สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น
“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
จางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าว
ด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และผมยาวสลวยที่พลิ้วไหวระไปกับข้างแก้มที่ขึ้นสีแดงเลือดฝาด เขารู้สึกว่าภรรยาเขาสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเสียจนหัวใจแกร่งนั้นสั่นไหวนับครั้งไม่ถ้วนที่ใกล้ชิดกัน
หญิงสาวที่ได้สติก่อนจึงเดินตรงเข้าไปช่วยพยุงร่างหนาให้นั่งบนรถเข็นได้สะดวก เธอสังเกตเห็นผมของเขาที่ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่จึงหยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดให้จนแห้ง หยางซีห่าวเองก็นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อให้ภรรยาเช็ดผมให้โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา จนกระทั่งผมแห้งสนิทดีแล้ว
“ฉันว่าจะอาบน้ำที่นี่เลย คุณจะรอที่เตียงก่อนไหมคะ?”ไหน ๆ ห้องนี้ก็มีอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมแล้ว แถมยังสะดวกกว่าห้องน้ำด้านนอกอีก คิดว่าต่อไปอาบน้ำที่นี่ก็ไม่เลว
“คุณอาบเถอะครับ ผมรอกลับพร้อมคุณได้”
“ค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบอาบ”ได้ยินดังนั้นจางซิ่วอิงจึงเข็นสามีให้ออกมานั่งรอไม่ไกลจากห้องน้ำมากนัก จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกบ้าง แม้ในห้องนี้ไม่มีน้ำอุ่น แต่อากาศที่นี่ก็ถือว่าคงที่ ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป ทำให้ร่างบางอาบน้ำอย่างมีความสุข ทั้งห้องน้ำที่ปิดมิดชิดเช่นนี้ เรียกได้ว่าหมดกังวลเลยก็ว่าได้
สองสามีภรรยาออกจากมิติในเวลาต่อมา หยางซีห่าวถูกพาขึ้นมานอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว โดยมีภรรยาค่อย ๆ แกะแผ่นฟิล์มที่พันขาให้อย่างเบามือ จากนั้นตะเกียงดวงสุดท้ายก็ถูกดับ จางซิ่วอิงปีนขึ้นมานอนบนเตียงเคียงข้างสามีอย่างเช่นที่เคยทำ
บ้านหลังนี้ไม่มีเตียงเตา มีเพียงเตียงเก่าสภาพผุพังหลังนี้เท่านั้น ซึ่งอากาศยามค่ำคืนก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางจึงขยับเข้าสู่อ้อมกอดของสามี โดยหยางซีห่าวเองก็โอบกอดภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นกัน
“ฝันดีนะคะ สามี”ไม่พูดเปล่า ทว่าศีรษะเล็กกลับถูไถไปบนแผงอกกำยำอย่างออดอ้อน พร้อมหัวเราะคิกคักราวกับถูกอกถูกใจมากทีเดียว
หยางซีห่าวมองการกระทำของภรรยาในอ้อมแขนผ่านความมืดอย่างจนใจ แต่ก็ตอบกลับไปอย่างไม่อิดออด และไม่ลืมเป็นฝ่ายแสดงความรักกับภรรยาบ้าง “ฝันดีเช่นกันครับ จุ๊บบบ!!”
คนโดนสามีจูบกลางหน้าผากถึงกับใบหน้าเห่อร้อน ตอนที่เธอแกล้งเขาชายหนุ่มคงรู้สึกแบบนี้เองสินะ เธอรู้สึกเขินอายจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ติดที่ตอนนี้กำลังถูกคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ จึงได้แต่ข่มกลั้นความเขินอายจนปวดแก้ม หลังจากนั้นความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันก็ช่วงชิงสติของเธอให้หลับไหลในอ้อมกอดอบอุ่นในเวลาเพียงไม่นาน
หยางซีห่าวที่ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของภรรยาก็เข้าใจว่าเธอคงหลับไปแล้ว “ผมชอบคุณตอนนี้ที่สุด…ซิ่วอิง”
เสียงทุ้มแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ริมฝีปากหยักประทับลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางของภรรยาอยู่เพียงไม่นานก่อนจะหลับตามเธอไปในที่สุด
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของสามีเช่นเดิม ร่างบางค่อย ๆ ขยับลงจากเตียง เธอเลือกเข้าไปทำอาหารในครัวก่อน วันนี้หญิงสาวเลือกทำข้าวต้มปลาหอมกรุ่น โดยไม่ลืมต้มไข่ไก่สามฟองเช่นเดิม
ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำในมิติ อาบน้ำเสร็จออกมาจากมิติสามีก็ตื่นพอดี ร่างบางจึงยกน้ำเข้าไปในห้องให้สามีล้างหน้าล้างตา จากนั้นจึงออกมาทานมื้อเช้าด้วยกัน
“วันนี้ฉันออกไปขายของอีกนะคะ จะรีบกลับมาก่อนเที่ยง”เธอบอกกับเขาขณะที่มือเรียวนั้นกำลังเรียกองุ่นพวงใหญ่สีเขียวสดใสออกมาจากมิติและวางลงบนจานใบใหญ่ ขนมปังสอดไส้ต่าง ๆ อีกสามสี่อย่าง น้ำผลไม้และนมแบบกล่อง ก่อนจะนำไปไว้ในห้องนอนเพื่อให้สามีทานรองท้องเผื่อติดขัดอะไรแล้วกลับช้าเขาจะได้ไม่ต้องทนหิวรอเธอ
“ครับ คุณระวังตัวด้วย”หยางซีห่าวยังคงตื่นตะลึงกับการเรียกสิ่งต่าง ๆ ออกมาจากอากาศของภรรยาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ตกใจอย่างเช่นตอนแรกแล้ว
นัยน์ตาคมกริบมองร่างเล็กที่สะพายกระเป๋าผ้าใบเก่งเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หากเขาเดินได้ปกติคนแรกที่เขาจะดูแลเป็นอย่างดีคือ ภรรยาอย่างจางซิ่วอิง หยางซีห่าวให้คำมั่นกับตนเองในใจเงียบ ๆ
ตั้งแต่เขากลับมาคนตัวเล็กนั้นวิ่งวุ่นไม่หยุด เธอทั้งออกไปทำการค้า ดูแลสามีเช่นเขา ไหนจะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่งโดยที่ปากเล็ก ๆ นั่นไม่ได้ปริปากบ่นออกมาว่าเหน็ดเหนื่อยเลยสักครั้ง เขาอยากให้เธอได้พักบ้าง แต่ตนเองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย ในตอนนี้จึงพยายามปฏิบัติตัวตามคำสั่งของภรรยาอย่างเคร่งครัดเพื่อให้บาดแผลหายไว้ที่สุด ภรรยาจะได้พักผ่อนอยู่บ้านสักที คิดอะไรเพลิน ๆ ได้ไม่นานพลันฤทธิ์ยาที่ทานไปจะเริ่มออกฤทธิ์ เขาจึงเอนกายนอนพักผ่อนอย่างเช่นทุกวัน
ทางด้านหญิงสาวนั้นเดินออกมาขึ้นเกวียนของหมู่บ้านโดยไม่ได้รับรู้ถึงความคิดสามีแต่อย่างใด วันนี้ดีหน่อยที่บนเกวียนไม่ได้มีมนุษย์ป้าอย่างเช่นที่แล้วมา การเดินทางในเช้านี้หญิงสาวจึงรู้สึกปลอดโปร่งกว่าทุกวัน
วันนี้จางซิ่วอิงเลือกนำเนื้อออกมาขายเช่นเดิม และเน้นหนักไปที่ผักผลไม้สด ๆ เกรดพรีเมี่ยมที่เชื่อว่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในตอนนี้ เธอทำสัญญาเนื้อแปรรูปกับร้านค้าตระกูลเฉิงไปแล้ว วันนี้จึงไม่ได้เอาของเหล่านั้นมาขายอีก
