เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืน
ลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามี
ตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วย
ร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปักด้วยตะเกียบไม้ธรรมดาเพื่อให้สะดวกต่อการทำกิจวัตรประจำวัน ตอนนี้ยังไม่สว่างดีแต่ก็พอมองเห็นรอบข้างได้ หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวในยามเช้า ก่อนจะหายเข้าไปในมิติเพื่อหาวัตถุดิบมาทำอาหารรอสามีตื่น
เธอเลือกทำข้าวต้มไก่ฉีกโรยด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ สำหรับเช้านี้ สามีของเธอนั่งอยู่แต่บนรถเข็นไม่ค่อยได้ขยับตัวเท่าไหร่นัก การทานอาหารที่ย่อยยากเกินไปจะทำให้เขาท้องอืดเปล่า ๆ และเพียงเวลาไม่นานกลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นก็ได้ทำการปลุกชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นมาได้ไม่ยาก
บรรยากาศในยามเช้าของพื้นที่ชนบทนั้นบ้านหลายหลังเริ่มตื่นมาหุงหาอาหารกันบ้างแล้ว จางซิ่วอิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้องนอน พอดีกับที่น้ำในหม้อนั้นเดือดพอดี จางซิ่วอิงจึงผสมน้ำอุ่นใส่กะละมังใบเล็กไปให้สามีในห้องนอนพร้อมกับผ้าผืนเล็กเนื้อนุ่มไม่บาดผิวสีขาวสะอาดตา
“ล้างหน้าล้างตาหน่อยนะคะ”หญิงสาวบอกเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงปลายเตียงเพื่อคอยช่วยเหลือสามี เผื่อว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติม
“คุณ…อยากเข้าห้องน้ำหน่อยไหมคะ?”เธอพยายามเลี่ยงคำพูดตรง ๆ เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกขัดเขินมากจนเกินไป
แต่ทันทีที่ภรรยาถามเช่นนั้น ร่างหนาถึงกับชะงักงัน ริมฝีปากหยักถึงกับเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ใบหน้าหล่อเหลาก็ขึ้นริ้วแดงลามไปถึงใบหู
แม้จะแต่งงานกันมาร่วมปี แต่การถ่ายหนักต่อหน้าภรรยาก็ยังเป็นสิ่งที่เขารู้สึกขัดเขินอยู่ดี
จางซิ่วอิงมองท่าทางของสามีก็เข้าใจได้โดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแต่ดวงตาคู่เรียวกลับมองไปที่ขาของเขาอย่างพิจารณา เพราะห้องน้ำในยุคนี้ไม่ได้อำนวยความสะดวกได้มากเท่าโลกที่เธอจากมา หากมัวแต่ก้ม ๆ เงย ๆ แล้วล้มขึ้นมาก็อาจจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น และหากจะเข้าไปเฝ้าเขาในห้องน้ำคนขี้อายก็คงไม่ยอมอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นหญิงสาวพลันนึกบางสิ่งได้และคิดว่าควรลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย
“เดี๋ยวฉันพาคุณไปนั่งที่รถเข็นก่อน”
หยางซีห่าวมีสีหน้าแปลกใจ เขาเดาใจภรรยาไม่ถูกจริง ๆ แต่ก็อำนวยความสะดวกให้ภรรยาอย่างว่าง่าย ด้วยขนาดตัวของเขาต่างจากเธอมาก หากทิ้งน้ำหนักมากเกินไปอาจจะพากันล้มก็เป็นได้
หลังจากพาสามีนั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว มือเรียวกอบกุมมือสามีเอาไว้ตามความเข้าใจ ก่อนจะนึกถึงห้างสรรพสินค้าในมิติ
ชายหนุ่มไม่ได้เข้าใจการกระทำของภรรยานัก แต่ทว่าเพียงพริบตาภาพตรงหน้ากลับเปลี่ยนไป บรรยากาศและสิ่งรอบข้างที่ไม่คุ้นตาทำให้เขาหันไปสบตาร่างบางอย่างมีคำถาม
“ที่นี่เรียกว่า ห้างสรรพสินค้าค่ะ คุณกำลังอยู่ในมิติของฉัน”จางซิ่วอิงอธิบายให้สามีฟังด้วยท่าทางตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย เธอไม่รู้มาก่อนว่าทำแบบนี้ได้ เมื่อลองครั้งแรกและสำเร็จจึงทำให้ใบหน้างามระบายยิ้มกว้างจนตาหยี
โดยสามีเองก็เพียงแค่ตอบรับอย่างมึนงง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักที่ทุกสิ่งตรงหน้าล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่เขาเชื่อใจภรรยามากทีเดียว
หลังจากเข้ามาในมิติของเธอ หญิงสาวพาเขาไปยังฝั่งหนึ่งที่อยู่ซ้ายสุดของห้างสรรพสินค้า ก่อนเธอจะอธิบายว่าที่นี่คือห้องน้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีปัญหาการเข้าห้องน้ำแบบปกติ โดยเธอพาเขาเข้าไปภายในห้องน้ำ อธิบายการใช้งานจุดต่าง ๆ และช่วยเขาให้นั่งลงบนที่ปลดทุกข์หน้าตาแปลกประหลาด แล้วเดินออกไปรอด้านนอกห้อง
ขณะที่ปล่อยให้สามีได้ปลดทุกข์ได้อย่างสะดวก หญิงสาวจึงเดินไปสำวจสินค้าที่จะนำไปขายวันนี้คร่าว ๆ ตอนนี้อากาศหนาวขึ้นมาบ้างแล้ว ผักผลไม้สดจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และขาดตลาดในที่สุด เธอจึงสรุปเอาในใจว่าจากนี้จะนำผักผลไม้ออกมาขายมากขึ้นหน่อย รวมถึงของแห้งหลายอย่างสำหรับบางครอบครัวที่อาจจะเริ่มกักตุนอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว
เมื่อเลือกสินค้าในใจไว้แล้ว หญิงสาวจึงเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อรอรับสามี หญิงสาวเคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อเขาอนุญาตเธอจึงเดินเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นนั่งบนรถเข็น จากนั้นจึงพากันออกมาทานอาหารเช้าที่บ้าน
“ฉันจะออกไปขายของที่ตลาดมืดนะคะ แล้วจะกลับมาให้ทันมื้อเที่ยง”หญิงสาวพูดขึ้นขณะเตรียมยาหลังอาหารให้กับคนเป็นสามี จากนั้นจึงเข็นเขาเข้ามาในห้องเพื่อเอนหลังบนเตียงที่ค่อนข้างสบายตัวกว่าหากต้องนั่งนาน ๆ อย่างน้อยตอนที่เธอไม่อยู่ เขาก็สามารถหลับพักผ่อนได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอ
หยางซีห่าวได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าภรรยาคงนำสินค้าภายในมิติออกไปปล่อยขายเพื่อแลกเงิน พลันมือหนาจึงเอื้อมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบซองน้ำตาลที่ค่อนข้างหนาส่งให้เธอ
“นี่เงินชดเชยครับ คุณไม่จำเป็นต้องเอาของไปขายที่นั่น ผมว่ามันเสี่ยงเกินไป ผมเป็นห่วง”เขาเคยไปสถานที่แห่งนั้นเมื่อนานมาแล้ว สำหรับผู้หญิงรูปร่างบอบบางอย่างเธอการพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นค่อนข้างอันตรายเกินไป เงินในซองนั่นหากใช้ให้ดีอาจจะใช้ได้อีกหลายปีกว่าจะหมด ถึงตอนนั้นขาของเขาอาจจะหายดีแล้วก็ได้
จางซิ่วอิงรับซองเงินชดเชยจากสามีมาถือไว้โดยไม่ได้สนใจจะเปิดมันดู ในเมื่อเขาต้องบาดเจ็บมากขนาดนี้เพื่อได้เงินนี้มา อย่างไรเธอคงไม่กล้านำออกมาใช้และคิดว่าจะเก็บไว้ในมิติให้เขาก่อนก็แล้วกัน
“ตอนนี้ตลาดมืดผ่อนปรนมากแล้วค่ะ อีกอย่างฉันจะเร่งเก็บเงินเพื่อย้ายบ้านให้เร็วที่สุดและถ้าหาลู่ทางเปิดร้านของตัวเองได้ ฉันก็จะไม่ไปตลาดมืดอีก”เธอยิ้มรับในความห่วงใยของสามี แต่จุดประสงค์ของเธอก็ชัดเจนเช่นกัน
อีกอย่างเธอไม่ได้คิดที่จะนำสินค้าปล่อยขายที่นั่นตลอดไปอยู่แล้ว นับวันยิ่งใกล้ฤดูหนาวเข้าไปทุกที หากชักช้าไม่รีบซื้อบ้านใหม่ เห็นที่บ้านหลังนี้คงไม่อาจจะแบกรับหิมะที่ทับถมตลอดฤดูหนาวได้ และบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเธอและสามี เธอจึงไม่มีความคิดที่จะลงทุนซ่อมแซมมันแต่อย่างใด
