จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไป
ฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที
“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้าน
เขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู้พี่ที่ปรากฏตัวในห้องนอนของเขาในเวลานี้ และหากให้เดาแล้วล่ะก็จุดประสงค์ของการมาเยือนก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร
“ใช่น่ะสิ! หลานรัก เป็นอย่างไรบ้างเล่า? วันนี้ย่าตั้งใจมาเยี่ยมหลานเชียวนะ ทำไมทำสีหน้าอย่างนั้นล่ะ”เหยียนเพ่ยตอบรับหลานชาย นางพยายามปรับโทนเสียงให้ดูเป็นมิตรที่สุด แม้ใจจะรู้สึกรังเกียจหลายชายคนเล็กมากก็ตาม
สายตาคู่นั้นมองไปที่ขาไร้ประโยชน์อย่างดูแคลน พลางบิดยิ้มร้ายจนใบหน้าชราบิดเบี้ยวดูแล้วน่าเกลียดมาก
“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนี่ครับ ฉะนั้น…เชิญ!!”ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะผายมือไปที่ประตูอย่างไม่ไว้หน้าผู้เป็นย่า
หยางจางหมิ่นที่ดูสถานการณ์อยู่ตลอดเห็นที่ต้องลงมือเองเสียแล้ว ญาติผู้น้องคนนี้แต่เดิมวิ่งตามเขาต้อย ๆ เชื่อฟังคำสั่งพี่ใหญ่อย่างเขาเป็นอย่างดีมาตลอดไม่แพ้ผู้เป็นย่า แต่น่าแปลกที่กลับมาจากกรมคราวนี้กลับกล้าต่อต้านย่าที่เคยเคารพนักหนา
“ซีห่าว พี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่านายจะเป็นคนอกตัญญูเช่นนี้ บ้านหยางให้ข้าวให้น้ำนายมาจนโต นี่หรือคือสิ่งที่นายตอบแทนพวกเรางั้นเหรอ?”
ประโยคประนีประนอมที่แฝงไปด้วยการทวงบุญคุณอย่างชัดเจน ทำเอาคนฟังรู้สึกรังเกียจจนไม่อยากใช้อากาศหายในร่วมกันเลยด้วยซ้ำ
เขาน่ะหรืออกตัญญู ที่ผ่านมาไม่ใช่หยางซีห่าวคนนี้หรอกหรือที่ทำงานรับใช้คนในบ้านทุกอย่าง ทั้งยังทำงานเสี่ยงชีวิตส่งเงินปรนเปรอทุกคนในบ้านไม่เคยขาด หากเขาอกตัญญูแล้วหลานคนอื่น ๆ เล่า…กตัญญูกันมากอย่างนั้นหรือ
“ถ้าจะทวงบุญคุณ อย่างนั้นผมก็ต้องบอกเลยว่ามันไม่มี เพราะตั้งแต่จำความได้ผมทำงานรับใช้บ้านหยางด้วยแรงกายทั้งหมดที่มี พอทำงานได้เงินก็ส่งเข้ากองกลางจนหมด หากจะพูดถึงบุญคุณกันแล้วล่ะก็…ไม่ใช่คนบ้านหยางหรอกหรือที่ต้องสำนึกบุญคุณผม”
เพี๊ยะ!!!!
สิ้นคำพูดยาวเหยียดของหยางซีห่าวก็เป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือหยาบใหญ่ของเหยียนเพ่ยที่ตวัดลงบนแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างแรง
“คนเนรคุณอย่างแกฉันน่าจะปล่อยให้อดข้าวตายไปตั้งแต่ตอนนั้น ไม่น่าชุบเลี้ยงจนแกโตขึ้นมากล้าขึ้นเสียงใส่ฉันเช่นนี้”ใบหน้าใหญ่กว่าฝ่ามือเขียวคล้ำด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในอก พลันตวาดกร้าวจนเสียงดังออกมานอกบ้าน
หยางซีห่าวใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม จ้องมองญาติฝ่ายพ่ออย่างดุดัน กลิ่นสนิมคละคลุ้งอยู่ในปากทำให้รู้ว่ามุมปากของเขาแตกเพราะโดนย่าตบ สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยรังสีสังหารมากมายจนคนโดนมองรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา
“แกเอาเงินชดเชยมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”เหยียนเพ่ยไม่ได้สนใจว่าหลานชายจะเป็นอย่างไร วันนี้เธอตั้งใจมาเอาเงินก้อนนี้และก็ต้องได้เท่านั้น
“หึ! ที่ย่ากล้าบุกมาถึงที่นี่ก็เพราะกลิ่นเงินมันหอมมาก…ใช่ไหมล่ะครับ?”ถ้อยคำเสียดสีถูกกล่าวขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว แม้เขาจะพิการเช่นนี้ แต่สองคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสักนิด อีกอย่างเงินไม่ได้อยู่ที่เขา ต่อให้ค้นทั้งบ้านย่าก็ไม่มีวันหาเจอ
“ไม่เอาน่า ส่งเงินชดเชยมาเถอะซีห่าว! อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความกตัญญูต่อย่าที่เลี้ยงดูนายมา”หยางจางหมิ่นพยายามเกลี้ยกล่อมญาติผู้น้องอีกครั้ง ด้วยหวังว่าจะได้ผลอย่างเช่นที่ผ่านมา
“นายกับย่านี่น่ารังเกียจกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”ในเมื่อตัดขาดไปแล้วอะไรต้องถนอมน้ำใจกันอีก คิดได้อย่างนั้นเขาจึงพูดประโยคเสียดสีให้คนทั้งคู่ได้ยินอีกครั้ง พลางส่งสายตาท้าทายกลับไป
เมื่อเห็นว่าหลานชายคนเล็กคงไม่ยินยอมง่าย ๆ เหยียนเพ่ยจึงสั่งให้หยางจางหมิ่นลงมือในทันที “จางหมิ่นไปจับมันไว้ ย่าจะหาเงินเอง”
“หึ! ย่าไม่มีวันได้เงินก้อนนั้นหรอก จำเอาไว้!!!”เสียงทุ้มกล่าวชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะปล่อยให้ผู้เป็นย่าล้วงมือเข้ามาสำรวจในสาปเสื้อโดยไม่ขัดขืน
ทว่าไม่ว่าจะค้นตัวหลานชาย หรือภายในห้องนอนอย่างไรก็หาไม่เจอ เหยียนเพ่ยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะสั่งให้หลานชายคนโตปล่อยตัวหยางซีห่าวเพื่อไปช่วยกันหาด้านนอกห้อง
แต่ทว่าทันทีที่เปิดประตูบานเก่าออกมาจากห้องนอน ก็พบเข้ากับผู้นำหมู่บ้านที่ยื่นทำหน้าคร่ำเคร่ง ถัดไปด้านหลังเป็นโจวเหยียนที่มองมาด้วยความรังเกียจอย่างชัดเจน และถัดไปอีกด้านก็พบกับหลานสะไภ้ที่ยืนกอดอก พลางยิ้มเยาะราวกับกำลังชมเรื่องสนุกอยู่
“หากฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุก และขู่กรรโชกทรัพย์ แบบนี้พอจะทำได้หรือไม่คะ?”เสียงใสพูดขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะหันไปขอคำยืนยันจากหัวหน้าหมู่บ้าน
