“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”
พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!
เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง
“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา
“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”
หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
“ช่างเถอะ เรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ?”ถึงอย่างนั้นก็ยังคงถามถึงเรื่องวุ่นวายของวันนี้ด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี พลางเชิดหน้าขึ้น เสียงใสตอบกลับไปอย่างภาคภูมิใจโดยไม่ลืมถามกลับไปเช่นกัน
“แน่นอนสิคะ ว่าแต่คุณหิวหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยครับ รอทานมื้อเย็นทีเดียวก็ได้”เมื่อภรรยาถามสามีที่ซื่อสัตย์อย่างหยางซีห่าวจึงตอบออกไปตามตรง แต่เขาสามารถอดทนรอมื้อเย็นได้ ภรรยาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำอาหาร ตั้งแต่ตื่นนอนหญิงสาววิ่งวุ่นแทบไม่ได้หยุดพัก เห็นเธอกลับมาเหนื่อย ๆ ก็อยากให้พักสักหน่อย
อีกอย่างการทานอาหารสามมื้อสำหรับชนบทออกจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปมองว่าฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำไป ตั้งแต่เด็กจนโตหยางซีห่าวล้วนผ่านการอดอาหารมานับครั้งไม่ถ้วน ดื่มน้ำในลำธารประทังความหิวเขาก็เคยทำมาแล้ว ตอนนี้หากจะอดทนรออีกสักเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป
แต่เหมือนคนเป็นภรรยาจะไม่ได้สนใจฟังคำพูดของเขาเท่าที่ควร ราวกับว่าร่างบางนั้นไม่ได้คิดตามในสิ่งที่สามีอย่างเขาต้องการจะสื่อด้วยซ้ำไป
“ฉันไปหาอะไรให้คุณทานดีกว่า เดี๋ยวฉันมานะคะ ฟอดดด!!”แค่คิดถึงผลไม้สดในมิติดวงตาคู่เรียวพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที เห็นทีต้องไปปอกผลไม้เป็นของว่างมื้อบ่ายให้สามีสักหน่อย แต่ก่อนจะออกไปปอกผลไม้หญิงสาวบุคลิกขี้เล่นไม่ลืมฝังจมูกลงบนแก้มสากของสามีสักฟอดใหญ่ ๆ ก่อนไป
“นี่ภรรยา!! คุณลวนลามอีกผมแล้ว!!”เสียงทุ้มร้องท้วงขึ้นมาแทบจะทันที แต่ก็ไม่ทันคนเป็นภรรยาที่หัวเราะร่าวิ่งออกจากห้องไปก่อนแล้ว ทว่าสัมผัสของปลายจมูกเชิดรั้นยังคงตราตรึงอยู่แก้มขวา พอนึกได้ว่าภรรยาแสดงความรักกับเขาเป็นครั้งที่สองริมฝีปากหยักก็ปรากฎรอยยิ้มราวกับคนโง่งมก็ไม่ปาน
กลับบ้านมาคราวนี้ภรรยาของเขานั้นเปลี่ยนไปจนแทบเป็นคนละคน หากเป็นเมื่อก่อนอย่าว่าแต่การแสดงความรักเลย แค่การแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้ายังแทบนับครั้งได้ เพราะจางซิ่วอิงคนก่อนนั้นทั้งเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก ในบางครั้งเขายังสงสัยว่าภรรยาเคยรู้สึกอะไรกับเขาบ้างหรือไม่?
แต่ดูจางซิ่วอิงในตอนนี้เถอะ นี่พึ่งผ่านไปแค่วันเดียวเธอก็ขโมยหอมแก้มเขาถึงสองครั้ง แถมยังไร้ท่าทีเขินอายอย่างที่ควรจะเป็น ไม่เพียงเท่านั้นยังหัวเราะร่าราวกับจงใจกลั่นแกล้งกัน พาลเอาหัวใจแกร่งเต้นระรัวไปหมด เขาอยากให้ขาหายเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ อยากจะจับภรรยาจอมทะเล้นมาทำโทษให้รู้ความเสียบ้าง ว่าอย่าขยันทำให้จิตใจสามีสั่นไหวบ่อยนัก เพราะมันอันตรายกับตัวเธอเอง
“สาลี่หวานกรอบมาแล้วค่ะ สามีขา”จางซิ่วอิงยิ่งเห็นท่าทีเขินอายของสามีก็ไม่วายเรียก ‘สามีขา’ด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อมอีกครั้ง พร้อมขยิบตาส่งไปให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างด้วยท่าทีขี้เล่น
เจ้าของเสียงหวานถือจานสาลี่เนื้อขาวที่ถูกหั่นอย่างดีวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สาลี่ในมิติลูกค่อนข้างใหญ่ เธอปอกเพียงสองลูกก็วางเต็มจานแล้ว
“นี่เอามาจากในมิติคุณเหรอครับ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายหลังจาถูกภรรยากลั่นแกล้ง
“ใช่ค่ะ คุณลองทานดูสิคะ!”