“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณดูแลตัวเองให้ดีนะ”หยางซีห่าวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะบอกให้ภรรยาดูแลตัวเองให้ดี เพราะอย่างไรเธอก็คือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หากมีคนคิดร้ายหรืออยากจะปล้นชิงขึ้นมา ร่างบอบบางเช่นนี้จะปกป้องตนเองคงทำได้ยาก คิดมาถึงตรงนี้นัยน์ตาคมก็เลื่อนมองขาไประโยชน์ของตนเองทันที
“ค่ะ แล้วฉันจะรีบกลับให้ทันมื้อเที่ยงนะคะ ฟอดดด!!”หญิงสาวรับปากอย่างแข็งขัน ก่อนออกจากบ้านไม่ลืมหอมแก้มสากของสามีเสียฟอดใหญ่แล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
เธอรักเขามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ชาตินี้เลยอดไม่ได้ที่จะแสดงความรักต่อคนเป็นสามีเพื่อกระชับความสัมพันธ์
กลับมาที่ร่างหนาแข็งทื่อสติหลุดลอยเมื่อถูกภรรยาจู่โจมโดยทันตั้งตัวและกว่าหยางซีห่าวจะเรียกสติกลับคืนมาได้ ร่างบางของภรรยาก็ก้าวพ้นประตูบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้แต่ทดไว้ในใจก่อน แล้วจากนี้ค่อยเอาคืนเธอให้สาสมกับที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว
มือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสตรงที่ริมฝีปากนุ่มของภรรยาประทับตราเอาไว้เมื่อครู่ พลันริมฝีปากหยักปรากฏรอยยิ้มราวกับคนโง่งม
‘เขาคงตกหลุมรักภรรยาตัวเองเข้าให้แล้ว’
ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบเพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลังเธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดีจางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้
จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไปฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้านเขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู
จางซิ่วอิงออกจากห้องครัวมาพร้อมกับข้าวสองอย่าง ข้าวขาวที่หุงเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าถูกอุ่นให้ร้อน และยังมีไข่ต้มอีกสามฟองที่ถูกปลอกเปลือกจนเกลี้ยง อาหารทั้งหมดถูกจัดวางบนโต๊ะทานข้าวเก่า ๆ พร้อมทานหญิงสาวจึงเข้าไปรับสามีออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน หยางซีห่าวเห็นอาหารตรงหน้าก็ครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้นี่เป็นมื้อที่สามแล้วที่เขาเห็นว่าอาหารของภรรยายังคงมีจานเนื้อ ทั้งที่ชาวบ้านชนบททั่วไปอย่าว่าแต่ทานเนื้อเดือนละครั้งเลย แทบจะทุกบ้านจะทานเนื้อเพียงแค่โอกาสหรือวันสำคัญเท่านั้น เดาว่าภรรยาคงชอบทานเนื้อมากทีเดียว เช่นนั้นเขาควรต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย จะได้หาเงินให้มากหน่อยไว้ซื้อเนื้อให้ภรรยาทานทุกมื้อ“ทานสิคะ! คุณต้องบำรุงให้มากหน่อย แผลจะได้หายเร็ว ๆ”ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มหวานขณะตักไข่ต้มสองฟองวางลงในจานข้าวของคนเป็นสามี โดยที่ไม่ได้รู้ความคิดของสามีในตอนนี้แม้แต่น้อย“ทำไมถึง…”
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกันหยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควรตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยางจางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวนหวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอ
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็เวียนผ่านมาราวสามเดือนแล้ว ตอนนี้จางซิ่วอิงค่อนข้างสนุกกับการใช้ชีวิตไม่น้อย ในวันที่สามีไม่มีภารกิจยามเช้าเธอก็จะตื่นมาในอ้อมกอดของสามี ทานมื้อเช้าร่วมกัน ออกไปทำงานพร้อมกัน ช่วงเย็นก็กลับมาเจอกันที่บ้าน ทานอาหารแล้วเข้านอนพร้อมกันตามประสาคนรักนับว่าชีวิตของเธอในชาตินี้ค่อนข้างลงตัว เธอมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่ดี มีหน้าที่การงานมั่นคง แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วย แต่ความรู้สึกของเธอกลับรู้สึกขาดบางสิ่งไป นั่นคือเจ้าหัวผักกาดที่เธอกับสามีตั้งตารออยู่ตลอด“คิดอะไรอยู่ครับ”เขาเห็นภรรยายืนเหม่ออยู่หน้ากระจกได้สักพักแล้ว ก่อนใบหน้างามจะค่อย ๆ หม่นหมองลงราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ เขาจึงเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้แล้วถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ ว่าฉันยังจะมีลูกให้คุณได้จริง ๆ”จางซิ่วอิงตอบสามีอย่างเป็นกังวล แม้เขาจะพูดมาตลอดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่หลายครั้งเธอแอบเห็นสายตาของเขาเวลามองเด็กเล
เช้าวันต่อมาจ้าวคุนขับรถมารอรับคุณหนูเยว่ไปทำงานอย่างที่ได้พูดเอาไว้ และทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เยว่ผิงอันก็ออกมาจากบ้านทันทีชายหนุ่มออกมายืนรอด้านข้างรถ ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง จากนั้นจึงกลับไปนั่งประจำที่คนขับรถ ตลอดทางไปยังห้างสรรพสินค้าจ้าวคุนไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาสักประโยค เขาเพียงแต่นั่งรออยู่เงียบ ๆ เท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าการที่เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยมันกำลังทำให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยรู้สึกอึดอัดจนแผ่นหลังนั้นหลั่งเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากผ่านไปราวยี่สิบนาทีรถยนต์คันหรูก็เข้าจอดยังตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายหันมาสบตากับหญิงสาวที่เขานั่งรอคำตอบมาตลอดทาง “คำตอบคืออะไรครับ?”เยว่ผิงอันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวหากจะถามออกไป“ฉันขอถามได้ไหมคะ?” เสียงใสพูดจบก็เหลือบมองใบหน้าของคุณชายจ้าวเล็กน้อย เมื่
จ้าวคุนที่ไปคุยธุระด้านนอกตั้งแต่เช้าเมื่อกลับมาในสำนักงานชั้นบนของห้างสรรพสินค้าก็ได้ยินเรื่องที่พนักงานกำลังพูดถึงกันอย่างออกรส ไม่รอช้าความร้อนใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าลงมาหาน้องสาวยังร้านอ้ายเหม่ยในทันทีร่างหนาในชุดสูทเรียบหรูสีกรมท่าผลักประตูห้องทำงานน้องสาวเข้าไปด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เขาเห็นกลับเป็นน้องสาวที่กำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นโดยมีน้องเขยที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งเฝ้าอยู่บรรยากาศเงียบสงบภายในห้องทำงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงทุ้มปนหอบเหนื่อยถามออกไป ก่อนจะทรุดกายนั่งข้างน้องเขย หยางซีห่าวเห็นพี่ภรรยาก็รีบลุกขึ้นทักทายในทันที แต่จ้าวคุนไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทในตอนนี้เท่าใดนัก นัยน์ตาคมเพ่งสำรวจไปยังร่างกายน้องสาวเพียงคนเดียวไม่วางตา“สบายมากค่ะ”จางซิ่วอิงเพียงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไหล่สองข้างยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้