จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที
ร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกาย
ก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้ว
ในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบาง
เช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้านไปขึ้นเกวียนรอบแรกของวัน โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด ซึ่งตั้งแต่ขึ้นเกวียนมาเสียงติฉินนินทา และสายตาดูแคลนที่พุ่งมาทางเธออย่างไม่หยุดหย่อนนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเดือดดาลแต่อย่างใด เธอทำราวกับคนพวกนั้นเป็นอากาศธาตุ ไม่ได้มีค่าให้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อเกวียนจอดที่จุดเดิมจางซิ่วอิงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายแล้วเดินเข้าตลาดมืดในทันที หญิงสาวเลือกปูผ้าที่เดียวกับเมื่อวาน จากนั้นจึงเดินไปยังซอกตึกที่ลับตาคนก่อนจะเลือกของต่าง ๆ ออกมาเพื่อเตรียมขาย
วันนี้เธอยังคงเลือกเนื้อหลากหลายส่วนมาวางขายเช่นเดิม ไม่ได้นำผลไม้มาขายแล้วแต่เลือกเป็นนมวัวห้าแกลลอนใหญ่มาแทน
อีกไม่นานก็จะเข้าช่วงฤดูหนาว เธอจึงเลือกเสื้อโค้ดตัวยาวออกมาสิบตัว และเสื้อโค้ดตัวสั้นมาอีกยี่สิบตัว
ก่อนออกจากมิติหางตาดันไปสะดุดเข้ากับกระติกน้ำร้อนลวดลายไม่ได้ทันสมัยมาก เหมาะแก่การขายในยุคนี้ จึงเลือกออกมาอีกสิบอัน นำทั้งหมดใส่กระสอบใบใหญ่และเดินออกจากซอกตึกทำทีเหมือนเดินไปเอาของ
และระหว่างที่หญิงสาวกำลังเรียงของเตรียมขายใกล้จะเสร็จลูกค้ารายแรกของวันก็เดินเข้ามาทันที
“แม่ค้า วันนี้มีเสื้อกันหนาวด้วยหรือ?”หญิงสาววัยยี่สิบปลายถามแม่ค้าสาวร่างผอมบาง ทั้งที่ดูอายุไม่เยอะแต่กลับรู้จักค้าขายโดยไม่มีทีท่าว่าจะเคอะเขิน ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมเด็กสาวคนนี้ไม่น้อย
เมื่อวานเธอซื้อเนื้อจากร้านนี้ไปแล้ว ภายนอกมองดูว่าคุณภาพดีแล้ว ทว่าตอนแกะออกแล้วนำไปทำอาหารเธอกลับรู้สึกว่ามันทั้งสะอาดและสดใหม่ จึงตั้งใจว่าวันนี้จะมาซื้อไปทำอาหารอีก ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนั้นทำให้วันนี้เธอตั้งใจจะซื้อกลับไปอีกมากทีเดียว
“ใช่ค่ะ เสื้อโค้ดกันหนาวบุนวมอย่างดี กันลมและกันน้ำนะคะ ใส่ลุยหิมะได้สบาย ๆ และที่สำคัญอุ่นมากเลยล่ะค่ะ อากาศใกล้หนาวแล้วพี่สาวคนสวยสนใจรับไว้สักตัวหรือไม่คะ?”แม่ค้าสาวได้ที่ก็คลี่ยิ้มกว้างให้กับลูกค้ารายแรกของวัน ก่อนจะอวดอ้างสรรพคุณสินค้าที่นำมาอย่างลื่นไหล และไม่ลืมกล่าวชมอีกฝ่ายตบท้ายเป็นการเอาใจลูกค้า
“เอาสิ! ราคาเท่าไหร่ล่ะ หากแพงมากฉันคงซื้อไม่ไหวหรอกนะ”การซื้อขายที่ตลาดมืดโดยไม่ต้องใช้คูปองร่วมด้วยถือว่าสะดวกมาก แต่ทว่าราคาของสินค้าที่นี่ก็แพงเอาเรื่องเช่นกัน เธออยากซื้อของพวกนี้เตรียมไว้ก่อน เพราะหากเข้าสู่ฤดูหนาวจริง ๆ เสื้อผ้าเหล่านี้ราคาจะแพงขึ้นถึงสามเท่าตัวเป็นอย่างต่ำ ซึ่งหากรอถึงตอนนั้นราคาคงสูงลิบจนเธอเอื้อมไม่ถึงอย่างแน่นอน
“เสื้อตัวสั้นราคาสามร้อยหยวน ส่วนตัวยาวที่พี่สาวถืออยู่ห้าร้อยหยวนค่ะ พี่สาวคนสวยเลือกดูก่อนได้เลย ฉันมีสินค้าไม่มากนะคะ”จางซิ่วอิงบอกราคาไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ชัดเจน ก่อนจะกล่าวกระตุ้นความต้องการของผู้ซื้อในตอนท้าย
“ฉันลองสวมดูก่อนได้หรือไม่?”แม้ราคานี้นับว่าไม่ได้แพงอะไรสำหรับไป๋เจียวเหม่ย แต่ก็อยากจะสัมผัสเนื้อผ้าและลองสวมดูสักหน่อย
