สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกัน
หยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควร
ตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยาง
จางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆ
ร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวน
หวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอด้วยเสียงอันดังลั่น
“ออกมาแล้วเหรอ? มาให้ฉันตีแกเดี๋ยวนี้ นางแพศยา!!!”เสียงแหลมเล็กด่าทอหญิงสาวอายุน้อยกว่า พลางยกมือขึ้นชี้หน้า
หญิงสาวเจ้าของบ้านไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดมากไปกว่านี้ เธอเดินเข้ามาใกล้ป้าสะไภ้ ก่อนจะปัดมือที่ชี้หน้าอยู่ทิ้งอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาคู่เรียวจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนโดยไร้ความหวาดกลัวเช่นเมื่อก่อน
เห็นเช่นนั้นหวงไฉ่หงโมโหจนเลือดขึ้นหน้า นางเริ่มอ้าปากเตรียมจะด่าทอหลานสะไภ้อีกครั้ง
ทว่าจางซิ่วอิงเป็นฝ่ายชี้หน้าป้าสะไภ้ใหญ่บ้าง จากนั้นจึงโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวไม่แพ้กัน แววตาที่มองหญิงวัยกลางคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน เธอชักจะเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังต้องมารับมือกับมนุษย์ป้าไร้สมองอีก “หยุดค่ะ! มีอะไรก็รีบพูดให้จบ ถ้าหากจะมาแหกปากเหมือนสุนัขคลอดลูกก็ไปที่อื่นค่ะ หนวกหูมาก!!!”
ร่างบางพูดเพียงเท่านั้นก็เตรียมจะหันหลังกลับเข้าบ้าน เธอไม่คิดจะสนใจเรื่องไร้สาระของยายป้านี่อีกต่อไป แต่อีกฝ่ายนั้นเหมือนจะไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น เพราะฝีเท้าหนัก ๆ ของหวงไฉ่หงกำลังก้าวตามหลังจางซิ่วอิงมาติด ๆ
“กะ แก! แกทำให้แม่สามีกับลูกชายฉันติดคุกติดตาราง เพราะแกคนเดียว!! นางซิ่วอิง นางเนรคุณ!”เย็นวันนี้หัวข้อที่ชาวบ้านในหมู่บ้านพูดถึงล้วนเป็นเรื่องของแม่สามีและลูกชายเพียงคนเดียวของนาง เพราะนางแพศยานี่แท้ ๆ ทำให้ลูกชายของนางต้องจบอนาคตลง เห็นทีวันนี้ไม่ได้เอาเลือดหลานสะไภ้คนนี้ออกก็อย่าได้มาเรียกนางว่าสะไภ้ใหญ่บ้านหยางอีกเลย
“ใช่ค่ะ! แล้วมีอะไรหรือเปล่าคะ? ป้า-สะ-ไภ้-ใหญ่”เสียงใสกราดเกรี้ยวตอบรับอย่างไม่เกรงกลัว
เพี๊ยะ!!!!
เสียงฝ่ามือใหญ่กระทบลงบนซีกแก้มข้างหนึ่งของเด็กสาวจนทำได้กลิ่นสนิมคละคลุ้งในโพรงปาก ดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของรอยมือด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก ก่อนจะสาวเท้าก้าวอาด ๆ เข้าไปประชิดตัวป้าสะไภ้
“หล่อนรนหาที่เองนะ!!”
