ระหว่างที่ลมหนาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนเก่าผุพัง ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอในทีแรกเริ่มติดขัดรุนแรงขึ้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ความฝันอันยาวนาน
เปลือกตาบางปิดแน่น คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้ารูปไข่ ภาพในความฝันที่ยาวนานราวกับกำลังถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของใครบางคนให้เธอได้รับรู้…
ในความฝันลมหนาวเห็นวิถีชีวิตของเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ แม้ในตอนเด็กเธอจะยังคงรูปลักษณ์ของเด็กชาย แต่ผิวพรรณและใบหน้าหวานที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีนั้นไม่ได้ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงมากนัก
ภาพในฝันการแต่งกายย้อนยุคและสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นตา ราวกับว่านั่นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตนเองอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความฝันอย่างตั้งใจ ภาพตรงหน้าฉายชัดเป็นฉาก ๆ ราวกับกำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายถูกถ่ายทอดออกมา มันชัดเจนเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวเธอเอง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นขัดแย้งกันไปมาจนยุ่งเหยิง
ร่างบางกระสับกระส่ายอยู่นานในที่สุดเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ ภายในหัวใจบีบรัดเข้าหากันจนปวดหนึบ เสียงของเด็กสาวคนนั้นที่พูดขึ้นก่อนเธอจะตื่นทำให้เธอพอจะเข้าใจเรื่องราวบางอย่างได้บ้างแล้ว
‘ฉันฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเธอนะ ลาก่อน…’
นั่นคือเสียงสุดท้ายของ จางซิ่วอิง ซึ่งก็คือชื่อเจ้าของร่างนี้ ซึ่งก่อนที่เธอจะเข้ามาอยู่ในร่างของจางซิ่วอิง เธอคนนี้นอนป่วยอยู่ในบ้านหลังเล็กแห่งนี้เพียงลำพัง เพราะร่างกายอ่อนแอค่อนไปทางขาดสารอาหาร เมื่อป่วยไข้จึงทนพิษไข้ไม่ไหว สิ้นใจตายไปทั้งที่อายุยังน้อย
ครุ่นคิดสิ่งต่าง ๆ เพียงลำพังอย่างปลดปลงไม่นานก็ทำใจได้ ดวงตาคู่เรียวทอดมองไปยังนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์กลมโตนั้นค่อย ๆ จางหายจนมองเห็นเพียงเลือนลาง ท้องฟ้าเริ่มสว่างเพราะดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนมาแทนที่
ลมหนาวในร่างของหญิงสาวชนบทนามว่าจางซิ่วอิงทอดถอนหายใจยืดยาว แม้เธอจะดีใจที่ได้เกิดอีกครั้งในร่างของผู้หญิงเต็มตัว แถมยังหน้าตาสะสวยไม่แพ้เธอในยุคปัจจุบันที่จากมา แต่ก็อดสงสารจางซิ่วอิงตัวจริงไม่ได้ที่ต้องตายจากไปอย่างโดดเดี่ยว ภายในบ้านหลังเล็กท้ายหมู่บ้านที่ไร้ผู้คนเหลียวแล
และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอหวั่นใจคือ ที่นี่คือประเทศจีนในยุค 1984 แม้จะเคยศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศนี้มาบ้างแต่ก็เพียงผิวเผิน เธอที่เป็นคนไทยแท้จะใช้ชีวิตให้รอดอย่างไรต่อไป พลันคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าได้รูปก็เคร่งเครียดขึ้นมา
หากจำไม่ผิดช่วงเวลานี้หลายอย่างนั้นคลี่คลายไปพอสมควร ประชาชนส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยกเว้นเสียแต่ครอบครัวของชาวนาที่การฟื้นฟูภายในเวลาไม่กี่ปีคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก ซึ่งคนแถบชนบทมักจะได้รับสวัสดิการจากรัฐในลำดับท้ายสุดเลยก็ว่าได้
นับเป็นความโชคดีของจางซิ่วอิงที่เกิดมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อทำงานในโรงงานยาสูบ ส่วนแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เธออายุเพียงห้าขวบ หลังจากนั้นเจ็ดปีพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่หม้ายลูกติดซึ่งเธอคนนั้นคือรักแรกของพ่อ
พ่อของจางซิ่วอิงนั้นหลงภรรยาใหม่ของเขาจนละเลยลูกสาวในไส้เพียงคนเดียว เจ้าของร่างเดิมทำงานรองมือรองเท้าสองแม่ลูกนั่นอยู่หลายปี จนในที่สุดตอนอายุสิบหกแม่เลี้ยงก็จับเธอแต่งงานกับลูกชายบ้านสามของตระกูลหยาง
ซึ่งสำหรับหยางซีห่าวพ่อแม่ของเขาป่วยตายจากโรคระบาด ทิ้งเขาไว้ให้อยู่เพียงลำพังโดยปู่กับย่ารับเลี้ยง แต่ชีวิตของหยางซีห่าวหลังจากสิ้นผู้เป็นปู่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะย่าไม่ชอบพ่อของเขา กอปรกับแม่ของเขาก็เป็นสะไภ้ที่ท่านไม่เต็มใจให้แต่งเข้ามาเลยพาลให้เกลียดขี้หน้าของลูกชายเพียงคนเดียวไปด้วย
หลังจากวันแต่งงานเพียงไม่กี่วันทางบ้านจางก็ทำหนังสือตัดขาดจากจางซิ่วอิงโดยจงใจไม่ให้เธอกลับไปที่นั่นอีกชั่วชีวิต คงจะกลัวว่าเธอจะกลับไปเป็นภาระอีกน่ะสิ แต่เดิมร่างนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่เป็นประจำ และนี่คงเป็นสิ่งที่แม่เลี้ยงเธอกังวลจนต้องรีบตัดขาดหญิงขี้โรคอย่างเธอโดยเร็วที่สุด
ส่วนสามีเธอแม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก ทว่าชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่ได้ย่ำแย่เสียทีเดียว หยางซีห่าวนั้นแม้จะเฉยชาแต่สิ่งที่สามีควรปฎิบัติในฐานะหัวหน้าครอบครัวเขาก็ทำได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอย่างว่า
แต่จนแล้วจนรอดแต่งงานกันมาร่วมปีก็ยังไม่มีเจ้าหัวผักกาดน้อยออกมา จางซิ่วอิงจึงถูกชาวบ้านนินทาว่าเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ ซึ่งทำให้หญิงสาวเองรู้สึกอับอายจนเก็บตัวอยู่เพียงในบ้าน หลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนโดยสิ้นเชิง
ทางบ้านใหญ่ของสามีก็ไม่น้อยหน้า เมื่อลูกชายที่ลูกชังทิ้งไว้ให้นั้นได้แต่งงานกับหญิงสาวขี้โรคประจำหมู่บ้านมีหรือจะนิ่งดูดาย เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากแต่งงานหยางซีห่าวก็ได้รับหนังสือแยกบ้าน โดยให้ทั้งคู่ไปอยู่บ้านหลังเล็กท้ายหมู่บ้านที่มีสภาพไม่ต่างจากบ้านผีสิง
หลังจากแยกบ้านมาค่าใช้จ่ายที่เพียงแค่ทำงานในแปลงนาก็ไม่เพียงพอ หยางซีห่าวต้องหาเลี้ยงภรรยาและไหนจะต้องส่งเข้าบ้านใหญ่เพื่อแสดงความกตัญญู หยางซีห่าวจึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมกองทัพซึ่งตำแหน่งที่ได้รับก็คงไม่พ้นพลทหารชั้นผู้น้อย
เขาเข้าร่วมกองทัพโดยทิ้งภรรยาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่จางซิ่วอิงก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แม้จะอยู่ร่วมบ้านแต่ความห่างเหินระหว่างคนของทั้งคู่ก็คงไม่ต่างจากแยกกันอยู่ ฉะนั้นสามีจะอยู่หรือไม่อยู่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
กลับมาที่ปัจจุบันร่างบางสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ สองสามครั้ง เอาล่ะ! คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วลมหนาว เธอจะอยู่แบบสามีไม่รัก ร่างกายอ่อนแอค่อนไปทางขาดสารอาหาร แถมยังอดอยากแร้นแค้นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
ดวงตาคู่เรียวมองสำรวจสีของท้องฟ้า เมื่อรู้สึกว่าอีกไม่นานก็สว่างแล้วหญิงสาวจัดการพับผ้าห่มจัดที่นอนให้เป็นระเบียบ ก่อนจะอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเดินออกไปนอกห้องเพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ เมื่อสำรวจมาถึงห้องน้ำจึงล้างหน้าล้างตาแปรงฟันด้วยความคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ
จากในความทรงจำเก่าเจ้าของร่างนั้นพักอยู่ที่บ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้านนี้เพียงลำพังคนเดียว สามีที่เป็นทหารนั้นจะกลับบ้านอีกครั้งก็ราวอีกสองเดือนข้างหน้า ทุกเดือนเขาจะส่งเงินเดือนมาให้เธอ โดยที่จางซิ่วอิงจะเป็นคนจัดการแบ่งเงินส่วนนี้ไปให้บ้านใหญ่ของสามีเพื่อแสดงความกตัญญู อีกส่วนที่เหลือไม่มากนักก็เก็บไว้สำหรับประทังชีวิตระหว่างเฝ้ารอเงินจากเดือนถัดไป
จางซิ่วอิงไม่ได้มีอาชีพอย่างสาวยุคสองพันที่เธอจากมา แต่ละวันเธอทำเพียงดูแลแปลงผักเล็ก ๆ ข้างบ้าน ออกไปซื้อของในตัวอำเภอบ้าง จากนั้นก็กลับมาเข้าบ้าน ใช้ชีวิตจำเจเช่นนี้อยู่เพียงลำพังไปวัน ๆ เพื่อรอสามีกลับบ้านโดยไม่ได้สุงสิงกับใคร
บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่าผุพังที่แทบจะกันลมไม่ได้ด้วยซ้ำ ตัวบ้านมีเพียงหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องครัว มีโถงกลางรับแขกพื้นที่ไม่มากนัก ห้องน้ำนั้นอยู่แยกออกจากตัวบ้านแต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก หญิงสาวเดินลัดเลาะไปข้างบ้าน ในยามนี้แสงสว่างของเช้าวันใหม่ทำให้เธอมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
บริเวณนอกตัวบ้านมีพื้นที่ไม่มากนัก ล้อมด้วยรั้วไม้ผุพังที่คาดว่าหากเตะแรง ๆ เพียงครั้งเดียวคงพังครืนลงมา แปลงผักที่สามารถเก็บกินได้ในตอนนี้พอดี จางซิ่วอิงตรงไปยังผักกาดขาวหัวใหญ่ ก่อนจะเก็บมันเพื่อนำไปทำอาหารเช้าทาน
ต้องอิ่มท้อง…สมองจะได้ทำงานเต็มที่
นี่คือสิ่งที่เธอคิดได้ในตอนนี้ หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านมุ่งหน้าไปยังห้องครัวขนาดเล็ก เมื่อกวาดตามองสำรวจแล้วก็พบว่ามันแทบไม่มีอะไรเลย ข้าวสารที่มีอยู่เพียงก้นถัง แป้งหยาบอีกเล็กน้อย ไม่มีเนื้อ มีเพียงไข่ไก่หนึ่งฟองที่วางอยู่ในตู้อย่างโดดเดี่ยว เครื่องปรุงรสที่มีเพียงแค่เกลือไม่กี่หยิบมือ และน้ำมันติดก้นขวดเพียงเล็กน้อย
ยิ่งมองยิ่งรู้สึกปวดใจ เธอคิดถึงเครื่องปรุงมากมายที่สามารถรังสรรอาหารรสเลิศให้เธอได้ในโลกที่จากมา
นี่ฉันต้องกินอาหารจืด ๆ มัน ๆ อยู่ที่นี่ต่อไปน่ะหรือ?
กล่าวตัดพ้อกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะเดินเอาหัวผักกาดไปล้างทำความสะอาดเพื่อทำผัดผักกาดใส่ไข่ง่าย ๆ เป็นมื้อเช้า ทว่าระหว่างกำลังใช้มือค่อย ๆ ล้างดินออกทีละนิด นัยน์ตาเรียวก็เบิกกว้างราวกับคิดสิ่งใดออกมาอย่างกะทันหัน
‘พรข้อที่สองหนูขอห้างสรรพสินค้ายุค 2024 แบบจัดเต็มค่ะคุณยาย’
พลันสิ้นเสียงหวานใสสายลมเย็นก็พัดมาปะทะกับใบหน้าของเธออย่างจังราวกับคนที่เธอนึกถึงนั้นรับรู้แล้ว ก่อนจะรู้สึกเย็นที่ข้อมือข้างซ้าย
กำไลหยกเนื้อดีชิ้นนี้อยู่บนข้อมือเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน…
ความเย็นของมันทำให้มือเรียวอดสัมผัสมันไม่ได้ ทันทีที่ปลายนิ้วแตะลงบนผิวของหยก หญิงสาวเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ และสิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาจางซิ่วอิงถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีด นัยน์ตาใสกระจ่างมองสิ่งตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
ที่นี่คือห้างสรรพสินค้าที่เธอขอ…เธอได้มันมาแล้ว ทั้งที่ในใจก็อดตั้งคำถามกับตัวตนของคุณยายใจดีไม่ได้ ทว่าเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ตอนนี้ เธอจึงทำได้เพียงกล่าวขอบคุณไปตามสายลมเย็นสบายที่พัดผ่าน
นัยน์ตาสีน้ำหมึกมองสำรวจสินค้ามากมายตรงหน้าที่ถูกจัดเรียงในแบบของยุคที่เธอจากมา ทุกสิ่งที่ที่นั่นมีในกำไลหยกวงนี้ล้วนมีมันทั้งสิ้น
หญิงสาวจากโลกอนาคตเดินตรงไปยังโซนเครื่องปรุงรส ก่อนจะเลือกหยิบออกมาทีละอย่างพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยี เมื่อได้เครื่องปรุงที่ต้องการหญิงสาวจึงเลือกหยิบเนื้อและผักสดอีกจำนวนหนึ่งแล้วหลับตาลง เพียงชั่วอึดใจเธอก็ยืนอยู่ในห้องครัวของบ้านหลังน้อยเรียบร้อย
จางซิ่วอิงง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกของวัน เครื่องปรุงหลากหลายชนิดที่เธอสามารถหยิบใช้ได้เท่าที่ต้องการทำให้เธออารมณ์ดีที่ไม่ต้องทนกินอาหารรสชาติจืดชืดหลังจากนี้ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มเบาบาง มือเรียวควงตะหลิวไปพลาง ปากก็ฮัมเพลงในยุคอนาคตไปพลาง เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยของอาหารจานเนื้อหนึ่งจานและผัดผักก็อบอวลชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหลังจากมื้อเช้าจบลงด้วยความเอร็ดอร่อย หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาด ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดบ้านเก่าหลังน้อยให้อยู่ในสภาพที่สบายตาและน่าอยู่โดยเริ่มจากห้องครัวที่เธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เก็บกวาดห้องนี้คือกี่ปีมาแล้วมือเล็กปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองห้องครัวที่ผ่านการเก็บกวาดจนเป็นระเบียบอย่างพึงพอใจ ตู้หลังน้อยที่เดิมมีเพียงแค่ไข่ไก่ฟองเดียวก็ถูกเติมจนเต็มโดยสินค้าจากห้างสรรพสินค้ายุค 2024 รวมถึงถังข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัวด้วยเช่นกันห้องนอนเป็นพื้นที่ต่อไปที่จะได้รับการเก็บกวาด จางซิ่วอิงรื้อเครื่องนอนเก่าทิ้งทั้งหมด ซึ่งจากที่สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วมันเก่ามากจริง ๆ แถมผ้าห่มก็เบาบางจนตอนห่มนั้น
จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อยจากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมาพลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่
เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช
หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ
จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
“ผมตามหาคุณ แต่คุณกลับเดินหนีผมแบบนี้ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม นัยน์ตาคู่คมมองจ้องแฟนสาวนั้นฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังหยางซีห่าวบินจากประเทศจีนอย่างเร่งด่วนเพื่อมาตามหาคนรักที่นับจากวันที่พาเธอไปพบกับครอบครัวเธอก็เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต ครั้นเมื่อเธอบินกลับบ้านที่ประเทศไทยก็ขาดการติดต่อไปราวกับต้องการหลบหน้าเสียอย่างนั้น“ฉันขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดเวลาเกือบสองปีคุณดีกับฉันมากจริง ๆ”ลมหนาวแกะมือหนาที่กำลังจับรั้งข้อมือเธออยู่ให้ปล่อยออก ใบหน้าสวยหวานอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำตาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มขาวเธอจำต้องตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งที่ยังรัก เพราะเธอไม่อาจเห็นแก่ตัวครอบครองเขาได้อีกต่อไป หลังจากกลับมาจากประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเธอก็ตระหนักรู้แล้วว่า สิ่งที่ฝ่ายญาติของแฟนหนุ่มต้องการเธอไม่อาจมอบให้เขาได้“ผมไม่เลิก คุณตอบผมมาส
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า
หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ
เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช
จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อยจากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมาพลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่
จางซิ่วอิงง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกของวัน เครื่องปรุงหลากหลายชนิดที่เธอสามารถหยิบใช้ได้เท่าที่ต้องการทำให้เธออารมณ์ดีที่ไม่ต้องทนกินอาหารรสชาติจืดชืดหลังจากนี้ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มเบาบาง มือเรียวควงตะหลิวไปพลาง ปากก็ฮัมเพลงในยุคอนาคตไปพลาง เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยของอาหารจานเนื้อหนึ่งจานและผัดผักก็อบอวลชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหลังจากมื้อเช้าจบลงด้วยความเอร็ดอร่อย หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาด ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดบ้านเก่าหลังน้อยให้อยู่ในสภาพที่สบายตาและน่าอยู่โดยเริ่มจากห้องครัวที่เธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เก็บกวาดห้องนี้คือกี่ปีมาแล้วมือเล็กปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองห้องครัวที่ผ่านการเก็บกวาดจนเป็นระเบียบอย่างพึงพอใจ ตู้หลังน้อยที่เดิมมีเพียงแค่ไข่ไก่ฟองเดียวก็ถูกเติมจนเต็มโดยสินค้าจากห้างสรรพสินค้ายุค 2024 รวมถึงถังข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัวด้วยเช่นกันห้องนอนเป็นพื้นที่ต่อไปที่จะได้รับการเก็บกวาด จางซิ่วอิงรื้อเครื่องนอนเก่าทิ้งทั้งหมด ซึ่งจากที่สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วมันเก่ามากจริง ๆ แถมผ้าห่มก็เบาบางจนตอนห่มนั้น
ระหว่างที่ลมหนาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนเก่าผุพัง ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอในทีแรกเริ่มติดขัดรุนแรงขึ้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ความฝันอันยาวนานเปลือกตาบางปิดแน่น คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้ารูปไข่ ภาพในความฝันที่ยาวนานราวกับกำลังถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของใครบางคนให้เธอได้รับรู้…ในความฝันลมหนาวเห็นวิถีชีวิตของเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ แม้ในตอนเด็กเธอจะยังคงรูปลักษณ์ของเด็กชาย แต่ผิวพรรณและใบหน้าหวานที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีนั้นไม่ได้ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงมากนักภาพในฝันการแต่งกายย้อนยุคและสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นตา ราวกับว่านั่นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตนเองอย่างไรอย่างนั้นหญิงสาวเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความฝันอย่างตั้งใจ ภาพตรงหน้าฉายชัดเป็นฉาก ๆ ราวกับกำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายถูกถ่ายทอดออกมา มันชัดเจนเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวเธอเอง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นขัดแย้งกันไปมาจนยุ่งเหยิงร่างบางกระสับกระส่ายอยู่นานในที่สุดเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“ผมตามหาคุณ แต่คุณกลับเดินหนีผมแบบนี้ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม นัยน์ตาคู่คมมองจ้องแฟนสาวนั้นฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังหยางซีห่าวบินจากประเทศจีนอย่างเร่งด่วนเพื่อมาตามหาคนรักที่นับจากวันที่พาเธอไปพบกับครอบครัวเธอก็เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต ครั้นเมื่อเธอบินกลับบ้านที่ประเทศไทยก็ขาดการติดต่อไปราวกับต้องการหลบหน้าเสียอย่างนั้น“ฉันขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดเวลาเกือบสองปีคุณดีกับฉันมากจริง ๆ”ลมหนาวแกะมือหนาที่กำลังจับรั้งข้อมือเธออยู่ให้ปล่อยออก ใบหน้าสวยหวานอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำตาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มขาวเธอจำต้องตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งที่ยังรัก เพราะเธอไม่อาจเห็นแก่ตัวครอบครองเขาได้อีกต่อไป หลังจากกลับมาจากประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเธอก็ตระหนักรู้แล้วว่า สิ่งที่ฝ่ายญาติของแฟนหนุ่มต้องการเธอไม่อาจมอบให้เขาได้“ผมไม่เลิก คุณตอบผมมาส