“ในเมื่อเธอแทบรอไม่ไหวที่จะจากไป งั้นเรามาทำตามความปรารถนาของเธอกันเถอะ!”“โทรหาทนายความและนัดไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นเรื่อย ๆ และความโกรธในอกของเขาไม่มีที่จะระบายออกมาหลานหนีไม่กล้าวางสาย “ประธานฮั่ว อีกฝ่ายบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี ตราบใดที่คุณกำหนดเวลาได้พวกเขาก็สามารถจัดการได้ทุกเมื่อ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วจิ้นเฉิงก็โยนโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในสายลงบนพื้นเขาลูบหน้าผาก อาการปวดหัวเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ “หลีเกอ...คุณช่างโหดร้ายจริง ๆ!”……อาคารตี้จิงกรุ๊ปสาขาปินเฉิงหลีเกอเปิดประตูห้องประชุมและปรากฏตัวต่อหน้าผู้บริหารหลายคนพร้อมกับเจี่ยงอีอีในชุดสาวออฟฟิตที่ประณีตและสง่างามเจี่ยงอีอีและหลีเกอคืนดีกันในครั้งนี้และตัดสินใจไม่กลับไปฝรั่งเศสทันที พวกเธอต้องการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในอาชีพและเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเองหลีเกอแนะนำตัวเองและเจี่ยงอีอีว่า “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปที่สำนักงานใหญ่ดูไบส่งมา คนที่อยู่ถัดไปคือผู้ช่วยของฉันเองค่ะ ฉันหวังว่าเราจะร่วมมืออย่างจริงใจในการทำงานในอนาคตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของสาขาปินเฉิงนะคะ”คนในนั้นส่วนใ
ในใจกลางถนนย่านการค้า มีอาคารห้าชั้นที่ด้านนอกเป็นกระจกทั้งหมดตั้งตระหง่านอยู่อย่างน่าประทับใจวันนี้เป็นวันที่เจี่ยงอีอีจะเปิดร้านเสื้อผ้าของเธออีกครั้งเป็นโครงการที่ไม่ได้ทำมากว่าสามปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งทำเลที่ตั้งดีกว่าและพื้นที่ก็ใหญ่กว่าเมื่อสามปีที่แล้วเสียด้วยภายในตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ สว่างไสว เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราที่คัดสรรมาอย่างดี กระจกด้านนอกที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายบ่งบอกถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับทุกคนที่ผ่านไปมาได้เห็นในเวลานั้น การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และการผสมผสานอันชาญฉลาดทำให้พวกเขาโด่งดังในหมู่สาว ๆ ในปินเฉิงและดึงดูดความสนใจของเด็กสาวได้หลายคนก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็มีแถวยาวต่อคิวรอที่ประตู หญิงสาวทุกคนจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงรอเข้าแถวตามหมายเลขการจองวันนี้หลีเกอก็ถูกเจี่ยงอีอีเรียกตัวมาจากบริษัท และขอให้ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ลูกค้าหลังจากช่วงเช้าที่แสนวุ่นวายก็ถึงเวลาอาหารเย็น ตอนนี้คนน้อยลงแล้ว หลีเกอและเจี่ยงอีอีก็ล้มลงอย่างเหนื่อยล้าเจี่ยงอีอีกอดแขนของหลีเกอแล้วพูดว่า “ที่รัก วันนี้เป็นเหมื
“โควต้าคำเชิญที่ซื้อมาจากผู้เก็งกำไรจะถือเป็นโมฆะทันที”หลีเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย "แต่ไม่มีผู้จัดการร้านคนไหนให้บริการแบบนี้เป็นการส่วนตัว"“แน่นอนว่า” ดวงตาของเธอสั่นไหว “หากคุณทั้งสองคนใช้จ่ายสินค้าเป็นมูลค่าห้าสิบล้านในร้านวันนี้ ดิฉันในฐานะผู้จัดการร้านก็สามารถให้บริการคุณได้เช่นกันค่ะ”ในฐานะลูกสาวคนเล็กของตระกูลเฉียว เธอไม่มีเงินในกระเป๋ามากนัก เธอใช้เงินพิเศษสามสิบล้านไปเมื่อครั้งก่อน หลีเกอจึงเดิมพันว่าตอนนี้เฉียวซีอวิ๋นกำลังขาดเงินแต่มันคงจะดีกว่าถ้าเฉียวซีอวิ๋นทุ่มสุดตัวและสามารถช่วยเจี่ยงอีอีเพิ่มยอดขายของเธอได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวฮั่วซินเป็นคนไร้สมองและกระตุ้นเฉียวซีอวิ๋น “พี่สะใภ้เฉียว มาซื้อทุกอย่างในร้านของเธอแล้วปล่อยให้เธอเห็นความแข็งแกร่งของพี่กันเถอะ!”เฉียวซีอวิ๋นหรี่ตาลงและไม่พูดอะไร ไม่ว่าฮั่วซินจะพูดอะไร เธอก็ไม่ยอมขยับ“ไม่มีเงินงั้นเหรอ?”“มีเงินไม่พอแล้วยังกล้าซื้อสิทธิจากคนอื่นมาอีก ดูเหมือนว่าดิฉันคงจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อมาเชิญให้คุณทั้งสองคนออกไป”เสียงของหลีเกอในร้านไม่ดังไม่เบา แต่เพียงพอให้ทุกคนได
สามวันต่อมา สำนักงานกิจการพลเรือนทนายความจากทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องเวลาในการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ หลีเกอและฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏตัวตามกำหนดการหลังจากเจ้าหน้าที่จัดเตรียมแบบฟอร์มเสร็จแล้ว หลีเกอก็กรอกแบบฟอร์มอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ในทางกลับกัน ฮั่วจิ้นเฉิงกลับลังเลเมื่อกำลังจะเริ่มเขียนหลีเกอเหลือบมองไปด้านข้าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสว่า “คุณฮั่ว ฉันต้องรีบไปนะคะ”เมื่อถูกกระตุ้น ใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดลง เขาหยิบปากกามากรอกแบบฟอร์มทันทีหลังจากเขียนข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องเคาน์เตอร์“เดี๋ยวครับ”เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานใบหย่าจะถูกประทับตรา ฮั่วจิ้นเฉิงก็พูดอะไรบางอย่างพนักงานหยุดชะงักทันที ไม่คาดคิดว่าลูกค้ารายแรกของเธอในตอนเช้าจะเป็นถึงประธานของบริษัทฮั่วกรุ๊ป และเลขาของเขา!นึกว่ารักกันมานานจึงมาขอจดทะเบียนสมรส ไม่คิดว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้ไปได้… มาหย่าหรอกเหรอ!ฮั่วจินเฉิงมองหลีเกอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา วางมาดต่างสถานะอย่างที่พวกเขาเคยเป็นในอดีต “คุณคิดเรื่องนี้ดีแล้วเหรอ?”ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเป็นอิสระ เธอฟ้องหย่าเขา ทำให้เขาต้องเสียเ
เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นเต็มดวงใจในขณะนี้ หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุดชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายเป็นของเธอโดยสมบูรณ์ถ้าฮั่วจิ้นเฉิงเสนอขอแต่งงานกับเธอตอนนี้ เธอจะรีบตอบตกลงทันทีฮั่วจิ้นเฉิงซึ่งตกเป็นศูนย์กลางของหัวข้อสนทนา ไม่ได้ขยับยกแก้วขึ้นแต่อย่างใด ใบหน้าของเขามืดมน และมีสีหน้าหดหู่อย่างเห็นได้ชัดผ่านทางหว่างคิ้ว เอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นโดยที่ไม่พูดอะไรร่างของหลีเกอเดินที่จากไปด้วยท่วงท่าสง่างามยังคงฉายซ้ำอยู่ในใจของเขา ไม่เลือนหายแม้ผ่านมาเป็นเวลานานเมื่อเห็นว่าทุกคนค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน ฮั่วซินจึงพูดว่า “พี่ชาย ทำไมไม่พูดอะไรสักสองสามคำหน่อยล่ะคะ! ถ้าพี่ไม่พูดอะไร บรรยากาศจะยิ่งแย่ลงไปอีก!”“ใช่แล้ว จิ้นเฉิง ตอนนี้นังขวากหนามนั่นโดนถอนทิ้งไปแล้ว ลูกควรจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ลูกถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีเอาซะเลย?”หลี่ซูฉินมองเฉียวซีอวิ๋นอีกครั้งด้วยสีหน้าพึงพอใจ “แม่ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นในตอนนี้เลย แค่อยากให้ลูกรีบแต่งงานกับซีอวิ๋นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้รับขวัญหลานชายของเรา!”ใบหน้าของเฉียวซีอวิ๋นเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อเล็กน้อย “คุณป้าคะ จิ้นเฉิ
“ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ” จู้หว่านอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายพูดอย่างเฉียบขาด และไม่ลืมทิ้งท้าย “ถ้ามีอะไรก็ติดต่อหาฉันได้ตลอดนะ”“ขอบคุณมาก”ทันทีที่หลีเกอวางสายจากจู้หว่านอี้ เจี่ยงอีอีก็ขยับเข้ามาใกล้พลางพูดว่า “ที่รัก งั้นเธอคิดจะทำอะไรล่ะ นังชาเขียวนั่นชักจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว!”“คืนพรุ่งนี้ พี่ใหญ่ของฉันจะพาฉันไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยหอการค้าปินเฉิง ตระกูลเศรษฐีทั้งหมดของปินเฉิงทั้งหมดน่าจะไปรวมตัวกันอยู่ที่งานนั้น ฉันแน่ใจว่านังชาเขียวนั่นจะไม่มีที่ให้แทรกแผ่นดินหนี!”เจี่ยงอีอีเชียร์หลีเกอ “ที่รัก ให้มันได้อย่างนี้สิ! ตบหน้าพวกมันเลย!”…ค่ำคืนวันงานเลี้ยงห้องโถงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายในชุดราตรีราคาแพงระยับ แสงไฟสาดส่องพร่างพรายทั่วบริเวณในขณะที่แขกกำลังดื่มและพูดคุยสังสรรค์หลีเกอมาถึงช้ากว่ากำหนดการ เธอสวมชุดปักเพชรอันหรูหรา ทำให้รูปร่างสะโอดสะองประณีตของเธอสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ออร่าเต็มไปด้วยความหรูหราและมีเกียรติ ความแพรวพราวบนร่างกายทำให้คนที่มองไม่สามารถละสายตาจากไปได้อยู่นานการแต่งหน้าส่งเสริมให้เธอสวยงามราวกับภาพฝัน แฝงความเยือกเย็นและสง่างามในเวลาเดียว
ฮั่วจินเฉิงรู้สึกอึดอัดใจกับคำถามวาทศิลป์ของหลีเกอเขายืนเคียงข้างหลี่ซูฉินและฮั่วซินมาตลอดจริง ไม่เคยฟังในสิ่งที่หลีเกอพูดเลยนี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เธอยืนกรานจะหย่าร้างให้ได้สินะ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความรู้สึกตำหนิตัวเองที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ผุดขึ้นในใจเต็มไปหมด“ขอโทษเธอซะ” ฮั่วจิ้นเฉิงหันไปพูดกับฮั่วซินด้วยใบหน้าเศร้าหมองฮั่วซินแสดงสีหน้าเหยเก แต่ไม่ยอมปริปากพูด“ชีวิตแต่งงานแสนอัปยศอดสูสามปี ไหนจะการโดนปล่อยข่าวลือหลังหย่า แค่พูดขอโทษจะไปแก้ไขอะไรได้”หลีหานเดินมาหาหลีเกอ แสดงความโกรธออกมาอย่างไม่ปิดบัง ใบหน้าที่หล่อเหล่าสง่างามเย็นชา เมื่อรู้ว่าน้องสาวของเขาถูกรังแกแค่ไหนเมื่อครั้งยังอยู่กับตระกูลฮั่ว เขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ เมื่อเห็นหน้าสมาชิกตระกูลฮั่วเขาเหลือบมองเฉียวซีอวิ๋น พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “เรื่องบทความใส่ร้ายโจมตีจนติดเทรนด์การค้นหามาแรง ผมสืบพบแล้วว่าใครคือคนปล่อยข่าว”เฉียวซีอวิ๋นถูกจ้องเขม็ง มองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยออร่าของหลีหาน มือทั้งสองขยำกระโปรงตัวเองโดยไม่รู้ตัวเพราะหวาดกลัวความผิดไม่มีทาง ไม่มีใครสืบหาจนเจอว่าเป็นเธอแน่ภาพถ่ายเหล่านั้นถูก
“จิ้นเฉิง ยังต้องประนีประนอมอะไรกับนังตัวซวยคนนี้อีก?”หลี่ซูฉินก้าวไปข้างหน้า คว้าแขนของฮั่วจิ้นเฉิง เธอไม่เคยเห็นลูกชายใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ต่อหน้าหลีเกอมาก่อน ไม่เคยวางตัวเป็นฝ่ายขอความเห็นใจพวกเขาไม่เคยเป็นคนที่เรียกร้องขอความเมตตาจากใคร อีกอย่างผู้หญิงคนนี้เคยตกอยู่ใต้อาณัติพวกเขามาโดยตลอด เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเธอพุ่งตัวเข้าหาหลีเกอด้วยสีหน้าถมึงทึง แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “กับอีแค่สาดน้ำสกปรกใส่แกแล้วยังไง? คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงเสียงมากขนาดไหนกัน? ก่อนหน้านี้ตอนที่คนตระกูลฮั่วชี้นิ้วสั่งและดุด่าสารพัดสารพัน ไม่เห็นแกจะติดใจเอาความเลยสักครั้ง!”หลี่ซูฉินตะคอก แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มคล้ำลงเรื่อย ๆ ถึงตระหนักว่าตัวเองเผลอเปิดโปงทัศนคติที่มีต่อหลีเกอในช่วงสามปีที่ผ่านมาจนหมดเปลือกหลีหานทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเหลือบมองหลีเกอที่อยู่ด้านข้างแล้วถามว่า “นี่คือแม่สามีและน้องสามีที่เธอทุ่มเทรับใช้สุดหัวใจตลอดสามปีที่ผ่านมาเหรอ? ดูคนที่เธอเคยมอบหัวใจและจิตวิญญาณให้ซิ!”เมื่อนึกถึงน้องสาวที่ต้องผันตัวไปอยู่ในตรอกสล