ผลไม้สดที่อยู่ในลังยังไม่ทันได้นำออกมาวางเรียงลูกค้าคนแรกก็มาถามซื้อเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นานทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่าเจ้าประจำก็เข้ามารุมล้อมแผงขายสินค้าของเธออย่างเนืองแน่น เวลาผ่านไปราวชั่วโมงครึ่งตรงหน้าของเธอก็เหลือเพียงผ้าปูเปล่า ๆ สร้างรอยยิ้มกว้างให้กับแม่ค้าตัวน้อย
มือเรียวพับผ้าปูรองอย่างมีความสุข ก่อนจะยัดเข้าไปในกระเป๋าผ้าใบเก่ง จากนั้นจึงเดินออกจากตลาดมืด เธอตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้าเพิ่มอีกสักสามสี่ชุดสำหรับตัวเองและสามี เพราะที่มีอยู่มีเพียงแค่คนละสองชุดเท่านั้น
“พี่สาวเยว่ สวัสดีค่ะ”คนอายุน้อยกว่าก้มศีรษะทักทายหญิงสาวรุ่นพี่อย่างนอบน้อม พลางส่งยิ้มให้อย่างเช่นที่ผ่านมา ดวงตาคู่เรียวพยายามมองหาสินค้าที่ตัวเองนำมาฝากขายไว้ครั้งก่อนแต่ก็ไม่พบ
เยว่ผิงอันเห็นท่าทีของคู่ค้าเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันที จึงกล่าวออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ถ้ามองหาของเหล่านั้น พี่ก็คงจะบอกเธอว่ามันหมดไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วล่ะน้องสาว”
จางซิ่วอิงที่ได้ยินดังนั้นก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น เธอตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว ไม่คิดว่าคนที่นี่จะมีกำลังซื้อมากขนาดนี้ ทั้งยังเป็นที่นิยมในเวลารวดเร็วอีกต่างหาก “ว๊าวววว! ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
หญิงสาวรุ่นพี่ยิ้มตอบ “พี่ก็ทำตามที่ซิ่วอิงแนะนำน่ะสิ ถึงได้ขายหมด แล้วนี่มีของมาให้พี่ขายอีกหรือเปล่าล่ะ ?”
เป็นเพราะวิธีทำการตลาดของจางซิ่วอิงที่สอนเธอมา สินค้าจึงถูกขายออกไปจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่ตอนที่ได้สินค้ามาหญิงสาวก็แกะขึ้นมาใช้และเดินออกนอกร้านไปนั่นนี่ หลายครั้งที่มีหญิงสาวที่ชื่นชอบได้เห็นและสอบถาม เยว่ผิงอันจะตอบกลับอย่างเป็นมิตรว่านี่คือสินค้าใหม่จากร้านของเธอเอง
หลังจากนั้นก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาเพื่อซื้อกิ๊บและผ้าผูกผมลวดลายทันสมัยจากร้านเธอไม่ขาดสาย จนกลายเป็นว่าหากหญิงสาวคนไหนที่ต้องการของเหล่านี้ที่มีลวดลายสวยงามทันสมัยก็มาซื้อได้ที่ร้านผ้าของเธอ นั่นยิ่งทำให้สินค้าอื่นในร้านถูกซื้อไปด้วย ยอดขายในร้านจึงพุ่งสูงขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทำเอาเถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์อย่างเยว่ผิงอันขายของไปยิ้มไปอย่างมีความสุขตลอดเวลา
“มีค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้นะคะ”จางซิ่วอิงพยักหน้าตอบรับในทันที เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่กำลังจะไหลเข้ามาในกระเป๋าทำให้หญิงสาวกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“จ๊ะ ขอเยอะกว่าเดิมหน่อยนะ”เพราะหลังจากสินค้าชุดเก่าหมด ลูกค้าที่ไม่ทันได้ซื้อก็เข้ามาถามไถ่เป็นจำนวนมาก พอได้รับคำตอบไปว่าหมดก็เดินคอตกออกจากร้านไปตาม ๆ กัน
“ได้เลยค่ะพี่สาว”ร่างบางรีบวิ่งออกจากร้านผ้าเพื่อไปหาที่จัดเตรียมสินค้าจนขาแทบจะพันกันอยู่รอมร่อ พลันคิดถึงบ้านหลังใหญ่ที่อยากได้ยิ่งมีกำลังใจวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ชีวิตที่มีเป้าหมายมันทำให้เรารู้สึกมีไฟเช่นนี้สินะ…
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนักอาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
จางซิ่วอิงและสามีมาถึงสำนักงานที่ดินก่อนเวลาปิดทำการครึ่งชั่วโมงพอดี หญิงสาวเข็นรถพาสามีเข้าไปด้านในสำนัหงานด้วยกัน ซึ่งเธอเดินเข้าไปติดต่อซื้อบ้านกับพนักงานคนเดิมที่แนะนำให้เธอในวันนั้น เพราะเธอมั่นใจว่ายุคนี้น่าจะมีการให้เปอร์เซ็นต์การขายกับพนักงานไม่ต่างจากยุคที่เธอจากมาแน่นอนในเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ได้รังเกียจสภาพมอมแมมราวกับขอทานของเธอในวันนั้น แถมยังบริการอย่างเต็มใจ มีหรือคนอย่างจางซิ่วอิงจะไม่ตอบแทนและเมื่อหญิงสาวยืนยันว่าต้องการซื้อบ้านราคาสองพันหยวน พนักงานสาวก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก หลังตกลงทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเอกสารซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะได้เอกสารแสดงสิทธิ์ ซึ่งยังแจ้งอีกว่าเจ้าของคนใหม่สามารถย้ายเข้าอยู่ก่อนได้เลยแต่จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ตอบรับและบอกว่าในวันที่เอกสารมาถึงเธอจะมารับอีกครั้งด้วยตนเอง แล้วค่อยย้ายเข้าอยู่จะสบายใจมากกว่า ซึ่งพนักงานสาวก็ยิ้มรับอย่างเข้าใจ
เมื่อเป็นฝ่ายถูกเกี้ยวขึ้นมาบ้างพลันแก้มสองข้างกลับขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู อัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายนั้นรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว ไอร้อนจากริมฝีปากหนายังคงตราตรึงอยู่ไม่จางหาย หญิงสาวไม่อาจต้านทานสายตาร้อนแรงของคนเป็นสามีได้จึงยอมแพ้อย่างหมดท่า ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าแล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็วการกระทำแสนน่ารักของภรรยานั้นเรียกเสียงหัวเราะร่วนจากร่างหนาที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้เป็นอย่างดี เพราะมัวแต่เกี้ยวกันไปมาเขาจึงยังไม่ถึงโต๊ะอาหารสักที เหลือระยะทางอีกราวสามสี่เมตร ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ หมุนล้อของรถเข็นเพื่อเคลื่อนตัวไปยังโต๊ะอาหารด้วยตนเองแม้จะเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้วแต่หยางซีห่าวไม่ได้คิดจะเอ่ยเร่งแต่อย่างใด เพราะอาหารทุกจานภรรยาล้วนใส่ใจและตั้งใจปรุงเป็นอย่างมาก หากจะต้องใช้เวลามากขึ้นสักหน่อยในการทำอาหารแต่ละมื้อเขาที่เป็นสามีย่อมไม่ขัดข้องจางซิ่วอิงมักจะทำอาหารจานผัดหนึ่งจาน ทอดหนึ่งจานและต้มอีก
ภาพหญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าเรียวเล็กประดับด้วยรอยยิ้มสดใสกำลังทำแผลให้กับคนเป็นสามีอย่างใส่ใจนั้นเป็นภาพที่เริ่มชินตาสำหรับหยางซีห่าวไปเสียแล้วตลอดระยะเวลาเกือบสองสัปดาห์เขาได้รับการดูแลเอาใจใส่จากภรรยาเป็นอย่างดีจนบางครั้งเขาเองกลับรู้สึกราวกับฝันไปด้วยซ้ำ“เรียบร้อยค่ะสามี แผลคุณสมานได้เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ”เจ้าของเสียงหวานคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจซึ่งรอยยิ้มนั้นช่วยส่งให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูสดใสขึ้นมาเป็นเท่าตัวหลังจากดูแลทำความสะอาด พร้อมบำรุงด้วยอาหารอย่างดีมาตลอดหลายวันเธอสังเกตได้ว่าแผลของเขาเริ่มตื้นขึ้นมากแล้ว ทั้งยังสมานกันได้เป็นอย่างดี บริเวณขอบของรอยแผลก็มีทั้งที่สะเก็ดหลุดแล้ว และกำลังตกสะเก็ด เห็นทีว่าคงจะใกล้ความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว“เพราะคุณดูแลมันเป็นอย่างดี ขอบคุณนะครับ”หยางซีห่าวกล่าวออกมาอย่างจริงใจ แววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณมากมายจนท่วมท้น
จางซิ่วอิงและสามีกลับมาถึงบ้านหลังเก่าในเวลาเย็นย่ำมากแล้ว ท้องฟ้านั้นทอประกายสีเหลืองอมส้มจากดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบลับขอบฟ้า หญิงสาวเดินตรงเข้าไปทำอาหารมื้อเย็นในครัวเช่นเคย โดยมีสามีนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างเช่นทุกวันหยางซีห่าวมองไปรอบกายด้วยความรู้สึกยากอธิบาย เขากับภรรยาอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่แต่งงานกันวันแรก นี่ผ่านไปเกือบสองปีแล้วอย่างไรบ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความทรงจำทั้งดีและร้าย แต่สุดท้ายแล้วที่นี่จะเป็นเพียงอดีตนับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาและภรรยาตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนเงินค่าเช่าที่จ่ายเกินไปก็ถือว่าทำทาน ซึ่งพอภรรยาพูดเช่นนั้นเขาก็ไม่ขัดข้อง“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”เสียงใสที่ดังขึ้นก่อนร่างบางจะปรากฎตัวพร้อมกับอาหารสองจานในมือที่ยังคงมีควันลอยขึ้นมาบ่งบอกว่ากำลังร้อน ๆ อยู่ กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งในอากาศนั้นตลบอบอวลจนน้ำย่อยในกระเพาะนั้นเริ่มทำงาน“ขอบคุณครับ”หยางซีห่าวไม่ลืมกล่าวขอบคุณภรรยาสำหรับอาห
หลังจากเกวียนเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นป่ารกร้างในยามกลางวันเช่นนี้สองข้างทางยังพอมีผู้คนเดินเท้าอยู่บ้าง ดวงตาคู่เรียวมองไปยังภาพทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาพลางคิดวางแผนชีวิตต่อจากนี้หยางซีห่าวไม่ได้พูดอะไรออกมาระหว่างการเดินทาง เขาเข้าใจว่าภรรยาคงมีเรื่องให้ต้องคิดบ้าง ทั้งคู่จึงเพียงแค่นั่งจับมือกันไปตลอดทางโดยไร้เสียงพูดคุยจวบจนกระทั่งเกวียนมาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังใหม่ จางซิ่วอิงพยุงสามีนั่งรถเข็นเรียบร้อยแล้วจึงรับห่อผ้ามาจากคุณลุงและจ่ายเงิน ก่อนจะกล่าวขอบคุณและพาสามีเข้ามาในบ้านบ้านหลังนี้คือบ้านของเราอย่างแท้จริงจางซิ่วอิงคิดอย่างนั้น บ้านที่ไม่ต้องเช่าหรืออาศัยใคร มีรั้วรอบขอบชิด ประตูหน้าต่างแน่นหนา ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครบุกเข้ามาระรานคนในบ้าน ของทุกชิ้นล้วนหามาด้วยตนเองบ้านที่ปกป้องเธอและสามีจากสภาพอากาศภายนอกไม่ว่าจะฤดูกาลไหน หรือแม้หิมะจะตกอย่างไรก็ไม่ต้องกลัวว่าหลังคาจ
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั