“เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน
แม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง
“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจ
หยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้
“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห็นแก่ตัวทอดทิ้งภรรยาให้เป็นหม้ายเลยสักครั้ง อีกอย่างเขาล่วงเกินเธอไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ชีวิตนี้ไม่ว่าอย่างไรจางซิ่วอิงก็จะเป็นภรรยาเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง
“ก็ดีค่ะ”หญิงสาวยิ้มบาง เธอรู้สึกพึงพอใจกับคำตอบและท่าทางหนักแน่นจริงจังของสามีตอนพูดประโยคนั้นไม่น้อย
เมื่อผ้าพันแผลถูกคลายออกจนหมด เผยให้เห็นแผลสดที่ยังมีเลือดไหลซึมบางจุด เนื้อบริเวณขอบค่อนข้างแห้งลงบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่แห้งสนิทดี ขนาดผ่านเวลามาสักพักแล้วยังสภาพนี้ เธอไม่อยากจินตนาการถึงตอนแรกที่ปฐมพยาบาลเลยว่าจะน่าสยดสยองเพียงใด และหยางซีห่าวคงผ่านความทรมานมาไม่น้อยเลย
จุดที่ลึกสุดของบาดแผลหากกะด้วยสายตาก็คงจะลึกถึงหนึ่งข้อนิ้วกว่า ๆ เห็นจะได้ ส่วนความยาวนั้นกินพื้นที่ตั้งแต่ส่วนน่องอ้อมมาทางส่วนหัวเข่าด้านหน้าและยาวขึ้นมาเกือบครึ่งของต้นขา ยังดีที่เขาถูกฝึกอย่างหนักร่างกายจึงมีกล้ามเนื้อแน่นทุกส่วน หากเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แผลลึกขนาดนี้ไม่แน่ว่าคงอาจเห็นกระดูกไปแล้วก็ได้
นัยน์ตาคู่สวยร้อนผะผ่าวทันทีที่สำรวจบาดแผลอย่างละเอียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากแผลตรงหน้า “คุณเจ็บมากไหมคะ?”
เสียงใสสั่นเครือเล็กน้อย หญิงสาวพยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ดวงตาเรียวทอดมองใบหน้าของสามีนิ่ง
หยางซีห่าวไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมคำถามทั่ว ๆ ไปที่ออกมาจากปากของภรรยาถึงทำให้เขารู้สึกอุ่นซ่านในอกได้มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อย หรือบาดเจ็บก็ไม่มีใครเคยถามคำถามนี้กับเขากัน
และเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่เรียวที่มีหยดน้ำตาคลอหน่วยของภรรยาก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา ริมฝีปากหยักยิ้มตอบภรรยา พลางพยักหน้าลงเล็กน้อย เพื่อให้เธอเริ่มลงมือกับแผลของเขาได้เลย “ผมทนไหวครับ”
ชายชาติทหารแม้จะเจ็บก็ต้องอดทนและผ่านไปให้ได้ไม่ใช่หรือ…
“ฉันจะเบามือที่สุดนะคะ”จางซิ่วอิงยิ้มรับ ก่อนจะหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาราดลงบนบาดแผลจนทั่ว เธอเหลือบมองใบหน้าสามีที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดจนใบหน้าแดงก่ำ กรอบหน้าคมเข้มนั้นมีเม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มไปหมด
โชคดีว่าแผลของหยางซีห่าวนั้นได้รับการดูแลมาอย่างดีจากหมอในค่าย จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ล้างให้สะอาดและทาเบตาดีนให้เขาจนทั่ว จากนั้นจึงใช้ผ้าสีขาวสะอาดปิดแผลไว้ แต่ไม่ได้หนาเท่าตอนแรก เพื่อให้บาดแผลไม่ชื้นจนเกินไป
“ความจริงแล้ว ตอนที่คุณไม่อยู่…ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งค่ะ”เรื่องนี้นับว่าหนักใจมากทีเดียวที่จะต้องเปิดเผยให้เขารู้ในตอนนี้ แต่หญิงสาวก็อยากลองเดิมพันดูสักครั้ง อย่างไรหลังจากนี้เธอยังต้องนำของในมิติออกมาขายเรื่อย ๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอไม่อยากต้องหาเรื่องโกหกเขาในทุกวันที่มีสิ่งของแปลกใหม่โผล่ขึ้นมาในชีวิตประจำวัน แม้จะหวั่นใจมากแต่เธอเลือกแล้ว…ที่จะบอกความจริง
ชีวิตคู่หากมีความลับต่อกันแต่แรก…ต่อไปการโกหกก็คงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเขาจะยอมรับไม่ได้หรือมองว่าเธอเป็นภูตผีก็คงต้องยอมรับ
แถบนี้เป็นชนบทถึงจะถูกสั่งห้ามเกี่ยวกับพิธีกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่การเซ่นไหว้บรรพบุรุษก็ไม่มีให้เห็น แต่ชาวชนบทส่วนมากยังคงมีความเชื่อเรื่องภูตผีอยู่มากทีเดียว ถ้าหากสามีมองว่าเธอเป็นผีสางขึ้นมาแล้วยอมรับไม่ได้ขึ้นมา เธออาจจะถูกจับไปถ่วงน้ำได้ในไม่ช้า
เมื่อเห็นว่าสามียังคงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ เธอจึงเล่าต่อในทันที
“ตอนนั้นวิญญาณของฉันล่องลอยจนไปพบกับคุณยายใจดี ท่านให้มิติที่มีสินค้าจากอนาคตอย่างไม่จำกัด ทั้งยังทำแบบนี้ได้ด้วย และคุณยายก็ให้ฉันกลับมาเกิดอีกครั้ง”ไม่พูดเปล่าทว่าหญิงสาวหยิบกล่องยาขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ก่อนจะทำให้มันหายไปในอากาศภายในชั่วพริบตาเท่านั้น จากนั้นจึงเรียกแอปเปิ้ลลูกใหญ่สดใหม่น่าทานออกมาแล้ววงลงบนมือหนาของสามี
จางซิ่วอิงเลือกโกหกในบางส่วนเพื่อให้สามีเข้าใจง่ายขึ้น อีกอย่างเธอก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หากรู้ว่าภรรยาของเขาคือวิญญาณจากอนาคตมาสิงร่าง ไม่รู้ว่าสามีจะยังรับได้อยู่หรือไม่ แต่ในส่วนของมิติอย่างไรเธอก็ต้องบอก เพราะหากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ซึ่งหากเก็บไว้มีแต่จะทำให้เธอเองรู้สึกอึดอัดเปล่า ๆ
“…”กล่องยาที่หายไปในอากาศอย่างรวดเร็วนั้น จากนั้นก็มีแอปเปิ้ลผลใหญ่กว่ากำปั้นของเขาโผล่ขึ้นมาบนมือของภรรยา และเธอก็วางมันลงบนมือของเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้นัยน์ตาคมตื่นตะลึงจนอ้าปากหวอโดยไม่รักษาท่าทีนิ่งขรึมอย่างที่ชอบทำ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนโลกมีสิ่งนี้ และนี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันเต็มสองตาเช่นนี้
เมื่อเห็นสามีสติหลุดไปแล้ว ก้อนเนื้อในอกพลันบีบรัดรุนแรง ก่อนไหล่บางจะค่อย ๆ ลู่ลงพร้อมกับขอบตาแดงก่ำเริ่มมีหยาดน้ำตาคลอหน่วยและร่วงไหลอาบแก้มในที่สุด “ถ้าคุณกลัว คุณจะหย่ากับฉะ…”
“ผมขอโทษ…เพราะผมที่ทิ้งคุณให้โดดเดี่ยว นอนป่วยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ผมเป็นสามีที่แย่มากจริง ๆ”เขายอมรับว่าตกใจกับสิ่งตรงหน้า แต่กลับรู้สึกเสียใจมากกว่าที่เขาเป็นสามีไม่เอาไหนได้ขนาดนี้ ถ้าหากว่าภรรยาเขาไม่ได้รับโอกาสให้ฟื้นขึ้นมา เธอคงนอนสิ้นใจอยู่ภายในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง และเขาเชื่อว่าคงไม่มีใครเข้ามาดูเธอในตอนนั้นอย่างแน่นอน กว่าเขาจะกลับมาเจอก็คงเป็นอีกสามเดือนต่อจากนี้
“คุณไม่กลัวที่ฉันเป็นแบบนี้เหรอคะ?”คิ้วคู่เรียวขมวดเข้าหากัน เอ่ยปากถามสามีออกมาอย่างนึกแปลกใจ
เห็นสีหน้าภรรยาแล้วใบหน้าหล่อเหลาจึงระบายยิ้มอบอุ่น ก่อนจะคว้ามือเรียวขึ้นมากุมไว้ แล้วสบตากับภรรยากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ผมกลัวจะไม่มีคุณมากกว่า แล้วตอนนั้นคุณคงรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ผมขอโทษ เป็นผมที่ผิดต่อคุณ…ภรรยา”หยางซีห่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น เมื่อก่อนเขายอมรับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับภรรยามากนัก แต่ตอนนี้เมื่อเธอเล่าว่าตอนนั้นผ่านความตายมาอย่างไร กลับทำให้หัวใจแกร่งนึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ขอบคุณนะคะ แต่คุณอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ คุณไปทำงานหาเงินมาให้ฉันนี่คะ คุณอุตส่าห์ออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อฉัน ฉันจะโทษคุณได้อย่างไร”
“แต่ผม…”
เมื่อเห็นคนเป็นสามียังจมอยู่กับการคิดโทษตัวเอง จางซิ่วอิงจึงเอ่ยขัดขึ้น
“เราเริ่มต้นกันใหม่นะคะ ภรรยาคนนี้จะอยู่เคียงข้างคุณเอง”
นัยน์ตาคมเหลือบมองขาข้างที่ถูกผ้าพันไว้ ก่อนจะตอบกลับภรรยาไปอย่างเจียมตัว “แต่ผมกำลังจะเป็นชายพิการ”
ตอนนี้เขาไม่สามารถหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้อีกแล้ว ทั้งยังเป็นภาระให้ภรรยาต้องคอยดูแลอีกต่างหาก
“บาดแผลนี้เหรอคะ? สำหรับฉันแล้วคุณเป็นวีรบุรุษต่างหาก แล้วอีกอย่างมีฉันอยู่ทั้งคน ฉันจะไม่ยอมให้คุณพิการแน่นอน เชื่อใจฉันนะคะ”
จางซิ่วอิงพลิกฝ่ามือหงายขึ้นเป็นฝ่ายกอบกุมมือสามีไว้แทนแล้วออกแรงบีบเบา ๆ ใบหน้าสวยวาดยิ้มกว้างส่งให้คนเป็นสามี
“ขอบคุณครับภรรยา เรามาเริ่มต้นใหม่กันครับ”
กลับมาบ้านครั้งนี้แม้ขาข้างหนึ่งจะใช้การไม่ได้ แต่การที่ภรรยาเปลี่ยนไปเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจมากกว่าทุกครั้งที่กลับมาเสียอีก นัยน์ตาคมมองใบหน้าของภรรยาด้วยแววตาลึกซึ้ง จางซิ่วอิงคือภรรยาและครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขามี และเขาจะรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ดีที่สุด
หลังจากปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว คนเป็นภรรยาจึงเก็บอุปกรณ์ทั้งกะละมังและผ้าพันแผลใช้แล้วจนเรียบร้อย ช่วยสามีลุกจากรถเข็นแล้วพยุงเขาขึ้นเตียงนอน ก่อนจะออกไปเดินตรวจตราประตูหน้าต่างอย่างเช่นทุกวัน แล้วกลับเข้าห้องนอน ว่าเมื่อเข้ามากลับเห็นสามียังคงนั่งรออยู่
“ยังไม่นอนเหรอคะ?”
“ผมรอนอนพร้อมภรรยาครับ”
จางซิ่วอิ่งยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนเคียงข้างสามี ด้วยความรู้สึกหวานล้ำ “ฝันดีค่ะสามี”
“ฝันดีครับ ภรรยา”
เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืนลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามีตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วยร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปั
ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบเพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลังเธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดีจางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้
จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไปฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้านเขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู
จางซิ่วอิงออกจากห้องครัวมาพร้อมกับข้าวสองอย่าง ข้าวขาวที่หุงเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าถูกอุ่นให้ร้อน และยังมีไข่ต้มอีกสามฟองที่ถูกปลอกเปลือกจนเกลี้ยง อาหารทั้งหมดถูกจัดวางบนโต๊ะทานข้าวเก่า ๆ พร้อมทานหญิงสาวจึงเข้าไปรับสามีออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน หยางซีห่าวเห็นอาหารตรงหน้าก็ครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้นี่เป็นมื้อที่สามแล้วที่เขาเห็นว่าอาหารของภรรยายังคงมีจานเนื้อ ทั้งที่ชาวบ้านชนบททั่วไปอย่าว่าแต่ทานเนื้อเดือนละครั้งเลย แทบจะทุกบ้านจะทานเนื้อเพียงแค่โอกาสหรือวันสำคัญเท่านั้น เดาว่าภรรยาคงชอบทานเนื้อมากทีเดียว เช่นนั้นเขาควรต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย จะได้หาเงินให้มากหน่อยไว้ซื้อเนื้อให้ภรรยาทานทุกมื้อ“ทานสิคะ! คุณต้องบำรุงให้มากหน่อย แผลจะได้หายเร็ว ๆ”ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มหวานขณะตักไข่ต้มสองฟองวางลงในจานข้าวของคนเป็นสามี โดยที่ไม่ได้รู้ความคิดของสามีในตอนนี้แม้แต่น้อย“ทำไมถึง…”
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกันหยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควรตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยางจางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวนหวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอ
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั