Share

ตอนที่ 4 ทำการค้าครั้งแรก

last update Last Updated: 2025-01-04 21:00:22

จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อย

จากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมา

พลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมือง

หลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่าไหร่

“นี่ยายเฒ่าฟางแกจะเข้าไปซื้ออะไรล่ะวันนี้ เมื่อวานแกก็ไปไม่ใช่หรือ?”เสียงเว่ยซื่อเอ่ยถามสหายที่รู้จักซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยสาว ๆ แม้ไม่ได้สนิทสนมกันนัก แต่ถึงอย่างไรคำตอบของสหายก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับหล่อนอยู่แล้ว เพราะจุดประสงค์ของหล่อนคือหญิงสาวที่นั่งถัดยายเฒ่าฟางต่างหากล่ะ

“ฉันก็ไปซื้อเนื้อมาบำรุงลูกสะไภ้ฉันนะสิ นี่นะ! เมื่อวันก่อนหล่อนพึ่งคลอดหลานชายคนแรกของตระกูลออกมา หน้าตาน่าชัง ตัวนี่อวบขาวเชียวล่ะ”

ฟางซื่อที่อยากประกาศความดีใจที่มีอย่างท่วมท้นอยู่เป็นทุนเดิม เมื่อมีคนถามจึงไม่อาจกักเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ได้อีก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของหญิงชราที่ทำงานในแปลงนามาทั้งชีวิตยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงรูหู

จางซิ่วอิงที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ เหมือนคนอื่นก็ไม่ได้คิดอะไร หากว่าน้ำเสียงนั้นไม่ดังจนกระทบเข้ามาในโสตประสาท พร้อมกับสายตาที่แฝงความหมายบางอย่างชำเลืองมองเธออยู่ตลอดเวลาสนทนา

“ดีจริง ๆ สะไภ้บ้านแกแต่งได้ปีกว่าก็คลอดหลานชายตัวอวบอ้วนออกมาแล้ว เหมือนสะไภ้บางบ้าน…”หญิงชราร่างใหญ่กล่าวปากยื่นปากยาว ระหว่างที่พูดไม่ลืมทิ้งสายตาไว้ที่สะไภ้คนเล็กของบ้านหยาง

เดิมทีเว่ยซื่อไม่ได้มีปัญหากับจางซิ่วอิงแม้แต่น้อย แต่ด้วยนิสัยที่ชอบติฉินนินทาคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นคนที่มีจุดด่างพร้อยหรือด้อยกว่าเข้าหน่อยก็อดที่จะเหยียบย่ำด้วยคำพูดไม่ได้

จางซิ่วอิงเมื่อได้ฟังบทสนทนาของหญิงชราคู่นี้คุยกันก็เข้าใจได้ทันทีว่าตนกำลังถูกเหน็บแนมในระยะเผาขนอยู่ ทว่าในยุคนี้ไม่เหมือนยุคที่เธอจากมา ชื่อเสียงของหญิงสาวเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในใจของเธอนั้นแอบลอบจำหน้ายายแก่สองคนนี้เอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างเดินทางยังคงมีประโยคเสียดสีมากมายจากยายแก่สองคนนี้ให้เธอได้ยินอยู่เนือง ๆ จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ทอดสายตามองไปยังข้างทาง ชื่นชมธรรมชาติอันแสนแร้งแค้นในยุคที่ไม่คุ้นเคย และไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงนกเสียงกาเหล่านี้มากนัก

ใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีเกวียนก็พาเธอมาจนถึงอำเภอ จางซิ่วอิงจ่ายค่าโดยสารเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมาจากจุดนั้นทันที

ร่างบางเดินสำรวจตามท้องถนนมาเรื่อย ๆ ซึ่งที่นี่มีโรงเรียนประจำอำเภอขนาดใหญ่ โรงงานยาสูบที่พ่อเธอทำงานอยู่และโรงงานทอผ้า ซึ่งช่วงเช้าและช่วงเย็นที่พนักงานเลิกงานคนค่อนข้างพลุกพล่าน ตอนที่เธอมาถึงที่นี่ยังเป็นช่วงบ่ายซึ่งอีกเกือบสามชั่วโมงกว่าที่คนงานจะเลิกงาน

จางซิ่วอิงเลือกเดินสำรวจร้านรวงต่าง ๆ  รอบบริเวณ เธอสังเกตเห็นแผงลอยที่ขายอาหารเป็นส่วนใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น ร้านขายข้าวสารอาหารแห้งร้านใหญ่ที่มีลูกค้าเข้าออกตลอดไม่ขาดสาย ร้านเสื้อผ้าสองร้านตั้งอยู่คนละฝั่งมุมถนนก็ไม่ได้มีแบบให้เลือกมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าสีพื้นเรียบ ๆ เน้นไปทางสีเขียวเข้ม และสีกรมท่า

เมื่อเดินสำรวจอยู่สักพักเธอยังคิดไม่ออกว่าจะทำอาชีพอะไรในยุคนี้ดี พลันนึกขึ้นมาได้จากความทรงจำว่าที่นี่มีสถานที่หนึ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งเรียกว่า “ตลาดมืด” และในยุคนี้ก็ไม่ได้มีทางการควบคุมเข้มงวดอย่างเช่นหลายปีที่ผ่านมา หญิงสาวจึงพาตัวเองไปที่แห่งนั้นทันที

เพียงเวลาไม่นานจางซิ่วอิงเดินมาหยุดอยู่ที่ที่เรียกว่า ตลาดมืด โดยใช้ความทรงจำที่ติดตัวมา ดวงตาคู่เรียวสอดส่ายไปทั่วพลางลอบสำรวจวิถีชีวิตของคนในยุคนี้ เท่าที่เธอเข้าใจปีนี้ทางการได้ลดบทบาทหน้าที่ของคูปองต่าง ๆ ลงบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทรัพยาการที่มีอย่างจำกัดก็ไม่ได้เพียงพอต่อความต้องการขนาดนั้น เนื้อสัตว์ยังเป็นสิ่งขาดแคลน รวมถึงอาหารอย่างอื่นด้วยเช่นกัน ยิ่งใกล้เข้าฤดูหนาวอาหารยิ่งเป็นที่ต้องการ

ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มพร้อมประกายวาววับในดวงตา เมื่อนึกถึงหนทางหาเงินต่อจากนี้ขึ้นมาได้แล้ว

มือเรียวกระชับกระเป๋าผ้าข้างกายที่พกติดตัวไว้แน่น จากนั้นจึงพาตัวเองเดินเข้าไปสำรวจภายในสถานที่แห่งนี้ทันที การซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้เอิกเกริกแต่อย่างใด โดยตลอดทางที่ผ่านมาจะมีทั้งแบบยืนเร่ขายและวางแผงขาย ดูแล้วเจ้าของตลาดมืดคงมีเส้นสายพอสมควรเลยล่ะ

ดวงตาคู่สวยสอดส่องไปทั่วทุกมุมที่ตนเองเดินผ่าน ก่อนจะไปสะดุดกับแผงขายของขนาดเล็กที่มีเนื้อวางอยู่หนึ่งชิ้น มีพ่อค้าที่ยืนทำสีหน้าลำบากใจ และตรงข้ามมีหญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปลาย ๆ กำลังพูดคุยกันด้วยบรรยากาศตึงเครียด

หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มเป็นผู้หยิบเนื้อชิ้นนั้นขึ้นมาจ่ายเงินแล้วเดินจากไปในทันที ส่วนหญิงวัยกลางคนเมื่อไม่ได้เนื้อที่ต้องการก็เดินหันหลังไหล่ตกออกมาจากแผงขายเช่นกัน

เห็นดังนั้นจางซิ่วอิงรู้สึกได้ถึงโอกาสอันพอเหมาะพอดี ไม่รอช้าหญิงสาวรีบเดินตรงไปหาหญิงวัยกลางคนนั้นทันที

“สวัสดีค่ะคุณป้า มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวถามออกไปด้วยท่าทีเป็นมิตร ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเบาบางอยู่ตลอด

