ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบ
เพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลัง
เธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดี
จางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้ง กลับหันมาสนใจอาหารแปรรูปลักษณะแปลกตา
“คืออะไรเหรอแม่ค้า?”หญิงชราท่าทางใจดีถามแม่ค้าด้วยน้ำเสียงแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ป่านนี้เธอเองก็พึ่งเคยเห็นสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
เมื่อสบโอกาสแม่ค้าสาวจึงยิ้มตอบกลับไป พร้อมกับแกะเนื้อหมูแปรรูปทีละแพ็คเพื่อให้ลูกค้าได้ชิมก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งบทสนทนาที่ไม่เบานักเรียกความสนใจจากคนี่อยู่โดยรอบให้เดินมาชิมอีกหลายคน
ระหว่างนั้นจางซิ่วอิงสังเกตเห็นสีหน้าพึงพอใจของหลายคนจึงเริ่มอธิบายข้อมูลของสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหมูหวานที่ใช้น้ำตาลค่อนข้างมาก ทั้งยังใช้เวลาปรุงและเคี่ยวค่อนวันกว่าจะได้หมูหวานที่รสชาติอร่อยเช่นนี้ จากนั้นจึงตบท้ายด้วยประโยคที่มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด
“เนื้อแปรรูปเหล่านี้สามารถทานกับข้าวต้มก็เข้ากันได้ดี กับข้าวขาวหุงร้อน ๆ ยิ่งเจริญอาหาร ทั้งยังสามารถเก็บได้นานถึงสองเดือนโดยที่คุณภาพยังคงเดิมหากยังอยู่ในแพ็คเหมาะสำหรับกักตุนไว้ในช่วงฤดูหนาวนี้มากทีเดียวค่ะ”
พูดเสร็จไม่ลืมส่งยิ้มการค้าออกมาอย่างที่ชอบทำ เมื่อฤดูหนาวมาถึงอาหารทุกอย่างล้วนหาได้ยาก และถึงแม้จะหาได้ราคาแต่ละอย่างก็สูงลิบจนบางบ้านไม่อาจจับต้องได้ เช่นนั้นมีบ้านไหนบ้างล่ะอยากอยู่อย่างอดอยาก
อีกอย่างจากที่ขายสินค้าที่นี่เธอสังเกตไว้แล้วว่าลูกค้าในตลาดมืดค่อนข้างกระเป๋าหนัก ดูได้จากการควักเงินซื้อเนื้อจากเธอทีละหลายแพ็คโดยไม่กระพริบตานั่นสิ ไหนจะผลไม้ที่สามารถจับจ่ายได้โดยไม่ต่อรองราคาสักคำ นี่ไม่เรียกว่าร่ำรวยแล้วจะเรียกว่าอย่างไรได้อีก
“ราคาเท่าไหร่เหรอแม่ค้า?”เสียงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังดังแหวกอากาศเข้ากระทบกับใบหูของแม่ค้าสาวอย่างพอดิบพอดี
เมื่อเห็นว่าลูกค้าคนอื่นยังรอฟังอยู่ด้วยเช่นกันจึงยกยิ้มกว้าง ก่อนตอบออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าอย่างไรก็ขายได้
“ฉันขายเพียงแพ็คละ 25 หยวนเท่านั้นค่ะ สินค้ามีจำนวนจำกัด ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะไม่มีอีกแล้วก็ได้นะคะ”
ทันทีที่แม่ค้าพูดจบลูกค้าหลายรายมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย แต่ก็เลือกซื้อกลับไปคนละหลายแพ็คทีเดียว เมื่อมีสินค้าที่ดึงดูดลูกค้าได้มากพอสินค้าอย่างอื่นก็พลอยขายได้ไปด้วย จางซิ่วอิงทั้งหยิบสินค้าใส่ถุง ตอบคำถามลูกค้า ทั้งทอนเงินจนมือเป็นระวิง ผ่านไปราวชั่วโมงเศษตรงหน้าเธอก็เหลือเพียงผ้าปูรองที่ว่างเปล่า และลูกค้ารายสุดท้ายที่กำลังเดินจากไป
มือเรียวหยิบผ้าปูผืนยาวขึ้นมาพับเก็บอย่างอารมณ์ดี ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าเกวียนกลับหมู่บ้านจะออกเดินทาง วันนี้เธอคิดว่าจะเดินไปดูเมล็ดพันธุ์ที่หว่านไว้สักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“สวัสดีค่ะคุณป้าหลี่”หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านขายอาหารแห้งตระกูลเฉิง พอดีกับหญิงวัยกลางคนที่เธออยากพบก็เดินออกมาพอดี ใบหน้าเล็กเผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะกล่าวทักทายเถ้าแก่เนี๊ยของร้านอย่างมีมารยาท
“ซิ่วอิง ป้ากำลังจะออกไปหาเธอที่ตลาดมืดอยู่พอดี”หลี่ฟางอิงคว้ามือเล็กของหญิงสาวรุ่นลูกให้เดินตามเข้ามาในร้าน ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยแสดงความดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ไปหาฉัน? มีอะไรเหรอคะ? หรือสินค้าที่ให้ไปมีปัญหา”ถึงจะถามไปอย่างนั้น ทว่าในใจของเธอกลับรู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องอะไร อีกอย่างเมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่กำลังหลั่งไหลเข้ากระเป๋าจากหลายทาง ในใจก็รู้สึกลิงโลดไม่น้อย
“ฮ้ายยย!! ปัญหาอะไรกันล่ะ ดีมากเลยต่างหาก”หลี่ฟางอิงยิ้มกว้าง พลางโบกมือไปมา ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลูกสาวและลูกเขยได้บอกเอาไว้ก่อนไป
ซึ่งในวันที่ลูกสาวมาเยี่ยมบ้านเธอทำอาหารจานเนื้อและอย่างอื่นอีกหลายอย่างขึ้นโต๊ะเพื่อต้อนรับลูกเขยที่เธอแสนภาคภูมิใจ โดยบนโต๊ะนั้นมีของแถมที่เด็กสาวคนนี้แถมให้ครั้งก่อนด้วย ซึ่งทันทีที่ทั้งคู่ได้ทานก็รู้สึกถูกใจอย่างมาก ถึงกับถามที่มาและราคา เธอจึงบอกไปว่าเป็นของแถมได้มาไม่เสียเงิน
และด้วยเป็นอาหารแปรรูปที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลูกสาวจึงเสนอให้เธอติดต่อนำมาขายที่ร้าน ส่วนลูกสาวเองนั้นก็อยากแบ่งไปขายที่ร้านต่างอำเภอของเธออีกด้วย วันนี้หลี่ฟางอิงจึงตั้งใจว่าจะติดต่อกับแม่ค้าอย่างจางซิ่วอิง เพื่อรับของเหล่านี้มาขายที่ร้านของตนเองและลูกสาว
จางซิ่วอิงที่ตั้งใจฟังทุกอย่างเงียบ ๆ ก็เข้าใจได้ในทันที เพราะนี่คือเมล็ดพันธุ์ที่เธอจงใจหว่านเอาไว้ตั้งแต่แรก และเช่นเดิมเธอไม่ลืมสาธยายกรรมวิธีแสนยุ่งยากของอาหารเหล่านี้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับมัน
“อันที่จริงฉันขายอยู่ในตลาดมืดแพ็คละ 25 หยวนค่ะ แต่ฉันจะให้คุณป้าในราคาส่งคือแพ็คละ 20 หยวน คุณป้าตกลงไหมคะ?”
หลี่ฟางอิงคิดคำนวณในใจเพียงเงียบ ๆ ครู่หนึ่งจึงตอบออกมา
“ราคานี้ไม่มีปัญหาเลย แต่ฉันอยากจะขออะไรสักอย่าง”
แม้จะพอเดาได้อยู่บ้าง แต่สำหรับการคุยเรื่องการค้าจางซิ่วอิงไม่รีบร้อนที่จะพูดทุกสิ่งออกไป หญิงสาวเลือกที่จะฟังและเก็บข้อมูลจากอีกฝ่ายมากกว่าและพูดคุยแค่ที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว “อะไรหรือคะ?”
“ฉันอยากทำเป็นสัญญาระยะยาว อีกอย่างในสัญญาจะต้องระบุว่าเธอจะขายให้ป้าเพียงเจ้าเดียว”หญิงวัยกลางคนตอบออกไปอย่างที่ได้คิดไว้ พลางสังเกตุสีหน้าของเด็กสาวเป็นระยะ
“ตกลงค่ะ ฉันจะให้ลูกค้าของฉันมาซื้อที่ร้านป้านะคะ”จางซิ่วอิงยิ้มกว้างก่อนจะตอบตกลงออกมาเมื่อสิ่งที่คาดการณ์ไว้เข้าล็อคพอดีราวกับจับวาง
“เดี๋ยวป้าร่างสัญญาเลยแล้วกัน”
จางซิ่วอิงพยักหนารับรู้ด้วยรอยยิ้มใสซื่อ หลังจากนั้นไม่นานสัญญาการค้าฉบับที่สองของชีวิตนี้ก็วางอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่เรียวกวาดมองรายละเอียดแต่ละข้อ ก่อนจะจรดปลายปากกาลงลายมือชื่อของตนเองลงไป
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับหลี่ฟางอิงอีกครั้ง เด็กคนนี้นอกจากเรื่องการเจรจาการค้าที่ดูเก่งกาจแล้ว เธอยังอ่านออกและเขียนได้คล่องแคล่วโดยไม่ต้องมีคนอธิบายแต่อย่างใด ดูแล้วแม่ค้าจากชนบทคนนี้เธอไม่อาจดูเบาได้จริง ๆ
ในครั้งแรกป้าหลี่ต้องการสินค้าอย่างละ 50 แพ็คก่อน หญิงสาวจึงแสร้งบอกว่าจะเดินไปเอาของ ก่อนจะหายเข้าไปในมุมลับตาคนหอบหิ้วสินค้ารอบแรกจำนวน 150 ชิ้นใส่ถุงใบใหญ่เข้ามาส่งในร้าน
ความขยันขันแข็งของเด็กสาวและการทำการค้าที่ค่อนข้างชาญฉลาดนับว่าถูกใจหลี่ฟางอิงมากทีเดียว เถ้าแก่เนี๊ยร้านตระกูลเฉิงควักเงินจ่ายค่าสินค้าไป 3,000 หยวน ก่อนบอกให้เด็กสาวมาส่งอีกครั้งในอีกสามวันข้างหน้า
จางซิ่วอิงตอบรับในทันที ก่อนจะกำถุงเงินในมือแน่น แล้วจากมาด้วยรอยยิ้ม เห็นทีคงได้ซื้อบ้านเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
อันที่จริงเธอมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้าน แต่ห้างสรรพสินค้าที่มีเธอไม่รู้ว่ามันจะหายไปตอนไหน ช่วงนี้จึงขอกอบโกยเงินให้มากหน่อย อีกอย่างเธอยังอยากมีหน้าร้านเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องไปขายที่ตลาดมืดอีก จึงต้องสะสมเงินเอาไว้ให้มาก หากอนาคตเจอร้านที่ถูกใจกำลังปิดกิจการก็จะได้ควักเงินไปเซ้งต่อได้เลย
จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไปฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้านเขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู
จางซิ่วอิงออกจากห้องครัวมาพร้อมกับข้าวสองอย่าง ข้าวขาวที่หุงเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าถูกอุ่นให้ร้อน และยังมีไข่ต้มอีกสามฟองที่ถูกปลอกเปลือกจนเกลี้ยง อาหารทั้งหมดถูกจัดวางบนโต๊ะทานข้าวเก่า ๆ พร้อมทานหญิงสาวจึงเข้าไปรับสามีออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน หยางซีห่าวเห็นอาหารตรงหน้าก็ครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้นี่เป็นมื้อที่สามแล้วที่เขาเห็นว่าอาหารของภรรยายังคงมีจานเนื้อ ทั้งที่ชาวบ้านชนบททั่วไปอย่าว่าแต่ทานเนื้อเดือนละครั้งเลย แทบจะทุกบ้านจะทานเนื้อเพียงแค่โอกาสหรือวันสำคัญเท่านั้น เดาว่าภรรยาคงชอบทานเนื้อมากทีเดียว เช่นนั้นเขาควรต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย จะได้หาเงินให้มากหน่อยไว้ซื้อเนื้อให้ภรรยาทานทุกมื้อ“ทานสิคะ! คุณต้องบำรุงให้มากหน่อย แผลจะได้หายเร็ว ๆ”ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มหวานขณะตักไข่ต้มสองฟองวางลงในจานข้าวของคนเป็นสามี โดยที่ไม่ได้รู้ความคิดของสามีในตอนนี้แม้แต่น้อย“ทำไมถึง…”
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกันหยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควรตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยางจางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวนหวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอ
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนักอาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั