แชร์

ตอนที่ 6 พี่สาวเยว่

ผู้เขียน: หลี่จินผิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-06 21:00:49

หลังจากสินค้าถูกขายหมดเกลี้ยงแผงภายในเวลาอันรวดเร็ว จางซิ่วอิงจึงพับเก็บผ้าปูไว้ในกระเป๋าผ้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินดูสินค้าอื่นที่ขายอยู่ภายในตลาดมืดแห่งนี้สักเล็กน้อยแล้วเดินออกมา

ร่างบางเดินตรงไปยังร้านขายผ้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมถึงผ้าม้วนมากมายวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด

“สวัสดีค่ะ ฉันมาดูชุดสำเร็จรูปสักสองชุด พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่คะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกไปไม่ดังไม่เบา ทั้งใบหน้าของหญิงสาวยังค่อนข้างเป็นมิตรไม่ต่างจากตอนขายของในตลาดมืด ไม่มีคำไหนที่เธอพูดไม่ดีกับพนักงานคนนี้ด้วยซ้ำ เธอมั่นใจ

แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับจากพนักงานของร้านและท่าทางเหยียดหยามของพนักงานที่มีต่อเธอนั้นทำให้จางซิ่วอิงกรุ่นโกรธจนแทบพ่นไฟออกมาเผาหญิงร่างใหญ่ตรงหน้าให้มอดไหม้

“นั่นน่ะ! ดูเอาสิ!!!”พนักงานร่างท้วมตอบค่อนข้างห้วน ขณะนิ้วเรียวชี้มั่ว ๆ ไปยังกองผ้าที่อยู่มุมในสุดของร้าน สายตาที่มองหญิงสาวชาวบ้านชนบทนั้นไม่ได้มีความยินดีอยู่แม้แต่น้อย ยิ่งเห็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่เธอใส่ยิ่งรู้สึกรังเกียจ

จางซิ่วอิงพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออก เพราะเธอก็พอเข้าใจได้ว่าเธออยู่ในชุดที่ออกจะเก่าทั้งยังปะชุนอยู่หลายจุด พนักงานคงกลัวว่าเธอจะมาดูเล่น ๆ แล้วไม่ซื้อก็ได้ จึงตอบรับกลับไปอย่างสุภาพเช่นเคย “ค่ะ ขอเลือกสักครู่นะคะ”

หญิงสาวเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของร้าน ที่มีกองผ้าสีไม่สดใสเท่าใดนักกองสุมกันอยู่ ไม่ได้มีการพับให้เรียบร้อยน่าซื้อแต่อย่างใด แต่จนแล้วจนรอดเธอยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่นานก็ยังไม่ถูกใจ เพราะเนื้อผ้าแต่ละตัวนั้นค่อนข้างหยาบ และคงใส่ไม่สบายตัวอย่างแน่นอน

สามีของเธอทำงานเป็นทหาร เขาเสียสละร่างกายเพื่อให้ภรรยาอย่างเธอได้อยู่สบาย พอเขากลับมาก็อยากให้เขาอยู่ในที่ดี ๆ ทานอาหารอร่อย ใส่เสื้อผ้าใหม่เนื้อดีให้สบายกายสักหน่อย เป็นการตอบแทน

“ไม่ทราบว่ามีที่เนื้อผ้าดีกว่านี้สักหน่อยหรือเปล่าคะ? คือฉันคิดว่า…”

ยังไม่ทันที่จางซิ่วอิงจะกล่าวจบประโยค พนักงานกลับโต้ตอบเธอขึ้นมาด้วยเสียงที่ดัดจนแหลมเล็กที่ดังไปทั่วทั้งร้าน จนลูกค้าที่เลือกอยู่มุมอื่น ๆ ให้ความสนใจ และกลายเป็นจุดรวมสายตาภายในเวลาอันรวดเร็ว

“โอ๊ยนี่หล่อน!! ผ้าเกรดต่ำพวกนั้นน่ะเหมาะกับหล่อนที่สุดแล้วจ๊ะ! จะอยากดูผ้าเนื้อดีไปทำไมกัน ในเมื่อก็ไม่รู้จะมีปัญญาซื้อหรือเปล่าน่ะ!!”

เธอพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย สายตาที่มองลูกค้าหญิงชนบทจน ๆ ตรงหน้านั้นดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง ปากหนาทาเคลือบด้วยชาดสีแดงฉานบิดยิ้มร้ายก่อนจะเบะปากด้วยความรังเกียจลูกค้าจน ๆ ที่เอาแต่ถามนั่นนี่ไม่เลิก

จางซิ่วอิงสูดหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากตัดสินร้านนี้เพราะแค่พนักงานต่ำตมเพียงแค่คนเดียว จึงต้องการพูดคุยกับคนดูแลร้านสักหน่อย อย่างไรเธอเชื่อว่าเธอคงไม่ใช่ลูกค้าคนแรกที่โดนดูถูกดูแคลนเช่นนี้

“ค่ะ!! ฉันขอคุยกับผู้จัดการร้านด้วยค่ะ”แม้น้ำเสียงของหญิงสาวจะไม่ได้เป็นมิตรอย่างในตอนแรก แต่ก็นับว่ายังคงความสุภาพไว้อยู่มากทีเดียว

“ฉันนี่แหละ!! ผู้จัดการร้านที่หล่อนถามหา น้ำหน้าอย่างหล่อนลำพังเสื้อผ้าเกรดต่ำราคาถูกกองนั้นยังไม่แน่ว่าจะมีปัญญาซื้อ แล้วจะถามหาที่ดีกว่านี้อีก คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ห๊า!!”

ร่างอวบอัดของผู้จัดการร้านวัยสามสิบสองยืนประจัญหน้ากับลูกค้าเรื่องมากอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สองมือกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างเหนือกว่า ปรายตามองร่างผ่ายผอมราวกับขาดสารอาหารอย่างดูถูก

ก็แค่นังบ้านนอกคนหนึ่ง จะมีปัญญาซื้อสักกี่ตัวกันเชียว ชิ!

“เหอะ! ฉันก็เป็นลูกค้าธรรมดาคนหนึ่งนี่ล่ะค่ะ และดูจากท่าทางของผู้จัดการร้านแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรไปซื้อร้านที่เขาเต็มใจขายและไม่มีผู้จัดการร้านมารยาททรามแบบร้านนี้จะดีกว่า”

ร่างบางพูดตอบเสียงสั่นเครือ ดวงตาจ้องเขม็งด้วยความกรุ่นโกรธในกายอัดแน่นจนแทบระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ สายตาหลายคู่ที่มองมายังจุดที่เธอยืนอยู่ทำให้จางซิ่วอิงพยายามระงับอารมณ์ ไม่เดินไปตบนางมนุษย์ป้าหน้าเมือกนี่

พลันคิดในใจว่าหากเหตุการณ์นี้เกิดในยุคของเธอ สาวสองเลือดนักสู้อย่างลมหนาวไม่มีทางปล่อยให้คนปากแบบนี้มาตวาดเธอได้อยู่สงบสุขแน่ เห็นทีต้องได้ตบตีกันสักยกแน่นอน แต่ด้วยกฎหมายในตอนนี้เป็นเหตุให้ลมหนาวในร่างของหญิงชนบทร่างผอมบางจำต้องกลืนความกรุ่นโกรธลงท้องไปให้หมด

แม้จางซิ่วอิงรู้สึกไม่พอใจอย่างถึงที่สุดแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรไปมากกว่านี้ มารยาททรามขนาดนี้เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าร้านนี้จะใหญ่โตได้อีกนานแค่ไหน คิดเพียงเท่านั้นร่างบางจึงเดินสะบัดหน้าออกมา ก่อนจะเดินต่อไปอีกราวยี่สิบเมตรก็เจอร้านผ้าขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีคนสนใจมากนัก

ที่นี่เป็นร้านเล็กที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างอับสายตา ภายในร้านมีพนักงานชายหนึ่งคนที่กำลังเคลื่อนย้ายม้วนผ้าขนาดใหญ่ กับพนักงานสาวที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ กำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงสินค้าอยู่

จางซิ่วอิงจึงเดินเข้าไปยังด้านหนึ่งของร้านที่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แม้จะมีแบบที่ค่อนข้างล้าสมัยและตัวเลือกน้อยกว่าร้านใหญ่เมื่อครู่ แต่ก็นับว่าการจัดเรียงอย่างใส่ใจของร้านนี้ดึงดูดความสนใจจากร่างบางได้มากทีเดียว

ในขณะที่มือเรียวกำลังลูบเนื้อผ้าอยู่นั้น หญิงสาวที่กำลังจัดสินค้าอยู่อีกด้านก็เดินเข้ามาหาลูกค้ารายแรกของวันพลางเริ่มบทสนทนาอย่างกระตือรือร้น

“สวัสดีค่ะ ต้องการเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบไหน สอบถามได้นะคะ”