“เธอเป็นแม่ค้าหรือเปล่า? พอดีฉันอยากได้เนื้อ แต่วันนี้ฉันมาช้าเลยไม่ทันแผงขายเนื้อ ไม่รู้วันนี้จะมีแผงอื่นมาขายอีกหรือเปล่า”ความกังวลฉายชัดอยู่ในน้ำเสียงของหญิงชรา

วันนี้ลูกสาวของเธอกับสามีจะมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งออกไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว หากที่บ้านไม่มีอาหารจานเนื้อสักจาน เกรงว่าจะทำลูกสาวขายหน้าเอาได้ ซึ่งโดยปกติที่บ้านจะทำอาหารจานเนื้อหนึ่งจานขึ้นโต๊ะอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เนื้อที่ซื้อไว้หมดเกลี้ยง อีกทั้งที่ร้านยังมีลูกค้าเข้ามาเนืองแน่นตั้งแต่เช้า กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ก็เลยเวลาไปมากแล้ว

“หนูพอจะหาให้คุณป้าได้นะคะ ว่าแต่คุณป้าต้องการเนื้อส่วนไหน เท่าไหร่บ้างเหรอคะ?”จางซิ่วอิงถามขึ้นอย่างตื่นเต้น นี่คือโอกาสทำการค้าครั้งแรกของเธอในโลกนี้ เธอไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่ารีบถามความต้องการของลูกค้ารายแรกในทันที

พอได้ยินว่าหญิงสาวรุ่นลูกสามารถหาเนื้อให้เธอได้ ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยจึงคลายความกังวลลงได้หลายส่วน จากนั้นไม่ลืมที่จะถามหาของอย่างอื่นจากเธออีกด้วย “นอกจากเนื้อเธอมีอย่างอื่นขายอีกหรือเปล่าล่ะ?”

“ก็มีหลายอย่างค่ะคุณป้า พอดีว่าสามีของฉันพอจะมีเส้นสายอยู่บ้างน่ะค่ะ” จางซิ่วอิงรีบตอบรับด้วยความดีใจ ใบหน้าสวยยิ้งกว้างจนตาแทบปิด

“อย่างนั้นฉันเอาตามรายการนี้ เธอพอจะหาได้หรือไม่ล่ะ?”

มือเรียวรับกระดาษใบเล็กที่มีรายการสินค้านับสิบอย่างมาอ่านเพียงครู่เดียว ก่อนจะตอบรับไป “อ่า ได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมง ไม่ทราบว่าคุณป้าจะไปเดินดูอย่างอื่นก่อน หรือจะรออยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ”

จากรายการที่เธอถืออยู่ในมือ คร่าว ๆ จะมีขาหมูห้าขา เนื้ออย่างดีราวแปดชั่ง เครื่องเทศและผักสดอีกหลายรายการ

จางซิ่วอิงไม่ได้มีปัญหากับรายการสินค้าแต่อย่างใด เพราะในมิติของเธอมีของพวกนี้เพียงพออยู่แล้ว แถมยังเป็นวัตถุดิบอย่างดีอีกต่างหาก แต่ทว่าจะให้ควักออกมามากมายขนาดนี้ในชั่วพริบตาก็เกรงว่าคุณป้าจะตกใจเอาได้

“อย่างนั้นเธอเอาไปส่งฉันที่ร้านขายของแห้งที่มุมถนนฝั่งนู้นก็แล้วกัน ส่วนเรื่องราคาเธอจะคิดอย่างไร?”เรื่องราคาเป็นสิ่งสำคัญมากที่แม่ค้าอย่างเธอต้องตกลงให้ชัดเจนทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน

จางซิ่วอิงหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“เรื่องราคาหนูคิดตามที่คุณป้าเคยซื้อก่อนหน้านี้เลยค่ะ แล้วอีกครึ่งชั่วโมงหนูเอาไปส่งคุณป้าที่ร้านนะคะ”

ถึงอย่างไรสินค้าทุกรายการก็ไม่ได้มีต้นทุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายราคาไหนเธอก็ไม่มีวันขาดทุนอย่างแน่นอน

“ได้ ฉันชื่อหลี่ฟางอิง เป็นเจ้าของร้านนั้น”

“ค่ะ หนูชื่อจางซิ่วอิงนะคะ”หญิงสาวกล่าวแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะแยกตัวจากคุณป้าฟางอิงหลังจากนั้น

เธอเดินตรงไปยังมุมตึกที่ค่อนข้างไร้ผู้คน ก่อนจะเลี้ยวขวาไปยังซอกตึกที่ลับตาคนมากพอที่จะหยิบของหายรายการออกมาตามคำสั่งซื้อ

ไม่นานจางซิ่วอิงพร้อมสินค้าพะรุงพะรังก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายอาหารแห้งตระกูลเฉิง ภายในร้านมีสินค้าข้าวสาร และอาหารแห้งให้เลือกสรรละลานตา ลูกค้าเดินเข้าออกกันขวักไขว่ไม่ขาดสาย ดูแล้วกิจการคงรุ่งเรืองมากทีเดียว เห็นอย่างนั้นหญิงสาวยิ่งรู้สึกถึงไฟในกายกำลังลุกโชนขึ้นมา ในหัวสมองเริ่มวาดฝันถึงธุรกิจในอนาคตของครอบครัว

“อ้าว! เธอนี่เอง เข้ามาก่อนสิ!!”

Related chapters

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 5 ตั้งแผงขายในตลาดมืด

    เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช

    Last Updated : 2025-01-05
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 6 พี่สาวเยว่

    หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ

    Last Updated : 2025-01-06
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 7 ทำสัญญาการค้า

    จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 8 วางแผนซื้อบ้าน

    จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด

    Last Updated : 2025-01-08
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 9 สามีไร้ประโยชน์

    หยางซีห่าวมองภรรยาที่ทรุดกายร่ำไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนนี้เขาตัดสินใจเข้ากรมเพื่อเป็นทหารก็เพราะอยากให้ภรรยาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องไปทนลำบากทำงานตากแดดในแปลงนาแต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ แม้หมอที่ค่ายจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาจะพิการเสียทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม จางซิ่วอิงคงเสียใจมากที่สุดท้ายแล้วสามีอย่างเขาก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอนั้นสุขสบายได้ตลอด แถมยังเจ็บหนักเข้าขั้นพิการกลับมาให้เธอดูแลต่อ สามีเช่นเขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริงเสียงเอะอะโวยวายและถ้อยคำด่าทอรุนแรงของย่าสามีนั้นเรียกสติในตัวเธอให้กลับมาได้ทันเวลา มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออก พลางตวัดตามองย่าของสามีด้วยความไม่พอใจ“ซีห่าว!! แก!! แกมันตัวไร้ประโยชน์!”เหยียนเพ่ยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดตีอกชกหัวทันทีที่ได้เห็นสภาพหลานชายที่เคยเป็นคนหาเงินเข้าบ้านมากที่สุด ตอนนี้หยางซีห่าวไม่ใช่ว่าคนไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือ

    Last Updated : 2025-01-09
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 10 ตัดขาดเสียที

    น้ำเสียงตวาดกร้าวของผู้เป็นย่าเรียกร้องให้ตัดขาดจากหลานชายดังขึ้นจนทุกคนที่ยืนห้อมล้อมเหตุการณ์อยู่ได้ยินและรับรู้ถึงความใจดำของย่าที่มีต่อหลานชายได้อย่างชัดเจนจางซิ่วอิงเหยียดยิ้มเมื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราเห็นแก่ตัวอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปสบตากับสามีอีกครั้งหยางซีห่าวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้กำลังตอกย้ำความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวนี้หรอกหรือ เมื่อหาเงินเขาบ้านไม่ได้แล้ว หลานชังอย่างเขานับเป็นตัวอะไรกัน“จัดการตามที่ย่าว่าเถอะครับ ผมรบกวนด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับผู้นำหมู่บ้านในทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วโจวเหวินมองชายหนุ่มที่เขาเห็นมาแต่เด็กด้วยแววตาเวทนาสงสาร เขาค่อนข้างสนิทกับพ่อของซีห่าว ฉะนั้นลูกของสหายก็ไม่ต่างจากลูกหลานที่เขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้

    Last Updated : 2025-01-10
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 11 ทานข้าวกับสามีครั้งแรก

    จางซิ่วอิงหายไปในครัวไม่นานอย่างที่เธอว่าไว้ ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวขาวเรียงเม็ดสวยร้อน ๆ สองจาน กับอาหารจานผัดหนึ่งจาน และต้มอีกหนึ่ง วันนี้เธออยากกินหมูสามชั้นต้มพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดเหมือนโลกก่อนจึงทำเพิ่มขึ้นมาอีกจาน เมื่ออาหารพร้อมสรรพบนโต๊ะแล้ว ร่างบางจึงเดินไปเข็นรถให้สามีที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงให้มาทานข้าวด้วยกันกลิ่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้านจนกระทบเข้ากับจมูกของหยางซีห่าว กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี“ฉันมีเวลาทำอาหารไม่มาก เลยมีแต่อาหารง่าย ๆ คุณลองทานดูนะคะ ว่าถูกปากหรือเปล่า?”เสียงใสกล่าวกับสามีขณะที่พาเขาไปยังโต๊ะอาหารแม้จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปบ้างเพราะต้องออกแรงมาก รถเข็นในยุคนี้ไม่ได้สะดวกหรือเข็นเองได้เหมือนยุคที่เธอจากมา การเคลื่อนย้ายจึงต้องออกแรงมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะเธอเต็มใจ สำหรับสาวสองที่ตายมาแล้วชาติหนึ่ง การได้อยู่ร่วมบ้าน ได้ดูแลคนรักเช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำ

    Last Updated : 2025-01-11
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 12 สามีภรรยาปรับความเข้าใจ

    “เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจนแม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจหยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห

    Last Updated : 2025-01-12

Latest chapter

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 39 ทายาทที่เหลืออยู่

    จ้าวคุนยื่นมือไปรับรูปถ่ายขนาดเล็กกว่าฝ่ามือจากผู้เป็นพ่อมาดู หากมองผิวเผินรูปนี้อาจจะเป็นเพียงรูปครอบครัวทั่ว ๆ ไป ซึ่งฉากหลังของรูปถ่ายเขาจดจำได้ดีว่าตรงนั้นคือลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์หลังนี้นี่เอง แม้การเวลาผันเปลี่ยน สวนดอกไม้อาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่เขาที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดมีหรือจะจำไม่ได้ในรูปถ่ายมีบรรดาเครือญาติทั้งสายหลักสายรองของตระกูลจ้าวนับคร่าว ๆ เกือบร้อยชีวิต เดาว่าในรูปน่าจะเป็นวันรวมญาติของตระกูลที่จัดขึ้นทุกปีมาอย่างยาวนาน แต่ทุกคนในรูปล้วนไม่ได้สลักสำคัญเท่าใดนักสำหรับจ้าวคุนในตอนนี้ที่กำลังไล่สายตาหาตำแหน่งที่พ่อของตนยืนอยู่รูปคุณปู่คุณย่าที่มีเด็กชายหญิงอายุราวสิบห้าปียืนซ้อนอยู่ด้านหน้า ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพ่อของเขานั่นเอง แต่เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันกับพ่อคือคนที่ทำให้จ้าวคุนเริ่มเข้าใจเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้วเด็กสาวผมเปียคนนั้นยืนจับมือเคียงข้างกับพ่อของเขา ขนาดตัวที่เล็กกว่าเด็กหนุ่มเพียงเล็กน้อย แ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 38 ตระกูลจ้าวแห่งปักกิ่ง

    เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 37 แผนงานขั้นต่อไป

    หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 36 สัญญาเช่าระยะยาว

    เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 35 คนหลงภรรยา

    ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 34 สามีปากหวาน

    หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 33 วางแผนธุรกิจใหม่

    เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 32 หาหมอครั้งสุดท้าย

    เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 31 บอกรักที่ไม่มีคำว่า “รัก”

    รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status