ในไม่ช้าหลีหานก็ปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่เขาได้ทักทายกับนายท่านฉีเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงตามด้วยฮั่วจิ้นเฉิงรัศมีที่เล็ดลอดออกมาจากทั้งสองนั้นเทียบเคียงกัน และท่าทีของฮั่วจิ้นเฉิงก็ดูอ่อนลงเล็กน้อยเพราะเขากำลังขอความช่วยเหลือ“ประธานหลี ผมชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว”“ยินดีต้อนรับประธานฮั่ว”เมื่อทั้งสองจับมือกัน ฮั่วจิ้นเฉิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเป็นศัตรูที่หลีหานเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เขาสับสนเล็กน้อยนายท่านฉีสวมชุดลำลองสีขาวของชายในยุคสาธารณรัฐพร้อมมีรอยยิ้มบนใบหน้า สันที่ปลายตาของเขาเหลื่อมกันและดวงตาของเขาเผยให้เห็นความฉลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของนักธุรกิจเขาพูดอย่างอบอุ่น “หลีหาน คราวนี้เสี่ยวฮั่วกับฉันมาที่นี่เพื่อชมนิทรรศการทางการแพทย์ และได้ยินมาว่าตี้เซิ่งถอดฮั่วกรุ๊ปออกจากรายชื่อ มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่า?”หลีหานเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงด้วยสายตาที่เย็นชา “ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกครับ ตี้เซิ่งคิดว่าฮั่วกรุ๊ปไม่มีคุณสมบัติจริง ๆ ”“ฮั่วกรุ๊ปสามารถเพิ่มเงินทุนสำหรับการเข้าร่วมนิทรรศการได้อย่างเหมาะสม ไม่ทราบว่าประธานหลีจะช่วยให้พวกเขาเข้าร่วมได้ไห
“นายกำลังจะบอกว่าหลีเกอกำลังจะไปที่ปินเฉิง?!”นายท่านฉีรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินข่าว ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ในเมื่อตอนนี้หลีเกอกลับจีนแล้ว งานหมั้นที่ครอบครัวของเราทั้งสองพูดคุยกัน ก็ควรถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมด้วยไม่ใช่หรือ?”น้ำเสียงของหลีหานไม่แยแสและเขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนนายท่านฉีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “มันขึ้นอยู่กับความคิดของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะถึงยังไงพวกเขาสองคนก็คือคนที่แต่งงาน”นายท่านฉีเข้าใจความหมายของคำพูดของหลีหานไม่ลงเขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนแบบไหนเขามีลูกชายในตอนที่อายุมากแล้ว และเขาก็ตามใจลูกมาตั้งแต่เด็กแม้ว่าตำแหน่งของเขาในฐานะประธานฉีกรุ๊ปจะไม่มีปัญหา แต่การที่เขาเอาแต่สำมะเลเทเมา ขับรถเที่ยวกับสาว และทำตัวไม่ได้เรื่องไปวัน ๆ ยังห่างไกลจากมาตรฐานลูกเขยตามที่ตระกูลหลีต้องการอยู่มากนักหลีเกอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี เธอเป็นที่รักของทุกคนและพวกเขาต่างก็ทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี แน่นอนว่าคงจะไม่วางใจหากจะต้องให้มาลงเลยกับคนที่ไม่เอาไหนแบบลูกชายของเขาหลีเกอที่เขาเคยเจอนั้นมีผิวพรรณดี อารมณ์ดี และหน้าตาดี เป็นคนที่เหมาะและดี
“ในเมื่อเธอแทบรอไม่ไหวที่จะจากไป งั้นเรามาทำตามความปรารถนาของเธอกันเถอะ!”“โทรหาทนายความและนัดไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน” เสียงของฮั่วจิ้นเฉิงดังขึ้นเรื่อย ๆ และความโกรธในอกของเขาไม่มีที่จะระบายออกมาหลานหนีไม่กล้าวางสาย “ประธานฮั่ว อีกฝ่ายบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี ตราบใดที่คุณกำหนดเวลาได้พวกเขาก็สามารถจัดการได้ทุกเมื่อ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วจิ้นเฉิงก็โยนโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในสายลงบนพื้นเขาลูบหน้าผาก อาการปวดหัวเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ “หลีเกอ...คุณช่างโหดร้ายจริง ๆ!”……อาคารตี้จิงกรุ๊ปสาขาปินเฉิงหลีเกอเปิดประตูห้องประชุมและปรากฏตัวต่อหน้าผู้บริหารหลายคนพร้อมกับเจี่ยงอีอีในชุดสาวออฟฟิตที่ประณีตและสง่างามเจี่ยงอีอีและหลีเกอคืนดีกันในครั้งนี้และตัดสินใจไม่กลับไปฝรั่งเศสทันที พวกเธอต้องการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในอาชีพและเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเองหลีเกอแนะนำตัวเองและเจี่ยงอีอีว่า “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปที่สำนักงานใหญ่ดูไบส่งมา คนที่อยู่ถัดไปคือผู้ช่วยของฉันเองค่ะ ฉันหวังว่าเราจะร่วมมืออย่างจริงใจในการทำงานในอนาคตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของสาขาปินเฉิงนะคะ”คนในนั้นส่วนใ
ในใจกลางถนนย่านการค้า มีอาคารห้าชั้นที่ด้านนอกเป็นกระจกทั้งหมดตั้งตระหง่านอยู่อย่างน่าประทับใจวันนี้เป็นวันที่เจี่ยงอีอีจะเปิดร้านเสื้อผ้าของเธออีกครั้งเป็นโครงการที่ไม่ได้ทำมากว่าสามปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งทำเลที่ตั้งดีกว่าและพื้นที่ก็ใหญ่กว่าเมื่อสามปีที่แล้วเสียด้วยภายในตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ สว่างไสว เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราที่คัดสรรมาอย่างดี กระจกด้านนอกที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายบ่งบอกถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับทุกคนที่ผ่านไปมาได้เห็นในเวลานั้น การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และการผสมผสานอันชาญฉลาดทำให้พวกเขาโด่งดังในหมู่สาว ๆ ในปินเฉิงและดึงดูดความสนใจของเด็กสาวได้หลายคนก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็มีแถวยาวต่อคิวรอที่ประตู หญิงสาวทุกคนจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงรอเข้าแถวตามหมายเลขการจองวันนี้หลีเกอก็ถูกเจี่ยงอีอีเรียกตัวมาจากบริษัท และขอให้ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ลูกค้าหลังจากช่วงเช้าที่แสนวุ่นวายก็ถึงเวลาอาหารเย็น ตอนนี้คนน้อยลงแล้ว หลีเกอและเจี่ยงอีอีก็ล้มลงอย่างเหนื่อยล้าเจี่ยงอีอีกอดแขนของหลีเกอแล้วพูดว่า “ที่รัก วันนี้เป็นเหมื
“โควต้าคำเชิญที่ซื้อมาจากผู้เก็งกำไรจะถือเป็นโมฆะทันที”หลีเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย "แต่ไม่มีผู้จัดการร้านคนไหนให้บริการแบบนี้เป็นการส่วนตัว"“แน่นอนว่า” ดวงตาของเธอสั่นไหว “หากคุณทั้งสองคนใช้จ่ายสินค้าเป็นมูลค่าห้าสิบล้านในร้านวันนี้ ดิฉันในฐานะผู้จัดการร้านก็สามารถให้บริการคุณได้เช่นกันค่ะ”ในฐานะลูกสาวคนเล็กของตระกูลเฉียว เธอไม่มีเงินในกระเป๋ามากนัก เธอใช้เงินพิเศษสามสิบล้านไปเมื่อครั้งก่อน หลีเกอจึงเดิมพันว่าตอนนี้เฉียวซีอวิ๋นกำลังขาดเงินแต่มันคงจะดีกว่าถ้าเฉียวซีอวิ๋นทุ่มสุดตัวและสามารถช่วยเจี่ยงอีอีเพิ่มยอดขายของเธอได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวฮั่วซินเป็นคนไร้สมองและกระตุ้นเฉียวซีอวิ๋น “พี่สะใภ้เฉียว มาซื้อทุกอย่างในร้านของเธอแล้วปล่อยให้เธอเห็นความแข็งแกร่งของพี่กันเถอะ!”เฉียวซีอวิ๋นหรี่ตาลงและไม่พูดอะไร ไม่ว่าฮั่วซินจะพูดอะไร เธอก็ไม่ยอมขยับ“ไม่มีเงินงั้นเหรอ?”“มีเงินไม่พอแล้วยังกล้าซื้อสิทธิจากคนอื่นมาอีก ดูเหมือนว่าดิฉันคงจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อมาเชิญให้คุณทั้งสองคนออกไป”เสียงของหลีเกอในร้านไม่ดังไม่เบา แต่เพียงพอให้ทุกคนได
สามวันต่อมา สำนักงานกิจการพลเรือนทนายความจากทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องเวลาในการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ หลีเกอและฮั่วจิ้นเฉิงปรากฏตัวตามกำหนดการหลังจากเจ้าหน้าที่จัดเตรียมแบบฟอร์มเสร็จแล้ว หลีเกอก็กรอกแบบฟอร์มอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ในทางกลับกัน ฮั่วจิ้นเฉิงกลับลังเลเมื่อกำลังจะเริ่มเขียนหลีเกอเหลือบมองไปด้านข้าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสว่า “คุณฮั่ว ฉันต้องรีบไปนะคะ”เมื่อถูกกระตุ้น ใบหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงมืดลง เขาหยิบปากกามากรอกแบบฟอร์มทันทีหลังจากเขียนข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องเคาน์เตอร์“เดี๋ยวครับ”เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานใบหย่าจะถูกประทับตรา ฮั่วจิ้นเฉิงก็พูดอะไรบางอย่างพนักงานหยุดชะงักทันที ไม่คาดคิดว่าลูกค้ารายแรกของเธอในตอนเช้าจะเป็นถึงประธานของบริษัทฮั่วกรุ๊ป และเลขาของเขา!