“ย่อมได้ ลุงจะเป็นพยานให้เองไม่ต้องห่วง”โจวเหวินรับคำหลานสะไภ้ในทันที เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องเงินชดเชยยายแก่เหยียนเพ่ยนั้นยอมง่ายเกินไป พอมาซุ่มฟังเมื่อครู่จึงได้รู้ว่าคนโลภอย่างไรก็เป็นคนโลภอยู่วันยังค่ำ
“ขอบคุณค่ะ”จางซิ่วอิงกล่าวขอบคุณผู้นำหมู่บ้าน ก่อนจะผุดรอยยิ้มหยันทอดมองสีหน้าคุณย่ากับหลานชายคนโปรดที่ซีดเผือดไม่ต่างจากไก่ต้ม
“โจวเหยียนช่วยพ่อจับสองคนนี้ไปส่งทางการ”ผู้นำหมู่บ้านออกคำสั่ง
จางซิ่วอิงเมื่อสบโอกาสมีหรือจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล มือเรียวทำทีล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้า ก่อนจะหยิบเชือกเส้นหนาที่ดูคงทนแข็งแรงพอดู ส่งให้ลูกชายของผู้นำหมู่บ้าน
เหยียนเพ่ยและหลานชายมีสีหน้าไม่สู้ดีทันทีที่ปะติดปะต่อเหตุการณ์ตรงหน้าได้ แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะมือหยาบกร้านของโจวเหยียนกำลังมัดมือหญิงชราให้ไพล่หลังเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ไม่นะโจวเหวิน!!! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญของย่าหยางดังไปทั่วบริเวณ จึงเรียกความสนใจจากชาวบ้านที่เดินกลับมาจากบนเขาได้เป็นอย่างดี
“ลุงโจวเหวินจะจับผมกับย่าไม่ได้ หลักฐานไม่มี เช่นนี้เท่ากับผมไม่ได้ผิด”เขาร่ำเรียนมาจนป่านนี้ก็หาใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน อย่างไรก็ไม่ยอมมีประวัติด่างพร้อยเพราะเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน
“แค่มีเจ้าทุกข์ และพยานแก่ ๆ อย่างฉันก็เพียงพอแล้ว ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยฉันหน่อย”โจวเหวินอธิบายให้เด็กคราวลูกฟังอย่างใจเย็น ก่อนจะตะโกนขอกำลังเสริมจากด้านนอกเมื่อเห็นว่าหยางจางหมิ่นเริ่มขัดขืน ส่วนนางเหยียนเพ่ยนั้นทรุดกายลงไปนั่งร้องไห้คร่ำครวญ ดูแล้วสองคนพ่อลูกคงลากไปไม่ไหว
“ไม่นะ! ผมไม่ผิด ปล่อยสิวะ!”หยางจางหมิ่นโวยวายพยายามสะบัดกายให้หลุดจากการควบคุม แม้จะเป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยแต่ก็ไม่ได้ทำงานหนักอย่างเช่นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน มีหรือที่เขาจะสู้แรงของคนที่จับจอบจับเสียมเป็นประจำได้
ก่อนออกจากประตูบ้านไปหญิงสาวหันไปสบตาอาฆาตพยาบาทของย่าสามีอยู่ครู่หนึ่ง เธอยิ้มหวานส่งกลับไป พร้อมโบกมือลาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยสุดขีด เรียกเสียงหวีดร้องก่นด่าหยาบคายจากหญิงชราได้เป็นอย่างดี
หลังจากส่งแขกและปิดประตูบ้านเรียบร้อย จางซิ่วอิงเร่งฝีเท้าเข้ามาหาคนในห้องนอนด้วความเป็นห่วง เขายังคงนั่งอยู่บนเตียงเช่นเดิม แม้ผ้าห่มจะดูยับย่น ข้าวของในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เห็นดังนั้นก็อดรู้สึกโกรธคนทำไม่ได้ แต่เมื่อเห็นหน้าของคนเป็นสามี พลันในใจก็แอบกลัวขึ้นมา “คุณโกรธฉันไหมคะ?”
“ไม่เลยครับ คุณทำถูกแล้ว”
ภรรยาเขาทำถูกแล้วที่ไม่เข้ามาช่วยเพียงลำพัง เพราะตัวเธอก็บอบบางแค่นี้ เขาเกรงว่าเธอจะถูกย่าทำร้ายไปด้วย ส่วนเรื่องที่ส่งไปให้ทางการเขาคิดว่าคนผิดก็ควรได้รับโทษ ต่อให้เป็นญาติผู้ใหญ่ แต่ผิดถูกก็ต้องว่ากันไปตามนั้น
“คุณเจ็บตัวอีกแล้ว ไหนขอฉันดูหน่อยสิคะ”ร่างบางทิ้งกายลงด้านข้างสามี ก่อนจะเอื้อมมือไปปาดเลือดที่ซึมอยู่มุมปาก สำรวจรอยปริแตกด้วยความห่วงใย ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจกับยายแก่นั่นไม่น้อย
หยางซีห่าวมองการกระทำของผู้เป็นภรรยาเงียบ ๆ แววตาห่วงใยที่เธอแสดงออกเขาล้วนรับรู้ทั้งหมด และยอมรับว่ามีความสุขกับสิ่งเหล่านี้มากทีเดียว
“เดี๋ยวเราทานมื้อเที่ยงกันก่อนนะคะ เสร็จแล้วฉันทำแผลให้”หญิงสาวพูดเพียงเท่านั้นก็ผละกายออก ก่อนจะเดินเข้าครัวไปด้วยความรีบร้อน เพราะนี่ก็เลยเที่ยงมาสักพักแล้ว ไหนสามีจะต้องทานยาให้ตรงเวลาอีก
ร่างหนามองตามแผ่นหลังภรรยาไปอย่างแสนเสียดาย ในตอนได้ใกล้ชิดเขาแอบสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของภรรยาอย่างเคลิบเคลิ้ม พอเธอจากไปแม้จะมีกลิ่นติดที่นอนอยู่บ้าง แต่จะเทียบเท่ากลิ่นจากตัวเธอได้อย่างไรกัน
ครุ่นคิดอยู่นาน พลันมองไปที่ขาข้างที่บาดเจ็บก็นึกอยากให้หายเสียวันนี้พรุ่งนี้ เขาห่างภรรยาไปนานนับเดือน เพียงแค่ใกล้ชิดเล็กน้อยก็รู้สึกทรมานร่างกายส่วนล่างมากแล้ว
จางซิ่วอิงออกจากห้องครัวมาพร้อมกับข้าวสองอย่าง ข้าวขาวที่หุงเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าถูกอุ่นให้ร้อน และยังมีไข่ต้มอีกสามฟองที่ถูกปลอกเปลือกจนเกลี้ยง อาหารทั้งหมดถูกจัดวางบนโต๊ะทานข้าวเก่า ๆ พร้อมทานหญิงสาวจึงเข้าไปรับสามีออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน หยางซีห่าวเห็นอาหารตรงหน้าก็ครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้นี่เป็นมื้อที่สามแล้วที่เขาเห็นว่าอาหารของภรรยายังคงมีจานเนื้อ ทั้งที่ชาวบ้านชนบททั่วไปอย่าว่าแต่ทานเนื้อเดือนละครั้งเลย แทบจะทุกบ้านจะทานเนื้อเพียงแค่โอกาสหรือวันสำคัญเท่านั้น เดาว่าภรรยาคงชอบทานเนื้อมากทีเดียว เช่นนั้นเขาควรต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย จะได้หาเงินให้มากหน่อยไว้ซื้อเนื้อให้ภรรยาทานทุกมื้อ“ทานสิคะ! คุณต้องบำรุงให้มากหน่อย แผลจะได้หายเร็ว ๆ”ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มหวานขณะตักไข่ต้มสองฟองวางลงในจานข้าวของคนเป็นสามี โดยที่ไม่ได้รู้ความคิดของสามีในตอนนี้แม้แต่น้อย“ทำไมถึง…”
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
สองสามีภรรยาหันมองตากันอย่างเบื่อหน่าย จางซิ่วอิงถอนหายใจเสียงดัง วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงแค่อยากใช้เวลาร่วมกับสามีเล็กน้อยนี่มันยากเย็นจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข็นรถพาสามีออกมาหน้าบ้านด้วยกันหยางซีห่าวนั่งอยู่บนรถเข็นที่ภรรยาเป็นคนพามา ร่างบางให้เขาหยุดรออยู่ใกล้กลับประตูบ้าน ซึ่งห่างจากรั้วบ้านพอสมควรตอนนี้บริเวณด้านนอกรั้วมีชาวบ้านนับสิบคนมายืนรอชมความสนุก เพราะเสียงก่นด่าหยาบคายของสะไภ้ใหญ่บ้านหยางจางซิ่วอิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ดูจากท่าทางฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ไม่แคล้วคงรู้เรื่องของแม่สามีและลูกชายแล้วแน่ ๆร่างบางของเจ้าของบ้านเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นแคะหูด้วยท่าทางยียวนหวงไฉ่หงที่เห็นท่าทางยั่วโมโหของหลานสะไภ้ก็ฉุนจัด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะชี้หน้าเด็กสาวและเริ่มด่าทอ
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันทีต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตั
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆอากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้วชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้นซึ่งหญิ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนักอาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
จางซิ่วอิงและสามีมาถึงสำนักงานที่ดินก่อนเวลาปิดทำการครึ่งชั่วโมงพอดี หญิงสาวเข็นรถพาสามีเข้าไปด้านในสำนัหงานด้วยกัน ซึ่งเธอเดินเข้าไปติดต่อซื้อบ้านกับพนักงานคนเดิมที่แนะนำให้เธอในวันนั้น เพราะเธอมั่นใจว่ายุคนี้น่าจะมีการให้เปอร์เซ็นต์การขายกับพนักงานไม่ต่างจากยุคที่เธอจากมาแน่นอนในเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ได้รังเกียจสภาพมอมแมมราวกับขอทานของเธอในวันนั้น แถมยังบริการอย่างเต็มใจ มีหรือคนอย่างจางซิ่วอิงจะไม่ตอบแทนและเมื่อหญิงสาวยืนยันว่าต้องการซื้อบ้านราคาสองพันหยวน พนักงานสาวก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก หลังตกลงทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเอกสารซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะได้เอกสารแสดงสิทธิ์ ซึ่งยังแจ้งอีกว่าเจ้าของคนใหม่สามารถย้ายเข้าอยู่ก่อนได้เลยแต่จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ตอบรับและบอกว่าในวันที่เอกสารมาถึงเธอจะมารับอีกครั้งด้วยตนเอง แล้วค่อยย้ายเข้าอยู่จะสบายใจมากกว่า ซึ่งพนักงานสาวก็ยิ้มรับอย่างเข้าใจ
เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ
หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา
ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ
เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ
เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย
รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว
ภายในรั้วบ้านสีขาวสะอาดตา เนื้อที่หน้าบ้านทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้เป็นแปลงผักนานาชนิดที่เจ้าของบ้านช่วยกันปลูกเอาไว้เก็บกิน ดินที่ถูกยกร่องอย่างดีทำให้ง่ายต่อการดูแล หยางซีห่าวกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อย่างใส่ใจ นี่นับเป็นหน้าที่แรกที่ภรรยาเป็นคนมอบหมายให้หลังจากที่เขากลับมาเดินได้เป็นปกติแล้วพลันกลิ่นหอมอบอวลที่ลอยออกมาจากห้องครัวภายในตัวบ้านทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรดน้ำแปลงผักอยู่หน้าบ้านรู้สึกหิวขึ้นมา หยางซีห่าวเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จจากนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อนเขาเห็นร่างบอบบางของภรรยากำลังยืนผัดอาหารอยู่บนเตาก็ยกยิ้มกว้าง พลันเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มหอม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่เกาะอยู่ตามกรอบหน้าให้อย่างทนุถนอม“หอมจัง คุณทำอะไรครับวันนี้?”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามออกไปโดยวงแขนยังคงสวมกอดอยู่บริเวณเอวคอด“ผัดเปรี้ยวหวานค่ะ แล้วก็มีไข่เจียวหมูสั