ดวงตาดำขลับของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาถึงขีดสุด เขาไม่เคยเห็นกิริยาเช่นนี้ของหลีเกอมาก่อน หลังจากหย่ากัน พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งเกินขอบเขตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับม้าป่าพยศหลุดบังเหียน“ไม่คิดว่าคุณจะใจยักษ์ถึงขั้นลงมือกับคนท้อง ผมมองคุณผิดไป”หลีเกอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ใยดี “ใช่แล้ว ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรทั้งนั้นเธอพูดอย่างเยือกเย็น “สร้างปัญหามากพอรึยัง? ไสหัวไปได้แล้ว”“หลีเกอ ระวังคำพูดของคุณด้วย” สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงบึ้งตึง แววตาเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม“คุณจะทำไม? คิดว่าฉันจะโค้งคำนับ ขอโทษขอโพยพวกคุณงั้นเหรอ?” หลีเกอส่งเสียงเหอะแผ่ว ๆ มุมปากยิ้มเสียดสีเต็มที่ “ฝันไปเถอะ”“จิ้นเฉิง ฉันเจ็บจังเลย…”เสียงร้องละมุนเจือน้อยใจดังขึ้นข้างหู ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังเฉียวซีอวิ๋นในอ้อมแขนหยาดน้ำตารินผ่านแก้มขวาแดงก่ำที่ถูกตบ ริมฝีปากเธอสีซีดและอ่อนแรง แต่มือกลับป้องท้องไว้ ดูคล้ายจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”เขาโอบเอวเฉียวซีอวิ๋นไว้มั่น ฝูงชนหลีกทางให้เขาทันทีหลังเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปพูดก
หน้าจอมือถือแสดงคำพูดห้วนตามแบบปกติของฮั่วจิ้นเฉิง - เรื่องวันนี้เป็นซินซินผิดเอง ผมจะให้เธอขอโทษคุณนะ แต่คุณก็ต้องขอโทษซีอวิ๋นด้วย!หลีเกอโมโหสุดใจพลางสบถ “บ้าเอ๊ย ไอ้ทึ่ม!”พอด่าเสร็จก็บล็อกฮั่วจิ้นเฉิงเสียเลย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้างเจี่ยงอีอีคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่รัก เธอจะไปงานประมูลกับพี่หลีหานวันมะรืนนี้รึเปล่า?”หลีเกอพยักหน้า “อื้ม ไปสิ”“ฉันจะช่วยเธอเลือกเดรส ขอฉันไปดูห้องเสื้อสุดหรูของเธอหน่อยสิ” เจี่ยงอีอีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น“ได้อยู่แล้ว เลือกของด้านในได้ตามใจเลย” หลีเกอตกปากรับคำก่อนผลักประตูบานยักษ์ของห้องเสื้อให้เปิดออกเจี่ยงอีอีพลันร้อง “ว้าว”“เพื่อนจ๋า ที่นี่มันใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่กว่าร้านเสื้อผ้าที่อยู่เมืองปิงเฉิงของเราเสียอีก!”รวม ๆ แล้วห้องเสื้อมีขนาดสามชั้น ภายในเรียงรายไปด้วยอัญมณีและเสื้อผ้าแบรนด์หรูชั้นนำต่าง ๆหลังกลับมาคราวนี้หลีเกอสั่งปรับปรุงห้องใหม่ เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อวานนี้เอง“ฉันคิดว่าห้องเสื้อของฉันใหญ่พอตัวแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าของเธอจะใหญ่จน ‘น่าอิจฉา’ แบบนี้” สายตาของเจี่ยอีอีมองเดรสตัวงามอย่างไม่ละสายตา ชื่นชมไม่หยุด
วันนี้หลีเกอสวยจนหาที่เปรียบไม่ได้ผมดำสลวยราวกับผ้าแพร ใบหน้าแต่งแต้มอย่างงดงาม บนตัวเธอสวมชุดทำมือแบรนด์ชั้นนำที่ยังไม่เคยออกสู่ตลาด ยิ่งขับรูปร่างได้รูปให้เด่น เปล่งประกายสะดุดตาความงามของเธอชวนคนไม่อยากละสายตา เย้ายวนราวกับดอกฝิ่นที่ยั่วยุรุนแรงเธอค่อย ๆ ย่างกรายไปทางฮั่วจิ้นเฉิง…สายตาของฮั่วจิ้นเฉิงที่มีต่อหลีเกอลุ่มลึกยิ่งขึ้น ซับซ้อนพลางเผยอารมณ์ที่ยากจะอธิบายจากความอ่อนโยนสุภาพสู่ความมีเสน่ห์หยิ่งทะนง…ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆเธอกลายเป็นคนที่ต่างไปจากคนในความทรงจำของเขาโดยสิ้นเชิง“ประธานฮั่ว ดูท่าคุณจะไม่ล้มเลิกจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายสินะ” เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าฮั่วจิ้นเฉิง ริมฝีปากแดงของหลีเกอก็กระตุก เส้นคิ้วเปี่ยมไปด้วยความหยอกเย้า“เจ้านายของคุณล่ะ?” ฮั่วจิ้นเฉิงถามเย็นชาหลีเกอยิ้มหยัน “ไม่เห็นเหรอ? ว่าฉันมาคนเดียว คุณผิดหวังหรือเปล่า?”เขาส่งข้อความบ้า ๆ ให้เธอ พอไม่ได้ผลก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่พี่ใหญ่อยากเจอพี่ก็ต้องถามความยินยอมเธอก่อน!ถูกเดาเจตนาออกยังไม่พอ ยังต้องถูกผู้หญิงคนนี้พูดจาฉีกหน้าอีก ใบหน้าฮั่วจิ้นเฉิงจึงยิ่งดำคร่ำเครียดทันใดนั้นพรี
พนักงานดำเนินการอย่างรวดเร็ว พวกเขานำกำไลข้อมือมาให้และยืนรอเฉียวซีอวิ๋นเขียนเช็คงานประมูลนี้เข้าร่วมโดยใช้ชื่อของบริษัท หากหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินก็จะถูกทางบริษัทประมูลฟ้องเอาได้ เฉียวซีอวิ๋นทำได้เพียงลงนามในเช็คด้วยมือที่สั่นเทาเท่านั้นณ ที่นั่งถัดไปข้างหลังหลายแถวดวงตาทรงเสน่ห์ของฉีอวิ๋นเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “วันนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอคนโง่แบบนี้”กำไลข้อมือวงนี้มีราคาสูงสุดอยู่ที่เพียงสามแสนหยวน เขาถูกพ่อค้าเครื่องประดับหลอกและทุ่มเงินเพิ่มอีกสองแสนหยวนเพื่อซื้อให้แม่ของเขา แต่ก็ไม่คิดว่าแม่ของเขาไม่ชอบจึงให้นำมันมาที่บริษัทประมูลเพียงแต่…สายตาของเขาจับจ้องไปยังสาวสวยที่มีท่าทางขุ่นเคืองที่เป็นคนเสนอราคาทุกคนก็ล้วนรักสวยรักงามกันทั้งนั้นไม่ต้องพูดถึงสาวงามที่น่าสนใจแบบนี้เลยแต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นของฉีอวิ๋นเทียนก็ถูกกระตุ้นโดยหลีเกอ“ทำไมถึงคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้นจัง เธอเป็นใครเหรอ?” ฉีอวิ๋นเทียนถามเจ้าของเอชบีกรุ๊ปที่อยู่ข้าง ๆ เขา“ผมได้ยินมาว่าชื่อหลีเกอ”“หลีเกอ?” ฉีอวิ๋นเทียนทวนชื่อ และคุณหนูคนที่สี่ของตระกูลหลีที่มีสิวก็แวบขึ้นมาในหัว เขาก็ขนลุกไปทั้งตั
“คุณเป็นอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย?” หลีเกอลุกขึ้นยืนอย่างสบาย ๆ และเงยหน้ามองเขาด้วยความดูแคลนจู่ ๆ ฮั่วจิ้นเฉิงก็นึกได้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว และดูเหมือนว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะถามหลีเกออีกต่อไปทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดไปว่าร่างกายและจิตใจของหลีเกอที่เคยเป็นของเขา แต่ตอนนี้กลับไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในหัวใจอย่างน่าประหลาด ที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น“เหตุผลที่แท้จริงในการหย่าร้างคืออะไร?” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงเคร่งขรึมและเย็นชาริมฝีปากสีแดงของหลีเกอยิ้มเยาะ และเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “นี่ก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ยังจะถามคำถามพวกนี้อีกเหรอ?”เธอสบเข้ากับตาสีเข้มของฮั่วจิ้นเฉิงและพูดขึ้นว่า “มีเหตุผลที่แท้จริงเพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือ ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”“คุณไม่พอใจเรื่องอะไรกันแน่?!”“ในช่วงสามปีที่ผ่านมา คุณมีอาหารให้กินมีเสื้อผ้าให้ใส่ อยู่ดีกินดีในตระกูลฮั่ว อีกทั้งคุณยังได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญเคียงข้างผม ชีวิตของคุณมันแตกต่างจากชีวิตตอนนี้ยังไงล่ะ?”เมื่อฮั่วจิ้นเฉิงพูดสิ่งนี้ เขาก็หยุดเล็กน้อยและน
หลีเกอกำหมัดแน่น พยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรลงไปคน ๆ นี้คือคู่แต่งงานที่พี่ใหญ่บอกว่าอยากให้แต่งงานด้วย ฉีอวิ๋นเทียน หนุ่มเจ้าสำราญแห่งตระกูลฉีหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่อาจจะได้แต่งงานกัน หลีเกอคงจะไม่มีปฏิกริยาอะไรมากนักเหตุผลจริง ๆ ก็คือฉีอวิ๋นเทียนไปป่าวประกาศว่าเธอน่าเกลียดตั้งแต่เธออายุห้าขวบ ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมาเขายังบอกอีกว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอต่อให้เขาต้องตายก็ตามฉีอวิ๋นเทียนไม่ชอบเธอ และเธอก็ไม่ชอบฉีอวิ๋นเทียนเช่นกัน!หากไม่ใช่เพราะว่านายท่านฉีพ่อของเขาเป็นครูของพ่อเธอ เธอคงจะต้องสอนบทเรียนให้กับคน 'ปากเสีย' นี่เสียหน่อยแล้ว!ฉีอวิ๋นเทียนที่อยู่ตรงข้ามยังคงพูดไม่หยุด โดยไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของ 'สาวงามที่น่าสนใจ' และไม่เคยคิดว่าหลีเกอที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหลีเกอในความทรงจำ “ไม่ทราบว่าขอช่องทางติดต่อของ…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกสาวงามโยนผ้าเช็ดหน้าใส่ เขายื่นมือออกไปจับมัน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง 'สาวงามที่น่าสนใจ' ก็ได้เดินไปไกลแล้วเขาสับสนเมื่อเห็นความเร็วของสาวสวยซึ่งเจือความโกรธเล็กน้อย“นี่คุณ…” เขาสับ
ในไม่ช้าหลีหานก็ปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่เขาได้ทักทายกับนายท่านฉีเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงตามด้วยฮั่วจิ้นเฉิงรัศมีที่เล็ดลอดออกมาจากทั้งสองนั้นเทียบเคียงกัน และท่าทีของฮั่วจิ้นเฉิงก็ดูอ่อนลงเล็กน้อยเพราะเขากำลังขอความช่วยเหลือ“ประธานหลี ผมชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว”“ยินดีต้อนรับประธานฮั่ว”เมื่อทั้งสองจับมือกัน ฮั่วจิ้นเฉิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเป็นศัตรูที่หลีหานเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เขาสับสนเล็กน้อยนายท่านฉีสวมชุดลำลองสีขาวของชายในยุคสาธารณรัฐพร้อมมีรอยยิ้มบนใบหน้า สันที่ปลายตาของเขาเหลื่อมกันและดวงตาของเขาเผยให้เห็นความฉลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของนักธุรกิจเขาพูดอย่างอบอุ่น “หลีหาน คราวนี้เสี่ยวฮั่วกับฉันมาที่นี่เพื่อชมนิทรรศการทางการแพทย์ และได้ยินมาว่าตี้เซิ่งถอดฮั่วกรุ๊ปออกจากรายชื่อ มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่า?”หลีหานเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงด้วยสายตาที่เย็นชา “ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกครับ ตี้เซิ่งคิดว่าฮั่วกรุ๊ปไม่มีคุณสมบัติจริง ๆ ”“ฮั่วกรุ๊ปสามารถเพิ่มเงินทุนสำหรับการเข้าร่วมนิทรรศการได้อย่างเหมาะสม ไม่ทราบว่าประธานหลีจะช่วยให้พวกเขาเข้าร่วมได้ไห
“นายกำลังจะบอกว่าหลีเกอกำลังจะไปที่ปินเฉิง?!”นายท่านฉีรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินข่าว ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ในเมื่อตอนนี้หลีเกอกลับจีนแล้ว งานหมั้นที่ครอบครัวของเราทั้งสองพูดคุยกัน ก็ควรถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมด้วยไม่ใช่หรือ?”น้ำเสียงของหลีหานไม่แยแสและเขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนนายท่านฉีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “มันขึ้นอยู่กับความคิดของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะถึงยังไงพวกเขาสองคนก็คือคนที่แต่งงาน”นายท่านฉีเข้าใจความหมายของคำพูดของหลีหานไม่ลงเขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนแบบไหนเขามีลูกชายในตอนที่อายุมากแล้ว และเขาก็ตามใจลูกมาตั้งแต่เด็กแม้ว่าตำแหน่งของเขาในฐานะประธานฉีกรุ๊ปจะไม่มีปัญหา แต่การที่เขาเอาแต่สำมะเลเทเมา ขับรถเที่ยวกับสาว และทำตัวไม่ได้เรื่องไปวัน ๆ ยังห่างไกลจากมาตรฐานลูกเขยตามที่ตระกูลหลีต้องการอยู่มากนักหลีเกอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี เธอเป็นที่รักของทุกคนและพวกเขาต่างก็ทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี แน่นอนว่าคงจะไม่วางใจหากจะต้องให้มาลงเลยกับคนที่ไม่เอาไหนแบบลูกชายของเขาหลีเกอที่เขาเคยเจอนั้นมีผิวพรรณดี อารมณ์ดี และหน้าตาดี เป็นคนที่เหมาะและดี