่วนแบ่งเงินทุนจากสามร้อยล้านเป็นห้าร้อย ล้าน มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมในนิทรรศการนี้หรือยัง?”ในขณะนี้ หลีเกอกำลังนั่งอยู่ในซุปเปอร์คาร์ของหลีหรานแล้ว “ฮั่วจิ้นเฉิง คุณคิดว่านี่สนุกมากไหม?”เมื่อครู่เห็นเธอยุ่งมาก หลีหรานก็ยืนกรานที่จะลากเธอไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนในดูไบให้ได้ เธอทนไม่ไหว จึงต้องขึ้นรถมากับเขา“ถ้าห้าร้อยล้านไม่พอก็หนึ่งพันล้าน ถ้ายังไม่ได้ ผมจะรายงานต่อหอการค้าโลก ให้พวกเขารับผิดชอบในการตัดสินใจ พวกคุณไม่ใช่ผู้จัดงานเพียงคนเดียว”“คุณ…”หลีเกอพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลีหราน ที่เป็นคนขับรถก็เริ่มใจร้อนและคว้าโ
“นี่ไง!”เฉียวซีอวิ๋นยื่นมือออกมา เผยให้เห็นแหวนที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่มีแสงวาววับอันเป็นเอกลักษณ์วางอยู่บนฝ่ามือของเธอทันทีที่ฮั่วจิ้นเฉิงเห็นแหวน เขาก็จำได้ว่านี่เป็น 'ของขวัญ' ชิ้นเดียวที่เขามอบให้กับหลีเกอ ในช่วงสามปีของการแต่งงานหยิบมันมาจากมือของเฉียวซีอวิ๋น พลางใช้นิ้วหัวแม่มือถูด้านในของแหวนด้านในสลักอักษรย่อว่า 'H&L' ไว้ด้วยเขายังคงจำได้ว่าตอนที่หลีเกอขอให้เขาช่วยสวมแหวน เขาพูดว่า ‘เอาไว้ทีหลัง’ อย่างไม่แยแสแต่เธอยังคงสวมมันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามปีและไม่เคยถอดเลยสักครั้งเฉียวซีอวิ๋นเห็นฮั่วจิ้นเฉิงถือแหวนด้วยความสับสน เธอก็ไม่พอใจ แต่ยังคงรักษารอยยิ้มที่ดีไว้ “ของสำคัญขนาดนี้แต่คุณหลีก็ดันทิ้งไว้ซะได้ จิ้นเฉิง จะเอาแหวนวงนี้คืนให้คุณเลขา หรือว่าจะ…”“จะไปทำอะไรให้เธออีก?” หลี่ซูฉินพูดด้วยความโกรธทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ผู้หญิงคนนี้มักจะแสร้งทำเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟัง แต่พอนานวันเข้าเธอก็เสแสร้งไม่ไหว สุดท้ายก็ทำตามใจตัวเอง ไม่เห็นหัวใคร ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้!”“ใช่เลย! ตอนที่เธอมาที่บ้านของเราครั้งแรก ฉันก็คิดว่าเธอไม่ธรรมดา!” ฮั่วซินพูดเสริมอีกสองสามประ
ภายในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสของเครื่องบินฮั่วจิ้นเฉิงหยิบแหวนสองวงนั้นที่เขาเอ่ยปากให้ ‘โยนทิ้ง’ ออกมาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลือกแหวนวงที่หนากว่าสวมลงบนนิ้วมือ เขาไม่เคยลองสวมมาก่อนและไม่คาดคิดว่าขนาดจะพอดีราวกับวัดมาอย่างไรอย่างนั้นแต่ช่วงตลอดสามปีมานี้เขาปฏิเสธที่จะสวมแหวนแต่งงาน โดยใช้เรื่องงานมาอ้างเสมอหากเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปคงต้องทะเลาะกันแน่นอนทว่าหลี่เกอกลับไม่โวยวาย ทั้งยังโอนอ่อนตามและมีเหตุผล คอยตามใจเขาสารพัดแต่เขาไม่คาดคิดว่าสามปีต่อมา หลังหย่ากัน เธอจะจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ต้องการกระทั่งแหวนแต่งงานด้วยซ้ำฮั่วจิ้นเฉิงหมุนแหวนเงียบ ๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นอ่อนโยนว่าง่าย เด็ดขาดมุทะลุเธอเป็นแบบไหนกันแน่………เครื่องบินเดินทางมาถึงดูไบฮั่วจิ้นเฉิงตรงไปชั้นบนสุดของตึกระฟ้าตระกูลฉี ซึ่งเป็นห้องทำงานของซีอีโอฉีอวิ๋นเทียนหรี่ตาดอกท้ออันงดงามลงมองบนคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง แล้วหยิบข้อเสนอโครงการมาตรวจตราให้มั่นใจอีกรอบ จากนั้นก็วางเอกสารลงพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพื่อน ฉันดูแล้วนะ ฮั่วกรุ๊ปของนายตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมแน่นอน”คิ้วเข้มของฉั่วจิ้นเฉิงกระตุกเป็นทาง
“แต่งงานเพื่อธุรกิจ ขอแค่ไม่ก้าวก่ายกัน แต่งไปก็ไม่ผิดอะไร” ฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวตามตรง“มันก็จริง แต่ฉันทำไม่ได้”“ภรรยาในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตาที่ทำให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เธอจะต้องสวยไร้ที่ติมีสเน่ห์ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดี ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ”ฉีอวิ๋นเทียนโบกมือ “นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก”เมื่อเห็นกริยานี้ของเพื่อนซี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับมาคุยเรื่องงานนิทรรศการต่อ“แล้วเรื่องนี้แก้ไขได้ไหม?”ฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอก “ตระกูลฉีร่วมจัดนิทรรศการกับบริษัทตี้จิงในครั้งนี้ ฉันจะโทรคุยกับเขาเอง หลีหานต้องรักษาหน้าฉันแน่”ขณะเขาพูดก็หยิบมือถือกดหมายเลขโทรออกแต่ทว่าเสียงรอสายดังสิบกว่าวินาทีแล้วก็ยังไม่มีคนรับ ฉีอวิ๋นเทียนไม่เชื่อพลางกดโทรใหม่อีกรอบคราวนี้…อีกฝ่ายตัดสายตรง ๆ ชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาเพียงใดหลังถูกตัดสายโทรศัพท์ ใบหน้าหน้าฉีอวิ๋นเทียนก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในใจรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่งไม่บ่อยนักที่เพื่อนสนิทจะขอให้ตนช่วยทำธุระ แต่ตกปากรับคำแล้วกลับต้องมาเสียหน้าเขาลูบจมูกอยู่สักพัก รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง “เขายุ่งอยู่ล่ะม
ยามราตรีภายในรอยัลคลับชั้นสูงแห่งดูไบเจี่ยงอีอีจัดปาร์ตี้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อหลีเกอภายในบรรยากาศมีชีวิตชีวา เสียงเพลงคึกคักดังสนั่นเจี่ยงอีอีโอบแขนหลีเกอยืนบนเวทีพลางยกแก้วให้หนุ่มหล่อสาวสวยที่รวมตัวกันด้านล่าง “มา! ทุกคนหมดแก้ว! ฉลองที่หลีเกอเพื่อนฉันหลุดพ้นจากทะเลทุกข์! ได้ชีวิตใหม่คืนมา!”“หมดแก้ว!”“ยินดีด้วย!”หลีเกอดื่มสุราดีกรีสูงในมือรวดเดียวเกลี้ยง จากนั้นก็ถูกเจี่ยงอีอีดึงไปกลางฝูงชนทันที“ที่รัก นี่คือทายาทของเอชบีกรุ๊ป ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้าน”“นี่คือเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมเทียนเซิง หุ่นเขาดีสุดยอด”หลีเกอยกแก้วสุราขึ้นทักทายพวกเขาทีละคน พอหันหน้าก็ไม่ระวัง ชนใครบางคนเข้าให้“ไม่มีตาเหรอ? เธอเหยียบเท้าฉันแล้วนะ!” เสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูลอยมาจากข้างหลังหลีเกอเลิกคิ้ว ส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชาเธอคุ้นเคยเสียงนี้ดี เป็นฮั่วซินน้องสามีผู้หยาบคายประจำตระกูลฮั่วครั้นเห็นมีคนด่าหลีเกอ เจี่ยงอีอีจึงขวางหน้าเธอไว้ “อะไรของเธอ? หยาบคายอะไรแบบนี้?!”ฮั่วซินยังเจ็บใจเพราะรองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อ เมื่อเธอเงยหน้ามองก็พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นหลีเกอ อดีตพี่สะใภ้ของเธอ พลางพูดอย
เมื่อเผชิญกับฝูงชนจำนวนมาก พฤติกรรมหาเรื่องชาวบ้านในที่สาธารณะของฮั่วซินน่าขายหน้ามากจริง ๆ เฉียวซีอวิ๋นถอยหลังโดยสัญชาตญาณ อยากตีตัวออกห่างจากเธอหลีเกอเขย่าแชมเปญในแก้ว เดินไปหาทั้งสองอีกครั้ง น้ำเสียงเธอฟังดูยั่วเย้า สายตาคมเย็นเฉียบมองออกไป “ทำไม? พอน้องสามีมีปัญหา เธอที่เป็นสะใภ้ใหญ่ก็เตรียมหนีแล้วเหรอ?”“พวกคุณกำลังทำอะไร?!” น้ำเสียงเดือดดาลดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทุกคนหัยไปตามเสียงดังกล่าว พบเพียงฮั่วจิ้นเฉิงในชุดสูทสีเข้ม ดวงตามืดครึ้มราวกับกลางคืน เดินมาพร้อมรัศมีน่าเกรงขามเขาชายตามองหลีเกอห่างหายกันไปหลายวันดูเหมือนเธอจะมีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย มีรูปร่างดีกว่าตอนผอมกะหร่องก่องเมื่อตอนอยู่บ้านตระกูลฮั่วมากเธอยืนท่ามกลางสปอร์ตไลท์ เปราะรอยยิ้มสวยจาง ๆ เธอสวมชุดเดรสสั่งตัดพิเศษขับให้ผิวขาวราวหิมะ ดูคล้ายเงาะถอดรูปแปลงร่างไปเป็นคนละคน ดึงดูดสายตาเขาอย่างลึกซึ้งเมื่อฮั่วซินเห็นพี่ชายมาถึง ความหยิ่งทะนงก็เพิ่มขึ้นทันใด พลางชี้หลีเกอกับเจี่ยงอีอี “พี่คะ พวกเธอรังแกหนูค่ะ”เมื่อพบว่าเครื่องสำอางค์บนหน้าของฮั่วซินไม่เหลือเค้าความสวยและเห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเฉียวซีอวิ๋น ดวงตาด
ดวงตาดำขลับของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาถึงขีดสุด เขาไม่เคยเห็นกิริยาเช่นนี้ของหลีเกอมาก่อน หลังจากหย่ากัน พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งเกินขอบเขตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับม้าป่าพยศหลุดบังเหียน“ไม่คิดว่าคุณจะใจยักษ์ถึงขั้นลงมือกับคนท้อง ผมมองคุณผิดไป”หลีเกอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ใยดี “ใช่แล้ว ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรทั้งนั้นเธอพูดอย่างเยือกเย็น “สร้างปัญหามากพอรึยัง? ไสหัวไปได้แล้ว”“หลีเกอ ระวังคำพูดของคุณด้วย” สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงบึ้งตึง แววตาเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม“คุณจะทำไม? คิดว่าฉันจะโค้งคำนับ ขอโทษขอโพยพวกคุณงั้นเหรอ?” หลีเกอส่งเสียงเหอะแผ่ว ๆ มุมปากยิ้มเสียดสีเต็มที่ “ฝันไปเถอะ”“จิ้นเฉิง ฉันเจ็บจังเลย…”เสียงร้องละมุนเจือน้อยใจดังขึ้นข้างหู ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังเฉียวซีอวิ๋นในอ้อมแขนหยาดน้ำตารินผ่านแก้มขวาแดงก่ำที่ถูกตบ ริมฝีปากเธอสีซีดและอ่อนแรง แต่มือกลับป้องท้องไว้ ดูคล้ายจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”เขาโอบเอวเฉียวซีอวิ๋นไว้มั่น ฝูงชนหลีกทางให้เขาทันทีหลังเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปพูดก
หน้าจอมือถือแสดงคำพูดห้วนตามแบบปกติของฮั่วจิ้นเฉิง - เรื่องวันนี้เป็นซินซินผิดเอง ผมจะให้เธอขอโทษคุณนะ แต่คุณก็ต้องขอโทษซีอวิ๋นด้วย!หลีเกอโมโหสุดใจพลางสบถ “บ้าเอ๊ย ไอ้ทึ่ม!”พอด่าเสร็จก็บล็อกฮั่วจิ้นเฉิงเสียเลย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้างเจี่ยงอีอีคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่รัก เธอจะไปงานประมูลกับพี่หลีหานวันมะรืนนี้รึเปล่า?”หลีเกอพยักหน้า “อื้ม ไปสิ”“ฉันจะช่วยเธอเลือกเดรส ขอฉันไปดูห้องเสื้อสุดหรูของเธอหน่อยสิ” เจี่ยงอีอีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น“ได้อยู่แล้ว เลือกของด้านในได้ตามใจเลย” หลีเกอตกปากรับคำก่อนผลักประตูบานยักษ์ของห้องเสื้อให้เปิดออกเจี่ยงอีอีพลันร้อง “ว้าว”“เพื่อนจ๋า ที่นี่มันใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่กว่าร้านเสื้อผ้าที่อยู่เมืองปิงเฉิงของเราเสียอีก!”รวม ๆ แล้วห้องเสื้อมีขนาดสามชั้น ภายในเรียงรายไปด้วยอัญมณีและเสื้อผ้าแบรนด์หรูชั้นนำต่าง ๆหลังกลับมาคราวนี้หลีเกอสั่งปรับปรุงห้องใหม่ เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อวานนี้เอง“ฉันคิดว่าห้องเสื้อของฉันใหญ่พอตัวแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าของเธอจะใหญ่จน ‘น่าอิจฉา’ แบบนี้” สายตาของเจี่ยอีอีมองเดรสตัวงามอย่างไม่ละสายตา ชื่นชมไม่หยุด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