ภายในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสของเครื่องบินฮั่วจิ้นเฉิงหยิบแหวนสองวงนั้นที่เขาเอ่ยปากให้ ‘โยนทิ้ง’ ออกมาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลือกแหวนวงที่หนากว่าสวมลงบนนิ้วมือ เขาไม่เคยลองสวมมาก่อนและไม่คาดคิดว่าขนาดจะพอดีราวกับวัดมาอย่างไรอย่างนั้นแต่ช่วงตลอดสามปีมานี้เขาปฏิเสธที่จะสวมแหวนแต่งงาน โดยใช้เรื่องงานมาอ้างเสมอหากเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปคงต้องทะเลาะกันแน่นอนทว่าหลี่เกอกลับไม่โวยวาย ทั้งยังโอนอ่อนตามและมีเหตุผล คอยตามใจเขาสารพัดแต่เขาไม่คาดคิดว่าสามปีต่อมา หลังหย่ากัน เธอจะจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ต้องการกระทั่งแหวนแต่งงานด้วยซ้ำฮั่วจิ้นเฉิงหมุนแหวนเงียบ ๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นอ่อนโยนว่าง่าย เด็ดขาดมุทะลุเธอเป็นแบบไหนกันแน่………เครื่องบินเดินทางมาถึงดูไบฮั่วจิ้นเฉิงตรงไปชั้นบนสุดของตึกระฟ้าตระกูลฉี ซึ่งเป็นห้องทำงานของซีอีโอฉีอวิ๋นเทียนหรี่ตาดอกท้ออันงดงามลงมองบนคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง แล้วหยิบข้อเสนอโครงการมาตรวจตราให้มั่นใจอีกรอบ จากนั้นก็วางเอกสารลงพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพื่อน ฉันดูแล้วนะ ฮั่วกรุ๊ปของนายตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมแน่นอน”คิ้วเข้มของฉั่วจิ้นเฉิงกระตุกเป็นทาง
“แต่งงานเพื่อธุรกิจ ขอแค่ไม่ก้าวก่ายกัน แต่งไปก็ไม่ผิดอะไร” ฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวตามตรง“มันก็จริง แต่ฉันทำไม่ได้”“ภรรยาในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตาที่ทำให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เธอจะต้องสวยไร้ที่ติมีสเน่ห์ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดี ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ”ฉีอวิ๋นเทียนโบกมือ “นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก”เมื่อเห็นกริยานี้ของเพื่อนซี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับมาคุยเรื่องงานนิทรรศการต่อ“แล้วเรื่องนี้แก้ไขได้ไหม?”ฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอก “ตระกูลฉีร่วมจัดนิทรรศการกับบริษัทตี้จิงในครั้งนี้ ฉันจะโทรคุยกับเขาเอง หลีหานต้องรักษาหน้าฉันแน่”ขณะเขาพูดก็หยิบมือถือกดหมายเลขโทรออกแต่ทว่าเสียงรอสายดังสิบกว่าวินาทีแล้วก็ยังไม่มีคนรับ ฉีอวิ๋นเทียนไม่เชื่อพลางกดโทรใหม่อีกรอบคราวนี้…อีกฝ่ายตัดสายตรง ๆ ชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาเพียงใดหลังถูกตัดสายโทรศัพท์ ใบหน้าหน้าฉีอวิ๋นเทียนก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในใจรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่งไม่บ่อยนักที่เพื่อนสนิทจะขอให้ตนช่วยทำธุระ แต่ตกปากรับคำแล้วกลับต้องมาเสียหน้าเขาลูบจมูกอยู่สักพัก รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง “เขายุ่งอยู่ล่ะม
ยามราตรีภายในรอยัลคลับชั้นสูงแห่งดูไบเจี่ยงอีอีจัดปาร์ตี้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อหลีเกอภายในบรรยากาศมีชีวิตชีวา เสียงเพลงคึกคักดังสนั่นเจี่ยงอีอีโอบแขนหลีเกอยืนบนเวทีพลางยกแก้วให้หนุ่มหล่อสาวสวยที่รวมตัวกันด้านล่าง “มา! ทุกคนหมดแก้ว! ฉลองที่หลีเกอเพื่อนฉันหลุดพ้นจากทะเลทุกข์! ได้ชีวิตใหม่คืนมา!”“หมดแก้ว!”“ยินดีด้วย!”หลีเกอดื่มสุราดีกรีสูงในมือรวดเดียวเกลี้ยง จากนั้นก็ถูกเจี่ยงอีอีดึงไปกลางฝูงชนทันที“ที่รัก นี่คือทายาทของเอชบีกรุ๊ป ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้าน”“นี่คือเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมเทียนเซิง หุ่นเขาดีสุดยอด”หลีเกอยกแก้วสุราขึ้นทักทายพวกเขาทีละคน พอหันหน้าก็ไม่ระวัง ชนใครบางคนเข้าให้“ไม่มีตาเหรอ? เธอเหยียบเท้าฉันแล้วนะ!” เสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูลอยมาจากข้างหลังหลีเกอเลิกคิ้ว ส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชาเธอคุ้นเคยเสียงนี้ดี เป็นฮั่วซินน้องสามีผู้หยาบคายประจำตระกูลฮั่วครั้นเห็นมีคนด่าหลีเกอ เจี่ยงอีอีจึงขวางหน้าเธอไว้ “อะไรของเธอ? หยาบคายอะไรแบบนี้?!”ฮั่วซินยังเจ็บใจเพราะรองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อ เมื่อเธอเงยหน้ามองก็พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นหลีเกอ อดีตพี่สะใภ้ของเธอ พลางพูดอย
เมื่อเผชิญกับฝูงชนจำนวนมาก พฤติกรรมหาเรื่องชาวบ้านในที่สาธารณะของฮั่วซินน่าขายหน้ามากจริง ๆ เฉียวซีอวิ๋นถอยหลังโดยสัญชาตญาณ อยากตีตัวออกห่างจากเธอหลีเกอเขย่าแชมเปญในแก้ว เดินไปหาทั้งสองอีกครั้ง น้ำเสียงเธอฟังดูยั่วเย้า สายตาคมเย็นเฉียบมองออกไป “ทำไม? พอน้องสามีมีปัญหา เธอที่เป็นสะใภ้ใหญ่ก็เตรียมหนีแล้วเหรอ?”“พวกคุณกำลังทำอะไร?!” น้ำเสียงเดือดดาลดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทุกคนหัยไปตามเสียงดังกล่าว พบเพียงฮั่วจิ้นเฉิงในชุดสูทสีเข้ม ดวงตามืดครึ้มราวกับกลางคืน เดินมาพร้อมรัศมีน่าเกรงขามเขาชายตามองหลีเกอห่างหายกันไปหลายวันดูเหมือนเธอจะมีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย มีรูปร่างดีกว่าตอนผอมกะหร่องก่องเมื่อตอนอยู่บ้านตระกูลฮั่วมากเธอยืนท่ามกลางสปอร์ตไลท์ เปราะรอยยิ้มสวยจาง ๆ เธอสวมชุดเดรสสั่งตัดพิเศษขับให้ผิวขาวราวหิมะ ดูคล้ายเงาะถอดรูปแปลงร่างไปเป็นคนละคน ดึงดูดสายตาเขาอย่างลึกซึ้งเมื่อฮั่วซินเห็นพี่ชายมาถึง ความหยิ่งทะนงก็เพิ่มขึ้นทันใด พลางชี้หลีเกอกับเจี่ยงอีอี “พี่คะ พวกเธอรังแกหนูค่ะ”เมื่อพบว่าเครื่องสำอางค์บนหน้าของฮั่วซินไม่เหลือเค้าความสวยและเห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเฉียวซีอวิ๋น ดวงตาด
ดวงตาดำขลับของฮั่วจิ้นเฉิงเย็นชาถึงขีดสุด เขาไม่เคยเห็นกิริยาเช่นนี้ของหลีเกอมาก่อน หลังจากหย่ากัน พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งเกินขอบเขตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับม้าป่าพยศหลุดบังเหียน“ไม่คิดว่าคุณจะใจยักษ์ถึงขั้นลงมือกับคนท้อง ผมมองคุณผิดไป”หลีเกอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ใยดี “ใช่แล้ว ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรทั้งนั้นเธอพูดอย่างเยือกเย็น “สร้างปัญหามากพอรึยัง? ไสหัวไปได้แล้ว”“หลีเกอ ระวังคำพูดของคุณด้วย” สีหน้าของฮั่วจิ้นเฉิงบึ้งตึง แววตาเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม“คุณจะทำไม? คิดว่าฉันจะโค้งคำนับ ขอโทษขอโพยพวกคุณงั้นเหรอ?” หลีเกอส่งเสียงเหอะแผ่ว ๆ มุมปากยิ้มเสียดสีเต็มที่ “ฝันไปเถอะ”“จิ้นเฉิง ฉันเจ็บจังเลย…”เสียงร้องละมุนเจือน้อยใจดังขึ้นข้างหู ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังเฉียวซีอวิ๋นในอ้อมแขนหยาดน้ำตารินผ่านแก้มขวาแดงก่ำที่ถูกตบ ริมฝีปากเธอสีซีดและอ่อนแรง แต่มือกลับป้องท้องไว้ ดูคล้ายจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้ว “ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”เขาโอบเอวเฉียวซีอวิ๋นไว้มั่น ฝูงชนหลีกทางให้เขาทันทีหลังเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปพูดก
หน้าจอมือถือแสดงคำพูดห้วนตามแบบปกติของฮั่วจิ้นเฉิง - เรื่องวันนี้เป็นซินซินผิดเอง ผมจะให้เธอขอโทษคุณนะ แต่คุณก็ต้องขอโทษซีอวิ๋นด้วย!หลีเกอโมโหสุดใจพลางสบถ “บ้าเอ๊ย ไอ้ทึ่ม!”พอด่าเสร็จก็บล็อกฮั่วจิ้นเฉิงเสียเลย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้างเจี่ยงอีอีคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่รัก เธอจะไปงานประมูลกับพี่หลีหานวันมะรืนนี้รึเปล่า?”หลีเกอพยักหน้า “อื้ม ไปสิ”“ฉันจะช่วยเธอเลือกเดรส ขอฉันไปดูห้องเสื้อสุดหรูของเธอหน่อยสิ” เจี่ยงอีอีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น“ได้อยู่แล้ว เลือกของด้านในได้ตามใจเลย” หลีเกอตกปากรับคำก่อนผลักประตูบานยักษ์ของห้องเสื้อให้เปิดออกเจี่ยงอีอีพลันร้อง “ว้าว”“เพื่อนจ๋า ที่นี่มันใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่กว่าร้านเสื้อผ้าที่อยู่เมืองปิงเฉิงของเราเสียอีก!”รวม ๆ แล้วห้องเสื้อมีขนาดสามชั้น ภายในเรียงรายไปด้วยอัญมณีและเสื้อผ้าแบรนด์หรูชั้นนำต่าง ๆหลังกลับมาคราวนี้หลีเกอสั่งปรับปรุงห้องใหม่ เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อวานนี้เอง“ฉันคิดว่าห้องเสื้อของฉันใหญ่พอตัวแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าของเธอจะใหญ่จน ‘น่าอิจฉา’ แบบนี้” สายตาของเจี่ยอีอีมองเดรสตัวงามอย่างไม่ละสายตา ชื่นชมไม่หยุด
วันนี้หลีเกอสวยจนหาที่เปรียบไม่ได้ผมดำสลวยราวกับผ้าแพร ใบหน้าแต่งแต้มอย่างงดงาม บนตัวเธอสวมชุดทำมือแบรนด์ชั้นนำที่ยังไม่เคยออกสู่ตลาด ยิ่งขับรูปร่างได้รูปให้เด่น เปล่งประกายสะดุดตาความงามของเธอชวนคนไม่อยากละสายตา เย้ายวนราวกับดอกฝิ่นที่ยั่วยุรุนแรงเธอค่อย ๆ ย่างกรายไปทางฮั่วจิ้นเฉิง…สายตาของฮั่วจิ้นเฉิงที่มีต่อหลีเกอลุ่มลึกยิ่งขึ้น ซับซ้อนพลางเผยอารมณ์ที่ยากจะอธิบายจากความอ่อนโยนสุภาพสู่ความมีเสน่ห์หยิ่งทะนง…ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆเธอกลายเป็นคนที่ต่างไปจากคนในความทรงจำของเขาโดยสิ้นเชิง“ประธานฮั่ว ดูท่าคุณจะไม่ล้มเลิกจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายสินะ” เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าฮั่วจิ้นเฉิง ริมฝีปากแดงของหลีเกอก็กระตุก เส้นคิ้วเปี่ยมไปด้วยความหยอกเย้า“เจ้านายของคุณล่ะ?” ฮั่วจิ้นเฉิงถามเย็นชาหลีเกอยิ้มหยัน “ไม่เห็นเหรอ? ว่าฉันมาคนเดียว คุณผิดหวังหรือเปล่า?”เขาส่งข้อความบ้า ๆ ให้เธอ พอไม่ได้ผลก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่พี่ใหญ่อยากเจอพี่ก็ต้องถามความยินยอมเธอก่อน!ถูกเดาเจตนาออกยังไม่พอ ยังต้องถูกผู้หญิงคนนี้พูดจาฉีกหน้าอีก ใบหน้าฮั่วจิ้นเฉิงจึงยิ่งดำคร่ำเครียดทันใดนั้นพรี
พนักงานดำเนินการอย่างรวดเร็ว พวกเขานำกำไลข้อมือมาให้และยืนรอเฉียวซีอวิ๋นเขียนเช็คงานประมูลนี้เข้าร่วมโดยใช้ชื่อของบริษัท หากหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินก็จะถูกทางบริษัทประมูลฟ้องเอาได้ เฉียวซีอวิ๋นทำได้เพียงลงนามในเช็คด้วยมือที่สั่นเทาเท่านั้นณ ที่นั่งถัดไปข้างหลังหลายแถวดวงตาทรงเสน่ห์ของฉีอวิ๋นเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “วันนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอคนโง่แบบนี้”กำไลข้อมือวงนี้มีราคาสูงสุดอยู่ที่เพียงสามแสนหยวน เขาถูกพ่อค้าเครื่องประดับหลอกและทุ่มเงินเพิ่มอีกสองแสนหยวนเพื่อซื้อให้แม่ของเขา แต่ก็ไม่คิดว่าแม่ของเขาไม่ชอบจึงให้นำมันมาที่บริษัทประมูลเพียงแต่…สายตาของเขาจับจ้องไปยังสาวสวยที่มีท่าทางขุ่นเคืองที่เป็นคนเสนอราคาทุกคนก็ล้วนรักสวยรักงามกันทั้งนั้นไม่ต้องพูดถึงสาวงามที่น่าสนใจแบบนี้เลยแต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นของฉีอวิ๋นเทียนก็ถูกกระตุ้นโดยหลีเกอ“ทำไมถึงคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้นจัง เธอเป็นใครเหรอ?” ฉีอวิ๋นเทียนถามเจ้าของเอชบีกรุ๊ปที่อยู่ข้าง ๆ เขา“ผมได้ยินมาว่าชื่อหลีเกอ”“หลีเกอ?” ฉีอวิ๋นเทียนทวนชื่อ และคุณหนูคนที่สี่ของตระกูลหลีที่มีสิวก็แวบขึ้นมาในหัว เขาก็ขนลุกไปทั้งตั