หญิงสาววางจานสาลี่บนที่นอนข้าง ๆ ลำตัวของสามีเพื่อให้เขาหยิบได้สะดวก ส่วนตนเองเดินออกไปยกเก้าอี้ไม้สำหรับให้ตัวเองนั่งข้างเตียงเพื่อกินสาลี่พร้อมกับสามี
มือเรียวหยิบสาลี่ชิ้นแรกขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้เคี้ยวสาลี่เนื้อสีขาวราวหิมะรสชาติหวานสดชื่นที่อบอวลอยู่ในปากช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหลับตาพริ้มเพื่อสัมผัสรสชาติหวานหอมและความกรุบกรอบนั้นเชื่องช้า
พลันเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับนัยน์ตาคมกริบของสามีที่กำลังมองจ้องใบหน้าของเธออยู่ “รอให้ฉันป้อนเหรอคะ?”
ใบหน้าเรียวเล็กคลี่ยิ้มทะเล้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อให้สามีได้มองหน้าเธอได้อย่างเต็มที่
“อะแฮ่ม! อย่ามัวแต่พูดเล่นสิครับ”หยางซีห่าวแกล้งไอออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น จังหวะหัวใจเขาเต้นรัวแรงจนเกรงว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน เมื่อสบเข้ากับแววตาซุกซนคู่นั้น ทำเขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย
“ไม่แกล้งแล้วค่ะ คุณต้องไปหาหมออีกทีวันไหนคะ? มีเอกสารมาด้วยหรือเปล่า?”จางซิ่วอิงปรับสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น ก่อนจะกลับมานั่งหลังตรงอย่างเช่นยามปกติ
จากที่ได้ดูบาดแผลของสามีคาดว่าคงต้องให้หมอติดตามอาการอีกนานมากทีเดียว เขาเป็นทหารที่ปกป้องประเทศจนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยก็ควรมีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาบ้าง
“อยู่ในกระเป๋าครับ รบกวนภรรยาหยิบให้ผมหน่อย”ชายหนุ่มนึกทึ่งกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของภรรยา ก่อนจะชี้นิ้วไปยังกระเป๋าที่ติดตัวมาจากกรม ในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าหนึ่งชุดและเอกสารสำคัญบางส่วนเท่านั้น
จางซิ่วอิงหยิบกระเป๋าของสามีขึ้นมาให้เขาเป็นคนหาเอกสารนั้นด้วยตนเอง แม้จะเป็นสามีภรรยาแต่ทุกคนย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวและเธอไม่คิดจะก้าวก่าย
เธอรับเอกสารชุดหนึ่งมาจากมือสามี ก่อนจะไล่อ่านรายละเอียด เกี่ยวกับผลการวินิจฉัยก่อนหน้า และสรุปได้ว่าอีกสองวันจะถึงวันนัดตรวจนั้น
“เดี๋ยวฉันพาคุณไปเองค่ะ”
หยางซีห่าวขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างนึกแปลกใจ ภรรยาของเขาเรียนจบเพียงชั้นประถมต้นไม่ใช่หรือ แล้วเธออ่านตัวอักษรออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สีหน้าที่ดูเหมือนจะเข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์เหล่านั้นอีก ชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจ เขารู้สึกชอบภรรยาในตอนนี้มากกว่าภรรยาในเมื่อก่อน จึงไม่อยากเอ่ยซักไซ้อะไรให้มากความ เพราะเกรงว่าเธอจะเสียความมั่นใจและอาจจะกลับไปเป็นจางซิ่วอิงคนก่อน
“ขอบคุณครับภรรยา”เสียงทุ้มกล่าวขึ้น จากนั้นจึงทานสาลี่ในจานที่ภรรยาปอกไว้คำแล้วคำเล่า รสชาติหวานหอมที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งหลังจากเริ่มทานคำแรกเขาก็หยุดมือไม่ได้อีก จนสาลี่ชิ้นสุดท้ายถูกกลืนลงท้องในที่สุดภายในเวลาอันรวดเร็ว
มื้อเย็นจางซิ่วอิงทำน้ำแกงปลาเพื่อบำรุงสามี มีผัดผักหนึ่งจานวางคู่กัน และไข่ต้มสามฟองเช่นเดิม และตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานที่หญิงสาวนึกอย่างกิน จึงนำออกมาเผื่อสามีด้วยหนึ่งถ้วย
หยางซีห่าวค่อนข้างติดใจน้ำแกงปลาของภรรยาเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ไม่เคยกิน แต่รสชาติน้ำแกงที่เคยกินมาทั้งชีวิตไม่ได้อร่อยกลมกล่อมเช่นนี้ เพียงไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดลงท้องจนเกลี้ยง
แม้แต่ขนมหวานในถ้วยเล็กที่คนภรรยาเรียกว่าบัวลอยไข่หวาน เขาก็ทานหมดไม่มีเหลือ รสชาติที่หวานมันกำลังดีทำให้เขาที่ไม่ชอบขนมหวานสามารถทานได้จนหมดถ้วยถือว่ารสมือของภรรยานั้นดีมากจริง ๆ
หญิงสาวแยกตัวไปล้างจานและเก็บอุปกรณ์ในครัว ปล่อยให้สามีทานยาหลังอาหารและนั่งย่อยรอเธอสักพักก่อน
“คุณอยากออกไปนั่งรับลมด้านนอกหน่อยไหมคะ?”วันนี้สังเกตว่าด้านนอกพระอาทิตย์ยังไม่ตก สามีของเธออุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวันจึงอยากจะพาเขาออกไปสูดอาการปลอดโปร่งด้านนอกดูบ้าง
“คุณจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?”ชายหนุ่มถามภรรยาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ตั้งแต่เช้าเขายังไม่เห็นเธอหยุดพักเลย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ปริปากบ่นแม้สักคำ ตัวก็เล็กแค่นี้รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนัก
“ไม่เหนื่อยค่ะ ฉันอยากทำ”ใบหน้าเรียวยิ้มกว้าง ก่อนจะเข็นรถที่มีสามีตัวโตนั่งอยู่พาออกไปข้างนอกอย่างไม่รีบร้อน ทันทีที่ก้าวพ้นประตูบ้านเธอพาสามีมายังข้างบ้านที่เคยเป็นแปลงผัก
“ตรงนี้ตอนแรกฉันคิดว่าจะปลูกผักไว้ทาน แต่ตอนนี้คิดว่าคงไม่ปลูกแล้ว”
หยางซีห่าวมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังพื้นดินว่างเปล่า ดินตรงนี้ถูกถอนหญ้าออกจนหมด ทั้งยังยกร่องดินเรียบร้อยแล้ว เห็นจะขาดแต่การเอาเมล็ดมาปลูกเท่านั้น แต่หากภรรยาจะไม่ปลูกต่อเขาก็ไม่คิดคัดค้านแต่อย่างใด เขาเองก็กลัวว่าร่างบางจะเหนื่อยเกินไปด้วยซ้ำ “ถ้าเหนื่อยเกินไป ก็ไม่ต้องทำหรอกครับ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าก่อนฤดูหนาวเราจะย้ายบ้านกัน”จางซิ่วอิงตอบกลับอย่างหมายมั่น เธอตั้งใจไว้แบบนั้นจริง ๆ และคิดว่าเธอต้องทำมันให้ได้
“ย้ายบ้าน? คุณอยากย้ายไปที่ไหนครับ?”เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ หญิงสาวชนบทที่มีความคิดก้าวหน้าและรู้จักวางแผนอย่างภรรยาเขาในตอนนี้นับว่าหาได้ยากมาก
“ในตัวอำเภอค่ะ ที่จริงก่อนคุณกลับมาฉันไปถามราคามาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปดูบ้านจริงเลย ไว้เราไปดูด้วยกันนะคะ”
“ผมจะเป็นภาระของคุณเปล่า ๆ คุณเลือกเองได้เลย ผมตามใจคุณ”เขารู้ตัวเองดี เพราะตอนนี้ขาที่ไม่สามารถใช้การได้ การไปไหนมาไหนเกรงว่าจะเป็นภาระเสียเปล่า ๆ อีกอย่างเขาอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าภรรยาเลือกที่ไหนเขาล้วนไม่ติดขัดแต่อย่างใด
“ไม่ได้สิคะ เอาไว้วันที่คุณไปหาหมอ เราไปดูบ้านด้วยกันนะคะ”เสียงใสค้านขึ้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะกล่าวรวบรัดตัดจบเพื่อไม่ให้สามีเอ่ยแย้งได้อีก
“ครับ”เมื่อภรรยาต้องการเช่นนั้น เขาหรือจะขัดใจเธอ
ในระหว่างสองสามีภรรยากำลังแลกเปลี่ยนความคิดกัน ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย กลับมีเสียงแหลมเล็กดังอาละวาดด่าทออยู่หน้ารั้วบ้าน ทำเอาจางซิ่วอิงกรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย
อยู่เฉย ๆ เรื่องก็มาหาถึงบ้านอีกแล้วสินะ เฮ้ออออ!!
“สะไภ้สาม! นางแพศยา! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!! แกสร้างเรื่องอะไรไว้ ฉันจะตีแกให้ตาย ออกมาเดี๋ยวนี้!!!! ออกมา!!”
สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกันหยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควรตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยางจางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวนหวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอ
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนักอาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
จางซิ่วอิงและสามีมาถึงสำนักงานที่ดินก่อนเวลาปิดทำการครึ่งชั่วโมงพอดี หญิงสาวเข็นรถพาสามีเข้าไปด้านในสำนัหงานด้วยกัน ซึ่งเธอเดินเข้าไปติดต่อซื้อบ้านกับพนักงานคนเดิมที่แนะนำให้เธอในวันนั้น เพราะเธอมั่นใจว่ายุคนี้น่าจะมีการให้เปอร์เซ็นต์การขายกับพนักงานไม่ต่างจากยุคที่เธอจากมาแน่นอนในเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ได้รังเกียจสภาพมอมแมมราวกับขอทานของเธอในวันนั้น แถมยังบริการอย่างเต็มใจ มีหรือคนอย่างจางซิ่วอิงจะไม่ตอบแทนและเมื่อหญิงสาวยืนยันว่าต้องการซื้อบ้านราคาสองพันหยวน พนักงานสาวก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก หลังตกลงทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเอกสารซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะได้เอกสารแสดงสิทธิ์ ซึ่งยังแจ้งอีกว่าเจ้าของคนใหม่สามารถย้ายเข้าอยู่ก่อนได้เลยแต่จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ตอบรับและบอกว่าในวันที่เอกสารมาถึงเธอจะมารับอีกครั้งด้วยตนเอง แล้วค่อยย้ายเข้าอยู่จะสบายใจมากกว่า ซึ่งพนักงานสาวก็ยิ้มรับอย่างเข้าใจ
เมื่อเป็นฝ่ายถูกเกี้ยวขึ้นมาบ้างพลันแก้มสองข้างกลับขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู อัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายนั้นรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว ไอร้อนจากริมฝีปากหนายังคงตราตรึงอยู่ไม่จางหาย หญิงสาวไม่อาจต้านทานสายตาร้อนแรงของคนเป็นสามีได้จึงยอมแพ้อย่างหมดท่า ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าแล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็วการกระทำแสนน่ารักของภรรยานั้นเรียกเสียงหัวเราะร่วนจากร่างหนาที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้เป็นอย่างดี เพราะมัวแต่เกี้ยวกันไปมาเขาจึงยังไม่ถึงโต๊ะอาหารสักที เหลือระยะทางอีกราวสามสี่เมตร ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ หมุนล้อของรถเข็นเพื่อเคลื่อนตัวไปยังโต๊ะอาหารด้วยตนเองแม้จะเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้วแต่หยางซีห่าวไม่ได้คิดจะเอ่ยเร่งแต่อย่างใด เพราะอาหารทุกจานภรรยาล้วนใส่ใจและตั้งใจปรุงเป็นอย่างมาก หากจะต้องใช้เวลามากขึ้นสักหน่อยในการทำอาหารแต่ละมื้อเขาที่เป็นสามีย่อมไม่ขัดข้องจางซิ่วอิงมักจะทำอาหารจานผัดหนึ่งจาน ทอดหนึ่งจานและต้มอีก
ภาพหญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าเรียวเล็กประดับด้วยรอยยิ้มสดใสกำลังทำแผลให้กับคนเป็นสามีอย่างใส่ใจนั้นเป็นภาพที่เริ่มชินตาสำหรับหยางซีห่าวไปเสียแล้วตลอดระยะเวลาเกือบสองสัปดาห์เขาได้รับการดูแลเอาใจใส่จากภรรยาเป็นอย่างดีจนบางครั้งเขาเองกลับรู้สึกราวกับฝันไปด้วยซ้ำ“เรียบร้อยค่ะสามี แผลคุณสมานได้เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ”เจ้าของเสียงหวานคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจซึ่งรอยยิ้มนั้นช่วยส่งให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูสดใสขึ้นมาเป็นเท่าตัวหลังจากดูแลทำความสะอาด พร้อมบำรุงด้วยอาหารอย่างดีมาตลอดหลายวันเธอสังเกตได้ว่าแผลของเขาเริ่มตื้นขึ้นมากแล้ว ทั้งยังสมานกันได้เป็นอย่างดี บริเวณขอบของรอยแผลก็มีทั้งที่สะเก็ดหลุดแล้ว และกำลังตกสะเก็ด เห็นทีว่าคงจะใกล้ความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว“เพราะคุณดูแลมันเป็นอย่างดี ขอบคุณนะครับ”หยางซีห่าวกล่าวออกมาอย่างจริงใจ แววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณมากมายจนท่วมท้น
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั