แชร์

บทที่ 4

บทที่ 4

รถคันนั้นจอดยังลานหน้าบ้าน ก่อนที่คนขับจะเปิดประตูลงมา ตาที่ยังพร่ามัวอยู่นิดๆ เพ่งมองไปยังคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถ และเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร เธอก็รีบขยับไปหลบฉากที่หลังพุ่มกระดุมทองอย่างตกใจ แต่ทว่าก็ยังไม่ไวเท่ากับสายตาของเขา ร่างสูงสาวเท้ายาวๆ ตามมาทันทีพร้อมกับเอ่ยเสียงดุๆ ขึ้น

“นั่นใคร มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนั้น”

“...”

เงียบไม่มีเสียงตอบใดๆ ธรินดายอมรับว่าตอนนี้หัวใจเต้นแรงโครมครามไปหมดเพราะกลัวเสียงดุๆ นั้นจนไม่กล้าตอบ อีกทั้งไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะได้เจอปรัชญ์ในเวลานี้

“ฉันถามว่าใคร ออกมาซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากตัวออกมาเอง”

ปรัชญ์ไม่แค่ขู่แต่ยังขยับเข้าไปใกล้หลังพุ่มไม้เล็กๆ ที่ร่างบางหลบซ่อนอยู่ ทำให้ธรินดาต้องค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากที่กำบังของตัวเองและเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก

“สวัสดีค่ะคุณปรัชญ์”

มือเล็กยกขึ้นไหว้พร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ขณะมองคนที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าอย่างเผลอสำรวจโดยไม่รู้ตัว

ไม่ได้เจอกันหลายปี ปรัชญ์ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก หุ่นที่เคยเก้งก้างสมัยวัยรุ่นตอนนี้บึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้าม โดยเฉพาะช่วงหน้าอกและลำขาของเขา แม้จะซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าเธอก็เห็นความเป็นผู้ชายหุ่นดีเหล่านั้นโดดเด่นออกมา ผมหยักศกนิดๆ ที่เจ้าตัวปล่อยให้ยาวถูกรวบไว้ด้านหลัง  ใบหน้าที่คมคร้ามสะอาดสะอ้านกลับเต็มไปด้วยไรหนวดไรเครา ทำให้เขาดูเซอร์แต่หล่อเข้มมากกว่าเดิม ทว่าไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปแค่ไหนแต่สไตล์การแต่งตัวของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าใดนัก ปรัชญ์ยังคงใส่เสื้อยืดแม้จะตัวค่อนข้างใหญ่แต่ก็เห็นซิกซ์แพ็กที่อวดตัวอยู่ใต้เสื้อตัวนั้น ช่วงล่างเป็นกางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบเก่าๆ แต่เป็นยี่ห้อแบรนด์เนมราคาแพง และแม้ว่าเขาจะอยู่ในมาดเซอร์ๆ และแต่งตัวธรรมดาๆ เช่นนี้ ธรินดาก็รู้ดีว่าปรัชญ์ต้องมีผู้หญิงมาติดพันเป็นสิบเป็นร้อยเหมือนเดิมอย่างแน่นอน 

“อ้อ...นึกว่าใคร ที่แท้ก็ลูกสาวคนโปรดของแม่เลี้ยงลักษิกานี่เอง ฉันอุตส่าห์กลับมาซะดึกนึกว่าจะไม่ได้เจอ ก็ยังต้องมาเจอหน้าจืดๆ น่าเบื่อๆ ของเธอจนได้”

น้ำเสียงของปรัชญ์ฟังดูระรานและไม่เป็นมิตรเช่นเคย แถมยังทำเหมือนกับหงุดหงิดที่เจอหน้าเธอ ธรินดาจึงก้มหน้าและขยับตัวเพื่อกลับเข้าบ้าน เขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเธอให้ต้องหงุดหงิดไปมากกว่านั้น

“นั่นเธอจะไปไหน” เสียงดุๆ ดังขึ้นทันทีที่ธรินดาจะเดินผ่านหน้าเขาไป

“เล็กจะเข้าบ้านค่ะ”

“แล้วไม่คิดจะบอกกล่าวกันก่อนเหรอ หรือว่าไม่เห็นว่าฉันยืนหัวโด่อยู่นี่ ถึงคิดจะเดินหนีก็เดินไปดื้อๆ”

“เปล่านี่ค่ะ เมื่อกี้คุณปรัชญ์บอกว่าไม่อยากเห็นหน้าจืดๆ ของเล็ก เล็กก็เลยจะรีบไปให้พ้นๆ หน้า คุณปรัชญ์จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเล็ก”

“นี่เธอประชดฉันเหรอธรินดา ไม่เจอกันตั้งนาน ดูเหมือนจะปากเก่งขึ้นนะ”

“เล็กเปล่านะคะ เล็กก็แค่ไม่อยากอยู่ให้คุณปรัชญ์รำคาญ” ธรินดารีบแก้ความเข้าใจผิดของเขาเสียใหม่ แต่ปรัชญ์ก็คือปรัชญ์ที่ไม่ค่อยจะมีเหตุผลกับเธอเสมอ ลองให้เขาอยากหาเรื่อง ยังไงเธอก็ไม่มีทางหนีพ้น

“ถ้าไม่อยากให้ฉันรำคาญแล้วลงมาเดินดึกๆ ดื่นๆ ทำไมป่านนี้ หรือว่าเธอลงมาดักรอฉัน”

“หลงตัวเอง ทำไมเล็กจะต้องมาดักรอคุณปรัชญ์ด้วยคะ” ธรินดาเผลอตอบโต้ไปด้วยเสียงห้วน เมื่อถูกกล่าวหาจากคนหลงตัวเองและไร้เหตุผลเช่นนั้น

“เธออาจจะคิดถึงฉันมั้ง ไม่ได้เจอกันเสียหลายปีนี่ เลยอยากมาดูว่าฉันหล่อขึ้นแค่ไหน”

“เล็กไม่ได้อยากเห็น และเล็กก็ไม่ได้คิดถึงคุณปรัชญ์ด้วย”

“สาบานสิว่าเธอไม่เคยคิดถึงฉันแม้แต่นิด” ปรัชญ์ท้าแถมยังขยับเข้ามาใกล้ ถือวิสาสะยื่นมือมาจับคางมน และบีบบังคับให้เธอเงยขึ้นสบตากับเขาพร้อมกับจ้องหน้าเนียนใสนั้นเขม็งอย่างคนต้องการจับผิด

“ปล่อยค่ะคุณปรัชญ์เล็กเจ็บ คุณปรัชญ์กำลังรังแกเล็กนะคะ” เสียงหวานร้องอุทธรณ์เพราะแรงมือของเขาทำให้เธอเจ็บร้าวไปหมด

“ฉันรังแกเธอแล้วไง เธอจะร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องแม่ใหญ่ของเธอว่าถูกฉันรังแกเหรอ” ปรัชญ์ถามเยาะๆ เหมือนกับสนุกนักหนาที่ได้กลั่นแกล้งเธอให้เดือดร้อนใจเล่นแบบนั้น

“เล็กไม่ใช่เด็กขี้ฟ้อง”

“ใช่เธอไม่เด็กแล้ว โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนี่” ปรัชญ์กวาดสายตามองไปทั่วร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เกรงใจ

“เล็กขอร้องละค่ะคุณปรัชญ์ ปล่อยเล็กเถอะนะคะ เล็กจะได้เข้าบ้าน” เสียงหวานเอ่ยขอร้องอีกครั้ง เพราะอยากหนีให้พ้นหน้าคนดิบเถื่อนไวๆ ธรินดารู้ว่ายิ่งปะทะกับปรัญช์นานเท่าไหร่คนที่เสียเปรียบก็คือเธอ

“สาบานกับฉันมาก่อนสิ แล้วฉันจะปล่อยเธอ”

“จะให้เล็กสาบานว่าอะไร”

“ก็สาบานว่าตั้งแต่ที่ฉันไปอยู่เมืองนอก เธอไม่เคยคิดถึงฉันเลยสักครั้ง”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณปรัชญ์อยากให้เล็กสาบานเล็กก็จะสาบาน”

“ว่าไปสิ ฉันรอฟังอยู่” เขาออกคำสั่งโดยที่มือแข็งแรงนั้นยังบีบกระชับอยู่ที่ปลายคางเล็กของเธอไม่ยอมคลาย เช่นเดียวกับสายตาที่จ้องอย่างดุดัน

“เล็กขอสาบานว่าเล็กไม่เคยคิดถึงคุณปรัชญ์เลย”

“แล้วถ้าคำสาบานของเธอไม่จริงล่ะ”

“ถ้าไม่จริงขอให้เล็กเป็นอะไรก็ได้”

“ถ้าไม่จริงขอให้เธอตกเป็นเมียฉันภายในสามวันเจ็ดวัน”

ปรัชญ์เป็นคนตั้งเงื่อนไขคำสาบานของธรินดาให้เอง ซึ่งเป็นเงื่อนไขอันสุดหยาบคายจนทำให้ธรินดาต้องอุทานออกมา

“คุณปรัชญ์!”

“ทำไม...กลัวเหรอ หรือว่าสาบานแล้วกลัวคำสาบานจะย้อนเล่นงานตัวเอง”

“เล็กไม่กลัวหรอกค่ะ”

“ก็ดี งั้นเรามารอดูกัน สามวันเจ็ดวันไม่นานเกินรอหรอกจริงมั้ย”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น เรียวปากหยักลึกได้รูปยิ้มอย่างเย้ยหยันนิดๆ อย่างคนที่ได้เปรียบทุกทาง ทำให้ธรินดานึกเคืองขุ่นจึงปัดมือเขาออกจากปลายคางตัวเอง ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งเข้าบ้าน โดยมีเสียงหัวเราะของปรัชญ์ดังตามหลังมา

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status