จางซิ่วอิงง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกของวัน เครื่องปรุงหลากหลายชนิดที่เธอสามารถหยิบใช้ได้เท่าที่ต้องการทำให้เธออารมณ์ดีที่ไม่ต้องทนกินอาหารรสชาติจืดชืดหลังจากนี้
ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มเบาบาง มือเรียวควงตะหลิวไปพลาง ปากก็ฮัมเพลงในยุคอนาคตไปพลาง เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยของอาหารจานเนื้อหนึ่งจานและผัดผักก็อบอวลชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงาน
หลังจากมื้อเช้าจบลงด้วยความเอร็ดอร่อย หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาด ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดบ้านเก่าหลังน้อยให้อยู่ในสภาพที่สบายตาและน่าอยู่โดยเริ่มจากห้องครัวที่เธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เก็บกวาดห้องนี้คือกี่ปีมาแล้ว
มือเล็กปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองห้องครัวที่ผ่านการเก็บกวาดจนเป็นระเบียบอย่างพึงพอใจ ตู้หลังน้อยที่เดิมมีเพียงแค่ไข่ไก่ฟองเดียวก็ถูกเติมจนเต็มโดยสินค้าจากห้างสรรพสินค้ายุค 2024 รวมถึงถังข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัวด้วยเช่นกัน
ห้องนอนเป็นพื้นที่ต่อไปที่จะได้รับการเก็บกวาด จางซิ่วอิงรื้อเครื่องนอนเก่าทิ้งทั้งหมด ซึ่งจากที่สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วมันเก่ามากจริง ๆ แถมผ้าห่มก็เบาบางจนตอนห่มนั้นแทบไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นด้วยซ้ำ
กลิ่นอับของห้องนอนชวนให้เธอรู้สึกเวียนหัวไปหมด หญิงสาวจึงต้องเปิดประตูหน้าต่างห้องทิ้งไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเทยิ่งขึ้น ก่อนจะเลือกผ้าม่านสีสบายตาจากในห้างสรรพสินค้ามาติดให้เรียบร้อย
วิญญาณจากยุคอนาคตในร่างของสาวชนบทรีบไปจัดการห้องโถงและห้องน้ำต่อ หลังจากเลือกเอาชุดเครื่องนอนใหม่มาจัดเข้าที่เข้าทางแล้วเรียบร้อย กว่าที่บ้านหลังน้อยจะถูกจัดระเบียบจนเข้าที่เข้าทางเป็นที่น่าพอใจ แถมยังสะอาดน่าอยู่ก็ใช้เวลานานพอสมควร จมูกเชิดรั้นสูดดมกลิ่นหอมสะอาดของน้ำยาถูพื้นที่เธอตั้งใจเลือกมาใช้จนเต็มปอด
ร่างบางรู้สึกสูญเสียพลังงานไปไม่น้อย เมื่อเช้าเธอแบ่งอาหารเก็บไว้ส่วนหนึ่ง มื้อเที่ยงเลยอุ่นทานประทังความหิวไปก่อน เสร็จแล้วจึงออกไปจัดการกับผลผลิตของแปลงผักข้างบ้านต่อ
อีกสิ่งหนึ่งที่เธอพึ่งได้รู้จากห้างสรรพสินค้าในกำไลหยกก็คือ ของทุกชิ้นจะถูกเติมเต็มตลอดและมีให้เธออย่างไม่จำกัด แถมยังมีพื้นที่ว่างที่เก็บของได้อย่างไม่จำกัดโดยหากเป็นของสดก็จะยังคงความสดใหม่ไว้อย่างเช่นตอนที่นำเข้าไป อีกทั้งในตอนที่เธอหายเข้าไปในห้างสรรพสินค้าก็ราวกับเวลาด้านนอกจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ และอีกความพิเศษคือเธอสามารถหลับตาและเรียกของที่ต้องการออกมาได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
แปลงผักที่ถูกปลูกจนเต็มพื้นที่ข้างบ้านนั้นมี หัวไชเท้า ผักกาดขาว และต้นหอมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีจำนวนมากเกินกว่าที่เธอจะเก็บไว้กินเพียงคนเดียว แต่ในเมื่อทุกต้นล้วนโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว ไม่รอช้าจางซิ่วอิงลงมือเก็บผักเหล่านี้ทันที โดยคิดเพียงในหัวคร่าว ๆ ถึงวิธีการต่อจากนี้
พื้นที่ว่างเปล่าหลังจากเก็บผลผลิตเรียบร้อย หญิงสาวจัดการถอนหญ้าและเตรียมแปลงผักพร้อมสำหรับการปลูกผักรอบใหม่ทันที อีกสามเดือนที่นี่ก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เธอคิดว่าควรจะต้องหาเมล็ดพันธุ์ที่สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวได้ในเวลาอันสั้นซึ่งส่วนนี้เธอขอเวลาคิดสักหน่อย
แม้จะรู้การทำเกษตรมาบ้างแต่ในชาติที่แล้วลมหนาวเติบโตมาในตัวเมือง วิถีชีวิตเกษตรกรเธอจึงได้เรียนรู้มาบ้างจากชาวบ้านชนบทตอนไปค่ายอาสาซึ่งต้องยอมรับว่าเธอรู้เพียงผิวเผินเท่านั้น ทั้งยังไม่เคยลงมือทำจนครบถ้วนกระบวนการสักครั้งเดียว เห็นทีเรื่องการเพาะปลูกคงต้องวัดดวงกันดู
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการจัดการบ้านหลังน้อยมาทั้งวัน มื้อเย็นจึงมีเพียงข้าวต้มทรงเครื่องง่าย ๆ ที่วัตถุดิบหาได้จากในห้างสรรพสินค้าของเธอ หญิงสาวตักข้าวต้มหอมกรุ่นเข้าปากคำแล้วคำเล่าด้วยความหิวโหย ใช้เวลาเพียงไม่นานข้าวต้มในชามใบใหญ่ก็ถูกกวาดลงท้องจนเกลี้ยง
หลังจากกลืนข้าวต้มคำสุดท้ายลงท้อง ก็ตามด้วยนมรสกล้วยที่เธอชอบอีกหนึ่งกล่อง จากนั้นจึงรีบอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน
ทว่าหลังจากล้มตัวลงนอนนั้นกลับมีหนึ่งสิ่งที่รบกวนจิตใจไม่หยุดหย่อนจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ นั่นคือกล่องเหล็กใบเก่าที่เธอเจอในตู้ภายในห้องนอนที่คาดว่าในนั้นคงมีเงินเก็บของเจ้าของร่างอยู่
จางซิ่วอิงลุกพรวดจากที่นอนนุ่ม ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องปริศนานั้นขึ้นมา ร่างบางทรุดนั่งลงบนเตียง มือเรียวเปิดกล่องเหล็กนั้นด้วยหัวใจระส่ำ เธอพยายามเตรียมใจเอาไว้หากในนี้มีเงินน้อย เธอก็พอจะมีหนทางหาเงินของตนเองอยู่บ้าง แต่หากมีเยอะก็ถือว่าเป็นกำไรของการที่เธอมาเกิดในโลกนี้
“โอ๊ะ!!!”เงินปึกหนึ่งที่นอนอยู่ในกล่องพร้อมกับคูปองอีกนับสิบใบทำเอาหญิงสาวตาลุกวาวร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ เมื่อนับดูแล้วตอนนี้เธอมีเงินอยู่ในมือสี่ร้อยห้าสิบหยวน กับคูปองอาหารและเสื้อผ้าอยู่หลายใบ นอกจากนี้ยังมีแหวนทับทิมล้อมเพชรอีกหนึ่งวง จากความทรงจำแหวนวงนี้แม่ของเจ้าของร่างให้แหวนวงนี้เอาไว้ก่อนจะเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นจางซิ่วอิงยังเด็กจึงไม่ได้ไถ่ถามอะไรเกี่ยวกับแหวนวงนี้ ทับทิมและเพชรนั้นเป็นของแท้อย่างแน่นอน กะด้วยสายตาแล้วคงมีมูลค่าสูงมาก คาดว่าคงมีความสำคัญมากเช่นกัน
เพียงเท่านี้ก็ดีมากแล้ว…อย่างน้อยในชีวิตนี้เธอก็ยังพอมีต้นทุนอยู่บ้าง
หญิงสาวเก็บกล่องเงินไว้ภายในมิติเพื่อความปลอดภัย ไม่รู้จางซิ่วอิงคนเก่าคิดอย่างไร อยู่บ้านคนเดียว ทั้งยังเป็นหลังท้ายสุดของหมู่บ้านแต่กลับเก็บเงินหลักร้อยหยวนไว้โดยไม่มีการซ่อนใด ๆ แม้แต่น้อย หรืออาจเป็นเพราะสามีเธอเป็นทหารถึงไม่คิดจะกลัวถูกโจรมาปล้นชิงเงินไป
ร่างบางล้มตัวลงนอนบนฟูกนิ่มหอมสะอาดอีกครั้งหลังจากความข้องใจถูกไขจนกระจ่าง ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงต้นทุนที่มีอยู่ พลางคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะทำอย่างไรต่อกับผักข้างบ้านที่เก็บมา เพียงไม่นานความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันในที่สุดเปลือกตาบางก็หนักอึ้งและปิดลงในเวลาต่อมา ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหญิงสาวหลับสนิทแล้ว
ในเวลารุ่งสางดวงอาทิตย์ใกล้โผล่ขึ้นมาเกือบครึ่งดวง ร่างบอบบางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบในกาย ดวงตาคู่เรียวกระพริบถี่เพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงสลัว ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้
แม้ยังไม่เข้าหน้าหนาวแต่ก็เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือน อากาศในยามเช้าจึงค่อนข้างเย็นมากทีเดียว หญิงสาวนึกถึงเครื่องทำน้ำอุ่นจากโลกที่เธอจากมา ซึ่งไม่แน่ใจว่าภายในห้างสรรพสินค้าจะมีเจ้าสิ่งนี้หรือไม่ ทว่าที่นี่ก็ยังไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่ดี หากจะนำออกมาใช้ได้ เธอเองคงต้องย้ายบ้านไปอยู่ในอำเภอเสียก่อน
ซึ่งหลังจากครุ่นคิดถึงแผนการใช้ชีวิตเธอคิดว่าจะไม่ซ่อมบ้านหลังนี้ เนื่องจากที่นี่เป็นเพียงบ้านหลังเก่าซอมซ่อที่ตระกูลหยางให้เธอและสามีใช้พักชั่วคราวเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งเธอตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าก่อนจะถึงหน้าหนาวเธอจะย้ายไปอยู่ในอำเภอ ซึ่งเรื่องนี้สมควรต้องปรึกษากับสามีเสียก่อน ระหว่างนี้เธอก็คงต้องเก็บเงินก้อนใหญ่รอเขาไปก่อน
จางซิ่วอิงใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่นานเพราะน้ำที่นี่ค่อนข้างเย็น สบู่และยาสระผมที่เธอนำออกมาจากห้างสรรพสินค้าช่วยทำให้ร่างบางหอมฟุ้งอย่างที่สาวชนบททั่วไปไม่อาจทำได้ วันนี้เธอเลือกหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าของร่างเดิมมาใส่เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานของวันนี้ และหากเลอะก็สามารถทิ้งมันได้อย่างไม่ต้องเสียดายหรือมานั่งซักให้วุ่นวาย
มื้อเช้าเธอหยิบเกี๊ยวกุ้งสำเร็จรูปมานึ่งทาน โดยไม่ลืมหยิบเครื่องปรุงรสและวัตถุดิบอย่างอื่นออกมาด้วย หลังจากมื้อเช้าจบลงเธอจึงเริ่มทำความสะอาดผักที่เก็บมาจากแปลงข้างบ้านเมื่อวานนี้ ซึ่งตัดสินใจแล้วว่าจะทำผักดองรสเผ็ด และกิมจิที่เธอชอบทานอีกเล็กน้อย
ในยุคนี้ผักดองนั้นมีเพียงรสชาติเดียวซึ่งค่อนข้างจำเจและไม่น่าทานนัก การเลือกทำผักดองรสชาติอื่นเลยเป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งในห้างสรรพสินค้าของเธอก็มีเครื่องปรุงรสพร้อมให้เธอทำผักดองพวกนี้
จางซิ่วอิงลงมือดองผักที่ได้มาอย่างคล่องแคล่ว เสียงฮัมเพลงในยุค 2000 ดังออกมาจากห้องครัวขนาดเล็กเป็นระยะ เธอจัดการแบ่งผักที่ดองแล้วใส่กล่องสีใสที่มีฝาปิดมิดชิดและขนาดไม่ใหญ่มากทั้งหมดจะได้ผักดองรสเผ็ดจำนวนสิบกล่องและกิมจิอีกสามกล่อง
เมื่อทุกอย่างภายในครัวเสร็จสิ้นหญิงสาวจึงทานมื้อเที่ยง เสร็จแล้วจึงเตรียมตัวเพื่อเข้าไปสำรวจในอำเภอสักครั้งเพื่อหาลู่ทางกันเอาชีวิตรอดจากยุคนี้ ซึ่งเธอกะเวลาจากในความทรงจำแล้ว อีกไม่นานเกวียนรอบสุดท้ายของวันจะออกไปในตัวอำเภอพอดี
จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อยจากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมาพลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่
เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช
หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ
จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
หยางซีห่าวมองภรรยาที่ทรุดกายร่ำไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนนี้เขาตัดสินใจเข้ากรมเพื่อเป็นทหารก็เพราะอยากให้ภรรยาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องไปทนลำบากทำงานตากแดดในแปลงนาแต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ แม้หมอที่ค่ายจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาจะพิการเสียทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม จางซิ่วอิงคงเสียใจมากที่สุดท้ายแล้วสามีอย่างเขาก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอนั้นสุขสบายได้ตลอด แถมยังเจ็บหนักเข้าขั้นพิการกลับมาให้เธอดูแลต่อ สามีเช่นเขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริงเสียงเอะอะโวยวายและถ้อยคำด่าทอรุนแรงของย่าสามีนั้นเรียกสติในตัวเธอให้กลับมาได้ทันเวลา มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออก พลางตวัดตามองย่าของสามีด้วยความไม่พอใจ“ซีห่าว!! แก!! แกมันตัวไร้ประโยชน์!”เหยียนเพ่ยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดตีอกชกหัวทันทีที่ได้เห็นสภาพหลานชายที่เคยเป็นคนหาเงินเข้าบ้านมากที่สุด ตอนนี้หยางซีห่าวไม่ใช่ว่าคนไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือ
น้ำเสียงตวาดกร้าวของผู้เป็นย่าเรียกร้องให้ตัดขาดจากหลานชายดังขึ้นจนทุกคนที่ยืนห้อมล้อมเหตุการณ์อยู่ได้ยินและรับรู้ถึงความใจดำของย่าที่มีต่อหลานชายได้อย่างชัดเจนจางซิ่วอิงเหยียดยิ้มเมื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราเห็นแก่ตัวอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปสบตากับสามีอีกครั้งหยางซีห่าวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้กำลังตอกย้ำความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวนี้หรอกหรือ เมื่อหาเงินเขาบ้านไม่ได้แล้ว หลานชังอย่างเขานับเป็นตัวอะไรกัน“จัดการตามที่ย่าว่าเถอะครับ ผมรบกวนด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับผู้นำหมู่บ้านในทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วโจวเหวินมองชายหนุ่มที่เขาเห็นมาแต่เด็กด้วยแววตาเวทนาสงสาร เขาค่อนข้างสนิทกับพ่อของซีห่าว ฉะนั้นลูกของสหายก็ไม่ต่างจากลูกหลานที่เขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้
จางซิ่วอิงหายไปในครัวไม่นานอย่างที่เธอว่าไว้ ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวขาวเรียงเม็ดสวยร้อน ๆ สองจาน กับอาหารจานผัดหนึ่งจาน และต้มอีกหนึ่ง วันนี้เธออยากกินหมูสามชั้นต้มพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดเหมือนโลกก่อนจึงทำเพิ่มขึ้นมาอีกจาน เมื่ออาหารพร้อมสรรพบนโต๊ะแล้ว ร่างบางจึงเดินไปเข็นรถให้สามีที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงให้มาทานข้าวด้วยกันกลิ่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้านจนกระทบเข้ากับจมูกของหยางซีห่าว กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี“ฉันมีเวลาทำอาหารไม่มาก เลยมีแต่อาหารง่าย ๆ คุณลองทานดูนะคะ ว่าถูกปากหรือเปล่า?”เสียงใสกล่าวกับสามีขณะที่พาเขาไปยังโต๊ะอาหารแม้จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปบ้างเพราะต้องออกแรงมาก รถเข็นในยุคนี้ไม่ได้สะดวกหรือเข็นเองได้เหมือนยุคที่เธอจากมา การเคลื่อนย้ายจึงต้องออกแรงมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะเธอเต็มใจ สำหรับสาวสองที่ตายมาแล้วชาติหนึ่ง การได้อยู่ร่วมบ้าน ได้ดูแลคนรักเช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำ
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็เวียนผ่านมาราวสามเดือนแล้ว ตอนนี้จางซิ่วอิงค่อนข้างสนุกกับการใช้ชีวิตไม่น้อย ในวันที่สามีไม่มีภารกิจยามเช้าเธอก็จะตื่นมาในอ้อมกอดของสามี ทานมื้อเช้าร่วมกัน ออกไปทำงานพร้อมกัน ช่วงเย็นก็กลับมาเจอกันที่บ้าน ทานอาหารแล้วเข้านอนพร้อมกันตามประสาคนรักนับว่าชีวิตของเธอในชาตินี้ค่อนข้างลงตัว เธอมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่ดี มีหน้าที่การงานมั่นคง แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วย แต่ความรู้สึกของเธอกลับรู้สึกขาดบางสิ่งไป นั่นคือเจ้าหัวผักกาดที่เธอกับสามีตั้งตารออยู่ตลอด“คิดอะไรอยู่ครับ”เขาเห็นภรรยายืนเหม่ออยู่หน้ากระจกได้สักพักแล้ว ก่อนใบหน้างามจะค่อย ๆ หม่นหมองลงราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ เขาจึงเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้แล้วถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ ว่าฉันยังจะมีลูกให้คุณได้จริง ๆ”จางซิ่วอิงตอบสามีอย่างเป็นกังวล แม้เขาจะพูดมาตลอดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่หลายครั้งเธอแอบเห็นสายตาของเขาเวลามองเด็กเล
เช้าวันต่อมาจ้าวคุนขับรถมารอรับคุณหนูเยว่ไปทำงานอย่างที่ได้พูดเอาไว้ และทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เยว่ผิงอันก็ออกมาจากบ้านทันทีชายหนุ่มออกมายืนรอด้านข้างรถ ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง จากนั้นจึงกลับไปนั่งประจำที่คนขับรถ ตลอดทางไปยังห้างสรรพสินค้าจ้าวคุนไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาสักประโยค เขาเพียงแต่นั่งรออยู่เงียบ ๆ เท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าการที่เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยมันกำลังทำให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยรู้สึกอึดอัดจนแผ่นหลังนั้นหลั่งเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากผ่านไปราวยี่สิบนาทีรถยนต์คันหรูก็เข้าจอดยังตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายหันมาสบตากับหญิงสาวที่เขานั่งรอคำตอบมาตลอดทาง “คำตอบคืออะไรครับ?”เยว่ผิงอันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวหากจะถามออกไป“ฉันขอถามได้ไหมคะ?” เสียงใสพูดจบก็เหลือบมองใบหน้าของคุณชายจ้าวเล็กน้อย เมื่
จ้าวคุนที่ไปคุยธุระด้านนอกตั้งแต่เช้าเมื่อกลับมาในสำนักงานชั้นบนของห้างสรรพสินค้าก็ได้ยินเรื่องที่พนักงานกำลังพูดถึงกันอย่างออกรส ไม่รอช้าความร้อนใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าลงมาหาน้องสาวยังร้านอ้ายเหม่ยในทันทีร่างหนาในชุดสูทเรียบหรูสีกรมท่าผลักประตูห้องทำงานน้องสาวเข้าไปด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เขาเห็นกลับเป็นน้องสาวที่กำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นโดยมีน้องเขยที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งเฝ้าอยู่บรรยากาศเงียบสงบภายในห้องทำงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงทุ้มปนหอบเหนื่อยถามออกไป ก่อนจะทรุดกายนั่งข้างน้องเขย หยางซีห่าวเห็นพี่ภรรยาก็รีบลุกขึ้นทักทายในทันที แต่จ้าวคุนไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทในตอนนี้เท่าใดนัก นัยน์ตาคมเพ่งสำรวจไปยังร่างกายน้องสาวเพียงคนเดียวไม่วางตา“สบายมากค่ะ”จางซิ่วอิงเพียงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไหล่สองข้างยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้