จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที
ร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกาย
ก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้ว
ในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบาง
เช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้านไปขึ้นเกวียนรอบแรกของวัน โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด ซึ่งตั้งแต่ขึ้นเกวียนมาเสียงติฉินนินทา และสายตาดูแคลนที่พุ่งมาทางเธออย่างไม่หยุดหย่อนนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเดือดดาลแต่อย่างใด เธอทำราวกับคนพวกนั้นเป็นอากาศธาตุ ไม่ได้มีค่าให้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อเกวียนจอดที่จุดเดิมจางซิ่วอิงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายแล้วเดินเข้าตลาดมืดในทันที หญิงสาวเลือกปูผ้าที่เดียวกับเมื่อวาน จากนั้นจึงเดินไปยังซอกตึกที่ลับตาคนก่อนจะเลือกของต่าง ๆ ออกมาเพื่อเตรียมขาย
วันนี้เธอยังคงเลือกเนื้อหลากหลายส่วนมาวางขายเช่นเดิม ไม่ได้นำผลไม้มาขายแล้วแต่เลือกเป็นนมวัวห้าแกลลอนใหญ่มาแทน
อีกไม่นานก็จะเข้าช่วงฤดูหนาว เธอจึงเลือกเสื้อโค้ดตัวยาวออกมาสิบตัว และเสื้อโค้ดตัวสั้นมาอีกยี่สิบตัว
ก่อนออกจากมิติหางตาดันไปสะดุดเข้ากับกระติกน้ำร้อนลวดลายไม่ได้ทันสมัยมาก เหมาะแก่การขายในยุคนี้ จึงเลือกออกมาอีกสิบอัน นำทั้งหมดใส่กระสอบใบใหญ่และเดินออกจากซอกตึกทำทีเหมือนเดินไปเอาของ
และระหว่างที่หญิงสาวกำลังเรียงของเตรียมขายใกล้จะเสร็จลูกค้ารายแรกของวันก็เดินเข้ามาทันที
“แม่ค้า วันนี้มีเสื้อกันหนาวด้วยหรือ?”หญิงสาววัยยี่สิบปลายถามแม่ค้าสาวร่างผอมบาง ทั้งที่ดูอายุไม่เยอะแต่กลับรู้จักค้าขายโดยไม่มีทีท่าว่าจะเคอะเขิน ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมเด็กสาวคนนี้ไม่น้อย
เมื่อวานเธอซื้อเนื้อจากร้านนี้ไปแล้ว ภายนอกมองดูว่าคุณภาพดีแล้ว ทว่าตอนแกะออกแล้วนำไปทำอาหารเธอกลับรู้สึกว่ามันทั้งสะอาดและสดใหม่ จึงตั้งใจว่าวันนี้จะมาซื้อไปทำอาหารอีก ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนั้นทำให้วันนี้เธอตั้งใจจะซื้อกลับไปอีกมากทีเดียว
“ใช่ค่ะ เสื้อโค้ดกันหนาวบุนวมอย่างดี กันลมและกันน้ำนะคะ ใส่ลุยหิมะได้สบาย ๆ และที่สำคัญอุ่นมากเลยล่ะค่ะ อากาศใกล้หนาวแล้วพี่สาวคนสวยสนใจรับไว้สักตัวหรือไม่คะ?”แม่ค้าสาวได้ที่ก็คลี่ยิ้มกว้างให้กับลูกค้ารายแรกของวัน ก่อนจะอวดอ้างสรรพคุณสินค้าที่นำมาอย่างลื่นไหล และไม่ลืมกล่าวชมอีกฝ่ายตบท้ายเป็นการเอาใจลูกค้า
“เอาสิ! ราคาเท่าไหร่ล่ะ หากแพงมากฉันคงซื้อไม่ไหวหรอกนะ”การซื้อขายที่ตลาดมืดโดยไม่ต้องใช้คูปองร่วมด้วยถือว่าสะดวกมาก แต่ทว่าราคาของสินค้าที่นี่ก็แพงเอาเรื่องเช่นกัน เธออยากซื้อของพวกนี้เตรียมไว้ก่อน เพราะหากเข้าสู่ฤดูหนาวจริง ๆ เสื้อผ้าเหล่านี้ราคาจะแพงขึ้นถึงสามเท่าตัวเป็นอย่างต่ำ ซึ่งหากรอถึงตอนนั้นราคาคงสูงลิบจนเธอเอื้อมไม่ถึงอย่างแน่นอน
“เสื้อตัวสั้นราคาสามร้อยหยวน ส่วนตัวยาวที่พี่สาวถืออยู่ห้าร้อยหยวนค่ะ พี่สาวคนสวยเลือกดูก่อนได้เลย ฉันมีสินค้าไม่มากนะคะ”จางซิ่วอิงบอกราคาไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ชัดเจน ก่อนจะกล่าวกระตุ้นความต้องการของผู้ซื้อในตอนท้าย
“ฉันลองสวมดูก่อนได้หรือไม่?”แม้ราคานี้นับว่าไม่ได้แพงอะไรสำหรับไป๋เจียวเหม่ย แต่ก็อยากจะสัมผัสเนื้อผ้าและลองสวมดูสักหน่อย
“ลองดูก่อนได้เลยค่ะ เห็นเป็นลูกค้ารายแรก หากพี่สาวคนสวยซื้อสามตัวขึ้นไปฉันแถมกระติกน้ำร้อนให้หนึ่งอันเลยค่ะ”โปรโมชั่นแรกของวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างไม่คิดมาก จางซิ่วอิงเพียงรู้สึกถูกชะตาเลยอยากให้ก็เท่านั้น เพราะอย่างไรสินค้าเหล่านี้ก็ขายได้อยู่แล้ว อีกอย่างเธอไม่มีต้นทุน ต่อให้ลดแลกแจกแถมหนักขนาดไหนเธอก็ยังถือว่ามีกำไรอยู่ดี
“ฉันเอาแบบสั้นสามตัวนี้ แล้วแบบยาวนี้อีกสามตัว และฉันจะได้กระติกน้ำสองอันถูกต้องหรือไม่?”ไป่เจียวเหม่ยบอกความต้องการ พลางชี้นิ้วไปยังกองผ้าขนาดย่อมที่ตนเองเลือกเอาไว้เมื่อครู่
“ได้ตามนั้นเลยค่ะ ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ”จางซิ่วอิงตอบรับพลางหยิบเสื้อเหล่านั้นขึ้นมาพับให้เรียบร้อย ก่อนจะจัดเรียงใส่ถุงกระดาษที่เธอเตรียมเอาไว้ รวมถึงเนื้ออีกหลายแพ็คที่พี่สาวคนสวยท่านนี้เลือกไว้
ใบหน้าเรียวเล็กฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะส่งมอบสินค้าและรับเงินก้อนใหญ่ของวันนี้มา แสร้งทำทีเป็นเก็บใส่กระเป๋าผ้าคู่ใจทั้งที่ความจริงเงินพวกนี้ได้ลอยหายไปในมิติเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างหาก
หลังจากลูกค้ารายแรกจากไป ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีลูกค้าก็หลั่งไหลเข้ามาที่แผงของจางซิ่วอิงไม่ขาดสาย มีทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่าจากเมื่อวาน
หญิงสาวร่างผอมบาง ทว่าท่าทางการขายของนั้นกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วไม่เบา คำพูดคำจาโต้ตอบกับลูกค้าอย่างฉะฉานไม่มีท่าทีเกรงกลัว เวลาผ่านไปราวชั่วโมงเศษ จากเดิมที่มีของวางเรียงรายจนล้นออกนอกผืนผ้าก็หมดลงจนเหลือเพียงผ้าเปล่า ๆ เท่านั้น
จางซิ่วอิงจึงหยิบผ้าขึ้นมาพับเก็บเข้ากระเป๋าอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น เธอแวะไปยังมุมลับสายตาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเลือกของที่จะนำไปให้พี่สาวเยว่วางขายมาถือไว้แล้วเดินตรงไปยังร้านผ้าทันที
“มาแล้วหรือ? นั่งก่อน ๆ”เยว่ผิงอันรีบเดินประกบร่างผอมบางของน้องสาวต่างสายเลือดทันทีที่เห็นเธอปรากฎตัว
“พอดีฉันไปขายของอีกที่เลยมาช้า ขอโทษพี่สาวด้วยนะคะ”เสียงหวานใสกล่าวของโทษอีกฝ่ายพลางก้มหัวเล็กน้อย เพราะวันนี้เธอเลือกขายเสื้อ ลูกค้าที่ซื้อต่างก็ขอลองใส่อยู่หลายคนจึงทำให้ใช้เวลามากกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
“ไม่ช้า ๆ ไม่เป็นไรเลย แล้วของที่จะให้พี่ขายคืออะไรเล่า?”เผว่ผิงอันนอนคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาตลอดทั้งคืน ก่อนจะปรึกษากับมารดาเมื่อเช้านี้แล้วเห็นตรงกันว่าควรลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย เช้านี้หญิงสาวจึงค่อนข้างตั้งตารอน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้
“ก็เป็นของพวกนี้ค่ะ พี่สาวเยว่คิดว่าพอจะขายได้หรือเปล่าคะ?”น้ำเสียงนุ่มละมุนอ่อนโยนตอบกลับไป จางซิ่วอิงพูดไปอย่างนั้นเองทั้งที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่ามันจะขายได้ดีอย่างแน่นอน
ก่อนจะหยิบกิ๊บติดผมแบบเป๊าะแป๊ะในโลกอนาคตลวดลายต่าง ๆ ราวห้าสิบคู่ขึ้นมากองบนโต๊ะ รวมถึงกิ๊บขนาดใหญ่ และผ้าผูกผมสีสันลวดลายสวยงามอีกกองหนึ่งและบอกราคาแต่ละอย่างให้อีกฝ่ายรู้
“ฮ๊ายยยย!! นี่มันยิ่งกว่าขายได้เสียอีก”เยว่ผิงอันโบกมือไปมา พลางหยิบกิ๊บคู่หนึ่งขึ้นมา สีสันและลวดลายแปลกตาเช่นนี้เธอไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ต้องยอมรับตามตรงว่าสวยมากทีเดียว ทั้งยังแพ็คใส่ห่อมาอย่างดีดูน่าซื้อไม่น้อย หากเป็นเธอเองเธอก็คงซื้อเอาไว้อย่างไม่ต้องคิดให้มากความ
“งั้นเหรอคะ?”ใบหน้าเล็กเรียวแสร้งแสดงสีหน้าแปลกใจ ราวกับสิ่งที่วางตรงหน้าคือสิ่งที่หาได้ทั่วไป
เมื่อมองเห็นโอกาสรอดของร้านมีหรือที่เยว่ผิงอันจะรอช้า ภายในใจนั้นเชื่อเด็กสาวตรงหน้าไปมากกว่าครึ่งแล้ว ว่าจางซิ่วอิงคนนี้และสินค้าที่นำมาจะสามารถแก้วิกฤตของร้านผ้าแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
“พี่ตกลงทำสัญญากับเธอวันนี้เลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะร่างสัญญาให้เธอเดี๋ยวนี้ล่ะ รอก่อนนะ”พูดเสร็จก็เดินไปยังโต๊ะทำงานอีกมุมหนึ่งที่ห่างออกไปหลายก้าว ก่อนจะค้นหากระดาษอย่างดีและปากกาขึ้นมา
“คะ? ทะ…ทำไมพี่ตัดสินใจเร็วนักล่ะคะ”ดวงตาคู่สวยกระพริบขึ้นลงปริบ ๆ แม้จะเป็นสิ่งที่คาดเดาไว้อยู่แล้ว แต่การได้ทำสัญญากันตั้งแต่ยังไม่เริ่มวางขายสินค้าก็ออกจะเหนือความคาดหมายของจางซิ่วอิงไปสักหน่อย เธอจึงถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ
“พี่บอกตามตรงว่าพี่รู้สึกถูกชะตากับเธอ อีกอย่างของพวกนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้งรูปแบบที่แปลกใหม่ ทั้งสีสันที่ยังไม่มีใครทำแน่นอนในระแวกนี้ หรือเธอไม่อยากร่วมการค้ากับร้านเล็ก ๆ อย่างพี่”
“อย่างนั้นเอาตามที่พี่ว่าเลยค่ะ แหะ ๆ”หญิงสาวยิ้มเจื่อนพลางตอบตกลงในทันที
เมื่อตกลงกันได้แล้วจางซิ่วอิงจึงลงชื่อในสัญญาทั้งสองฉบับ ภายใต้เงื่อนไขเดิมที่คุยกันไว้เมื่อวาน หลังจากนั้นจึงแนะนำวิธีโปรโมทสินค้าให้พี่สาวเยว่ผิงอันอีกด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีทำตามที่เธอบอก แม้จะมีคำถามอยู่บ้างแต่พอเธออธิบายพี่สาวเยว่คนนี้ก็รับฟังอย่างตั้งใจ นับว่าเป็นคู่ค้าที่พร้อมเติบโตไม่น้อย
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
หยางซีห่าวมองภรรยาที่ทรุดกายร่ำไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนนี้เขาตัดสินใจเข้ากรมเพื่อเป็นทหารก็เพราะอยากให้ภรรยาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องไปทนลำบากทำงานตากแดดในแปลงนาแต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ แม้หมอที่ค่ายจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาจะพิการเสียทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม จางซิ่วอิงคงเสียใจมากที่สุดท้ายแล้วสามีอย่างเขาก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอนั้นสุขสบายได้ตลอด แถมยังเจ็บหนักเข้าขั้นพิการกลับมาให้เธอดูแลต่อ สามีเช่นเขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริงเสียงเอะอะโวยวายและถ้อยคำด่าทอรุนแรงของย่าสามีนั้นเรียกสติในตัวเธอให้กลับมาได้ทันเวลา มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออก พลางตวัดตามองย่าของสามีด้วยความไม่พอใจ“ซีห่าว!! แก!! แกมันตัวไร้ประโยชน์!”เหยียนเพ่ยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดตีอกชกหัวทันทีที่ได้เห็นสภาพหลานชายที่เคยเป็นคนหาเงินเข้าบ้านมากที่สุด ตอนนี้หยางซีห่าวไม่ใช่ว่าคนไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือ
น้ำเสียงตวาดกร้าวของผู้เป็นย่าเรียกร้องให้ตัดขาดจากหลานชายดังขึ้นจนทุกคนที่ยืนห้อมล้อมเหตุการณ์อยู่ได้ยินและรับรู้ถึงความใจดำของย่าที่มีต่อหลานชายได้อย่างชัดเจนจางซิ่วอิงเหยียดยิ้มเมื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราเห็นแก่ตัวอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปสบตากับสามีอีกครั้งหยางซีห่าวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้กำลังตอกย้ำความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวนี้หรอกหรือ เมื่อหาเงินเขาบ้านไม่ได้แล้ว หลานชังอย่างเขานับเป็นตัวอะไรกัน“จัดการตามที่ย่าว่าเถอะครับ ผมรบกวนด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับผู้นำหมู่บ้านในทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วโจวเหวินมองชายหนุ่มที่เขาเห็นมาแต่เด็กด้วยแววตาเวทนาสงสาร เขาค่อนข้างสนิทกับพ่อของซีห่าว ฉะนั้นลูกของสหายก็ไม่ต่างจากลูกหลานที่เขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้
จางซิ่วอิงหายไปในครัวไม่นานอย่างที่เธอว่าไว้ ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวขาวเรียงเม็ดสวยร้อน ๆ สองจาน กับอาหารจานผัดหนึ่งจาน และต้มอีกหนึ่ง วันนี้เธออยากกินหมูสามชั้นต้มพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดเหมือนโลกก่อนจึงทำเพิ่มขึ้นมาอีกจาน เมื่ออาหารพร้อมสรรพบนโต๊ะแล้ว ร่างบางจึงเดินไปเข็นรถให้สามีที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงให้มาทานข้าวด้วยกันกลิ่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้านจนกระทบเข้ากับจมูกของหยางซีห่าว กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี“ฉันมีเวลาทำอาหารไม่มาก เลยมีแต่อาหารง่าย ๆ คุณลองทานดูนะคะ ว่าถูกปากหรือเปล่า?”เสียงใสกล่าวกับสามีขณะที่พาเขาไปยังโต๊ะอาหารแม้จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปบ้างเพราะต้องออกแรงมาก รถเข็นในยุคนี้ไม่ได้สะดวกหรือเข็นเองได้เหมือนยุคที่เธอจากมา การเคลื่อนย้ายจึงต้องออกแรงมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะเธอเต็มใจ สำหรับสาวสองที่ตายมาแล้วชาติหนึ่ง การได้อยู่ร่วมบ้าน ได้ดูแลคนรักเช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำ
“เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจนแม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจหยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห
เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืนลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามีตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วยร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปั
ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบเพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลังเธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดีจางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้
จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไปฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้านเขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็เวียนผ่านมาราวสามเดือนแล้ว ตอนนี้จางซิ่วอิงค่อนข้างสนุกกับการใช้ชีวิตไม่น้อย ในวันที่สามีไม่มีภารกิจยามเช้าเธอก็จะตื่นมาในอ้อมกอดของสามี ทานมื้อเช้าร่วมกัน ออกไปทำงานพร้อมกัน ช่วงเย็นก็กลับมาเจอกันที่บ้าน ทานอาหารแล้วเข้านอนพร้อมกันตามประสาคนรักนับว่าชีวิตของเธอในชาตินี้ค่อนข้างลงตัว เธอมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่ดี มีหน้าที่การงานมั่นคง แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วย แต่ความรู้สึกของเธอกลับรู้สึกขาดบางสิ่งไป นั่นคือเจ้าหัวผักกาดที่เธอกับสามีตั้งตารออยู่ตลอด“คิดอะไรอยู่ครับ”เขาเห็นภรรยายืนเหม่ออยู่หน้ากระจกได้สักพักแล้ว ก่อนใบหน้างามจะค่อย ๆ หม่นหมองลงราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ เขาจึงเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้แล้วถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ ว่าฉันยังจะมีลูกให้คุณได้จริง ๆ”จางซิ่วอิงตอบสามีอย่างเป็นกังวล แม้เขาจะพูดมาตลอดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่หลายครั้งเธอแอบเห็นสายตาของเขาเวลามองเด็กเล
เช้าวันต่อมาจ้าวคุนขับรถมารอรับคุณหนูเยว่ไปทำงานอย่างที่ได้พูดเอาไว้ และทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เยว่ผิงอันก็ออกมาจากบ้านทันทีชายหนุ่มออกมายืนรอด้านข้างรถ ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง จากนั้นจึงกลับไปนั่งประจำที่คนขับรถ ตลอดทางไปยังห้างสรรพสินค้าจ้าวคุนไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาสักประโยค เขาเพียงแต่นั่งรออยู่เงียบ ๆ เท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าการที่เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยมันกำลังทำให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยรู้สึกอึดอัดจนแผ่นหลังนั้นหลั่งเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากผ่านไปราวยี่สิบนาทีรถยนต์คันหรูก็เข้าจอดยังตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายหันมาสบตากับหญิงสาวที่เขานั่งรอคำตอบมาตลอดทาง “คำตอบคืออะไรครับ?”เยว่ผิงอันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวหากจะถามออกไป“ฉันขอถามได้ไหมคะ?” เสียงใสพูดจบก็เหลือบมองใบหน้าของคุณชายจ้าวเล็กน้อย เมื่
จ้าวคุนที่ไปคุยธุระด้านนอกตั้งแต่เช้าเมื่อกลับมาในสำนักงานชั้นบนของห้างสรรพสินค้าก็ได้ยินเรื่องที่พนักงานกำลังพูดถึงกันอย่างออกรส ไม่รอช้าความร้อนใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าลงมาหาน้องสาวยังร้านอ้ายเหม่ยในทันทีร่างหนาในชุดสูทเรียบหรูสีกรมท่าผลักประตูห้องทำงานน้องสาวเข้าไปด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เขาเห็นกลับเป็นน้องสาวที่กำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นโดยมีน้องเขยที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งเฝ้าอยู่บรรยากาศเงียบสงบภายในห้องทำงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงทุ้มปนหอบเหนื่อยถามออกไป ก่อนจะทรุดกายนั่งข้างน้องเขย หยางซีห่าวเห็นพี่ภรรยาก็รีบลุกขึ้นทักทายในทันที แต่จ้าวคุนไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทในตอนนี้เท่าใดนัก นัยน์ตาคมเพ่งสำรวจไปยังร่างกายน้องสาวเพียงคนเดียวไม่วางตา“สบายมากค่ะ”จางซิ่วอิงเพียงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไหล่สองข้างยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้