แชร์

ตอนที่ 8 วางแผนซื้อบ้าน

ผู้เขียน: หลี่จินผิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-08 21:00:40

จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวัน

ระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจ

“แน่นอนค่ะ ทางสำนักงานของเรามีบ้านหลากหลายขนาด ไม่ทราบว่าสนใจแบบไหนคะ?”

พนักงานสาวตรงหน้ายังคงโต้ตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม นั่นจึงทำให้จางซิ่วอิงรู้สึกเบาใจขึ้นมาว่าจะไม่โดนขับไล่หรือดูแคลนอย่างที่ผ่านมา

หญิงสาวนิ่งคิดถึงภาพที่วาดไว้ในอนาคต และตกลงกับตัวเองแล้วว่าที่บ้านควรมีสักสามห้องนอนกำลังดี ส่วนห้องน้ำสักสองห้องจะได้ไม่แย่งกัน หากว่าในอนาคตเธอกับสามีมีเจ้าตัวน้อยเกิดขึ้นมาจะได้ไม่ต้องต่อเติมหรือย้ายบ้านให้ยุ่งยาก  หรืออีกทางหากเธอกับสามีไม่อาจไปด้วยกันได้ บ้านหลังนี้ก็ยังคงเป็นทรัพย์สินของเธอที่สามารถปล่อยให้เช่าได้ในอนาคต

“ฉันต้องการบ้านขนาดสามห้องนอนค่ะ ห้องน้ำหากมีสักสองห้องด้วยก็จะดีมาก แล้วก็ขอพื้นที่รอบบ้านสักหน่อยแบบนี้พอมีไหมคะ?”

“บ้านขนาดสามห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องรับแขกพร้อมที่เปล่าหน้าบ้านอีกเล็กน้อย ตั้งอยู่ภายในตรอกเดียวกันกับสำนักงานนี่เองค่ะ เดินเข้าไปราวห้าสิบเมตรก็ถึง ราคาจะอยู่ที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยหยวนค่ะ”

พนักงานสาวบอกราคาและที่ตั้งของบ้านหลังแรกเสร็จสรรพในประโยคเดียว ก่อนจะเอ่ยถึงตัวเลือกที่สองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ส่วนบ้านอีกหลังมีสามห้องนอนเช่นกัน แต่มีหนึ่งห้องน้ำ พื้นที่รอบบ้านกว้างกว่าหลังแรก อยู่ใกล้กับโรงเรียน ราคาอยู่ที่สองพันหยวนค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันไปหยิบแผนที่บ้านทั้งสองหลังมาให้คุณ”

พูดจบก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก่อนจะเปิดแฟ้มที่สันค่อนข้างหนา พนักงานสาวพลิกหาแผนที่อยู่เพียงไม่นานก็เดินกลับมาหาหญิงสาวพร้อมกับแผนที่บ้านทั้งสองหลัง

จางซิ่วอิงยอมรับว่าเธอเองสนใจบ้านทั้งสองหลังนี้เป็นอย่างมาก เพราะตั้งใจแต่แรกว่าอยากได้บ้านในย่านนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าบ้านจะอยู่ในทำเลที่ดีมากทีเดียว ในอนาคตหากเธอมีลูกกับสามีบ้านหลังที่สองก็ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรอกหรือ พลันหญิงสาวคิดขึ้นได้ว่าเธอนึกถึงการมีลูกเป็นครั้งที่สองของวันก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะกระแอมครั้งหนึ่งแล้วกันมาพูดคุยกับพนักงานตรงหน้าต่อ

“ฉันสนใจขนาดสามห้องนอนหนึ่งห้องน้ำนะคะ แต่คงต้องปรึกษาคนที่บ้านก่อน อย่างไรฉันจะรีบกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