จางซิ่วอิงคว้าเข้าที่มวยผมของสะไภ้ใหญ่ ก่อนจะฉุดกระชากลากมาใกล้เสาไม้ที่คิดว่าแข็งแรงที่สุดของรั้วบ้าน ขาเรียวเตะเข้าที่ข้อพับอย่างแรงจนหวงไฉ่หงคุกเข่าลงบนพื้นดิน จากนั้นจึงจับหัวของหล่อนโขกไปที่เสาไม้อีกหลายครั้ง
ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำเอาสมองของสะไภ้ใหญ่มึนเบลอ นางไม่ทันคิดตอบโต้อะไรได้ หน้าผากของหล่อนก็โขกเข้าที่เสาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็พยายามเอาชีวิตรอด พยายามดิ้นรนจนหลุดจากการเกาะกุม จางซิ่วอิงมองผมกระจุกใหญ่ในมือตัวเองอย่างสาแก่ใจ แววตาเยือกเย็นจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“แก! นางปีศาจ ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ!!”นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลานสะไภ้ที่เคยดูขี้โรคจะมีเรี่ยวแรงมากมายโต้ตอบมาได้ขนาดนี้ ขณะกำลังชี้หน้าด่าทออีกฝ่าย นางรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลลงมาจากมุมหน้าผาก เมื่อยกมือขึ้นเช็ดก็พบว่ามันคือเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาเป็นทางจนไหลย้อยลงมาถึงปลายคาง
มืออวบสั่นเทามองเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาไม่หยุดกำลังหยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า ก่อนจะถอยหลังกลับบ้านไปด้วยความหวาดกลัว
“ฝากแล้วรีบมาเอาคืนล่ะ อย่าให้ฉันต้องเอาไปคืนถึงบ้านนะคะป้าสะไภ้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!” คำพูดยียวนแกมข่มขู่พร้อมเสียงหัวเราะอย่างเลือดเย็นของสตรีร่างบางทำให้นางหวงไฉ่หงรีบวิ่งกลับบ้านแทบไม่ทัน
หยางซีห่าวที่มองการกระทำของภรรยาอยู่ตลอดก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ในทีแรกเขารู้สึกร้อนใจมากทีเดียว ภรรยาเขาตัวเล็กแค่นี้จะสู้กับป้าสะไภ้ที่ตัวใหญ่กว่าเป็นสองเท่าได้อย่างไรกัน แต่พอเห็นตอนที่จางซิ่วอิงคว้าศีรษะป้าสะไภ้แล้วโขกเข้ากับเสารั้วโดยที่ตาไม่กระพริบนั่นแล้ว เห็นทีหลังจากนี้เขาคงไม่กล้าทำให้ภรรยาไม่พอใจ เพราะเวลาภรรยาของเขาโมโหขึ้นมาแล้วเธอดูน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ขอให้ลุงป้าน้าอาทุกท่านเป็นพยานให้ฉันด้วยนะคะ ป้าสะไภ้มาหาเรื่องฉันถึงในรั้วบ้าน ถึงขั้นตบหน้าฉันก่อน ฉันเพียงแค่ป้องกันตัวก็เท่านั้น”
จางซิ่วอิงพูดขึ้นเสียงหวานผิดกับเมื่อครู่ที่ลงมือจับหัวป้าสะไภ้โขกกับเสาอย่างสิ้นเชิง จากนั้นจึงเดินเข็นสามีเข้าบ้านไปโดยไม่ได้สนใจสายตาหลายสิบคู่ที่กำลังมองอย่างพิจารณา บ้างก็รู้สึกทึ่งกับหญิงสาวบอบบางดูขี้โรคคนนี้
“คุณจะว่าฉันก็ได้นะคะ แต่ฉันคิดว่าฉันอดทนกับหล่อนถึงที่สุดแล้วเหมือนกัน”จางซิ่วอิงพูดขึ้นกับสามีทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน หวงไฉ่หงนับว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของสามีคนหนึ่ง การที่เธอลงมือเมื่อครู่อาจจะทำให้คนดี ๆ อย่างสามีมองเธอไม่ดี แต่เธอไม่ใช่จางซิ่วอิงคนเดิมที่เอาแต่ก้มหน้าปล่อยให้คนอื่นกระทำกับตนเองอย่างไรก็ได้คนนั้นอีกแล้ว
“ป้าสะไภ้มาหาเรื่องคุณก่อนผมจะว่าคุณได้อย่างไร อย่าคิดมากเลยครับ”มือหนาตบลงบนหลังมือของภรรยาเบา ๆ เขาออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ภรรยาเขาในตอนนี้รู้จักการโต้กลับและปกป้องตัวเอง ถึงแม้วิธีการของเธอจะดูน่ากลัวไปสักหน่อยแต่เธอก็ไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย ตั้งแต่เรื่องย่าและญาติผู้พี่เมื่อตอนบ่าย ไหนจะเมื่อครู่อีก นับได้ว่าภรรยาจัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาดทีเดียว
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจฉัน”หญิงสาวยิ้มบาง
หลังจบมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยอาหารคาวหวานสารอาหารครบถ้วนที่คนเป็นภรรยาตั้งใจทำเพื่อบำรุงสามีที่บาดเจ็บ ตบท้ายด้วยยาหลังอาหารอย่างเช่นทุกครั้ง ป้าสะไภ้ที่เข้ามาก่อกวนก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว จางซิ่วอิงจึงเริ่มล้างแผลให้คนเป็นสามีอย่างใส่ใจ
“แผลคุณดีขึ้นเยอะแล้ว อยากอาบน้ำไหมคะ?”
