ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
“เมื่อเวลาเที่ยงคืนสามสิบนาที ตามเวลาเมืองหลวง เครื่องบินลำหนึ่งไฟล์ทเดินทางไปยังรัฐปีนังประสบอัคคีภัยขณะลงจอด ยอดผู้เสียชีวิตสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบราย ขณะนี้มีผู้รอดชีวิตเพียงสามราย”บนหน้าจอขนาดใหญ่ในโรงพยาบาลกำลังรายงานข่าวเครื่องบินตกแบบเรียลไทม์ หลีเกอหวนนึกถึงความรู้สึกดังกล่าวในฐานะผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง เธอนอนอยู่บนเตียงไอซียู บาดแผลเต็มตัว สองขาล้วนพันด้วยผ้าพันแผลโทรศัพท์ที่กำในมือดังไม่ขาดสาย “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจนถึงตอนนี้ ฮั่วจิ้นเฉิงในนามสามีของเธอไม่รับโทรศัพท์เลยสักสายเดียวหลังเหตุการณ์เครื่องบินตกชวนช็อกทั่วประเทศเช่นนี้ เธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องซากศพเกลื่อนทั่วที่เกิดเหตุ ความพรั่นพรึงที่เจียนตายนั่นยังคงรัดรึงอยู่ที่ลำคอ เธอกลัวจนหายใจไม่ออกทว่าในเวลาที่เธอต้องการคนเคียงข้างมากที่สุด ผู้ชายที่เธอตบแต่งกันมาสามปีกลับหายเข้ากลีบเมฆความหนาวแผ่ซ่านในหัวใจหลีเกอผ่านไปพักใหญ่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉับพลัน เธอกลับมาสู่โลกความจริงพลางพลิกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ในตาประกายกลับหม่นมัวลงเล็
หลีเกอนึกถึงสองเดือนก่อนทันควัน มีรายงานแผนการทำงานนอกสถานที่ของฮั่วจิ้นเฉิงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เธอกำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีดนี่เขานอกใจเธอเหรอ?อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ เธอก็เป็นเลขาของฮั่วกรุ๊ปและภรรยาที่แต่งงานกับฮั่วจิ้นเฉิงอย่างลับ ๆ แต่เธอไม่เคยได้ข่าวเล่าข่าวลือของเขากับผู้หญิงอื่นเลย“คุณฮั่วดีกับแฟนมาก ๆ ใครคือคนโชคดีที่ได้เป็นคนรักของคุณฮั่วกันนะ ดูเหมือนอีกไม่นานเขาจะแถลงอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ!”“ฉันเคยเสิร์ชดูแล้ว เธอว่าใช่คนนี้ไหม?”พยาบาลที่กำลังเข็นรถเข็นทางการแพทย์รับโทรศัพท์คนข้าง ๆ ปรายมองพลางเอ่ยแปลกใจ “ใช่ ใช่ ใช่ เธอคนนี้แหละ! อะไร? นี่ไม่ใช่ลูกสาวของเจ้าของบริษัทเฉียว เรียล เอสเตทเหรอ? ทั้งฐานะและภาพลักษณ์ล้วนเหมาะสมกับฮั่วจิ้นเฉิงสุด ๆ เป็นคู่รักสวรรค์สร้างเลยทีเดียว!”ทั้งสองยังคงซาบซึ้งตรึงใจ ก่อนที่เสียงของพวกเธอจะค่อย ๆ ไกลออกไปบริษัทเฉียว เรียล เอสเตท…หลังเสร็จขั้นตอนการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลและนั่งบนรถของพี่เลี้ยงที่พ่อบ้านส่งมา จิตใจของหลีเกอยังไม่อาจสงบลงได้เธอเปิดหน้าต่างรถลงครึ่งหนึ่ง หน้าจอโทรศัพท์ส่องสลัวปะทะแก้มขาวซีด เธอเสิร์ชข้อมูลหล
“คุณกับเธอรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”จนกระทั่งเธอยันไม้ค้ำพยุงตัวยืนใต้แสงไฟสลัวที่ห้องห้องนอน ฮั่วจิ้นเฉิงถึงพบว่าสตรีผู้นี้ผอมกว่าตอนจดทะเบียนสมรสเมื่อสามปีก่อนมากราวกับลมเหนือเพียงระลอกเดียวสามารถทำให้เธอล้มได้“คุณสะกดรอยผมเหรอ?” สีหน้าฮั่วจิ้นเฉิงมืดลงฉับพลัน“ฉันเหมือนคนว่างขนาดนั้นเชียวหรือ? แอดมิทโรงพยาบาลเดียวกันเลยได้เห็นชู้กับตาไงล่ะ” แม้เสียงเธอจะเบา แต่ก็นับว่าชัดถ้อยชัดคำหลังพูดคำเหล่านี้ไป หัวใจเธอก็ถูกบดขยี้จนแสนเจ็บปวดทันใดในทางกลับกัน สีหน้าชายหนุ่มดูโกรธไม่น้อยพอนึกถึงช่วงเวลานับตั้งแต่เหตุเครื่องบินตกจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่ได้พูดคุยกับเธอแม้สักคำ มีแต่ความห่างเหินและไม่อดทนอยู่ในทุกคำพูดเพียงเท่านั้นแต่งงานกันมาสามปี บัดนี้เหมือนกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งเธอปรนนิบัติแม่สามีจอมเจ้าเล่ห์ดูแลน้องสามีที่ไม่ลงรอยกัน อาศัยอยู่บ้านหลังนี้อย่างกับคนใช้ชั้นต่ำ อยู่บริษัทรับบทเป็นเลขาทุ่มทั้งกายและใจเพียงเพื่อตามใจคุณย่าฮั่วกำเนิดลูกชายคนหญิงคนของเขา ให้เขาคิดถึงเธอขึ้นบ้างต่อให้มีมิตรภาพเพียงเล็กน้อย นั่นก็ช่วยปลอบใจเธอที่ทำงานบากบั่นมาสามปีได้แล้วแต่ผลลัพธ์ล่ะ?
หลีเกอถอดเสื้อเขาออกทันที ด้วยความรักและตัณหาอันท่วมท้นพลางจุมพิตไปตามขอบลายช่วงท้อง ส่วนกกหูเธอขึ้นสีแดงก่ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นเนือง ๆ “คุณฮั่วถามฉัน ว่าฉันเป็นคุณหญิงฮั่วได้ยังไงไม่ใช่หรือ? ฉันเกือบลืมไป หน้าที่แรกของคุณหญิงฮั่วคือกำเนิดลูกของคุณ…ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง”“คุณกล้าดียังไง?!”กล้ามเนื้อหน้าท้องเขานูนขึ้นชัดเจนหลังจากโกรธ“ฉันพ่นยาปลุกกําหนัดในห้องนิดหน่อย คุณทนอีกนิดเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ฉันก็แค่…อยากมีลูกเหมือนกัน…”เธอไม่เจียมตัวมากและกลายเป็นคนไม่เชื่อฟังมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปจากการเป็นคนว่าง่ายและประพฤติตัวดีที่เธอเคยแสดงต่อหน้าอีกฝ่ายชนิดหน้ามือเป็นหลังมือความรู้สึกตอบสนองแรกตามสัญชาตญาณของร่างกายหลังโดนยั่วยุอย่างหน้าไม่อายจากเธอ ฮั่วจิ้นเฉิงได้แต่หายใจหนักขึ้นเรื่อย ๆเขาควบคุมการตอบสนองต่อยาปลุกกําหนัดที่ครอบงำรุนแรง โดยการคว้านิ้วมือซุกซนของนางไว้ “หลีเกอ คุณทำให้ผมขยะแขยงจริง ๆ!”ตัณหาที่เดิมลุกโชนอยู่ในแววตาของหญิงสาวมลายหายสิ้นเนื่องวาจาประโยคนี้เธอเงยหน้าขึ้นดวงตาเปียกชื้น กอดความอาลัยเส้นสุดท้ายพลางย้อนถาม “ทำเรื่องประเภทนี้กับฉัน ทำให้ค
หลีซูฉินไม่อยากจะเชื่อว่าหลีเกอจะใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเธอเธอชี้นิ้วที่สวมแหวนไพลินวงใหญ่ใส่หลีเกอ “เธอคิดอะไรอยู่?! เธอลองพูดอย่างเมื่อกี้ใหม่ซิ!”หลีเกอมีท่าทีไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ดวงตางดงามมองหลีซูฉินตรง ๆ “ฉันพูดว่าในเมื่อซีอวิ๋นนั่นจะมาอยู่บ้านฮั่วแล้ว ในอนาคตบรรดาเรื่องที่พวกคุณไม่ทำก็ให้เธอไปซะ ฉัน…จะไม่ทำอีกต่อไปแล้ว!”วาจาที่ชัดเจนพ่นออกจากริมฝีปากแดงของหลีเกอทีละคำเมื่อคำพูดประโยคนี้เอ่ยจบ เธอก็ใจโล่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทว่านั่นกลับทำให้หลีซูฉินบันดาลโทสะอย่างแท้จริง “เธอ!”“มะมะ… แม่คะ!” ในช่วงเวลาสำคัญฮั่วซินคว้าแขนหลีซูฉินไว้พลางเอ่ยเบาเสียงลงเล็กน้อย “พี่สะใภ้โกรธมาก! ได้ยินว่าเมื่อคืนพี่…”ฮั่วซินพูดใส่ไฟเหตุการณ์เมื่อคืนอีกรอบ จากท่าทางที่เปล่งเสียงและกระหยิ่มยิ้มย่องของเธอก็รู้ว่าไม่ได้พูดในทางที่ดีอะไรหลีซูฉินเข้าใจทันที กล่าวพรวดใส่หลีเกออย่างมั่นอกมั่นใจ “เป็นเพราะรั้งสามีตัวเองเอาไว้ไม่ได้เลยมาโวยวายกับฉันอย่างนั้นเหรอ!”หลีเกอเกอค่อย ๆ เดินลากกระเป๋าเดินทางพลันหยุดอยู่ด้านนอกของบ้านที่ขมับเต้นตุบเธอกลั้นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากหันหน้าไปด่าคน และบ่ายศี