นึกว่ารักกันมานานจึงมาขอจดทะเบียนสมรส ไม่คิดว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้ไปได้… มาหย่าหรอกเหรอ!ฮั่วจินเฉิงมองหลีเกอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา วางมาดต่างสถานะอย่างที่พวกเขาเคยเป็นในอดีต “คุณคิดเรื่องนี้ดีแล้วเหรอ?”ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเป็นอิสระ เธอฟ้องหย่าเขา ทำให้เขาต้องเสียเ
เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นเต็มดวงใจในขณะนี้ หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุดชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายเป็นของเธอโดยสมบูรณ์ถ้าฮั่วจิ้นเฉิงเสนอขอแต่งงานกับเธอตอนนี้ เธอจะรีบตอบตกลงทันทีฮั่วจิ้นเฉิงซึ่งตกเป็นศูนย์กลางของหัวข้อสนทนา ไม่ได้ขยับยกแก้วขึ้นแต่อย่างใด ใบหน้าของเขามืดมน และมีสีหน้าหดหู่อย่างเห็นได้ชัดผ่านทางหว่างคิ้ว เอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นโดยที่ไม่พูดอะไรร่างของหลีเกอเดินที่จากไปด้วยท่วงท่าสง่างามยังคงฉายซ้ำอยู่ในใจของเขา ไม่เลือนหายแม้ผ่านมาเป็นเวลานานเมื่อเห็นว่าทุกคนค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน ฮั่วซินจึงพูดว่า “พี่ชาย ทำไมไม่พูดอะไรสักสองสามคำหน่อยล่ะคะ! ถ้าพี่ไม่พูดอะไร บรรยากาศจะยิ่งแย่ลงไปอีก!”“ใช่แล้ว จิ้นเฉิง ตอนนี้นังขวากหนามนั่นโดนถอนทิ้งไปแล้ว ลูกควรจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ลูกถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดีเอาซะเลย?”หลี่ซูฉินมองเฉียวซีอวิ๋นอีกครั้งด้วยสีหน้าพึงพอใจ “แม่ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นในตอนนี้เลย แค่อยากให้ลูกรีบแต่งงานกับซีอวิ๋นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้รับขวัญหลานชายของเรา!”ใบหน้าของเฉียวซีอวิ๋นเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อเล็กน้อย “คุณป้าคะ จิ้นเฉิ
“ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ” จู้หว่านอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายพูดอย่างเฉียบขาด และไม่ลืมทิ้งท้าย “ถ้ามีอะไรก็ติดต่อหาฉันได้ตลอดนะ”“ขอบคุณมาก”ทันทีที่หลีเกอวางสายจากจู้หว่านอี้ เจี่ยงอีอีก็ขยับเข้ามาใกล้พลางพูดว่า “ที่รัก งั้นเธอคิดจะทำอะไรล่ะ นังชาเขียวนั่นชักจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว!”“คืนพรุ่งนี้ พี่ใหญ่ของฉันจะพาฉันไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยหอการค้าปินเฉิง ตระกูลเศรษฐีทั้งหมดของปินเฉิงทั้งหมดน่าจะไปรวมตัวกันอยู่ที่งานนั้น ฉันแน่ใจว่านังชาเขียวนั่นจะไม่มีที่ให้แทรกแผ่นดินหนี!”เจี่ยงอีอีเชียร์หลีเกอ “ที่รัก ให้มันได้อย่างนี้สิ! ตบหน้าพวกมันเลย!”…ค่ำคืนวันงานเลี้ยงห้องโถงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายในชุดราตรีราคาแพงระยับ แสงไฟสาดส่องพร่างพรายทั่วบริเวณในขณะที่แขกกำลังดื่มและพูดคุยสังสรรค์หลีเกอมาถึงช้ากว่ากำหนดการ เธอสวมชุดปักเพชรอันหรูหรา ทำให้รูปร่างสะโอดสะองประณีตของเธอสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ออร่าเต็มไปด้วยความหรูหราและมีเกียรติ ความแพรวพราวบนร่างกายทำให้คนที่มองไม่สามารถละสายตาจากไปได้อยู่นานการแต่งหน้าส่งเสริมให้เธอสวยงามราวกับภาพฝัน แฝงความเยือกเย็นและสง่างามในเวลาเดียว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