จางซิ่วอิงตอบกลับยิ้ม ๆ โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณพนักงานคนนี้ที่ให้ข้อมูลเธอได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีท่าทีรำคาญแม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรค่ะ เอาตามที่คุณลูกค้าสะดวกได้เลย”พนักงานสาวยังคงตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงอย่างไรเงินมากมายขนาดนี้คงไม่มีใครที่พกติดตัวไปไหนมาไหนอยู่แล้วเธอเข้าใจดี และส่วนใหญ่เมื่อมาถามแล้วก็เงียบหายไป เธอจึงตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแม้สุดท้ายแล้วเธอจะยังขายไม่ได้ก็ตามที

เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนพร้อมแผนที่บ้านในมือเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากสำนักงาน จากนั้นจึงตรงไปยังจุดที่จอดเกวียนซึ่งเป็นเวลาที่กะไว้พอดิบพอดี เพราะเมื่อจางซิ่วอิงเดินไปถึงเพียงไม่นานก็ได้เวลาออกจากจุดจอด

ระหว่างทางหญิงสาวสังเกตเห็นสายตาเคลือบแคลงใจจากเพื่อนร่วมทางได้อย่างชัดเจน ก็แน่ล่ะสิจะมีหญิงสาวที่ไหนขยันเข้าตัวอำเภอได้ทุกวี่ทุกวันอย่างเธอกัน นี่คงไม่ใช่ไปปล่อยข่าวลือให้เธอเสียหายหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนพวกนี้อย่างแน่นอน

เมื่อเกวียนเข้ามาในหมู่บ้าน หญิงสาวจึงจ่ายเงินค่าโดยสารทันทีแล้วเดินออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้าง จางซิ่วอิงยังคงเดินเท้ากลับบ้านอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านเสียงน้ำย่อยในกระเพาะนั้นก็เริ่มทำงานในทันที นี่ก็เลยมื้อเที่ยงมาสักพักแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงเดินเข้าไปทำอาหารสองอย่างในครัวและอุ่นข้าวขาวที่หุงไว้เมื่อเช้าและนั่งทานเงียบ ๆ

เธอรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อยหลังจากทะลุมิติเข้ามาก็ทำนั่นนี่ไม่หยุดหย่อน พลันเมื่อทานอาหารเที่ยงจนอิ่มแล้วจึงล้างจานและเก็บเข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนอนกลางวันสักหน่อย ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรต้องทำต่อแล้ว

หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายคล้อย จึงคิดว่าจะทำความสะอาดห้องครัวอีกสักหน่อยค่อยทานมื้อเย็น แต่ทว่ายังไม่ทันก้าวขาเข้ามาในห้องครัวก็มีเสียงเรียกที่หน้าบ้านดังขึ้น

“จางซิ่วอิง จางซิ่วอิง! เธออยู่บ้านหรือเปล่า?”

จางซิ่วอิงแอบมองผ่านรูตรงขอบประตูก็พบเข้ากับร่างของชายหญิงคู่หนึ่ง เมื่อค้นในความทรงจำก็รู้ว่าเขาคือลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยา ทั้งสองมีสีหน้าไม่สู้ดี พลันลางสังหรณ์ของจางซิ่วอิงก็ทำงานทันที เธอรู้สึกว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธออย่างแน่นอน

หญิงสาวเปิดประตูออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง แม้ในใจจะวูบโหวงอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ตามที จางซิ่วอิงยังคงรักษาสีหน้าไม่ให้ตื่นตระหนกไปตามทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

“พี่ชายโจว พี่สะไภ้ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”หญิงสาวพยักหน้าทำความเคารพคนทั้งสอง ก่อนจะถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อมไม่น้อย เนื่องด้วยคนบ้านนี้ไม่เคยทำเรื่องลำบากใจให้เธอสักครั้ง แม้จะไม่ได้สุงสิงกันแต่ก็นับว่าเป็นคนดีอยู่บ้าง

“สามีเธอกลับมาแล้วนะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านใหญ่ แต่ว่า…”เป็นว่านเจียหลินที่พูดขึ้นทันที่เจ้าของบ้านเดินออกมา เพราะสามีอย่างโจวเหยียนนั้นชักช้าจนเกินไป เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นรอไม่ได้อีกแล้วจึงต้องรีบพาหญิงตรงหน้าไปให้เร็วที่สุด

ท่าทางร้อนใจของสองสามีภรรยาทำเอาคิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันปม ก่อนจะถามกลับไปอย่างนึกแปลกใจ

“สามีเหรอคะ? ทำไมถึง…”ล่าสุดก่อนที่เขาจะกลับเข้าค่าย จางซิ่วอิงจำได้ดีว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งในสามเดือนข้างหน้า ซึ่งจากความทรงจำคิดว่าเธอไม่น่าจะจำคำพูดสามีผิดไปอย่างแน่นอน แต่หากเขากลับมาตอนนี้แปลว่ามีบางอย่างผิดปกติ คิดมาถึงตรงนี้พลันในใจก็รู้สึกหวั่นเกรงบางอย่างขึ้นมา

“อย่าพึ่งถามเลย ไปกับฉันก่อนเถอะเดี๋ยวก็รู้”โจวเหวินพูดขึ้นบ้าง ตอนนี้พ่อของเขาอยู่จัดการเรื่องที่บ้านใหญ่หยาง เขาเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ยืดเยื้อไปกว่านี้อีกจึงกล่าวตัดบท

“ได้ค่ะ”หญิงสาวตอบรับเพียงเท่านั้น ก่อนจะหันมาปิดประตูและรั้วบ้านเก่า ๆ ในทีแรกคิดว่าจะไม่ตื่นตระหนก แต่เรื่องนี้มันผิดปกติเกินไปจนเธอไม่อาจวางเฉยได้อีกแล้ว

ทันทีที่จางซิ่วอิงเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้านหยางซึ่งตอนนี้มีชาวบ้านหลายสิบคนกำลังมุงดูบางอย่าง ในขณะนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายคละเคล้ากับเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของใครบางคนที่เธอก็เดาไม่ออก

โจวเหยียนใช้ความได้เปรียบเรื่องรูปร่างที่สูงใหญ่แหวกกำแพงผู้คนเข้าไปในวงล้อมโดยมือหนาก็จับจูงข้อมือของภรรยาเอาไว้ และว่านเจียหลินเองก็จูงมือจางซิ่วอิงต่ออีกทอดหนึ่ง

และหลังจากที่ฝ่าเข้ามากลางวงล้อมได้สำเร็จดวงตาคู่เรียวพลันหยุดชะงักอยู่ที่ขายาวที่พันผ้าพันแผลสีขาวไว้หนาแน่นจากข้อเท้าจนเลยขึ้นมาเหนือหัวเข่า สายตาเลื่อนขึ้นไปอีกนิดจนปะทะเข้ากับนัยน์ตาคมกริบที่คุ้นเคย

ร่างบางพลันทรุดลงในทันที ดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวก่อนจะมีม่านน้ำตาเอ่อคลอจนไหลอาบแก้มในที่สุด “คุณ ฮึก! ซีห่าว”

นอกจากเขาจะชื่อแซ่เดียวกับคนรักของเธอในชาติที่แล้ว หน้าตาหรือแม้แต่รูปร่างก็ราวกับคน ๆ เดียวกันไม่มีผิด ฉะนั้นสายตาที่เธอมองสามีจึงเต็มไปด้วยความคิดถึงผสมปนเปกับความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจมาตลอดที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้ว เธอรู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน

“ภรรยา คือ…ผม”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 9 สามีไร้ประโยชน์

    หยางซีห่าวมองภรรยาที่ทรุดกายร่ำไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนนี้เขาตัดสินใจเข้ากรมเพื่อเป็นทหารก็เพราะอยากให้ภรรยาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องไปทนลำบากทำงานตากแดดในแปลงนาแต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ แม้หมอที่ค่ายจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาจะพิการเสียทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม จางซิ่วอิงคงเสียใจมากที่สุดท้ายแล้วสามีอย่างเขาก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอนั้นสุขสบายได้ตลอด แถมยังเจ็บหนักเข้าขั้นพิการกลับมาให้เธอดูแลต่อ สามีเช่นเขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริงเสียงเอะอะโวยวายและถ้อยคำด่าทอรุนแรงของย่าสามีนั้นเรียกสติในตัวเธอให้กลับมาได้ทันเวลา มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออก พลางตวัดตามองย่าของสามีด้วยความไม่พอใจ“ซีห่าว!! แก!! แกมันตัวไร้ประโยชน์!”เหยียนเพ่ยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดตีอกชกหัวทันทีที่ได้เห็นสภาพหลานชายที่เคยเป็นคนหาเงินเข้าบ้านมากที่สุด ตอนนี้หยางซีห่าวไม่ใช่ว่าคนไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-09
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 10 ตัดขาดเสียที

    น้ำเสียงตวาดกร้าวของผู้เป็นย่าเรียกร้องให้ตัดขาดจากหลานชายดังขึ้นจนทุกคนที่ยืนห้อมล้อมเหตุการณ์อยู่ได้ยินและรับรู้ถึงความใจดำของย่าที่มีต่อหลานชายได้อย่างชัดเจนจางซิ่วอิงเหยียดยิ้มเมื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราเห็นแก่ตัวอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปสบตากับสามีอีกครั้งหยางซีห่าวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้กำลังตอกย้ำความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวนี้หรอกหรือ เมื่อหาเงินเขาบ้านไม่ได้แล้ว หลานชังอย่างเขานับเป็นตัวอะไรกัน“จัดการตามที่ย่าว่าเถอะครับ ผมรบกวนด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับผู้นำหมู่บ้านในทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วโจวเหวินมองชายหนุ่มที่เขาเห็นมาแต่เด็กด้วยแววตาเวทนาสงสาร เขาค่อนข้างสนิทกับพ่อของซีห่าว ฉะนั้นลูกของสหายก็ไม่ต่างจากลูกหลานที่เขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-10
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 11 ทานข้าวกับสามีครั้งแรก

    จางซิ่วอิงหายไปในครัวไม่นานอย่างที่เธอว่าไว้ ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวขาวเรียงเม็ดสวยร้อน ๆ สองจาน กับอาหารจานผัดหนึ่งจาน และต้มอีกหนึ่ง วันนี้เธออยากกินหมูสามชั้นต้มพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดเหมือนโลกก่อนจึงทำเพิ่มขึ้นมาอีกจาน เมื่ออาหารพร้อมสรรพบนโต๊ะแล้ว ร่างบางจึงเดินไปเข็นรถให้สามีที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงให้มาทานข้าวด้วยกันกลิ่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้านจนกระทบเข้ากับจมูกของหยางซีห่าว กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี“ฉันมีเวลาทำอาหารไม่มาก เลยมีแต่อาหารง่าย ๆ คุณลองทานดูนะคะ ว่าถูกปากหรือเปล่า?”เสียงใสกล่าวกับสามีขณะที่พาเขาไปยังโต๊ะอาหารแม้จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปบ้างเพราะต้องออกแรงมาก รถเข็นในยุคนี้ไม่ได้สะดวกหรือเข็นเองได้เหมือนยุคที่เธอจากมา การเคลื่อนย้ายจึงต้องออกแรงมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะเธอเต็มใจ สำหรับสาวสองที่ตายมาแล้วชาติหนึ่ง การได้อยู่ร่วมบ้าน ได้ดูแลคนรักเช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-11
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 12 สามีภรรยาปรับความเข้าใจ

    “เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจนแม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจหยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 13 เก็บหอมรอมริบ

    เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืนลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามีตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วยร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 14 เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์

    ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบเพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลังเธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดีจางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 15 เกิดเรื่องกับสามี

    จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไปฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้านเขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 16 กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย

    จางซิ่วอิงออกจากห้องครัวมาพร้อมกับข้าวสองอย่าง ข้าวขาวที่หุงเผื่อไว้ตั้งแต่เช้าถูกอุ่นให้ร้อน และยังมีไข่ต้มอีกสามฟองที่ถูกปลอกเปลือกจนเกลี้ยง อาหารทั้งหมดถูกจัดวางบนโต๊ะทานข้าวเก่า ๆ พร้อมทานหญิงสาวจึงเข้าไปรับสามีออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน หยางซีห่าวเห็นอาหารตรงหน้าก็ครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้นี่เป็นมื้อที่สามแล้วที่เขาเห็นว่าอาหารของภรรยายังคงมีจานเนื้อ ทั้งที่ชาวบ้านชนบททั่วไปอย่าว่าแต่ทานเนื้อเดือนละครั้งเลย แทบจะทุกบ้านจะทานเนื้อเพียงแค่โอกาสหรือวันสำคัญเท่านั้น เดาว่าภรรยาคงชอบทานเนื้อมากทีเดียว เช่นนั้นเขาควรต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย จะได้หาเงินให้มากหน่อยไว้ซื้อเนื้อให้ภรรยาทานทุกมื้อ“ทานสิคะ! คุณต้องบำรุงให้มากหน่อย แผลจะได้หายเร็ว ๆ”ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มหวานขณะตักไข่ต้มสองฟองวางลงในจานข้าวของคนเป็นสามี โดยที่ไม่ได้รู้ความคิดของสามีในตอนนี้แม้แต่น้อย“ทำไมถึง…”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16

บทล่าสุด

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 39 ทายาทที่เหลืออยู่

    จ้าวคุนยื่นมือไปรับรูปถ่ายขนาดเล็กกว่าฝ่ามือจากผู้เป็นพ่อมาดู หากมองผิวเผินรูปนี้อาจจะเป็นเพียงรูปครอบครัวทั่ว ๆ ไป ซึ่งฉากหลังของรูปถ่ายเขาจดจำได้ดีว่าตรงนั้นคือลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์หลังนี้นี่เอง แม้การเวลาผันเปลี่ยน สวนดอกไม้อาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่เขาที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดมีหรือจะจำไม่ได้ในรูปถ่ายมีบรรดาเครือญาติทั้งสายหลักสายรองของตระกูลจ้าวนับคร่าว ๆ เกือบร้อยชีวิต เดาว่าในรูปน่าจะเป็นวันรวมญาติของตระกูลที่จัดขึ้นทุกปีมาอย่างยาวนาน แต่ทุกคนในรูปล้วนไม่ได้สลักสำคัญเท่าใดนักสำหรับจ้าวคุนในตอนนี้ที่กำลังไล่สายตาหาตำแหน่งที่พ่อของตนยืนอยู่รูปคุณปู่คุณย่าที่มีเด็กชายหญิงอายุราวสิบห้าปียืนซ้อนอยู่ด้านหน้า ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพ่อของเขานั่นเอง แต่เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันกับพ่อคือคนที่ทำให้จ้าวคุนเริ่มเข้าใจเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้วเด็กสาวผมเปียคนนั้นยืนจับมือเคียงข้างกับพ่อของเขา ขนาดตัวที่เล็กกว่าเด็กหนุ่มเพียงเล็กน้อย แ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 38 ตระกูลจ้าวแห่งปักกิ่ง

    เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 37 แผนงานขั้นต่อไป

    หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 36 สัญญาเช่าระยะยาว

    เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 35 คนหลงภรรยา

    ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 34 สามีปากหวาน

    หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 33 วางแผนธุรกิจใหม่

    เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 32 หาหมอครั้งสุดท้าย

    เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 31 บอกรักที่ไม่มีคำว่า “รัก”

    รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status