เสียงใสทั้งสุภาพและอ่อนน้อมแตกต่างจากที่เจอมาก่อนหน้านี้ทำให้อารมณ์ของลูกค้าสาวค่อย ๆ สงบลง จางซิ่วอิงหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของน้ำเสียงเป็นมิตรนั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ต่างกัน

“คุณคือเถ้าแก่เนี๊ยเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ ฉันพึ่งมารับช่วงต่อร้านนี้จากคุณแม่ได้เพียงเดือนเดียว บางอย่างในร้านอาจจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนัก หากหาอะไรไม่เจอก็สอบถามฉันก่อนได้เลยนะคะ”พูดจบไม่ลืมส่งยิ้มให้ลูกค้าอย่างที่ได้รับสั่งสอนมา

เป็นเพราะปัญหาสุขภาพของคุณแม่ เธอจึงต้องมารับช่วงต่อทันทีหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย โดยนับตั้งแต่วันแรกเธอต้องเรียนรู้เองทุกอย่าง แม้ผู้เป็นมารดาจะคอยให้คำปรึกษา แต่หญิงสาวคิดว่าหากมีมารดามาคอยสอนงานอย่างใกล้ชิด บางทีเธออาจจะทำได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้

“เลือกก่อนได้เลยนะคะ เสื้อผ้าทุกชิ้นสามารถลองก่อนได้ และหากซื้อเยอะฉันลดให้พิเศษเลยล่ะค่ะ”เยว่ผิงอันกล่าวต่อพร้อมคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้กับลูกค้า คำพูดต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่แม่เธอสั่งสอนและกำชับให้เธอปฎิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังไม่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเสียที จนทุนที่มีเริ่มร่อยหรอเต็มที และเธอเองก็เริ่มท้อแท้แล้วเช่นกัน

จางซิ่วอิงยิ้มรับอย่างพึงพอใจ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบกายครั้งหนึ่ง ร้านนี้ต่อให้อยู่ในทำเลไม่โดดเด่น แต่ทว่าร้านกลับสะอาดสะอ้าน สินค้าเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าซื้อหาทั้งที่มีคนดูแลร้านอยู่แค่สองคน แถมเจ้าของร้านยังปฎิบัติกับลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจที่เธอเห็นแค่หญิสาวจากชนบท

พลันปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นบนใบหน้าของจางซิ่วอิงในทันที

“คุณอยากขายดีหรือเปล่า?”

“ก็ต้องอยากสิคะ”เยว่ผิงอันแม้จะแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ยอมรับไปตามตรงอย่างไม่ลังเล ทำการค้าใครบ้างไม่อยากขายดี

“ถ้าอย่างนั้นฉันมีสินค้ามาให้คุณขายค่ะ ช่วงแรกฉันจะฝากวางขายก่อนและแบ่งให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็น ขายได้ก็ค่อยเอาเงินมาให้ฉัน”

ขณะพูดใบหน้าได้รูปกลับมารอยยิ้มมั่นใจอยู่เสมอ แววตาของหญิงสาวนั้นทอประกายมุ่งมั่นกว่าครั้งไหน

“แล้วสินค้าที่ว่านั่นคือ…”เธอจำเป็นต้องรู้เสียก่อน เพื่อจะได้ตัดสินใจถูก

แต่ทว่าจางซิ่วอิงเลือกที่จะไม่ตอบอีกฝ่ายไปตามตรง เพราะเธอต้องขอกลับไปดูของในมิติก่อนว่าพร้อมนำออกมาขายจำนวนมากหรือไม่ เธอจำต้องคัดสินค้าเพื่อไม่ให้ดูล้ำสมัยมากเกินไป

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอามาให้คุณดูค่ะ ส่วนคุณพอใจจะรับหรือไม่ก็ค่อยตกลงกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ก็ไม่สาย คุณเห็นว่าอย่างไรคะ?”

“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ตกลง ฉันชื่อผิงอัน แซ่เยว่ค่ะ”หญิงสาวหัวสมัยใหม่อย่างเยว่ผิงอันไม่รอช้า ยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อทำความรู้จักหญิงสาวที่อาจจะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจในวันข้างหน้าของเธอ ซึ่งเยว่ผิงอันนั้นรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูกยิ่งได้เห็นรอยยิ้มและแววตาทอประกายนั่น เธอยิ่งรู้สึกอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็ว ๆ เสียแล้ว

“ฉันจางซิ่วอิงค่ะ อายุสิบหก”จางซิ่วอิงยื่นมือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกไปจับมือนิ่มตรงหน้า เธอไม่รู้หรอกว่าปกติคนที่นี่แนะนำตัวกันอย่างไร แต่เธอเลือกที่จะบอกอายุก่อนเพื่อจะได้เรียกถูก

“อ่า อย่างนั้นเธอต้องเรียกฉันว่าพี่เยว่ล่ะสิ”

เยว่ผิงอันปีนี้อายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ซึ่งจะนับว่าเป็นสาวเทื้อก็ไม่ผิดนัก แต่เธอคิดว่าหากมีการศึกษาที่ดีและสองมือที่ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้ การมีสามีก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น อีกอย่างเธอยังไม่เจอผู้ชายที่ดีพอน่ะสิ

“ยินดีค่ะ พี่สาวเยว่”

จางซิ่วอิงยิ้มหว้างจนตาหยีให้กับพี่สาวคนใหม่ ก่อนจะขอตัวเดินเลือกเสื้อผ้าที่ต้องการ เธอเลือกเสื้อผ้าคุณภาพปานกลางที่ค่อนข้างหนาหน่อย เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ซึ่งมีของเธอสองชุด และของสามีอีกสองชุดซึ่งกะขนาดเอาจากความทรงจำเลือนราง ก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำในวันพรุ่งนี้ก็รู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 7 ทำสัญญาการค้า

    จางซิ่วอิงกลับมาถึงบ้านก็ใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มที หญิงสาวเลยเลือกทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้จากในมิติมาต้มใส่ผักและเนื้อง่าย ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะทานจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาทีร่างบอบบางอาบน้ำชำระร่างกายด้วยด้วยของใช้ที่นำมาจากในมิติ ซึ่งทำให้ห้องน้ำนั้นหอมฟุ้งไม่ต่างจากกลิ่นกายก่อนนอนไม่ลืมตรวจตราความเรียบร้อยรอบบ้านเช่นเคย ก่อนจะนำเงินที่ขายสินค้าในวันนี้ออกมานับ ซึ่งจำนวนที่ได้ในวันนี้ก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจนัก อย่างนี้ความฝันเรื่องบ้านหลังใหม่คงอีกไม่ไกลแล้วในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่สาวสองในร่างของจางซิ่วอิงหลับไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แม้จะเหนื่อยยากลำบากไปสักหน่อยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้ลมหนาวจะทำให้ชีวิตของจางซิ่วอิงดีขึ้นให้ได้ ในหัวนั้นวาดฝันอนาคตไปพลาง กระทั่งปิดเปลือกตาลงมุมปากยังคงมีรอยยิ้มเบาบางเช้าวันต่อมาจางซิ่วอิงยังคงทำอาหารง่าย ๆ ทาน ก่อนจะออกจากบ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 8 วางแผนซื้อบ้าน

    จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวันระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 9 สามีไร้ประโยชน์

    หยางซีห่าวมองภรรยาที่ทรุดกายร่ำไห้อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนนี้เขาตัดสินใจเข้ากรมเพื่อเป็นทหารก็เพราะอยากให้ภรรยาอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องไปทนลำบากทำงานตากแดดในแปลงนาแต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ แม้หมอที่ค่ายจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาจะพิการเสียทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม จางซิ่วอิงคงเสียใจมากที่สุดท้ายแล้วสามีอย่างเขาก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอนั้นสุขสบายได้ตลอด แถมยังเจ็บหนักเข้าขั้นพิการกลับมาให้เธอดูแลต่อ สามีเช่นเขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริงเสียงเอะอะโวยวายและถ้อยคำด่าทอรุนแรงของย่าสามีนั้นเรียกสติในตัวเธอให้กลับมาได้ทันเวลา มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออก พลางตวัดตามองย่าของสามีด้วยความไม่พอใจ“ซีห่าว!! แก!! แกมันตัวไร้ประโยชน์!”เหยียนเพ่ยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดตีอกชกหัวทันทีที่ได้เห็นสภาพหลานชายที่เคยเป็นคนหาเงินเข้าบ้านมากที่สุด ตอนนี้หยางซีห่าวไม่ใช่ว่าคนไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-09
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 10 ตัดขาดเสียที

    น้ำเสียงตวาดกร้าวของผู้เป็นย่าเรียกร้องให้ตัดขาดจากหลานชายดังขึ้นจนทุกคนที่ยืนห้อมล้อมเหตุการณ์อยู่ได้ยินและรับรู้ถึงความใจดำของย่าที่มีต่อหลานชายได้อย่างชัดเจนจางซิ่วอิงเหยียดยิ้มเมื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราเห็นแก่ตัวอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปสบตากับสามีอีกครั้งหยางซีห่าวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างอดกลั้น สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้กำลังตอกย้ำความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวนี้หรอกหรือ เมื่อหาเงินเขาบ้านไม่ได้แล้ว หลานชังอย่างเขานับเป็นตัวอะไรกัน“จัดการตามที่ย่าว่าเถอะครับ ผมรบกวนด้วย”เสียงทุ้มกล่าวกับผู้นำหมู่บ้านในทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วโจวเหวินมองชายหนุ่มที่เขาเห็นมาแต่เด็กด้วยแววตาเวทนาสงสาร เขาค่อนข้างสนิทกับพ่อของซีห่าว ฉะนั้นลูกของสหายก็ไม่ต่างจากลูกหลานที่เขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-10
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 11 ทานข้าวกับสามีครั้งแรก

    จางซิ่วอิงหายไปในครัวไม่นานอย่างที่เธอว่าไว้ ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวขาวเรียงเม็ดสวยร้อน ๆ สองจาน กับอาหารจานผัดหนึ่งจาน และต้มอีกหนึ่ง วันนี้เธออยากกินหมูสามชั้นต้มพร้อมน้ำจิ้มแซ่บซี๊ดเหมือนโลกก่อนจึงทำเพิ่มขึ้นมาอีกจาน เมื่ออาหารพร้อมสรรพบนโต๊ะแล้ว ร่างบางจึงเดินไปเข็นรถให้สามีที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงให้มาทานข้าวด้วยกันกลิ่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้านจนกระทบเข้ากับจมูกของหยางซีห่าว กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยช่วยเรียกน้ำย่อยในกระเพาะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี“ฉันมีเวลาทำอาหารไม่มาก เลยมีแต่อาหารง่าย ๆ คุณลองทานดูนะคะ ว่าถูกปากหรือเปล่า?”เสียงใสกล่าวกับสามีขณะที่พาเขาไปยังโต๊ะอาหารแม้จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปบ้างเพราะต้องออกแรงมาก รถเข็นในยุคนี้ไม่ได้สะดวกหรือเข็นเองได้เหมือนยุคที่เธอจากมา การเคลื่อนย้ายจึงต้องออกแรงมากหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะเธอเต็มใจ สำหรับสาวสองที่ตายมาแล้วชาติหนึ่ง การได้อยู่ร่วมบ้าน ได้ดูแลคนรักเช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-11
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 12 สามีภรรยาปรับความเข้าใจ

    “เชื่อสิครับ ก็คุณคือภรรยาคนเดียวของผม”และตอนนี้ชีวิตชายพิการเช่นเขาก็มีเพียงเธอเท่านั้น ซ้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของภรรยาที่มีต่อเขาอย่างชัดเจนแม้เธอไม่เคยพูดออกมาว่ารักสามีอย่างเขาหรือไม่ แต่ไหล่เล็กที่พยายามปกป้องเขาในตอนนั้น รวมถึงท่าทีเอาเรื่องกับคนคิดร้ายต่อสามีของเธอก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีที่มีภรรยาเช่นจางซิ่วอิง“แล้วเคยคิดจะหย่ากับภรรยาขี้โรคแบบฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามออกไปตามตรง ในขณะที่มือยังคงแกะผ้าพันแผลของเขาออกอย่างตั้งใจหยางซีห่าวอายุเพียงยี่สิบปี หากเขาสามารถรักษาแผลที่ขาหายและเดินได้ปกติ เมื่อกลับเข้ากรมอนาคตของเขาคงไปได้อีกไกล และสามารถเลือกผู้หญิงมาอยู่เคียงข้างที่ดีกว่าหญิงสาวหน้าตาขลาดเขลา แถมยังดูอมโรคแบบเธอได้“ไม่เคย! และไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”หยางซีห่าวปฎิเสธขึ้นในทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 13 เก็บหอมรอมริบ

    เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืนลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามีตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วยร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 14 เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์

    ทันทีที่หญิงสาวลงจากเกวียน เธอเดินไปสำรวจจุดเดิมที่เคยวางของขาย เมื่อเห็นว่ายังว่างอยู่จึงคลี่ผ้าที่เตรียมมาออกแล้วปูลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซอกตึกเพื่อเตรียมสินค้าของวันนี้มาวางขาย เนื่องจากตั้งใจจะปล่อยสินค้าจำนวนมากขึ้น จึงต้องเดินขนของหลายรอบหน่อยกว่าจะได้ของครบเพียงไม่นานแอปเปิ้ลผลใหญ่น่าทานจำนวนสี่ลังก็วางลงบนข้างผืนผ้าเรียบร้อย ข้างกันยังมีสาลี่และองุ่นที่วางอยู่ในลังเช่นกันอีกอย่างละสองลังเธอยังคงขายเนื้อแพ็คอย่างดีเช่นเดิม โดยไม่ลืมของแห้งอย่างหมูแผ่น หมูฝอย และหมูหยองอย่างละสามสิบแพ็ควางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หลังจากเรียงสินค้าชิ้นสุดท้ายเสร็จก็พอดีกับที่ลูกค้ารายแรกมาติดต่อซื้อพอดีจางซิ่วอิงพอจำได้ว่าหญิงชราที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ คุณยายท่านนี้มักมาซื้อเนื้อแพ็คของเธอไปคราวละห้าถึงสิบแพ็คทุกครั้ง คาดว่าคนที่บ้านคงเยอะน่าดู แต่คราวนี้หลังจากหยิบเนื้อเช่นทุกวันแล้ว แทนที่จะจ่ายเงินและจากไปอย่างทุกครั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14

บทล่าสุด

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 39 ทายาทที่เหลืออยู่

    จ้าวคุนยื่นมือไปรับรูปถ่ายขนาดเล็กกว่าฝ่ามือจากผู้เป็นพ่อมาดู หากมองผิวเผินรูปนี้อาจจะเป็นเพียงรูปครอบครัวทั่ว ๆ ไป ซึ่งฉากหลังของรูปถ่ายเขาจดจำได้ดีว่าตรงนั้นคือลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์หลังนี้นี่เอง แม้การเวลาผันเปลี่ยน สวนดอกไม้อาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่เขาที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดมีหรือจะจำไม่ได้ในรูปถ่ายมีบรรดาเครือญาติทั้งสายหลักสายรองของตระกูลจ้าวนับคร่าว ๆ เกือบร้อยชีวิต เดาว่าในรูปน่าจะเป็นวันรวมญาติของตระกูลที่จัดขึ้นทุกปีมาอย่างยาวนาน แต่ทุกคนในรูปล้วนไม่ได้สลักสำคัญเท่าใดนักสำหรับจ้าวคุนในตอนนี้ที่กำลังไล่สายตาหาตำแหน่งที่พ่อของตนยืนอยู่รูปคุณปู่คุณย่าที่มีเด็กชายหญิงอายุราวสิบห้าปียืนซ้อนอยู่ด้านหน้า ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพ่อของเขานั่นเอง แต่เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันกับพ่อคือคนที่ทำให้จ้าวคุนเริ่มเข้าใจเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้วเด็กสาวผมเปียคนนั้นยืนจับมือเคียงข้างกับพ่อของเขา ขนาดตัวที่เล็กกว่าเด็กหนุ่มเพียงเล็กน้อย แ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 38 ตระกูลจ้าวแห่งปักกิ่ง

    เสียงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวในช่วงเย็นย่ำ ก่อนที่คุณชายจ้าวคุนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดีคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางย่านสำคัญของปักกิ่ง ภายนอกรายล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกและไม้ยืนต้นที่ถูกดูแลเป็นอย่างดีกินเนื้อที่กว่าสามไร่ ภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางชิ้นไม่อาจประเมินค่าเพราะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนโลกก็ว่าได้ร่างสูงโปร่งของคุณชายจ้าวเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อแทบทุกระเบียดนิ้วนั้นประดับรอยยิ้มอย่างคุณชายเจ้าสำราญอยู่ตลอด นัยน์ตาคมทอดมองไปยังข้าวของที่วางเรียงรายกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้องโถง พลางนึกไปถึงเงินจำนวนมากที่คุณพ่อจ่ายออกไปสำหรับของเหล่านี้เพื่อความสุขของคุณแม่ ครั้งนี้คุณพ่อจ่ายหนักเสียจริง…“สวัสดีครับคุ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 37 แผนงานขั้นต่อไป

    หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าและรักษาท่าทีให้กลับมาสงบดังเดิม ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของผู้จัดการเผยคนนี้ ก็ไม่แปลกใจนักกับความคิดของคนในยุคนี้ยุคที่เศรษฐกิจภายในประเทศผันผวนตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีใครใจกล้าเช่าหน้าร้านระยะยาวด้วยเงินก้อนโตอย่างเธอบ้าง หรือแม้แต่การเช่าที่ดินทำการเกษตรเธอก็เชื่อว่าคงไม่มีใครเช่าระยะยาวหลายปีเช่นที่เธอกำลังทำอยู่อย่างแน่นอนแต่สำหรับโลกก่อนการเช่าร้านใหญ่ในห้างมีใครบ้างอยากจะเช่าเพียงแค่สามเดือน ถ้าหากเธอขายดีขึ้นมาแล้วเกิดหมดสัญญาเช่าก่อน อย่างนั้นจะไม่เสียเวลาต่อสัญญาหรืออาจจะต้องหาหน้าร้านใหม่หรอกหรือ“อย่างนั้นฉันสนใจเช่าห้าปีทั้งสองร้านค่ะ ทางผู้จัดการเผยเขียนสัญญาและคำนวนค่าเช่าล่วงหน้ามาได้เลยนะคะ”น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล แม้จะเป็นสีหน้าไม่เข้าใจของพี่สาวเยว่แต่จางซิ่วอิงกลับคิดว่าเธอได้คำนวนมาเป็นอย่างดีแล้วต่างหาก

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 36 สัญญาเช่าระยะยาว

    เนื่องจากห้างสรรพสินค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จดีและไม่มีพื้นที่สำหรับการต้อนรับหรือพูดคุย เยว่ผิงอันจึงตกลงนัดหมายการทำสัญญาในวันนี้ที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับห้างสรรพสินค้าแทนสำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนของงานปรับปรุงซ่อมแซมและใช้สำหรับพูดคุยเรื่องสำคัญที่ห้างสรรพสินค้าสร้างขึ้นมาแยกจากตัวห้างสำหรับใช้งานชั่วคราวระหว่างรอสำนักงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าปรับปรุงเสร็จอาคารสำนักงานแห่งนี้มีขนาดสี่สิบตารางวานับว่ากว้างขวางพอสมควร ทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับห้างสรรพสินค้า ถือว่านายทุนของที่แห่งนี้นอกจากมีกำลังทรัพย์มหาศาลแล้วยังมีอิทธิพลค่อนข้างมากระยะทางจากบ้านของเธอมาถึงสำนักงานแห่งนี้นับว่าใกล้กันมาก จางซิ่วอิงจึงนัดหมายกับพี่สาวเยว่มาเจอกันที่นี่แทน สองสามีภรรยาเผื่อเวลาไว้พอสมควร ระหว่างทางจึงไม่ได้รีบร้อน ทั้งคู่เดินไปหยอกล้อกันไปราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่พึ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก็ไม่ปา

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 35 คนหลงภรรยา

    ในทันทีที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสกับพื้นผิวของเตียงเตาหลังกว้าง ร่างหนาของหยางซีห่าวก็ทิ้งกายลงคร่อมทับภรรยาเอาไว้ สองสายตาสบประสานกันอย่างสื่อความหมายกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาวโชยขึ้นมาเตะจมูกของคนเป็นสามีจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกายหนา กอปรกับดวงตาคู่เรียวที่ปรือขึ้นมองเขาอย่างยั่วเย้านั้นทำเอาหยางซีห่าวแทบคลั่งพลันริมฝีปากหยักจรดลงบนแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ช่างขัดกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เริ่มติดขัด มือหนาทั้งบีบทั้งเคล้นไปเสียทุกส่วนโค้งเว้าใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสอุ่นจูบซับไปตามกรอบหน้า ริมฝีปากบางเผยออ้าราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายหนุ่มจะประกบจูบลงมาเรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากของภรรยา ก่อนจะถูกร่างบางจูบตอบกลับมาอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน สองแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอหนา พลางเอียงใบหน้าเพื่อสอดรับเรียวลิ้นได้ถนัดถนี่หยางซีห่าวค

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 34 สามีปากหวาน

    หลังจากพูดคุยกันต่ออีกราวสามสิบนาทีจางซิ่วอิงเห็นว่าใกล้เวลามื้อเย็นแล้วจึงชวนสหายรุ่นพี่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับซึ่งในทีแรกเยว่ผิงอันมีท่าทีปฏิเสธ แต่ทว่ากลับถูกคะยั้นคะยอจากคู่ค้าคนสำคัญ หนักเข้าจึงตกปากรับคำในเวลาต่อมาด้วยความเกรงใจในยุคนี้ข้าวปลาอาหารล้วนขาดแคลน การซื้อหานับว่าต้องใช้เงิน สินค้าบางอย่างมีการยกเลิกการใช้คูปองไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออยู่ดี การทานอาหารบ้านคนอื่นนับเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจให้มากคุณแม่เธอสอนมาอย่างนั้น จึงค่อนข้างเกรงใจสหายไม่อาจรับปากง่าย ๆ ได้จางซิ่วอิงปลีกตัวเข้ามาทำอาหารในครัว โดยปล่อยสหายให้นั่งดูแผนงานรอไปก่อน ซึ่งหยางซีห่าวสบโอกาสใกล้ชิดในทันที ร่างหนาเร่งเดินตามภรรยารักเข้ามาในครัวพร้อมกับออกปากว่าจะช่วยทำกับข้าวในวันนี้หญิงสาวนึกอยากทานไก่คั่วพริกเกลือขึ้นมาจึงเริ่มหยิบเนื้อไก่ขึ้นมาหั่นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะเตรียมวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นจึ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 33 วางแผนธุรกิจใหม่

    เยว่ผิงอันยิ้มกว้างเมื่อเห็นสหายรุ่นน้องและสามีกลับบ้านมาพอดีหลังจากมายืนรออยู่เกือบสิบห้านาทีเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้ครั้งหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าสามีของอิงอิงนั้นเป็นทหารที่กำลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับยืนเคียงข้างภรรยาอย่างมั่นคง นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากไม่ใช่เหรอ“ฉันจะมาคุยเรื่องร้านใหม่ของเราน่ะสิ!”เยว่ผิงอันตอบอย่างกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลของการมาที่บ้านหลังนี้ ใบหน้าเรียวแม้จะดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อธุระสำคัญของวันนี้จางซิ่วอิงยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขรั้วบ้านแต่ก็ถูกมือหนาของสามีแย่งไปเสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณเขาและหันมาให้ความสนใจกับสหายคู่ค้าก่อนเยว่ผิงอันมามองท่าทีสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา พลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้สหาย จนหญิงสาวที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับขวยเขิ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 32 หาหมอครั้งสุดท้าย

    เสื้อผ้าเนื้อละเอียดสีเดียวกัน ฝีเข็มปราณีตบ่งบอกถึงราคาที่ไม่ใช่ชาวชนบททั่วไปจะจับต้องได้ ชุดคู่นี้ถูกสวมลงบนกายของทั้งคู่ หากใครเห็นไม่บอกก็พอจะรู้ได้ว่าชายหญิงคู่นี้คือคนรักกันอย่างแน่นอน หลังจากประทินโฉมเพียงเล็กน้อยจางซิ่วอิงก็ได้เวลาออกจากห้องนอน ซึ่งมีสามีมายืนรออยู่ก่อนแล้วจางซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งโดยมีสามีเลื่อนให้ ใบหน้าเรียวเล็กวาดยิ้มจนตาหยีก่อนจะกล่าวขอบคุณสามีเสียงหวานความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตา ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่น พลันหวนนึกถึงที่ที่จากมา ในตอนนั้นชีวิตคู่ของเธอกับพี่ซีห่าวก็นับได้ว่าหวานชื่นไม่แพ้ตอนนี้ แม้จะไม่ได้ตบแต่งกันเช่นชีวิตนี้ แต่เขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีในทุกวันเขาและเธอจะต่างคนต่างทำหน้าที่การงานของตนเอง อาจมีแวะเวียนมาทานมื้อกลางวันด้วยกันบ้าง ทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาไม่เคยปล่อย

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 31 บอกรักที่ไม่มีคำว่า “รัก”

    รุ่งเช้าของวันใหม่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกิดแสงสีแดงอมส้มที่ลอดผ่านเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวของบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบพื้นที่เปลือกตาสีไข่ปรือขึ้นพลางกระพริบขี้นลงถี่รัวเพื่อปรับให้คุ้นชินกับแสงที่กระทบเข้ากับดวงตา ทันทีที่ตื่นเต็มตาเธอหันไปมองร่างหนาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขากำลังหลับสนิท ท่อนแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้เช่นทุกวันแต่ที่ต่างออกไปเพราะระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพียงแค่หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเช่นทุกคืน…จางซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวไล่สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของสามี สันจมูกคมเด่น กรามได้รูป และลูกกระเดือกใหญ่ที่ข้างกันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ติดอยู่ พลันใบหน้างามรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงที่มาของรอยนั้น ทั้งลำคอหนา ไหปลาร้า หรือแม้แต่หน้าอกแกร่ง ล้วนมีรอยที่เธอเป็นคนทำขึ้นทั้งสิ้นคล้ายว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status