เมื่อเริ่มป่วย อารมณ์ของฉันก็แปรปรวนท่าทีที่มีต่อหลินเสี่ยวหย่าและหลินลู่หมิงก็แย่กว่าเดิมเช่นกันการสอบประจำเดือนครั้งนั้น ฉันสอบได้คะแนนน้อยลงเพราะว่าป่วย แต่ก็ยังนำหน้าหลินเสี่ยวหย่าฉันดีใจมากอย่างน้อยฉันก็เหนือกว่าเธอด้านการเรียนฉันเงยหน้าสบตากับแววตาเกลียดชังของเธอแถมมุมปากของเธอยังเผยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกต่างหากตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่านั่นหมายความว่าอะไรจนกระทั่งเธอพาพรรคพวกสองสามคนเดินออกไปหลังจากกลับมาไม่นาน ข่าวลือที่ว่าฉันเป็นตัวซวยที่ทำให้แม่ตัวเองต้องตายก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องเมื่อฉันกลับมาหลังจากพักระหว่างคาบ แล้วก็พบว่ามีคนเอางูตายและแมงมุงพิษยัดใส่ที่นั่งของฉันโต๊ะและเก้าอี้ถูกเปลี่ยนเป็นของผุพังที่ใช้งานไม่ได้กลั่นแกล้งกันทางกายนั้นยังไม่เพียงพอหลินเสี่ยวหย่าหันมาทำร้ายจิตใจกันด้วยระหว่างทางที่เดินไปยังประตูโรงเรียนเธอยกยิ้มเยาะใส่ฉัน ดวงตากลมสุกใสเหมือนดั่งกวางน้อยคู่นั้น ทำไมถึงสามารถเก็บซ้อนความสกปรกโสมมไว้ได้มากมายฉันโกรธมาก หัวสมองขาวโพลนไปหมดใช้แรงทั้งหมดที่มีปาหนังสือเรียนในมือใส่เธอ กระแทกโดนหัวของเธอเข้าเต็มเปาเธอทรุดตัวลงในทันที ก
ในช่วงเวลาอันแสนทรมานนั้น ฉันได้พบกับเธอกายใจอ่อนล้า จิตวิญญาณที่ถูกย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดีริมฝีปากแห้งแตกระแหง ดวงตาม่วงช้ำ เส้นผมทั้งยุ่งเหยิงทั้งแห้งกรอบหัวสมองของฉันมึนงง ย่างก้าวไร้เรี่ยวแรงไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนสุดท้ายก็หยุดอยู่บนสะพานลอยเปลี่ยวไร้ผู้คนฉันมองลงไปด้านล่างไม่มีคนเลยยังโชคดีที่ไม่สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนต่อมาเธอถึงได้บอกว่า “ตอนที่ฉันเห็นเธอ ดูไม่ได้คือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ไม่ใช่หน้าตาดูไม่ได้ กลับกันเธอหน้าตาดี เพียงแต่สภาพแย่มาก”“เหมือนกับสัตว์ที่ใกล้จะคอแห้งตายกลางทะเลทราย”“เหมือนปลาที่กำลังจะจมน้ำตายในแม่น้ำ”ฉันยิ้มพลางตีมือเธอ “พูดอะไรเพ้อเจ้อ ปลาจะจมน้ำตายได้ยังไง”เธอกลอกตามองฉัน“ก็ประมาณนั้นแหละน่า”“ให้ความรู้เหมือนหมดอาลัยตายอยาก สามารถตายได้ทุกเมื่อ”รอยยิ้มของฉันแข็งค้างความจริงแล้วบ่ายวันนั้น ฉันตั้งใจจะกระโดดลงจากสะพานลอยเพียงแต่เธอห้ามฉันไว้ก่อน“มีไฟแช็กไหม?”เธอคาบบุหรี่ในปาก ขณะที่เอ่ยประโยคแรกกับฉันฉันส่ายหน้าเธอเหมือนไม่เข้าใจว่าฉันหมายความว่าอะไร ก่อนจะนั่งลงข้างกายฉัน พร่ำเพ้อเล่าเรื่องราวของตัวเอง
ทุกวันที่ได้อยู่กับหลินเยว่นั้นมีความสุขมากชื่อนั้นเหมือนคนไม่มีผิด เธอคือดวงอาทิตย์น้อยที่นำพาความสุขมาให้ผู้คน ชวนให้คนสบายทั้งกายทั้งใจ อย่างน้อยก็เป็นเหมือนดวงตะวันในชีวิตของฉันฉันเคยบอกเธอหลายต่อหลายครั้ง “เยว่เยว่ ถ้าไม่มีเธอฉันคงตายไปตั้งนานแล้ว”เธอตีมือฉันเบา ๆ “คำพูดเธอนี่น่าเชื่อกว่าคำโกหกของพวกผู้ชายเฮงซวยอีกนะเนี่ย”ฉันพยักหน้า ฉันไม่ได้โกหกเธอชะงักไป ยกมือขึ้นกุมใบหน้าฉัน เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นี่ นับแต่นี้ไป ถ้าฉันไม่อนุญาต”“หลินโยวโยว เธอห้ามตายเด็กขาด”ฉันกลับคำเสียแล้วอันที่จริงฉันก็อยากรักษาคำพูดอยู่หรอกเพราะตั้งแต่ที่ได้อยู่กับเธออาการซึมเศร้าของฉันก็ทุเลาลงเรื่อย ๆ ไม่นานฉันก็ไม่ต้องกินยาอีกต่อไปเพราะว่าเยว่เยว่ของฉันจะพาฉันไปกินของอร่อย และเมื่อถึงวันเกิดของฉันก็จะเขียนหน้าเค้กว่า “สุขสันต์วันเกิดน้องสาวของฉัน”พาฉันซ้อนรถมอเตอร์ไซค์กินลมชมวิวอันสวยงามยามค่ำคืนทั้งยังร้องเพลงที่ตัวเองเขียนให้ฉันฟังเธอเคยถามฉันอย่างจริงจังว่า “โยวโยว ฉันไม่มีคนครอบครัว”“ถ้างั้นเธอมาเป็นน้องสาวฉันไหม”ฉันพยักหน้าด้วยน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วก็ยิ้มออก
วันที่ห้าหลังจากที่ฉันตายจากไปเรียวคิ้วของพี่ขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆสีหน้าเริ่มตื่นตระหนกเพราะแต่ก่อนฉันหนีออกจากบ้านไปนานที่สุดก็แค่สามวันตอนนี้ฉันชักตั้งตาคอยดูอยากเห็นท่าทีของพี่ชายตายเมื่อรู้ข่าวการตายของฉันหลังจากอยู่กับพี่เยว่เยว่ เธอบอกกับฉันว่า คนเราต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขความสุขสำคัญที่สุดเพราะอย่างนั้นคะแนนของฉันจึงตกลงมาฮวบฮาบจนเกือบโดนคุณครูที่โรงเรียนเรียกพบ ต่อมาพี่ชายหลินลู่หมิงถูกเรียกไปที่ห้องพักครูหลังจากกลับมาถึงบ้าน พี่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉันโดยไม่ทันตั้งตัว“หลินโยวโยว เธออายุ 18 แล้วนะ”“ช่วยทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม เธอคิดว่ามันเท่มาหรือไง ที่เรียกร้องความสนใจด้วยการคะแนนตก?”แต่ก่อนฉันทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อและพี่ชายฉันถึงขั้นเห็นว่าการเลือดกำเดาไหลเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะอย่างนั้นเวลานั้น พี่ชายกับพ่อจะรุมล้อมข้างกายฉัน สนใจฉันมากขึ้นทว่าตอนนี้สำหรับฉันแล้ว การตั้งใจเรียนไม่มีความหมายอีกต่อไป ฉันก็แค่ทำตามใจอยาก ใช้ชีวิตให้มีความสุขสักหน่อยฉันไม่โต้เถียงกับเขาอีกต่อไปเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาแต่เขากลับเหมือนถ
พี่เยว่เยว่ไม่เคยให้ฉันต้องกลับบ้านคนเดียวเธอพาฉันออกไปเที่ยว แต่ไม่ให้ฉันดื่มเหล้าถ้าเธอดื่มจนเมา ก็จะวานให้เพื่อนสนิทส่งฉันกลับบ้านพวกเขาต่างเป็นสุภาพบุรุษเป็นสุภาพบุรุษยิ่งกว่าเพื่อนที่สวมสูทรองเท้าหนังพวกนั้นของหลินลู่หมิงด้วยซ้ำฉันถึงได้รู้ว่า คนประเภทเดียวกันมักดึงดูดเข้าหากันนั้นเป็นความจริงเพราะในสายตาของหลินลู่หมิง ฉันนั้นคือสิ่งสกปรก เพราะอย่างนั้นเพื่อนของเขาคงคิดว่าจะลูบจะคลำฉันอย่างไรก็ได้แต่พี่เยว่เยว่นั้นเห็นฉันเมื่อน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง เพราะอย่างนั้นเพื่อนของเธอจึงเห็นฉันเป็นน้องสาวแสนน่ารักแล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝัน มีผู้ชายคนหนึ่งบอกว่าชอบฉันชอบฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันพี่เยว่เยว่ส่งสายตาให้ฉัน แอบดึงฉันมาใกล้แล้วกระซิบข้างดูฉัน“หลินอีเป็นคนเงียบ ๆ ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามา เขาไม่เคยมีแฟนเลย เวลาออกไปเที่ยวก็ไม่เคยรุ่มร่าม”“ถ้าเธอชอบ จะลองคบกับเขาดูก็ได้นะ แต่ยังไงเธอก็เป็นเด็กผู้หญิง พยายามอย่างมีแฟนก่อนวัยอันควรเลย”ฉันคบกับเขาหลินอีฉันถึงได้รู้ว่าตอนที่ผู้ชายคนหนึ่งรักและทะนุถนอมผู้หญิงอีกคนหนึ่งเป็นยังไงอมไว้ในบางก็กลัวจะละลายจะถือ
“เธอมันหน้าไม่อาย หลินโยวโยว”“อยากจะนอนกับผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าขนาดนั้นเลยหรือไง?”เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่างของเขา ตรงหน้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีตบหน้าเขาใบหน้าของพี่ชายหันไปเล็กน้อย บนดวงหน้าขาวนั้นขึ้นรอยแดงอย่างชัดเจนแววตานั้นยากจะอธิบายที่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันต่อต้านเขาเพราะฉันตั้งใจจะจากบ้านหลังนี้ไปเสียที“พี่คะ นี่คือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเรียกพี่ว่าพี่”“สิบแปดปีที่เลี้ยงฉันมา ก็เป็นสิบแปดปีที่แสนทรมานสำหรับฉันเหมือนกัน”“พี่ไม่คู่ควรที่จะเป็นพี่ชายของฉัน”หลินลู่หมิงเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาหรี่ลง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ราวกับสิงโตเดือดดาลที่กำลังพยายามอดกลั้นไฟโทสะของตัวเองเอาไว้เพียงพริบตาเดียว เครื่องหน้าหล่อเหลาของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยว คว้าไหล่ของฉันไว้จนสั่นสะท้าน“หลินโยวโยว เธอบ้าไปแล้วจริง ๆ”“ต่อให้เธอสำนึกได้ ฉันก็ไม่มีทางยกโทษให้เธอ ไม่ยอมให้เข้าก้าวเข้าประตูบ้านหลังนี้อีกแน่นอน”ฉันหัวเราะเสียงเย็น จ้องตรงไปที่ดวงตาเขามองลึกเขาไปในแววตาของเขา“ฉันไม่ง้อหรอก”“ตลอดสิบแปดที่ผ่านมา นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของฉั
เจ็ดวันหลังจากฉันตายหลินลู่หมิงตัดสินใจออกตามหาฉันเป็นครั้งแรกแต่หลินเสี่ยวหย่ากลับขวางเขาไว้ “พี่คะ พี่โยวโยวต้องไปอยู่ที่บ้านผู้ชายคนนั้นแน่เลย”“ขืนพี่จะหาพี่สาวตอนนี้ แล้วบังเอิญเห็นพี่สาวกับแฟน...”พูดถึงเท่านั้นก็หยุดลงหลินลู่หมิงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาหนังแท้ในบ้าน โยนกุญแจรถบีเอ็มอับเบิลยูไปอีกทางล้มเลิกความคิดที่จะออกตามหาฉันฉันมองหลินเสี่ยวหย่ายกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจหลังจากนั้นไม่นาน หลินลู่หมิงก็โทรหาเพื่อนของเขา ต่อว่าฉัน“หลินโยวโยวไม่รู้ว่าไปบ้าอยู่ไหน เจ็ดวันแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน”“เฮ้อ น้องสาวของนายคนนั้น ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอที่บาร์สองสามครั้ง รอบตัวมีแต่เพื่อนไม่เอาถ่าน ไม่เป็นผู้เป็นคน”“ตอนนี้คงอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนไหนสักคน”ฉันฟังเขากับเพื่อนใส่ร้ายป้ายสีดูถูกเหยียดหยามฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่แท้แล้วในสายตาของเขา ฉันเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรอกหรือส่วนน้องสาวของเธอนั้นสะอาดบริสุทธิ์สินะฉันลอยละล่องออกไปไกลมองดูแสงไฟจากบ้านเรือนสว่างขึ้นแต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดฉันคิดถึงเยว่เยว่ ทั้งยังคิดถึงหลินอีด้วยบนโลกนี้ยังมีพวกเขาที่ใส่ใจฉันแ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเยว่เยว่จะมาตามหาฉันที่บ้านเธอเกลียดพี่ชายของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะบางครั้งจำเป็นต้องมาส่งฉันกลับบ้าน เธอไม่ทางถ่อมาถึงชานเมืองแสนไกลขนาดนี้หรอกแต่เพราะฉันไม่รับโทรศัพท์มาเจ็ดวันแล้ววินาทีที่หลินลู่หมิงเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นผู้มาเยือน รอยสักบนกระดูกไหปลาร้า และผมเดทล็อกที่เป็นเอกลักษณ์ เรียวคิ้วก็ขมวดแน่นเขากำลังจะอ้าปากพูด“นายขังโยวโยวไว้ที่ไหน?”หลินลู่หมิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม“เธอไม่ได้มั่วสุมกับพวกเธอหรอกหรือ?” น้ำเสียงดูเหยียดหยาม สายตามองต่ำเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ เขาดูถูกทุกคนที่สนิทสนมกับฉันเขาจะดูถูกฉันก็ได้ แต่ฉันไม่ยอมให้เขาดูถูกเพื่อนของฉัน พี่สาวของฉันเด็ดขาดดวงตาของเยว่เยว่เบิกขึ้น เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะสีหน้าจะกลายเป็นเย็นชา“หลินลู่หมิง นายยังเป็นคนอยู่ไหม?”“น้องสาวนายหายตัวเป็นเจ็ดงัน แต่นานกลับไม่ออกตามหาเธอ?”“นายไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอหรือ?”มือของหลินลู่หมิงที่จะลูกบิดประตูกำแน่นจนขาวซีด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในแววตาของเขา แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะกลับมาสงบนิ่งดังเดิม“จะเกิ
หลินเสี่ยวหย่าพบเจอกับความรุนแรงในโรงเรียนได้ครึ่งปีก็อดทนต่อไปไม่ไหวจนกระโดดตึกลงมาตอนที่ยืนอยู่ริมตึก เธอเคยคิดว่า เด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนอ่อนแอคนนั้นความจริงแล้วเข้มแข็งมากจริง ๆในเมื่อเธอถูกพี่ชายเมินเฉยมากว่าสิบแปดปีถูกตัวเองรังแกที่โรงเรียนมาหกปี ตั้งแต่มัธยมต้นปีหนึ่งจนถึงมัธยมปลายปีสามแต่ก็ยังไม่ฆ่าตัวตาย ทว่าสุดท้ายกลับถูกรถชนตายเสียอย่างนั้นน่าตลกเสียจริง พอได้ยินข่าวของหลินลู่หมิง ก็ได้แต่แค่นหัวเราะเสียงเย็น “สมน้ำหน้า”ก่อนจะเสริมอีกประโยค “ไม่สาสมกับเธอเลย”ทุกคนต่างรู้ว่าประธานใหญ่ของธุรกิจตระกูลหลินนั้นเป็นคนหนุ่มมากความสามารถในบ้านนั้นแขวนรูปขนาดใหญ่ ได้ยินมาว่าเป็นน้องสาวของเขาหลินลู่หมิงค้นทั้งบ้านและโทรศัพท์ของตัวเองกลับไม่มีรูปถ่ายของหลินโยวโยวสักใบเดียวสุดท้ายได้โทรศัพท์มือถือของน้องสาวกลับมาถึงได้พบว่ามีรูปหนึ่งที่เขาถ่ายไว้น้องสาวในภาพ ใส่ชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่อง สวมมงกุฎเจ้าหญิง บนนั้นฝังล้อมไปด้วยเพชรแวววาว เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์น้องสาวยิ้มตาเป็นเส้นโค้ง ใบหน้าสดใน ในมือถือเค้กวันเกิดหน้าเค้กเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิดน้องสาวของฉัน”น
ฉันมองใบหน้าของหลินลู่หมิงที่กำลังยิ้มแย้มรู้สึกสงสัยไม่น้อยสองแขนของเขาอ้าออกหันมาหาฉัน“โยวโยว น้องสาวของพี่ พี่ได้เจอเธอ”ฉันหันหลังกลับด้วยความรังเกียจ“หลินลู่หมิง”“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ”“ฉันจะไม่เรียกนายว่าพี่อีก แล้วฉันก็ไม่ใช่น้องสาวของนาย”ความตื่นเต้นในแววตาของเขาค่อย ๆ จางหาย ท่อนแขนก็ค่อย ๆ ลดลงเขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา “น้องสาว พี่ตายแล้ว เธอจะไม่ดีใจสักนิดหรือ”น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นยากจะอธิบาย“ไม่”“ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอให้นาย”เขาเงียบเพื่อฟัง มุมปากยกยิ้มบาง ใบหน้านั้นจริงใจจนแทบจะเหมือนคนเสียสติ“อายุยืนร้อยปี”“อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า”รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้าง “โยวโยว เธอพูดอะไรน่ะ”“ฉันพูดว่า นายห้ามตาย”“เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”“หลินลู่หมิง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ฉันก็ไม่อยากพบเจอนายอีก”วันที่ฉันจากโลกมนุษย์ไป ได้ไปเจอหลินอีและเยว่เยว่เป็นครั้งสุดท้ายพวกเขากำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพของฉันรำลึกถึงฉันสายลมพัดมา ฉันมองดูพวกเขาเผยยิ้มก่อนจะล่องลอยไปไกลแสนไกลลืมเลือนต่างหากคืออิสระที่แท้จริง
ราวกับได้ยินเสียงในใจของฉันพี่ชายพลันเงยหน้าขึ้น มองห้องอันว่าเปล่า นั่นคือที่ที่ฉันเคยอาศัยตอนยังมีชีวิตอยู่สะอาดเหมือนไม่เคยมีคนอยู่มาก่อนนั่นสินะ ที่หลินเสี่ยวหย่ามี ฉันไม่มีเลยสักอย่าง“โยวโยว เธอยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม”“พี่รู้สึกว่าเธอยังอยู่ที่นี่ตลอด”พี่ชายเหมือนวิญญาณหลุดลาย นั่งอยู่ในห้องป้าหวังเดินออกมาก่อนจะถอนหายใจ“ลู่หมิง เราต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”“โยวโยวเป็นห่วงเรามา”“แต่ก่อนเวลาเราเมา ซุปแก้เมาค้างกับโจ๊กข้าวฟ่างพวกนั้น โยวโยวเขาเตรียมให้เราทั้งหมดเลย”“แล้วก็ของบำรุงสายตาบนโต๊ะเราพวกนั้นด้วย”“เสื้อเชิ้ต เสื้อผ้าต่าง ๆ ของเรา โยวโยวก็เป็นคนช่วยรีดให้เรา”จู่ ๆ หลินลู่หมิงก็คิดถึงสมัยก่อนตอนที่ดื่มจนเมา พอเข้าประตูบ้านมาก็เห็นน้องสาวชะโงกหัวออกมาจากห้อง แอบมองมาที่ตัวเอง ตอนนั้นเธอเพิ่งขึ้นมัธยมหนึ่ง แต่ตัวเขาต้องกินเลี้ยงกับลูกค้าที่บริษัทไม่หยุดหย่อนตอนนั้นเขาทำอะไรลงไป?เขาพยายามนึก“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ”“ฉันคงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้”“ฉันเกลียดเธอ หลินโยวโยว”เขาเห็นดวงตาสุกใสของน้องสาวค่อยเอ่อคลอด้วยน้ำตา เขารู้สึกสะใจมาก หลังจากนั้นก็รู้สึกผิดน
หลินลู่หมิงตรวจสอบสิ่งที่ฉันประสบพบเจอก่อนจะจากโลกนี้ไปถึงได้รู้ว่าหลินเสี่ยวหย่าทำอะไรไว้มากมายลับหลังเขาที่แท้เขานั้นไม่เข้าใจอะไรเลยฉันคิดว่าเขารู้ทุกอย่างเสียอีกฉันมองเขาเรียกหลินเสี่ยวหย่าที่กำลังเรียนอยู่ออกมาจากห้องเรียน ก่อนจะลากเธอไปที่ห้องน้ำหญิงก่อนจะทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉันทั้งยังเรียกคนมาถ่ายรูปเธอในสภาพงามหน้าหลังจากนั้นก็ให้คนโพสต์อย่างนิรนามบนเว็บบอร์ดต่าง ๆ ของโรงเรียนรวมถึงเรื่องที่เธอปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับฉัน ยกพวกมารังแกฉันในโรงเรียนเมื่อคนร้ายกลับใจนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าหลินเสี่ยวหย่าเดือดดาลสิ่งที่เธอได้รับนั้นรุนแรงยิ่งกว่าฉันในตอนนั้นเป็นร้อยเป็นพันเท่าเธอคุกเข่าอยู่หน้าประตูห้อง อ้อนวอนให้หลินลู่หมิงไว้ชีวิตตัวเองเธอไม่เข้าใจว่าทั้ง ๆ ที่หลินลู่หมิงเกลียดน้องสาวของตัวเอง แถมอีกฝ่ายยังตายแล้วด้วย แล้วทำไมถึงไม่ดีใจ?ทำไมถึงได้คิดแค้นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ติดบัญชีทีละเรื่องแก้แค้นคนที่เคยกลั่นแกล้งเธอทุกคนราวกับเขานั้นเป็นห่วงน้องสาวของตัวเองเหลือเกินส่วนคนร้ายข่มขืนคนนั้นจู่ ๆ ก็ถูกพบว่าตายโดยไม่รู้สาเหตุเสียอย่างนั้น ศพที
หลินอีกกับเยว่เยว่ขอเถ้ากระดูกฉันจากหลินลู่หมิงพวกเขาสองคนร้องไห้จนตาบวมฉันรู้สึกความรู้สึกของคนเรานั้นไม่อาจวัดได้ด้วยเวลา ยกตัวอย่างเช่น ฉันกับพี่ชายที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาสิบแปดปี แต่พี่ไม่เคยกอดฉันสักครั้งไม่เคยรักฉันเลยสักนิดแต่ความรักที่ฉันสัมผัสได้ยามที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกบนนี้นั้นมาจากเยว่เยว่และหลินอีเกือบทั้งหมดฉันตายในคืนที่ตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่“เอาเถ้ากระดูกของโยวโยวคืนให้พวกเรา”สีหน้าของเยว่เยว่ไร้อารมณ์ “โยวโยวไม่อยากอยู่กับนาย สิ่งสุดท้ายที่เธอทำ คือหนีไปจากนาย”“ไม่ใช่หรือไง”เยว่เยว่ไม่ได้ด่าพี่ชายฉันสาดเสียเทเสียเหมือนตอนอยู่กับฉันเธอพยายามรักษามารยาทเพราะเธอไม่อยากฉันต้องถูกคนดูแคลนเพราะมีเพื่อนพูดจาหยาบคายแบบเธอ“หลินลู่หมิง ฉันรู้ นายเกลียดโยวโยวไม่ใช่รึไง?”เยว่เยว่จ้องมองหลินลู่หมิงเขาหลุบตาลง ในมือกุมเถ้ากระดูกของฉันไว้ทว่าไม่ตอบโต้นั่นสินะ เขาจะพูดอะไรได้เล่า?ทว่าเยว่เยว่ไม่คิดจะปล่อยเขาไป“ไม่อย่างนั้น ทำไมนายถึงได้รวมหัวกับน้องสาวลูกบุญธรรมหลินเสี่ยวหย่า บีบคั้นจนน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองตาย”“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวหย่า? อย
ตำรวจข้ามภาพท่อนนั้น ก่อนจะเห็นฉันที่ถูกรถชนยามเดินสติเลื่อนลอยจากกล้องวงจรปิดริมถนนตำรวจดูด้วยความสงสาร ตบบ่าของหลินลู่หมิงแต่ไม่เอ่ยคำใดหลินลู่หมิงทรุดนั่งลงกับพื้น ดวงตาเหม่อลอย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวราวกับสมัยก่อน ตอนที่เขายังเป็นเด็กอายุสิบขวบมองน้องสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกและแม่ที่เพิ่งจากโลกนี้ไปหากเทียบความเจ็บปวดในคราวนั้นกับตอนนี้แล้ว ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่ากันเลยการจะหาศพฉันให้เจอสำหรับหลินลู่หมิงแล้วใช้เวลาไม่มากนักฉันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นร่างขาวซีด ทั้งเย็นเฉียบทั้งยังแข็งทื่อคนจากโรงพยาบาลรู้สึกสงสาร “สาวน้อยน่าสงสารเสียจริง ได้ยินว่าเพิ่งอายุสิบแปด”จากนั้นก็เริ่มตำหนิ“ตั้งนานแล้ว ครอบครัวเพิ่งจะมาตามหา”สายตากวาดมองหลินลู่หมิงหัวจรดเท้า ดูท่าแล้วไม่ใจเขาสักเท่าไหร่นั่นสินะ ฉันในชาตินี้ถูกหลินลู่หมิงทำร้ายเสียส่วนใหญ่อีกส่วนหนึ่งก็ถูกหลินเสี่ยวหย่าทำร้ายสองพี่น้องคู่นี้ คือฆาตกรหลินลู่หมิงกอดศพของฉันเอาไว้ “โยวโยว พี่มารับเธอกลับบ้านแล้วนะ”“เธอหนาวหรือเปล่า”เขาหนาวจนสั่นสะท้านแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ สองมือยังคงลูบใบหน้าขาวซีดของฉันไม่หยุด
หลินลู่หมิงคิดแล้วคิดอีกนับครั้งไม่ถ้วนหากคืนนั้นเขาออกตามหาน้องสาวตัวเองตามที่หัวใจเรียกร้องไม่แน่ว่าจุดจบอาจจะต่างออกไปทว่าฝีเท้ากลับหยุดลงตรงหน้าประตูเขาคิดว่าหลินโยวโยวต้องกลับมาแน่นอนไม่ว่าตัวเองจะด่าทอเธออย่างไร แต่เธอก็คือน้องสาวของเขา เขาคือครอบครัวหนึ่งเดียวของเธอที่เหลืออยู่บนโลกนี้ถ้าไม่กลับมา จะไปไหนได้?หลินลู่หมิงไปยังสถานีตำรวจ แจ้งความบุคคลสูญหายตำรวจสอบถามหลินลู่หมิงตามปกติ “หายตัวไปกี่วันแล้ว”เขาตอบอย่างรู้สึกผิด “เจ็ดวันครับ”“คุณเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอหรือ?”“น้องสาวหายตัวไปตั้งเจ็ดวัน คุณเพิ่งจะมาแจ้งตำรวจตอนนี้เนี่ยนะ?”แววตาของตำรวจกวาดมองเขาหัวจรดเท้า น้ำเสียงไม่เป็นมิตรในใจของเขาสัมผัสได้ถึงลางร้ายที่รุนแรงยิ่งขึ้นเขาไม่มีสตินึกคิดเสียงหนึ่งดังซ้ำวนไปในหูของเขา“นายไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ”ฉันลอยอยู่กลางอากาศ มองดูพี่ชาย ท่าทีเหมือนกับแมลงวันหัวขาดที่บินสะเปะสะปะรู้สึกแปลกใหม่อยู่เหมือนกันแฮะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตื่นกลัวเพราะฉันฉันถึงกับคิดว่า โชคดีที่ฉันตายแล้วไม่อย่างนั้นถ้าเขาเจอตัวเขาสิ่งแรกที่เขาทำคงตบห
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเยว่เยว่จะมาตามหาฉันที่บ้านเธอเกลียดพี่ชายของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะบางครั้งจำเป็นต้องมาส่งฉันกลับบ้าน เธอไม่ทางถ่อมาถึงชานเมืองแสนไกลขนาดนี้หรอกแต่เพราะฉันไม่รับโทรศัพท์มาเจ็ดวันแล้ววินาทีที่หลินลู่หมิงเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นผู้มาเยือน รอยสักบนกระดูกไหปลาร้า และผมเดทล็อกที่เป็นเอกลักษณ์ เรียวคิ้วก็ขมวดแน่นเขากำลังจะอ้าปากพูด“นายขังโยวโยวไว้ที่ไหน?”หลินลู่หมิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม“เธอไม่ได้มั่วสุมกับพวกเธอหรอกหรือ?” น้ำเสียงดูเหยียดหยาม สายตามองต่ำเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ เขาดูถูกทุกคนที่สนิทสนมกับฉันเขาจะดูถูกฉันก็ได้ แต่ฉันไม่ยอมให้เขาดูถูกเพื่อนของฉัน พี่สาวของฉันเด็ดขาดดวงตาของเยว่เยว่เบิกขึ้น เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะสีหน้าจะกลายเป็นเย็นชา“หลินลู่หมิง นายยังเป็นคนอยู่ไหม?”“น้องสาวนายหายตัวเป็นเจ็ดงัน แต่นานกลับไม่ออกตามหาเธอ?”“นายไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอหรือ?”มือของหลินลู่หมิงที่จะลูกบิดประตูกำแน่นจนขาวซีด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในแววตาของเขา แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะกลับมาสงบนิ่งดังเดิม“จะเกิ
เจ็ดวันหลังจากฉันตายหลินลู่หมิงตัดสินใจออกตามหาฉันเป็นครั้งแรกแต่หลินเสี่ยวหย่ากลับขวางเขาไว้ “พี่คะ พี่โยวโยวต้องไปอยู่ที่บ้านผู้ชายคนนั้นแน่เลย”“ขืนพี่จะหาพี่สาวตอนนี้ แล้วบังเอิญเห็นพี่สาวกับแฟน...”พูดถึงเท่านั้นก็หยุดลงหลินลู่หมิงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาหนังแท้ในบ้าน โยนกุญแจรถบีเอ็มอับเบิลยูไปอีกทางล้มเลิกความคิดที่จะออกตามหาฉันฉันมองหลินเสี่ยวหย่ายกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจหลังจากนั้นไม่นาน หลินลู่หมิงก็โทรหาเพื่อนของเขา ต่อว่าฉัน“หลินโยวโยวไม่รู้ว่าไปบ้าอยู่ไหน เจ็ดวันแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน”“เฮ้อ น้องสาวของนายคนนั้น ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอที่บาร์สองสามครั้ง รอบตัวมีแต่เพื่อนไม่เอาถ่าน ไม่เป็นผู้เป็นคน”“ตอนนี้คงอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนไหนสักคน”ฉันฟังเขากับเพื่อนใส่ร้ายป้ายสีดูถูกเหยียดหยามฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่แท้แล้วในสายตาของเขา ฉันเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรอกหรือส่วนน้องสาวของเธอนั้นสะอาดบริสุทธิ์สินะฉันลอยละล่องออกไปไกลมองดูแสงไฟจากบ้านเรือนสว่างขึ้นแต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดฉันคิดถึงเยว่เยว่ ทั้งยังคิดถึงหลินอีด้วยบนโลกนี้ยังมีพวกเขาที่ใส่ใจฉันแ