หลีเกอกำหมัดแน่น พยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรลงไปคน ๆ นี้คือคู่แต่งงานที่พี่ใหญ่บอกว่าอยากให้แต่งงานด้วย ฉีอวิ๋นเทียน หนุ่มเจ้าสำราญแห่งตระกูลฉีหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่อาจจะได้แต่งงานกัน หลีเกอคงจะไม่มีปฏิกริยาอะไรมากนักเหตุผลจริง ๆ ก็คือฉีอวิ๋นเทียนไปป่าวประกาศว่าเธอน่าเกลียดตั้งแต่เธออายุห้าขวบ ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมาเขายังบอกอีกว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอต่อให้เขาต้องตายก็ตามฉีอวิ๋นเทียนไม่ชอบเธอ และเธอก็ไม่ชอบฉีอวิ๋นเทียนเช่นกัน!หากไม่ใช่เพราะว่านายท่านฉีพ่อของเขาเป็นครูของพ่อเธอ เธอคงจะต้องสอนบทเรียนให้กับคน 'ปากเสีย' นี่เสียหน่อยแล้ว!ฉีอวิ๋นเทียนที่อยู่ตรงข้ามยังคงพูดไม่หยุด โดยไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของ 'สาวงามที่น่าสนใจ' และไม่เคยคิดว่าหลีเกอที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหลีเกอในความทรงจำ “ไม่ทราบว่าขอช่องทางติดต่อของ…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกสาวงามโยนผ้าเช็ดหน้าใส่ เขายื่นมือออกไปจับมัน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง 'สาวงามที่น่าสนใจ' ก็ได้เดินไปไกลแล้วเขาสับสนเมื่อเห็นความเร็วของสาวสวยซึ่งเจือความโกรธเล็กน้อย“นี่คุณ…” เขาสับ
ในไม่ช้าหลีหานก็ปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่เขาได้ทักทายกับนายท่านฉีเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงตามด้วยฮั่วจิ้นเฉิงรัศมีที่เล็ดลอดออกมาจากทั้งสองนั้นเทียบเคียงกัน และท่าทีของฮั่วจิ้นเฉิงก็ดูอ่อนลงเล็กน้อยเพราะเขากำลังขอความช่วยเหลือ“ประธานหลี ผมชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว”“ยินดีต้อนรับประธานฮั่ว”เมื่อทั้งสองจับมือกัน ฮั่วจิ้นเฉิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเป็นศัตรูที่หลีหานเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เขาสับสนเล็กน้อยนายท่านฉีสวมชุดลำลองสีขาวของชายในยุคสาธารณรัฐพร้อมมีรอยยิ้มบนใบหน้า สันที่ปลายตาของเขาเหลื่อมกันและดวงตาของเขาเผยให้เห็นความฉลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของนักธุรกิจเขาพูดอย่างอบอุ่น “หลีหาน คราวนี้เสี่ยวฮั่วกับฉันมาที่นี่เพื่อชมนิทรรศการทางการแพทย์ และได้ยินมาว่าตี้เซิ่งถอดฮั่วกรุ๊ปออกจากรายชื่อ มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่า?”หลีหานเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงด้วยสายตาที่เย็นชา “ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกครับ ตี้เซิ่งคิดว่าฮั่วกรุ๊ปไม่มีคุณสมบัติจริง ๆ ”“ฮั่วกรุ๊ปสามารถเพิ่มเงินทุนสำหรับการเข้าร่วมนิทรรศการได้อย่างเหมาะสม ไม่ทราบว่าประธานหลีจะช่วยให้พวกเขาเข้าร่วมได้ไห
“นายกำลังจะบอกว่าหลีเกอกำลังจะไปที่ปินเฉิง?!”นายท่านฉีรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินข่าว ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ในเมื่อตอนนี้หลีเกอกลับจีนแล้ว งานหมั้นที่ครอบครัวของเราทั้งสองพูดคุยกัน ก็ควรถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมด้วยไม่ใช่หรือ?”น้ำเสียงของหลีหานไม่แยแสและเขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนนายท่านฉีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “มันขึ้นอยู่กับความคิดของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะถึงยังไงพวกเขาสองคนก็คือคนที่แต่งงาน”นายท่านฉีเข้าใจความหมายของคำพูดของหลีหานไม่ลงเขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนแบบไหนเขามีลูกชายในตอนที่อายุมากแล้ว และเขาก็ตามใจลูกมาตั้งแต่เด็กแม้ว่าตำแหน่งของเขาในฐานะประธานฉีกรุ๊ปจะไม่มีปัญหา แต่การที่เขาเอาแต่สำมะเลเทเมา ขับรถเที่ยวกับสาว และทำตัวไม่ได้เรื่องไปวัน ๆ ยังห่างไกลจากมาตรฐานลูกเขยตามที่ตระกูลหลีต้องการอยู่มากนักหลีเกอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี เธอเป็นที่รักของทุกคนและพวกเขาต่างก็ทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี แน่นอนว่าคงจะไม่วางใจหากจะต้องให้มาลงเลยกับคนที่ไม่เอาไหนแบบลูกชายของเขาหลีเกอที่เขาเคยเจอนั้นมีผิวพรรณดี อารมณ์ดี และหน้าตาดี เป็นคนที่เหมาะและดี
“ในเมื่อเธอแทบรอไม่ไหวที่จะจากไป งั้นเรามาทำตามความปรารถนาของเธอกันเถอะ!”“โทรหาทนายความและนัดไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นเรื่อย ๆ และความโกรธในอกของเขาไม่มีที่จะระบายออกมาหลานหนีไม่กล้าวางสาย “ประธานฮั่ว อีกฝ่ายบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี ตราบใดที่คุณกำหนดเวลาได้พวกเขาก็สามารถจัดการได้ทุกเมื่อ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วจิ้นเฉิงก็โยนโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในสายลงบนพื้นเขาลูบหน้าผาก อาการปวดหัวเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ “หลีเกอ...คุณช่างโหดร้ายจริง ๆ!”……อาคารตี้จิงกรุ๊ปสาขาปินเฉิงหลีเกอเปิดประตูห้องประชุมและปรากฏตัวต่อหน้าผู้บริหารหลายคนพร้อมกับเจี่ยงอีอีในชุดสาวออฟฟิตที่ประณีตและสง่างามเจี่ยงอีอีและหลีเกอคืนดีกันในครั้งนี้และตัดสินใจไม่กลับไปฝรั่งเศสทันที พวกเธอต้องการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในอาชีพและเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเองหลีเกอแนะนำตัวเองและเจี่ยงอีอีว่า “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปที่สำนักงานใหญ่ดูไบส่งมา คนที่อยู่ถัดไปคือผู้ช่วยของฉันเองค่ะ ฉันหวังว่าเราจะร่วมมืออย่างจริงใจในการทำงานในอนาคตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของสาขาปินเฉิงนะคะ”คนในนั้นส่วนใ
ในใจกลางถนนย่านการค้า มีอาคารห้าชั้นที่ด้านนอกเป็นกระจกทั้งหมดตั้งตระหง่านอยู่อย่างน่าประทับใจวันนี้เป็นวันที่เจี่ยงอีอีจะเปิดร้านเสื้อผ้าของเธออีกครั้งเป็นโครงการที่ไม่ได้ทำมากว่าสามปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งทำเลที่ตั้งดีกว่าและพื้นที่ก็ใหญ่กว่าเมื่อสามปีที่แล้วเสียด้วยภายในตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ สว่างไสว เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราที่คัดสรรมาอย่างดี กระจกด้านนอกที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายบ่งบอกถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับทุกคนที่ผ่านไปมาได้เห็นในเวลานั้น การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และการผสมผสานอันชาญฉลาดทำให้พวกเขาโด่งดังในหมู่สาว ๆ ในปินเฉิงและดึงดูดความสนใจของเด็กสาวได้หลายคนก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็มีแถวยาวต่อคิวรอที่ประตู หญิงสาวทุกคนจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงรอเข้าแถวตามหมายเลขการจองวันนี้หลีเกอก็ถูกเจี่ยงอีอีเรียกตัวมาจากบริษัท และขอให้ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ลูกค้าหลังจากช่วงเช้าที่แสนวุ่นวายก็ถึงเวลาอาหารเย็น ตอนนี้คนน้อยลงแล้ว หลีเกอและเจี่ยงอีอีก็ล้มลงอย่างเหนื่อยล้าเจี่ยงอีอีกอดแขนของหลีเกอแล้วพูดว่า “ที่รัก วันนี้เป็นเหมื
“โควต้าคำเชิญที่ซื้อมาจากผู้เก็งกำไรจะถือเป็นโมฆะทันที”หลีเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย "แต่ไม่มีผู้จัดการร้านคนไหนให้บริการแบบนี้เป็นการส่วนตัว"“แน่นอนว่า” ดวงตาของเธอสั่นไหว “หากคุณทั้งสองคนใช้จ่ายสินค้าเป็นมูลค่าห้าสิบล้านในร้านวันนี้ ดิฉันในฐานะผู้จัดการร้านก็สามารถให้บริการคุณได้เช่นกันค่ะ”ในฐานะลูกสาวคนเล็กของตระกูลเฉียว เธอไม่มีเงินในกระเป๋ามากนัก เธอใช้เงินพิเศษสามสิบล้านไปเมื่อครั้งก่อน หลีเกอจึงเดิมพันว่าตอนนี้เฉียวซีอวิ๋นกำลังขาดเงินแต่มันคงจะดีกว่าถ้าเฉียวซีอวิ๋นทุ่มสุดตัวและสามารถช่วยเจี่ยงอีอีเพิ่มยอดขายของเธอได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวฮั่วซินเป็นคนไร้สมองและกระตุ้นเฉียวซีอวิ๋น “พี่สะใภ้เฉียว มาซื้อทุกอย่างในร้านของเธอแล้วปล่อยให้เธอเห็นความแข็งแกร่งของพี่กันเถอะ!”เฉียวซีอวิ๋นหรี่ตาลงและไม่พูดอะไร ไม่ว่าฮั่วซินจะพูดอะไร เธอก็ไม่ยอมขยับ“ไม่มีเงินงั้นเหรอ?”“มีเงินไม่พอแล้วยังกล้าซื้อสิทธิจากคนอื่นมาอีก ดูเหมือนว่าดิฉันคงจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อมาเชิญให้คุณทั้งสองคนออกไป”เสียงของหลีเกอในร้านไม่ดังไม่เบา แต่เพียงพอให้ทุกคนได
สามวันต่อมา สำนักงานกิจการพลเรือนทนายความจากทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องเวลาในการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ หลีเกอและฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏตัวตามกำหนดการหลังจากเจ้าหน้าที่จัดเตรียมแบบฟอร์มเสร็จแล้ว หลีเกอก็กรอกแบบฟอร์มอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ในทางกลับกัน ฮั่วจิ้นเฉิงกลับลังเลเมื่อกำลังจะเริ่มเขียนหลีเกอเหลือบมองไปด้านข้าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสว่า “คุณฮั่ว ฉันต้องรีบไปนะคะ”เมื่อถูกกระตุ้น ใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดลง เขาหยิบปากกามากรอกแบบฟอร์มทันทีหลังจากเขียนข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องเคาน์เตอร์“เดี๋ยวครับ”เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานใบหย่าจะถูกประทับตรา ฮั่วจิ้นเฉิงก็พูดอะไรบางอย่างพนักงานหยุดชะงักทันที ไม่คาดคิดว่าลูกค้ารายแรกของเธอในตอนเช้าจะเป็นถึงประธานของบริษัทฮั่วกรุ๊ป และเลขาของเขา!นึกว่ารักกันมานานจึงมาขอจดทะเบียนสมรส ไม่คิดว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้ไปได้… มาหย่าหรอกเหรอ!ฮั่วจินเฉิงมองหลีเกอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา วางมาดต่างสถานะอย่างที่พวกเขาเคยเป็นในอดีต “คุณคิดเรื่องนี้ดีแล้วเหรอ?”ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเป็นอิสระ เธอฟ้องหย่าเขา ทำให้เขาต้องเสียเ
เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นเต็มดวงใจในขณะนี้ หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุดชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายเป็นของเธอโดยสมบูรณ์ถ้าฮั่วจิ้นเฉิงเสนอขอแต่งงานกับเธอตอนนี้ เธอจะรีบตอบตกลงทันทีฮั่วจิ้นเฉิงซึ่งตกเป็นศูนย์กลางของหัวข้อสนทนา ไม่ได้ขยับยกแก้วขึ้นแต่อย่างใด ใบหน้าของเขามืดมน และมีสีหน้าหดหู่อย่างเห็นได้ชัดผ่านทางหว่างคิ้ว เอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นโดยที่ไม่พูดอะไรร่างของหลีเกอเดินที่จากไปด้วยท่วงท่าสง่างามยังคงฉายซ้ำอยู่ในใจของเขา ไม่เลือนหายแม้ผ่านมาเป็นเวลานานเมื่อเห็นว่าทุกคนค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน ฮั่วซินจึงพูดว่า “พี่ชาย ทำไมไม่พูดอะไรสักสองสามคำหน่อยล่ะคะ! ถ้าพี่ไม่พูดอะไร บรรยากาศจะยิ่งแย่ลงไปอีก!”“ใช่แล้ว จิ้นเฉิง ตอนนี้นังขวากหนามนั่นโดนถอนทิ้งไปแล้ว ลูกควรจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ลูกถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีเอาซะเลย?”หลี่ซูฉินมองเฉียวซีอวิ๋นอีกครั้งด้วยสีหน้าพึงพอใจ “แม่ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นในตอนนี้เลย แค่อยากให้ลูกรีบแต่งงานกับซีอวิ๋นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้รับขวัญหลานชายของเรา!”ใบหน้าของเฉียวซีอวิ๋นเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อเล็กน้อย “คุณป้าคะ จิ้นเฉิ