นับครั้งที่ไม่ถ้วนที่กลับบ้านมาพร้อมกับเส้นผมและเสื้อผ้ายุ่งเหยิงพอพี่ชายเห็นก็แค่มองฉันอย่างเย็นชา แล้วลากฉันมาถาม “หลินโยวโยว นี่เธอออกไปเกเรข้างนอกมาใช่ไหม?”“เธอยังอายุไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ เธอจะสู้หน้าแม่ยังไง?”ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ฉันห้ามตัวเองไม่ให้พูดออกไปแต่ความเจ็บปวดทางร่างกายและใจนั้นกลับห้ามไม่อยู่ฉันอยากบอกพี่ชายแต่หลินเสี่ยวหย่ารวมหัวกับผู้ชายในห้อง ถอดเสื้อผ้าฉัน ถ่ายรูปฉันในสภาพที่ดูไม่ได้ใบหน้าสวยของเธอยกยิ้มไร้พิษภัย“หลินโยวโยว เธอว่าถ้าฉันปล่อยรูปพวกนี้ออกไป”“พอถึงตอนนั้นแล้ว เธอว่าพี่จะคิดกับเธอยังไง”คิดยังไงสำคัญด้วยเหรอ?ฉันคิดไม่ถึงเลยเมื่อฉันเริ่มกินยาผมก็ร่วงเป็นกำ ๆแต่ก็ไม่มีประโยชน์ฉันไปหาคลินิกจิตแพทย์คุณป้าลูบหัวฉัน ความอบอุ่นและใส่ใจที่หาได้ยากนักฉายในแววตาจมูกของฉันพลันแสบร้อนขึ้นมา น้ำตาไหลพรากความหวังดีและใส่ใจนี้ ฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อน“โยวโยว เธอยังเด็ก อนาคตยังอีกไกล”“ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้”“ถ้าเล่าให้คนในครอบครัวฟังไม่ได้ ก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ”สุดท้ายสติสัมปชัญญะของฉันห้ามฉันไม่ให้ทำลายตัวเองฉันหยิบมีดขึ้น
เมื่อเริ่มป่วย อารมณ์ของฉันก็แปรปรวนท่าทีที่มีต่อหลินเสี่ยวหย่าและหลินลู่หมิงก็แย่กว่าเดิมเช่นกันการสอบประจำเดือนครั้งนั้น ฉันสอบได้คะแนนน้อยลงเพราะว่าป่วย แต่ก็ยังนำหน้าหลินเสี่ยวหย่าฉันดีใจมากอย่างน้อยฉันก็เหนือกว่าเธอด้านการเรียนฉันเงยหน้าสบตากับแววตาเกลียดชังของเธอแถมมุมปากของเธอยังเผยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกต่างหากตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่านั่นหมายความว่าอะไรจนกระทั่งเธอพาพรรคพวกสองสามคนเดินออกไปหลังจากกลับมาไม่นาน ข่าวลือที่ว่าฉันเป็นตัวซวยที่ทำให้แม่ตัวเองต้องตายก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องเมื่อฉันกลับมาหลังจากพักระหว่างคาบ แล้วก็พบว่ามีคนเอางูตายและแมงมุงพิษยัดใส่ที่นั่งของฉันโต๊ะและเก้าอี้ถูกเปลี่ยนเป็นของผุพังที่ใช้งานไม่ได้กลั่นแกล้งกันทางกายนั้นยังไม่เพียงพอหลินเสี่ยวหย่าหันมาทำร้ายจิตใจกันด้วยระหว่างทางที่เดินไปยังประตูโรงเรียนเธอยกยิ้มเยาะใส่ฉัน ดวงตากลมสุกใสเหมือนดั่งกวางน้อยคู่นั้น ทำไมถึงสามารถเก็บซ้อนความสกปรกโสมมไว้ได้มากมายฉันโกรธมาก หัวสมองขาวโพลนไปหมดใช้แรงทั้งหมดที่มีปาหนังสือเรียนในมือใส่เธอ กระแทกโดนหัวของเธอเข้าเต็มเปาเธอทรุดตัวลงในทันที ก
ในช่วงเวลาอันแสนทรมานนั้น ฉันได้พบกับเธอกายใจอ่อนล้า จิตวิญญาณที่ถูกย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดีริมฝีปากแห้งแตกระแหง ดวงตาม่วงช้ำ เส้นผมทั้งยุ่งเหยิงทั้งแห้งกรอบหัวสมองของฉันมึนงง ย่างก้าวไร้เรี่ยวแรงไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนสุดท้ายก็หยุดอยู่บนสะพานลอยเปลี่ยวไร้ผู้คนฉันมองลงไปด้านล่างไม่มีคนเลยยังโชคดีที่ไม่สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนต่อมาเธอถึงได้บอกว่า “ตอนที่ฉันเห็นเธอ ดูไม่ได้คือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ไม่ใช่หน้าตาดูไม่ได้ กลับกันเธอหน้าตาดี เพียงแต่สภาพแย่มาก”“เหมือนกับสัตว์ที่ใกล้จะคอแห้งตายกลางทะเลทราย”“เหมือนปลาที่กำลังจะจมน้ำตายในแม่น้ำ”ฉันยิ้มพลางตีมือเธอ “พูดอะไรเพ้อเจ้อ ปลาจะจมน้ำตายได้ยังไง”เธอกลอกตามองฉัน“ก็ประมาณนั้นแหละน่า”“ให้ความรู้เหมือนหมดอาลัยตายอยาก สามารถตายได้ทุกเมื่อ”รอยยิ้มของฉันแข็งค้างความจริงแล้วบ่ายวันนั้น ฉันตั้งใจจะกระโดดลงจากสะพานลอยเพียงแต่เธอห้ามฉันไว้ก่อน“มีไฟแช็กไหม?”เธอคาบบุหรี่ในปาก ขณะที่เอ่ยประโยคแรกกับฉันฉันส่ายหน้าเธอเหมือนไม่เข้าใจว่าฉันหมายความว่าอะไร ก่อนจะนั่งลงข้างกายฉัน พร่ำเพ้อเล่าเรื่องราวของตัวเอง
ทุกวันที่ได้อยู่กับหลินเยว่นั้นมีความสุขมากชื่อนั้นเหมือนคนไม่มีผิด เธอคือดวงอาทิตย์น้อยที่นำพาความสุขมาให้ผู้คน ชวนให้คนสบายทั้งกายทั้งใจ อย่างน้อยก็เป็นเหมือนดวงตะวันในชีวิตของฉันฉันเคยบอกเธอหลายต่อหลายครั้ง “เยว่เยว่ ถ้าไม่มีเธอฉันคงตายไปตั้งนานแล้ว”เธอตีมือฉันเบา ๆ “คำพูดเธอนี่น่าเชื่อกว่าคำโกหกของพวกผู้ชายเฮงซวยอีกนะเนี่ย”ฉันพยักหน้า ฉันไม่ได้โกหกเธอชะงักไป ยกมือขึ้นกุมใบหน้าฉัน เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นี่ นับแต่นี้ไป ถ้าฉันไม่อนุญาต”“หลินโยวโยว เธอห้ามตายเด็กขาด”ฉันกลับคำเสียแล้วอันที่จริงฉันก็อยากรักษาคำพูดอยู่หรอกเพราะตั้งแต่ที่ได้อยู่กับเธออาการซึมเศร้าของฉันก็ทุเลาลงเรื่อย ๆ ไม่นานฉันก็ไม่ต้องกินยาอีกต่อไปเพราะว่าเยว่เยว่ของฉันจะพาฉันไปกินของอร่อย และเมื่อถึงวันเกิดของฉันก็จะเขียนหน้าเค้กว่า “สุขสันต์วันเกิดน้องสาวของฉัน”พาฉันซ้อนรถมอเตอร์ไซค์กินลมชมวิวอันสวยงามยามค่ำคืนทั้งยังร้องเพลงที่ตัวเองเขียนให้ฉันฟังเธอเคยถามฉันอย่างจริงจังว่า “โยวโยว ฉันไม่มีคนครอบครัว”“ถ้างั้นเธอมาเป็นน้องสาวฉันไหม”ฉันพยักหน้าด้วยน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วก็ยิ้มออก
วันที่ห้าหลังจากที่ฉันตายจากไปเรียวคิ้วของพี่ขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆสีหน้าเริ่มตื่นตระหนกเพราะแต่ก่อนฉันหนีออกจากบ้านไปนานที่สุดก็แค่สามวันตอนนี้ฉันชักตั้งตาคอยดูอยากเห็นท่าทีของพี่ชายตายเมื่อรู้ข่าวการตายของฉันหลังจากอยู่กับพี่เยว่เยว่ เธอบอกกับฉันว่า คนเราต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขความสุขสำคัญที่สุดเพราะอย่างนั้นคะแนนของฉันจึงตกลงมาฮวบฮาบจนเกือบโดนคุณครูที่โรงเรียนเรียกพบ ต่อมาพี่ชายหลินลู่หมิงถูกเรียกไปที่ห้องพักครูหลังจากกลับมาถึงบ้าน พี่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉันโดยไม่ทันตั้งตัว“หลินโยวโยว เธออายุ 18 แล้วนะ”“ช่วยทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม เธอคิดว่ามันเท่มาหรือไง ที่เรียกร้องความสนใจด้วยการคะแนนตก?”แต่ก่อนฉันทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อและพี่ชายฉันถึงขั้นเห็นว่าการเลือดกำเดาไหลเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะอย่างนั้นเวลานั้น พี่ชายกับพ่อจะรุมล้อมข้างกายฉัน สนใจฉันมากขึ้นทว่าตอนนี้สำหรับฉันแล้ว การตั้งใจเรียนไม่มีความหมายอีกต่อไป ฉันก็แค่ทำตามใจอยาก ใช้ชีวิตให้มีความสุขสักหน่อยฉันไม่โต้เถียงกับเขาอีกต่อไปเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาแต่เขากลับเหมือนถ
พี่เยว่เยว่ไม่เคยให้ฉันต้องกลับบ้านคนเดียวเธอพาฉันออกไปเที่ยว แต่ไม่ให้ฉันดื่มเหล้าถ้าเธอดื่มจนเมา ก็จะวานให้เพื่อนสนิทส่งฉันกลับบ้านพวกเขาต่างเป็นสุภาพบุรุษเป็นสุภาพบุรุษยิ่งกว่าเพื่อนที่สวมสูทรองเท้าหนังพวกนั้นของหลินลู่หมิงด้วยซ้ำฉันถึงได้รู้ว่า คนประเภทเดียวกันมักดึงดูดเข้าหากันนั้นเป็นความจริงเพราะในสายตาของหลินลู่หมิง ฉันนั้นคือสิ่งสกปรก เพราะอย่างนั้นเพื่อนของเขาคงคิดว่าจะลูบจะคลำฉันอย่างไรก็ได้แต่พี่เยว่เยว่นั้นเห็นฉันเมื่อน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง เพราะอย่างนั้นเพื่อนของเธอจึงเห็นฉันเป็นน้องสาวแสนน่ารักแล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝัน มีผู้ชายคนหนึ่งบอกว่าชอบฉันชอบฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันพี่เยว่เยว่ส่งสายตาให้ฉัน แอบดึงฉันมาใกล้แล้วกระซิบข้างดูฉัน“หลินอีเป็นคนเงียบ ๆ ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามา เขาไม่เคยมีแฟนเลย เวลาออกไปเที่ยวก็ไม่เคยรุ่มร่าม”“ถ้าเธอชอบ จะลองคบกับเขาดูก็ได้นะ แต่ยังไงเธอก็เป็นเด็กผู้หญิง พยายามอย่างมีแฟนก่อนวัยอันควรเลย”ฉันคบกับเขาหลินอีฉันถึงได้รู้ว่าตอนที่ผู้ชายคนหนึ่งรักและทะนุถนอมผู้หญิงอีกคนหนึ่งเป็นยังไงอมไว้ในบางก็กลัวจะละลายจะถือ
“เธอมันหน้าไม่อาย หลินโยวโยว”“อยากจะนอนกับผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าขนาดนั้นเลยหรือไง?”เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่างของเขา ตรงหน้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีตบหน้าเขาใบหน้าของพี่ชายหันไปเล็กน้อย บนดวงหน้าขาวนั้นขึ้นรอยแดงอย่างชัดเจนแววตานั้นยากจะอธิบายที่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันต่อต้านเขาเพราะฉันตั้งใจจะจากบ้านหลังนี้ไปเสียที“พี่คะ นี่คือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเรียกพี่ว่าพี่”“สิบแปดปีที่เลี้ยงฉันมา ก็เป็นสิบแปดปีที่แสนทรมานสำหรับฉันเหมือนกัน”“พี่ไม่คู่ควรที่จะเป็นพี่ชายของฉัน”หลินลู่หมิงเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาหรี่ลง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ราวกับสิงโตเดือดดาลที่กำลังพยายามอดกลั้นไฟโทสะของตัวเองเอาไว้เพียงพริบตาเดียว เครื่องหน้าหล่อเหลาของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยว คว้าไหล่ของฉันไว้จนสั่นสะท้าน“หลินโยวโยว เธอบ้าไปแล้วจริง ๆ”“ต่อให้เธอสำนึกได้ ฉันก็ไม่มีทางยกโทษให้เธอ ไม่ยอมให้เข้าก้าวเข้าประตูบ้านหลังนี้อีกแน่นอน”ฉันหัวเราะเสียงเย็น จ้องตรงไปที่ดวงตาเขามองลึกเขาไปในแววตาของเขา“ฉันไม่ง้อหรอก”“ตลอดสิบแปดที่ผ่านมา นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของฉั
เจ็ดวันหลังจากฉันตายหลินลู่หมิงตัดสินใจออกตามหาฉันเป็นครั้งแรกแต่หลินเสี่ยวหย่ากลับขวางเขาไว้ “พี่คะ พี่โยวโยวต้องไปอยู่ที่บ้านผู้ชายคนนั้นแน่เลย”“ขืนพี่จะหาพี่สาวตอนนี้ แล้วบังเอิญเห็นพี่สาวกับแฟน...”พูดถึงเท่านั้นก็หยุดลงหลินลู่หมิงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาหนังแท้ในบ้าน โยนกุญแจรถบีเอ็มอับเบิลยูไปอีกทางล้มเลิกความคิดที่จะออกตามหาฉันฉันมองหลินเสี่ยวหย่ายกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจหลังจากนั้นไม่นาน หลินลู่หมิงก็โทรหาเพื่อนของเขา ต่อว่าฉัน“หลินโยวโยวไม่รู้ว่าไปบ้าอยู่ไหน เจ็ดวันแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน”“เฮ้อ น้องสาวของนายคนนั้น ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอที่บาร์สองสามครั้ง รอบตัวมีแต่เพื่อนไม่เอาถ่าน ไม่เป็นผู้เป็นคน”“ตอนนี้คงอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนไหนสักคน”ฉันฟังเขากับเพื่อนใส่ร้ายป้ายสีดูถูกเหยียดหยามฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่แท้แล้วในสายตาของเขา ฉันเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรอกหรือส่วนน้องสาวของเธอนั้นสะอาดบริสุทธิ์สินะฉันลอยละล่องออกไปไกลมองดูแสงไฟจากบ้านเรือนสว่างขึ้นแต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดฉันคิดถึงเยว่เยว่ ทั้งยังคิดถึงหลินอีด้วยบนโลกนี้ยังมีพวกเขาที่ใส่ใจฉันแ