“ลองดูก่อนได้เลยค่ะ เห็นเป็นลูกค้ารายแรก หากพี่สาวคนสวยซื้อสามตัวขึ้นไปฉันแถมกระติกน้ำร้อนให้หนึ่งอันเลยค่ะ”โปรโมชั่นแรกของวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างไม่คิดมาก จางซิ่วอิงเพียงรู้สึกถูกชะตาเลยอยากให้ก็เท่านั้น เพราะอย่างไรสินค้าเหล่านี้ก็ขายได้อยู่แล้ว อีกอย่างเธอไม่มีต้นทุน ต่อให้ลดแลกแจกแถมหนักขนาดไหนเธอก็ยังถือว่ามีกำไรอยู่ดี
“ฉันเอาแบบสั้นสามตัวนี้ แล้วแบบยาวนี้อีกสามตัว และฉันจะได้กระติกน้ำสองอันถูกต้องหรือไม่?”ไป่เจียวเหม่ยบอกความต้องการ พลางชี้นิ้วไปยังกองผ้าขนาดย่อมที่ตนเองเลือกเอาไว้เมื่อครู่
“ได้ตามนั้นเลยค่ะ ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ”จางซิ่วอิงตอบรับพลางหยิบเสื้อเหล่านั้นขึ้นมาพับให้เรียบร้อย ก่อนจะจัดเรียงใส่ถุงกระดาษที่เธอเตรียมเอาไว้ รวมถึงเนื้ออีกหลายแพ็คที่พี่สาวคนสวยท่านนี้เลือกไว้
ใบหน้าเรียวเล็กฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะส่งมอบสินค้าและรับเงินก้อนใหญ่ของวันนี้มา แสร้งทำทีเป็นเก็บใส่กระเป๋าผ้าคู่ใจทั้งที่ความจริงเงินพวกนี้ได้ลอยหายไปในมิติเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างหาก
หลังจากลูกค้ารายแรกจากไป ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีลูกค้าก็หลั่งไหลเข้ามาที่แผงของจางซิ่วอิงไม่ขาดสาย มีทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่าจากเมื่อวาน
หญิงสาวร่างผอมบาง ทว่าท่าทางการขายของนั้นกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วไม่เบา คำพูดคำจาโต้ตอบกับลูกค้าอย่างฉะฉานไม่มีท่าทีเกรงกลัว เวลาผ่านไปราวชั่วโมงเศษ จากเดิมที่มีของวางเรียงรายจนล้นออกนอกผืนผ้าก็หมดลงจนเหลือเพียงผ้าเปล่า ๆ เท่านั้น
จางซิ่วอิงจึงหยิบผ้าขึ้นมาพับเก็บเข้ากระเป๋าอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น เธอแวะไปยังมุมลับสายตาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเลือกของที่จะนำไปให้พี่สาวเยว่วางขายมาถือไว้แล้วเดินตรงไปยังร้านผ้าทันที
“มาแล้วหรือ? นั่งก่อน ๆ”เยว่ผิงอันรีบเดินประกบร่างผอมบางของน้องสาวต่างสายเลือดทันทีที่เห็นเธอปรากฎตัว
“พอดีฉันไปขายของอีกที่เลยมาช้า ขอโทษพี่สาวด้วยนะคะ”เสียงหวานใสกล่าวของโทษอีกฝ่ายพลางก้มหัวเล็กน้อย เพราะวันนี้เธอเลือกขายเสื้อ ลูกค้าที่ซื้อต่างก็ขอลองใส่อยู่หลายคนจึงทำให้ใช้เวลามากกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
“ไม่ช้า ๆ ไม่เป็นไรเลย แล้วของที่จะให้พี่ขายคืออะไรเล่า?”เผว่ผิงอันนอนคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาตลอดทั้งคืน ก่อนจะปรึกษากับมารดาเมื่อเช้านี้แล้วเห็นตรงกันว่าควรลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย เช้านี้หญิงสาวจึงค่อนข้างตั้งตารอน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้
“ก็เป็นของพวกนี้ค่ะ พี่สาวเยว่คิดว่าพอจะขายได้หรือเปล่าคะ?”น้ำเสียงนุ่มละมุนอ่อนโยนตอบกลับไป จางซิ่วอิงพูดไปอย่างนั้นเองทั้งที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่ามันจะขายได้ดีอย่างแน่นอน
ก่อนจะหยิบกิ๊บติดผมแบบเป๊าะแป๊ะในโลกอนาคตลวดลายต่าง ๆ ราวห้าสิบคู่ขึ้นมากองบนโต๊ะ รวมถึงกิ๊บขนาดใหญ่ และผ้าผูกผมสีสันลวดลายสวยงามอีกกองหนึ่งและบอกราคาแต่ละอย่างให้อีกฝ่ายรู้
“ฮ๊ายยยย!! นี่มันยิ่งกว่าขายได้เสียอีก”เยว่ผิงอันโบกมือไปมา พลางหยิบกิ๊บคู่หนึ่งขึ้นมา สีสันและลวดลายแปลกตาเช่นนี้เธอไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ต้องยอมรับตามตรงว่าสวยมากทีเดียว ทั้งยังแพ็คใส่ห่อมาอย่างดีดูน่าซื้อไม่น้อย หากเป็นเธอเองเธอก็คงซื้อเอาไว้อย่างไม่ต้องคิดให้มากความ
“งั้นเหรอคะ?”ใบหน้าเล็กเรียวแสร้งแสดงสีหน้าแปลกใจ ราวกับสิ่งที่วางตรงหน้าคือสิ่งที่หาได้ทั่วไป
เมื่อมองเห็นโอกาสรอดของร้านมีหรือที่เยว่ผิงอันจะรอช้า ภายในใจนั้นเชื่อเด็กสาวตรงหน้าไปมากกว่าครึ่งแล้ว ว่าจางซิ่วอิงคนนี้และสินค้าที่นำมาจะสามารถแก้วิกฤตของร้านผ้าแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
“พี่ตกลงทำสัญญากับเธอวันนี้เลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะร่างสัญญาให้เธอเดี๋ยวนี้ล่ะ รอก่อนนะ”พูดเสร็จก็เดินไปยังโต๊ะทำงานอีกมุมหนึ่งที่ห่างออกไปหลายก้าว ก่อนจะค้นหากระดาษอย่างดีและปากกาขึ้นมา
“คะ? ทะ…ทำไมพี่ตัดสินใจเร็วนักล่ะคะ”ดวงตาคู่สวยกระพริบขึ้นลงปริบ ๆ แม้จะเป็นสิ่งที่คาดเดาไว้อยู่แล้ว แต่การได้ทำสัญญากันตั้งแต่ยังไม่เริ่มวางขายสินค้าก็ออกจะเหนือความคาดหมายของจางซิ่วอิงไปสักหน่อย เธอจึงถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ
“พี่บอกตามตรงว่าพี่รู้สึกถูกชะตากับเธอ อีกอย่างของพวกนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้งรูปแบบที่แปลกใหม่ ทั้งสีสันที่ยังไม่มีใครทำแน่นอนในระแวกนี้ หรือเธอไม่อยากร่วมการค้ากับร้านเล็ก ๆ อย่างพี่”
“อย่างนั้นเอาตามที่พี่ว่าเลยค่ะ แหะ ๆ”หญิงสาวยิ้มเจื่อนพลางตอบตกลงในทันที
เมื่อตกลงกันได้แล้วจางซิ่วอิงจึงลงชื่อในสัญญาทั้งสองฉบับ ภายใต้เงื่อนไขเดิมที่คุยกันไว้เมื่อวาน หลังจากนั้นจึงแนะนำวิธีโปรโมทสินค้าให้พี่สาวเยว่ผิงอันอีกด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีทำตามที่เธอบอก แม้จะมีคำถามอยู่บ้างแต่พอเธออธิบายพี่สาวเยว่คนนี้ก็รับฟังอย่างตั้งใจ นับว่าเป็นคู่ค้าที่พร้อมเติบโตไม่น้อย
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
“ผมตามหาคุณ แต่คุณกลับเดินหนีผมแบบนี้ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม นัยน์ตาคู่คมมองจ้องแฟนสาวนั้นฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังหยางซีห่าวบินจากประเทศจีนอย่างเร่งด่วนเพื่อมาตามหาคนรักที่นับจากวันที่พาเธอไปพบกับครอบครัวเธอก็เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต ครั้นเมื่อเธอบินกลับบ้านที่ประเทศไทยก็ขาดการติดต่อไปราวกับต้องการหลบหน้าเสียอย่างนั้น“ฉันขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดเวลาเกือบสองปีคุณดีกับฉันมากจริง ๆ”ลมหนาวแกะมือหนาที่กำลังจับรั้งข้อมือเธออยู่ให้ปล่อยออก ใบหน้าสวยหวานอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำตาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มขาวเธอจำต้องตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งที่ยังรัก เพราะเธอไม่อาจเห็นแก่ตัวครอบครองเขาได้อีกต่อไป หลังจากกลับมาจากประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเธอก็ตระหนักรู้แล้วว่า สิ่งที่ฝ่ายญาติของแฟนหนุ่มต้องการเธอไม่อาจมอบให้เขาได้“ผมไม่เลิก คุณตอบผมมาส
ระหว่างที่ลมหนาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนเก่าผุพัง ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอในทีแรกเริ่มติดขัดรุนแรงขึ้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ความฝันอันยาวนานเปลือกตาบางปิดแน่น คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้ารูปไข่ ภาพในความฝันที่ยาวนานราวกับกำลังถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของใครบางคนให้เธอได้รับรู้…ในความฝันลมหนาวเห็นวิถีชีวิตของเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ แม้ในตอนเด็กเธอจะยังคงรูปลักษณ์ของเด็กชาย แต่ผิวพรรณและใบหน้าหวานที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีนั้นไม่ได้ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงมากนักภาพในฝันการแต่งกายย้อนยุคและสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นตา ราวกับว่านั่นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตนเองอย่างไรอย่างนั้นหญิงสาวเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความฝันอย่างตั้งใจ ภาพตรงหน้าฉายชัดเป็นฉาก ๆ ราวกับกำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายถูกถ่ายทอดออกมา มันชัดเจนเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวเธอเอง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นขัดแย้งกันไปมาจนยุ่งเหยิงร่างบางกระสับกระส่ายอยู่นานในที่สุดเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ
จางซิ่วอิงง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกของวัน เครื่องปรุงหลากหลายชนิดที่เธอสามารถหยิบใช้ได้เท่าที่ต้องการทำให้เธออารมณ์ดีที่ไม่ต้องทนกินอาหารรสชาติจืดชืดหลังจากนี้ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มเบาบาง มือเรียวควงตะหลิวไปพลาง ปากก็ฮัมเพลงในยุคอนาคตไปพลาง เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยของอาหารจานเนื้อหนึ่งจานและผัดผักก็อบอวลชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหลังจากมื้อเช้าจบลงด้วยความเอร็ดอร่อย หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาด ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดบ้านเก่าหลังน้อยให้อยู่ในสภาพที่สบายตาและน่าอยู่โดยเริ่มจากห้องครัวที่เธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เก็บกวาดห้องนี้คือกี่ปีมาแล้วมือเล็กปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองห้องครัวที่ผ่านการเก็บกวาดจนเป็นระเบียบอย่างพึงพอใจ ตู้หลังน้อยที่เดิมมีเพียงแค่ไข่ไก่ฟองเดียวก็ถูกเติมจนเต็มโดยสินค้าจากห้างสรรพสินค้ายุค 2024 รวมถึงถังข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัวด้วยเช่นกันห้องนอนเป็นพื้นที่ต่อไปที่จะได้รับการเก็บกวาด จางซิ่วอิงรื้อเครื่องนอนเก่าทิ้งทั้งหมด ซึ่งจากที่สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วมันเก่ามากจริง ๆ แถมผ้าห่มก็เบาบางจนตอนห่มนั้น
จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อยจากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมาพลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่
เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช
หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ
จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด
จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า
หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมาร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจแต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ
เสียงเรียกของเถ้าแก่เนี๊ยของร้านช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภาพฝันในอนาคต จางซิ่วอิงเดินเข้าไปหาลูกค้ารายแรกของเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ก่อนจะวางสินค้าตามรายการสั่งซื้อลงบนโต๊ะตรงหน้าให้คุณป้าฟางอิงได้ตรวจสอบ“ดี ๆ ของดีทั้งนั้น นี่ค่าของนับดูก่อนสิ!”หลังจากตรวจนับของที่สั่งไปจนครบถ้วนแล้ว หญิงวัยกลางคนจึงกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ ในมือนั้นถือขาหมูที่แพ็คมาอย่างดีดูสะอาดน่าทำอาหารมากกว่าหลายร้านที่ซื้อมาก่อนหน้าเป็นอย่างมาก พลันยื่นถุงเงินใบเล็กที่มีเงินอัดแน่นอยู่ในนั้นให้กับหญิงสาวตรงหน้าจางซิ่วอิงรับถุงเงินใบเล็กมา ก่อนจะโยนไว้ในกระเป๋าผ้าคู่กายอย่างไม่คิดมาก แล้วตอบคุณป้าไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าว่าเท่าไหร่ก็ตามนั้น”“เธอนี่นะ ไม่กลัวฉันโกงหรืออย่างไร?”แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่แววตาที่มองหญิงสาวคราวลูกก็อ่อนลงไม่น้อย พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูอยู่เล็ก ๆ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นแม้จะไม่อยากเช
จางซิ่วอิงมารอขึ้นเกวียนก่อนเวลาราวสิบห้านาที ระหว่างนั้นเธอยืนรอเวลาอยู่เพียงเงียบ ๆ สายตารอบข้างที่มองมาราวกับพบเจอสิ่งแปลกประหลาด เสียงตินนินทาลอยแว่วมาตามลมเป็นระยะ หญิงสาวเพียงรับรู้ทว่าไม่ได้ให้ความสนใจเอาความแม้แต่น้อยจากความทรงจำเดิม เจ้าของร่างมักจะถูกมองและนินทาซึ่งหน้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เธออ่อนแอเกินกว่าจะตอบโต้คนเหล่านั้น ในที่สุดจึงทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าอย่างยอมรับชะตากรรมเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่เป็นวิญญาณจากยุคอนาคต แม้จะไม่ได้โต้ตอบแต่ก็ไม่ยอมจำนนอย่างที่แล้วมาพลันดวงตาคู่เรียวตวัดมองเจ้าของเสียงนินทาเหล่านั้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะเดินเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลังจากรอจนได้เวลา เกวียนสภาพกลางเก่ากลางใหม่ก็เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที เธอสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทางมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเธอในความทรงจำเดิมคนเหล่านี้นั้นไม่ได้น่าคบหาสักเท่
จางซิ่วอิงง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกของวัน เครื่องปรุงหลากหลายชนิดที่เธอสามารถหยิบใช้ได้เท่าที่ต้องการทำให้เธออารมณ์ดีที่ไม่ต้องทนกินอาหารรสชาติจืดชืดหลังจากนี้ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มเบาบาง มือเรียวควงตะหลิวไปพลาง ปากก็ฮัมเพลงในยุคอนาคตไปพลาง เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยของอาหารจานเนื้อหนึ่งจานและผัดผักก็อบอวลชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหลังจากมื้อเช้าจบลงด้วยความเอร็ดอร่อย หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างทำความสะอาด ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดบ้านเก่าหลังน้อยให้อยู่ในสภาพที่สบายตาและน่าอยู่โดยเริ่มจากห้องครัวที่เธอเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เก็บกวาดห้องนี้คือกี่ปีมาแล้วมือเล็กปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามกรอบหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองห้องครัวที่ผ่านการเก็บกวาดจนเป็นระเบียบอย่างพึงพอใจ ตู้หลังน้อยที่เดิมมีเพียงแค่ไข่ไก่ฟองเดียวก็ถูกเติมจนเต็มโดยสินค้าจากห้างสรรพสินค้ายุค 2024 รวมถึงถังข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัวด้วยเช่นกันห้องนอนเป็นพื้นที่ต่อไปที่จะได้รับการเก็บกวาด จางซิ่วอิงรื้อเครื่องนอนเก่าทิ้งทั้งหมด ซึ่งจากที่สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วมันเก่ามากจริง ๆ แถมผ้าห่มก็เบาบางจนตอนห่มนั้น
ระหว่างที่ลมหนาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนเก่าผุพัง ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอในทีแรกเริ่มติดขัดรุนแรงขึ้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ความฝันอันยาวนานเปลือกตาบางปิดแน่น คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้ารูปไข่ ภาพในความฝันที่ยาวนานราวกับกำลังถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของใครบางคนให้เธอได้รับรู้…ในความฝันลมหนาวเห็นวิถีชีวิตของเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ แม้ในตอนเด็กเธอจะยังคงรูปลักษณ์ของเด็กชาย แต่ผิวพรรณและใบหน้าหวานที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีนั้นไม่ได้ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงมากนักภาพในฝันการแต่งกายย้อนยุคและสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นตา ราวกับว่านั่นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตนเองอย่างไรอย่างนั้นหญิงสาวเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความฝันอย่างตั้งใจ ภาพตรงหน้าฉายชัดเป็นฉาก ๆ ราวกับกำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายถูกถ่ายทอดออกมา มันชัดเจนเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวเธอเอง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นขัดแย้งกันไปมาจนยุ่งเหยิงร่างบางกระสับกระส่ายอยู่นานในที่สุดเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“ผมตามหาคุณ แต่คุณกลับเดินหนีผมแบบนี้ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม นัยน์ตาคู่คมมองจ้องแฟนสาวนั้นฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบังหยางซีห่าวบินจากประเทศจีนอย่างเร่งด่วนเพื่อมาตามหาคนรักที่นับจากวันที่พาเธอไปพบกับครอบครัวเธอก็เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต ครั้นเมื่อเธอบินกลับบ้านที่ประเทศไทยก็ขาดการติดต่อไปราวกับต้องการหลบหน้าเสียอย่างนั้น“ฉันขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดเวลาเกือบสองปีคุณดีกับฉันมากจริง ๆ”ลมหนาวแกะมือหนาที่กำลังจับรั้งข้อมือเธออยู่ให้ปล่อยออก ใบหน้าสวยหวานอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำตาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มขาวเธอจำต้องตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งที่ยังรัก เพราะเธอไม่อาจเห็นแก่ตัวครอบครองเขาได้อีกต่อไป หลังจากกลับมาจากประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเธอก็ตระหนักรู้แล้วว่า สิ่งที่ฝ่ายญาติของแฟนหนุ่มต้องการเธอไม่อาจมอบให้เขาได้“ผมไม่เลิก คุณตอบผมมาส