“ก็ดีครับ”เขาอาบน้ำครั้งสุดท้ายเห็นทีจะเป็นก่อนปฏิบัติภารกิจเห็นจะได้ เพราะตั้งแต่บาดเจ็บด้วยบาดแผลฉกรรจ์ทำให้เขาทำได้เพียงแค่เช็ดตัวเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
จางซิ่วอิงพาสามีเข้ามาในมิติ เข็นรถเข็นคันใหญ่เข้าไปในห้องน้ำเดิมที่พาเขามาเมื่อเช้า เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์อาบน้ำเธอจึงให้เขารออยู่ที่นั่น ส่วนเธอเดินไปหยิบถังน้ำใบใหญ่ ขันและอุปกรณ์จำพวกสบู่ ยาสระผมและยาสีฟัน อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ ฟิล์มแรปอาหาร
หยางซีห่าวนั่งลงบนชักโครกที่ปิดฝาเรียบร้อยแล้วด้วยการช่วยเหลือจากภรรยา ท่อนขาที่พันผ้าสีขาวสะอาดถูกยกขึ้นพาดบนเก้าอี้ที่หญิงสาวเตรียมมา จากนั้นแผลขนาดใหญ่ที่ถูกล้างไปเมื่อก่อนหน้าถูกฟิล์มบาง ๆ พันรอบหลายชั้นจนแน่นหนา หญิงสาวอธิบายสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้คนเป็นสามีเล็กน้อย จนเขาพยักหน้าเข้าใจและเตรียมตัวจะอาบน้ำ
“ให้ฉันช่วยถอดไหมคะ?”ริมฝีปากบางผุดรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางส่งสายตาสื่อความหมายไปหาสามี
หยางซีห่าวที่ถูกภรรยากลั่นแกล้งด้วยวิธีนี้อีกครั้งก็รู้สึกใบหน้าเห่อร้อนเขาไม่เคยรู้สึกอยากจับภรรยามาตีก้นมากเท่านี้มาก่อน “ผมทำได้ครับ”
“เสียดายจัง อดเห็นเลยแฮะ!”หญิงสาวแสร้งทำใบหน้าแสนเสียดายออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ภรรยา นี่คุณ!!!”เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมากำราบความแสนซนของเธอจริง ๆ ได้แต่อดกลั้นไม่ให้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ภรรยากำลังหยอกเย้ามากนัก เพราะไม่เช่นนั้นเขาเองนี่แหละที่จะลำบาก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่แกล้งแล้วค่ะ ฉันออกไปรอข้างนอกนะคะ”
หยางซีห่าวมองภรรยาที่หัวเราะร่าเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยว พลางมองไปที่ขาของตัวเองก็ถอนหายใจออกมา
“รอขาผมหายก่อนเถอะภรรยา ผมไม่ปล่อยคุณแน่!!”ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหมายมาด นัยน์ตาคมกริบทอประกายวาวโรจน์ ก่อนจะลงมือทำความสะอาดร่างกายด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่ภรรยาเตรียมไว้ให้
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนักอาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
จางซิ่วอิงและสามีมาถึงสำนักงานที่ดินก่อนเวลาปิดทำการครึ่งชั่วโมงพอดี หญิงสาวเข็นรถพาสามีเข้าไปด้านในสำนัหงานด้วยกัน ซึ่งเธอเดินเข้าไปติดต่อซื้อบ้านกับพนักงานคนเดิมที่แนะนำให้เธอในวันนั้น เพราะเธอมั่นใจว่ายุคนี้น่าจะมีการให้เปอร์เซ็นต์การขายกับพนักงานไม่ต่างจากยุคที่เธอจากมาแน่นอนในเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ได้รังเกียจสภาพมอมแมมราวกับขอทานของเธอในวันนั้น แถมยังบริการอย่างเต็มใจ มีหรือคนอย่างจางซิ่วอิงจะไม่ตอบแทนและเมื่อหญิงสาวยืนยันว่าต้องการซื้อบ้านราคาสองพันหยวน พนักงานสาวก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก หลังตกลงทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเอกสารซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะได้เอกสารแสดงสิทธิ์ ซึ่งยังแจ้งอีกว่าเจ้าของคนใหม่สามารถย้ายเข้าอยู่ก่อนได้เลยแต่จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ตอบรับและบอกว่าในวันที่เอกสารมาถึงเธอจะมารับอีกครั้งด้วยตนเอง แล้วค่อยย้ายเข้าอยู่จะสบายใจมากกว่า ซึ่งพนักงานสาวก็ยิ้มรับอย่างเข้าใจ
เมื่อเป็นฝ่ายถูกเกี้ยวขึ้นมาบ้างพลันแก้มสองข้างกลับขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู อัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายนั้นรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว ไอร้อนจากริมฝีปากหนายังคงตราตรึงอยู่ไม่จางหาย หญิงสาวไม่อาจต้านทานสายตาร้อนแรงของคนเป็นสามีได้จึงยอมแพ้อย่างหมดท่า ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าแล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็วการกระทำแสนน่ารักของภรรยานั้นเรียกเสียงหัวเราะร่วนจากร่างหนาที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้เป็นอย่างดี เพราะมัวแต่เกี้ยวกันไปมาเขาจึงยังไม่ถึงโต๊ะอาหารสักที เหลือระยะทางอีกราวสามสี่เมตร ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ หมุนล้อของรถเข็นเพื่อเคลื่อนตัวไปยังโต๊ะอาหารด้วยตนเองแม้จะเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้วแต่หยางซีห่าวไม่ได้คิดจะเอ่ยเร่งแต่อย่างใด เพราะอาหารทุกจานภรรยาล้วนใส่ใจและตั้งใจปรุงเป็นอย่างมาก หากจะต้องใช้เวลามากขึ้นสักหน่อยในการทำอาหารแต่ละมื้อเขาที่เป็นสามีย่อมไม่ขัดข้องจางซิ่วอิงมักจะทำอาหารจานผัดหนึ่งจาน ทอดหนึ่งจานและต้มอีก
ภาพหญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าเรียวเล็กประดับด้วยรอยยิ้มสดใสกำลังทำแผลให้กับคนเป็นสามีอย่างใส่ใจนั้นเป็นภาพที่เริ่มชินตาสำหรับหยางซีห่าวไปเสียแล้วตลอดระยะเวลาเกือบสองสัปดาห์เขาได้รับการดูแลเอาใจใส่จากภรรยาเป็นอย่างดีจนบางครั้งเขาเองกลับรู้สึกราวกับฝันไปด้วยซ้ำ“เรียบร้อยค่ะสามี แผลคุณสมานได้เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ”เจ้าของเสียงหวานคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจซึ่งรอยยิ้มนั้นช่วยส่งให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูสดใสขึ้นมาเป็นเท่าตัวหลังจากดูแลทำความสะอาด พร้อมบำรุงด้วยอาหารอย่างดีมาตลอดหลายวันเธอสังเกตได้ว่าแผลของเขาเริ่มตื้นขึ้นมากแล้ว ทั้งยังสมานกันได้เป็นอย่างดี บริเวณขอบของรอยแผลก็มีทั้งที่สะเก็ดหลุดแล้ว และกำลังตกสะเก็ด เห็นทีว่าคงจะใกล้ความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว“เพราะคุณดูแลมันเป็นอย่างดี ขอบคุณนะครับ”หยางซีห่าวกล่าวออกมาอย่างจริงใจ แววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณมากมายจนท่วมท้น
จางซิ่วอิงและสามีกลับมาถึงบ้านหลังเก่าในเวลาเย็นย่ำมากแล้ว ท้องฟ้านั้นทอประกายสีเหลืองอมส้มจากดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบลับขอบฟ้า หญิงสาวเดินตรงเข้าไปทำอาหารมื้อเย็นในครัวเช่นเคย โดยมีสามีนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างเช่นทุกวันหยางซีห่าวมองไปรอบกายด้วยความรู้สึกยากอธิบาย เขากับภรรยาอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่แต่งงานกันวันแรก นี่ผ่านไปเกือบสองปีแล้วอย่างไรบ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความทรงจำทั้งดีและร้าย แต่สุดท้ายแล้วที่นี่จะเป็นเพียงอดีตนับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาและภรรยาตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนเงินค่าเช่าที่จ่ายเกินไปก็ถือว่าทำทาน ซึ่งพอภรรยาพูดเช่นนั้นเขาก็ไม่ขัดข้อง“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”เสียงใสที่ดังขึ้นก่อนร่างบางจะปรากฎตัวพร้อมกับอาหารสองจานในมือที่ยังคงมีควันลอยขึ้นมาบ่งบอกว่ากำลังร้อน ๆ อยู่ กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งในอากาศนั้นตลบอบอวลจนน้ำย่อยในกระเพาะนั้นเริ่มทำงาน“ขอบคุณครับ”หยางซีห่าวไม่ลืมกล่าวขอบคุณภรรยาสำหรับอาห
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั