ฉันมองใบหน้าของหลินลู่หมิงที่กำลังยิ้มแย้มรู้สึกสงสัยไม่น้อยสองแขนของเขาอ้าออกหันมาหาฉัน“โยวโยว น้องสาวของพี่ พี่ได้เจอเธอ”ฉันหันหลังกลับด้วยความรังเกียจ“หลินลู่หมิง”“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ”“ฉันจะไม่เรียกนายว่าพี่อีก แล้วฉันก็ไม่ใช่น้องสาวของนาย”ความตื่นเต้นในแววตาของเขาค่อย ๆ จางหาย ท่อนแขนก็ค่อย ๆ ลดลงเขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา “น้องสาว พี่ตายแล้ว เธอจะไม่ดีใจสักนิดหรือ”น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นยากจะอธิบาย“ไม่”“ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอให้นาย”เขาเงียบเพื่อฟัง มุมปากยกยิ้มบาง ใบหน้านั้นจริงใจจนแทบจะเหมือนคนเสียสติ“อายุยืนร้อยปี”“อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า”รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้าง “โยวโยว เธอพูดอะไรน่ะ”“ฉันพูดว่า นายห้ามตาย”“เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”“หลินลู่หมิง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ฉันก็ไม่อยากพบเจอนายอีก”วันที่ฉันจากโลกมนุษย์ไป ได้ไปเจอหลินอีและเยว่เยว่เป็นครั้งสุดท้ายพวกเขากำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพของฉันรำลึกถึงฉันสายลมพัดมา ฉันมองดูพวกเขาเผยยิ้มก่อนจะล่องลอยไปไกลแสนไกลลืมเลือนต่างหากคืออิสระที่แท้จริง
หลินเสี่ยวหย่าพบเจอกับความรุนแรงในโรงเรียนได้ครึ่งปีก็อดทนต่อไปไม่ไหวจนกระโดดตึกลงมาตอนที่ยืนอยู่ริมตึก เธอเคยคิดว่า เด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนอ่อนแอคนนั้นความจริงแล้วเข้มแข็งมากจริง ๆในเมื่อเธอถูกพี่ชายเมินเฉยมากว่าสิบแปดปีถูกตัวเองรังแกที่โรงเรียนมาหกปี ตั้งแต่มัธยมต้นปีหนึ่งจนถึงมัธยมปลายปีสามแต่ก็ยังไม่ฆ่าตัวตาย ทว่าสุดท้ายกลับถูกรถชนตายเสียอย่างนั้นน่าตลกเสียจริง พอได้ยินข่าวของหลินลู่หมิง ก็ได้แต่แค่นหัวเราะเสียงเย็น “สมน้ำหน้า”ก่อนจะเสริมอีกประโยค “ไม่สาสมกับเธอเลย”ทุกคนต่างรู้ว่าประธานใหญ่ของธุรกิจตระกูลหลินนั้นเป็นคนหนุ่มมากความสามารถในบ้านนั้นแขวนรูปขนาดใหญ่ ได้ยินมาว่าเป็นน้องสาวของเขาหลินลู่หมิงค้นทั้งบ้านและโทรศัพท์ของตัวเองกลับไม่มีรูปถ่ายของหลินโยวโยวสักใบเดียวสุดท้ายได้โทรศัพท์มือถือของน้องสาวกลับมาถึงได้พบว่ามีรูปหนึ่งที่เขาถ่ายไว้น้องสาวในภาพ ใส่ชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่อง สวมมงกุฎเจ้าหญิง บนนั้นฝังล้อมไปด้วยเพชรแวววาว เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์น้องสาวยิ้มตาเป็นเส้นโค้ง ใบหน้าสดใน ในมือถือเค้กวันเกิดหน้าเค้กเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิดน้องสาวของฉัน”น
ฉันตายแล้วหลินโยวโยวตายจากไปในวัยสิบแปดปีที่งดงามที่สุดความเจ็บปวดอันรุนแรงจู่โจมเข้าในทันใด โชคดีที่ฉันตายในทันทีเพียงแต่ศพนั้นดูไม่จืดสักเท่าไหร่ฉันลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างส่ายหน้าทอดถอนใจฉันตามศพไปยังโรงพยาบาลหลังจากช่วยชีวิตพอเป็นพิธีแล้วก็เข็นฉันเข้าห้องดับจิตหมอพลิกเสื้อเก่าโทรมของฉันหาทุกซอกทุกมุมแล้วแต่ก็ไม่เจอสิ่งที่ยืนยันตัวตนของฉันได้“น่าสงสารจริง ๆ”“สาวน้อยหน้าตาสะสวย ดูท่าคงยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ”“เฮ้อ ไม่รู้ว่าถ้าคนที่บ้านรู้แล้วจะเสียใจแค่ไหน”อ๋อ ใช่แล้วหลังจากทะเลาะกับพี่ชายแล้ววิ่งหนีออกมา กระเป๋าตังกับบัตรประชาชนของฉัน รวมถึงโทรศัพท์มือถือก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งจี้ไปแถมเขายังกระชากของอีกอย่างหนึ่งของฉันไปด้วย แต่ฉันลืมไปแล้วพยาบาลน้ำตาไหลขณะเช็ดคราบเลือดบนร่างกายของฉันอย่างละเอียดจนสะอาดหมดจด ฉันคิดในใจว่า ถ้าพี่ชายรู้แล้วไม่รู้ว่าเขาจะดีใจมากแค่ไหนฉันเหม่อมองศพของตัวเองครุ่นคิดว่าอีกนานแค่ไหนพี่ชายถึงจะมารับศพฉันกันนะ?
ฉันลอยละล่องกลับมาที่บ้านคฤหาสน์หรูหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตชานเมืองราวกับสัตว์ป่าจำศีลท่ามกลางความมืดมิดนั้น คือบ้านที่ไม่เคยมอบความอบอุ่นให้ฉันเลยแม้แต่นิดแสงของโคมไฟสะท้อนแววตาดุดันของพี่ชายอย่างนุ่มนวล เขากำลังจัดการงานของบริษัทเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเขามองเวลาบนโทรศัพท์มือถือ แววตาเริ่มหมดความอดทน ราวกับกำลังหงุดหงิดผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเปิดโทรศัพท์มือถือ พยายามโทรหาใครสักคนแต่ดูเหมือนว่าจะโทรไม่ติด เขาสถบแล้วตัดสายทิ้งกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะทิ้งพี่ชายอารมณ์ร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันรู้ดี“โยวโยว เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ”“กล้าดียังไงถึงได้บล็อกเบอร์กับวีแชตของฉัน!”พี่ชายปาข้าวของระบายอารมณ์“แน่จริงชาตินี้ก็อย่ากลับมาอีก”“จะไปตายที่ไหนก็ไป”จมูกฉันพลันแสบร้อนขึ้นมาถึงจะตายแล้วก็เถอะพอได้ยินคำพูดแบบนั้น ฉันเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน“พี่คะ สมใจพี่แล้วล่ะ”“น้องสาวของพี่ หลินโยวโยวตายแล้วจริง ๆ”ฉันมองแสงอาทิตย์ยามเย็นที่อยู่ไกลออกไปค่อย ๆ เลือนหายราวกับอุณหภูมิองศาสุดท้ายของร่างกายฉันเองก็ถูกพรากไปด้วย
ที่พี่เกลียดฉันขนาดนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลจากคำบอกเล่าของเขาฉันเป็นคนทำให้แม่ตายแล้วก็เป็นฉันที่ทำให้พ่อตายด้วยหลายวันก่อนที่แม่ใกล้จะคลอด จู่ ๆ ก็นึกครึ้มอยากไปซื้อเสื้อผ้าให้ฉันที่ห้างสรรพสินค้า จึงถูกรถคันหนึ่งชนเข้า เมื่อถึงโรงพยาบาล อาการก็ร่อแร่แล้ว การผ่าคลอดช่วยชีวิตฉันเอาไว้ แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตของแม่เอาไว้ได้เธอตายจากไปในวันที่ฉันเกิดขึ้นมาแม้ประโยคสุดท้ายที่แม่พูดข้างหูพ่อว่า “ดูแลโยวโยวโยวให้ดี บอกลูกว่า แม่รักลูก”ประโยคนั้น พ่อเป็นคนบอกฉันข้างหูตอนที่เขาเมาแต่พ่อก็ยังไม่เหลียวแลฉันพ่อมักพูดประโยคเหล่านั้นเฉพาะตอนที่เขามา ส่วนเวลาอื่นก็เอาแต่ทำหน้าเย็นชา ไม่มองหน้าฉัน ราวกับว่าในบ้านไม่ฉันคนนี้อย่างไรอย่างนั้นแต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน คนเป็นพ่อที่ไม่แยแสฉันก็ตายจากไปเช่นกัน ด้วยการฆ่าตัวตายพ่อทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่งแต่พี่ชายไม่ยอมให้ฉันอ่านไม่แล้วก็ยอมให้ฉันไปร่วมงานศพของพ่อด้วยไม่ไปก็ไม่ไปถึงอย่างไรพ่อก็คงไม่อยากเห็นหน้าฉันในวาระสุดท้ายอยู่ดี
พี่ชายนั้นลำบากมาก เขาอายุมากกว่าฉันสิบปีตั้งแต่พ่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บริษัทของครอบครัวก็เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงเขาเรียนเก่งมาก ทั้งยังได้ข้ามชั้นปีอยู่ตลอด ตอนอายุยี่สิบก็เรียนจบมหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าบริษัทแล้วเริ่มรับช่วงต่อจากเด็กไม่รู้ประสาคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวเข้าสู่สังคม ตอนนี้ได้กลายเป็นซีอีโอของตระกูลหลินแล้วชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่ง่ายเลยฉันถึงได้สงสารพี่ชายมากตอนที่พี่ดื่มเหล้าอย่างไม่คิดชีวิตจนถึงดึกดื่นเพื่อหน้าที่การงาน ฉันจะต้มซุปแก้เมาค้างให้เขา แล้วแอบวางไว้บนโต๊ะตื่นเช้ามาก็จะเคี่ยวโจ๊กข้าวฟ่างอุ่นท้องให้เขาพอพี่ชายขยี้ตาด้วยความเหนื่อยล้า ฉันก็ใช้เงินค่าขนมที่ฉันเก็บหอมรอมริบมาทั้งเดือน เปลี่ยนโคมไฟแสงแยงตาบนโต๊ะหนังสือของพี่ทันที ทั้งยังวางยาหยอดตากับวิตามินไว้บนโต๊ะให้เขาด้วยฉันจะรีดเสื้อเชิ้ตที่ซักแล้วของพี่ชายให้เรียบกริบ เหมือนที่แม่ทำฉันคิดว่าการที่แอบดูแลพี่อยู่ห่าง ๆ แบบนี้ก็นับว่าเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้เขาอย่างหนึ่งหากไม่ใช่เพราะเขา ฉันคงไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้แต่ความจริงแล้ว บ้านจะใหญ่โตหหรือเปล่านั้น ฉันไม่เคยสนใจเลยสิ่ง
พี่ชายไม่โทรหาฉันอีกต่อไปก็ถูกต้องแล้วละสำหรับพี่ชายแล้ว การโทรหาสักครั้งหนึ่งก็กับว่าอดทนกับฉันมากที่สุดแล้วยังจำครั้งแรกที่ฉันทะเลาะกับพี่อย่างรุนแรงได้เส้นเอ็นบนมือของเขาปูดโปน ชี้ไปที่นอกประตู ในค่ำคืนที่มืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่ห้านิ้วที่ยื่นออกมา “หลินโยวโยว ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”“ฉันไม่มีน้องสาวอย่างเธอ”ฉันปาดน้ำตา ร้องตะโกนใส่เขา“พี่คิดว่าฉันอยากมีพี่ชายแบบพี่หรือ?”“หลินลู่หมิง ฉันเกลียดพี่”เขาตบหน้าฉันด้วยฝ่ามือ ใบหน้าของฉันเห่อร้อนบวมปูดขึ้นมาฉันวิ่งออกประตูไป ขดตัวซ่อนอยู่ริมถนนนอกบ้าน หวังว่าพี่ชายจะออกมาตามหาฉันกลางคืนลมพัดหนาวเหน็บ ฉันสวมชุดนอนผ้าไหมไม่นานมุมปากก็เริ่มกลายเป็นสีม่วง ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้สุดท้ายฉันก็เสียใจที่ได้รู้ว่า พี่ชายไม่มีทางออกมาตามหาฉันเขาไม่แม้แต่จะก้าวเท้าออกจากประตูจากนั้นก็อากาศก็หนาวจนทนไม่ไหว ทั้งยังไม่มีเงิน จึงจำใจต้องไปบ้านเพื่อนที่สนิทกันพักอยู่หลายคืนสุดท้ายเขาก็โทรหาฉันฉันนึกว่าสุดท้ายแล้วเขาเป็นห่วงฉัน เฝ้ารออย่างคาดหวังสุดหัวใจว่าพี่ชายจะมารับฉันฉันนึกว่าตอนที่เขาเจอครั้ง
ฉันมองใบหน้าถมึงทึงของพี่ชายที่นอนอยู่บนโซฟาเผยยิ้มออกมาในที่สุดเพราะรู้ว่าใกล้ถึงช่วงปิดเทอมของน้องสาวฉันตอนที่ฉันเรียนประถมน้องสาวต่างสายเลือดก็ปรากฏตัวที่บ้านของฉันว่ากันว่าหน้าตาเหมือนแม่แท้ ๆ ของฉันที่จากไปไม่น้อยเพราะอย่างนั้นพี่ชายถึงเต็มใจที่ดูแลเธอฉันคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าถ้าฉันหน้าตาเหมือนแม้บ้างสักนิดคงจะดีไม่น้อยอย่างน้อยพ่อกับพี่ชายคงไม่เกลียดฉันมากขนาดนี้หลินเสี่ยวหย่าวิ่งกระโดดโลนเต้นไปยังหน้ารถของพี่ชาย สวมชุดกระโปรงสีขาวฟู่ฟ่อง องศาของเรียวคิ้วและดวงตาที่ยกขึ้นชวนให้คนเอ็นดู ปลายจมูกแดงระเรื่อ รอยยิ้มสดใสทั้งยังเป็นเจ้าหญิงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมตั้งแต่เล็กจนโตเธอเก่งเรื่องออดอ้อนให้พี่ชายและพ่ออารมณ์ดี จึงกลายเป็นที่เอ็นดูของคนอื่นได้อย่างง่ายดายไม่เหมือนฉัน ซุ่มซ่าม ขี้กลัวฉันไม่กล้าเพราะทุกครั้งที่สงสัยหรือร้องไห้งอแง สิ่งที่ได้รับกลับคืนมานั้นคือคำสบถด่าและความรุนแรงที่โหดร้ายยิ่งกว่าพี่ชายอุ้มเสี่ยวหย่ามานั่งบนตักของตัวเองคลอเคลียใบหน้าของเธอ“มีแต่เสี่ยวหย่าของพวกเรานั่นแหละที่เป็นเด็กดี”“ไม่เหมือนยัยตัวซวยหลินโยวโยวนั่น ผ่านมาห