แชร์

บทที่ 8

บทที่ 8

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงเคาะประตูหนักๆ ดังขึ้นกลางดึกทำให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ธรินดาลุกขึ้นนั่งแล้วเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นมาจากไหน เมื่อไม่แน่ใจหญิงสาวจึงลุกขึ้นจากเตียง เอาหูแนบประตูจึงรู้ว่าเสียงเคาะที่ดังแบบไม่เกรงใจนั้นมาจากหน้าห้องของตนนี่เอง

“ใครคะ” เสียงหวานถามออกไปโดยที่ยังไม่ยอมเปิดประตูตามสัญชาตญาณระมัดระวังตัวยามอยู่คนเดียว

“ฉันเอง เปิดประตูเดี๋ยวนี้ธรินดา” เสียงที่ตะโกนตอบกลับมาไม่ได้แค่ตอบแต่ยังออกคำสั่งไปพร้อมกันด้วย

ธรินดาตกใจมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินเสียงดุๆ ที่บ่งบอกความเอาแต่ใจนั้นอย่างชัดเจน เธอจำได้ดีทีเดียวว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร ปรัชญ์กลับมาบ้านคืนนี้ แถมมาเคาะห้องเธอดึกๆ แบบนี้ ไม่แคล้วคงจะมาหาเรื่องเธออีกเป็นแน่

“คุณปรัชญ์มีอะไรคะ” ธรินดาถามกลับไป แต่ยังไม่คิดจะเปิดประตูให้ตามคำสั่งของคนข้างนอกง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าคนคนนั้นชอบระรานตัวเองแค่ไหน

“นี่เธอจะไม่เปิดใช่ไหม”

“ถ้าคุณปรัชญ์มีอะไรจะให้เล็กช่วยก็บอกมาสิคะ หรือถ้ามีเรื่องอยากคุยกับเล็กเอาไว้คุยพรุ่งนี้เถอะค่ะ”

หลังจากธรินดาบอกเสร็จ เธอก็รู้สึกว่าปรัชญ์เงียบไป และคล้ายกับจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินห่างออกไปแล้ว หญิงสาวจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เรื่องจบลงด้วยดี

ร่างบางกำลังจะกลับไปนอน แต่แล้วก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อลูกบิดถูกขยับก่อนที่แสงจากข้างนอกจะสะท้อนเข้ามาในห้อง พร้อมๆ กับที่ประตูถูกผลักเข้ามา

“คุณปรัชญ์!”

ธรินดาอุทานออกมาอย่างตกใจ รีบดันประตูห้องให้ปิดลงด้วยมือไม้อันสั่นเทา ตอนนี้ร่างสูงยืนค้ำตระหง่านอยู่ที่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่มีหนวดเครารกครึ้มแดงก่ำ ลมหายใจกรุ่นไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เข้มข้น บ่งบอกว่าดื่มมาอย่างหนัก ร่างเล็กใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักประตู แต่ประตูนั้นไม่ได้ปิดลงตามที่เธออยากให้เป็น เพราะมันถูกมือแข็งแรงของคนเมาดันเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลของเขา

“ฉันบอกให้เปิดประตูทำไมไม่เปิด ต้องให้ฉันเสียเวลาไปเอากุญแจสำรองมาเปิดเอง” เขาเล่นงานเธอด้วยเสียงที่ดุดันและบ่งบอกความหงุดหงิดทันที

“เล็กเห็นว่ามันดึกแล้วนี่คะ”

“เธอตั้งใจจะหลบหน้าฉันมากกว่า คิดเหรอว่าจะหลบพ้นน่ะ”

ไม่แค่ถามแต่ร่างสูงยังย่างสามขุมขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะชนกับร่างบาง ทำให้ธรินดาต้องละมือจากประตู แล้วรีบถอยร่นหนีคนที่กำลังรุกคืบเข้ามาจนเกือบประชิดตัว หากเปรียบเป็นการรบ ตอนนี้เธอก็ถูกข้าศึกบุกผ่านกำแพงเมืองเข้ามาข้างในแล้ว

“ทำไมเล็กจะต้องหลบหน้าคุณปรัชญ์ด้วย” ทั้งที่กลัวแสนกลัวแต่ก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ โดยการตอบโต้กลับไปด้วยเสียงสั่นๆ

“ก็วันนี้เป็นวันที่เจ็ดที่เธอสาบานไว้กับฉันพอดีไม่ใช่เหรอ” ปรัชญ์ตอบพลางใช้มือดันประตูห้องให้ปิดลง แล้วสืบเท้าเข้าหาร่างบางที่เอาแต่ถอยหลังหนี ท่ามกลางความมืดสนิทของห้อง เพราะธรินดารูดม่านให้ปิดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว แสงไฟจากด้านนอกจึงไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้

”แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคะ” เจ้าของเสียงหวานทั้งถาม ทั้งถอยหนี

“ฉันก็จะมาพิสูจน์คำสาบานของเธอน่ะสิธรินดา”

ธรินดาไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับเรื่องวันนั้นถึงเพียงนี้ ขนาดเธอยังลืมไปแล้วและไม่คิดจะเก็บมันมาใส่ใจ ซึ่งเธอคิดว่าเขาเองก็น่าจะไม่ใส่ใจกับการโต้เถียงกันเพียงไม่กี่ประโยคในวันนั้นเหมือนกัน

“พิสูจน์ยังไงคะ”

“เธอสาบานว่าถ้าเธอโกหกว่าไม่ได้คิดถึงฉัน ขอให้เธอตกเป็นเมียฉันภายในสามวันเจ็ดวันไม่ใช่เหรอ”

“เล็กไม่ได้พูด คุณปรัชญ์พูดเองเออเองทั้งนั้น”

“ไม่ว่าจะใครพูดแต่นั่นก็คือคำสาบาน”

ปรัชญ์ก้าวยาวๆ จนถึงตัวของธรินดา แล้วตวัดแขนรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างรวดเร็วในแบบที่เธอไม่มีทางหลบเลี่ยงได้เลย นั่นทำให้หญิงสาวยิ่งตกใจเพราะไม่คิดว่าปรัชญ์จะกล้าทำเช่นนั้น

 “ปล่อยเล็กค่ะคุณปรัชญ์ ถ้าคุณปรัชญ์เมาก็ไปนอนเถอะนะคะ” เสียงหวานร้องอุทธรณ์ขึ้น ในยามนี้ธรินดาไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครได้ เพราะแม่ใหญ่ไปปฏิบัติธรรม ส่วนปราณต์ก็เข้าเวรที่โรงพยาบาล ชั้นบนนี้จึงมีเพียงเธอกับปรัชญ์อยู่กันตามลำพังเท่านั้น

“เธอมีสิทธิ์มาสั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ธรินดา”

“เล็กไม่ได้สั่งนะคะ เล็กแค่ขอร้อง...”

“อยากร้องก็ร้องไปสิ ฉันไม่ได้ห้ามนี่” เขาตอบยียวนและใช้แขนกอดรัดร่างเล็กแน่นกว่าเดิม

“ทำไมคุณปรัชญ์ถึงจงเกลียดจงชังเล็กนัก”

“ใช่...ฉันเกลียดเธอ เกลียดตาซื่อๆ ใสๆ ของเธอ เกลียดสีหน้าท่าทางที่เหมือนไร้ความรู้สึกของเธอ เกลียดที่เธอชอบทำให้ฉันหงุดหงิด เกลียดที่เธอทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่ใกล้ๆ เธอ เกลียดที่เธอทำให้ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอไงล่ะธรินดา”

เขาพูดโดยที่ธรินดาไม่มีโอกาสได้เห็นว่าสายตาเขาสื่ออะไรขณะพูดกับเธอเช่นนั้น จบคำปรัญช์ก็ก้มหน้าลงระดมจูบ คนถูกรุกรานรีบส่ายหน้าหนีเป็นพัลวัน แต่หลบปากและจมูกของคนพาลได้แค่ที่หน้า เพราะปรัชญ์ซุกหน้าลงไปหาซอกคอขาวละมุนของเธอแทน

“ปล่อยเล็กค่ะคุณปรัชญ์...ปล่อยเล็ก...”

ธรินดาร้องห้ามและพยายามจะสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาให้ได้ แต่เรี่ยวแรงของเธอช่างน้อยนิดเหลือเกิน เมื่อเทียบกับลำแขนกำยำที่เต็มไปด้วยความแข็งแรงของเขา ยิ่งลำคอถูกเขาซุกไซ้อย่างชวนสยิวเช่นนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงไปมากกว่าครึ่ง

ยิ่งเธอดิ้น ปรัชญ์ก็ยิ่งจูบ ใบหน้าของเขาคลุกอยู่ที่ซอกคอของเธอ ธรินดารู้สึกถึงสัมผัสหลากหลายที่เจือมากับฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปรัชญ์ทั้งจูบ ดูด เม้ม และบางจังหวะก็ขบกัดเบาๆ ที่แอ่งชีพจร ทำให้เธอขนลุกซู่ นึกถึงแดร็กคูล่าหนุ่มผู้กระหายเลือดและฝังเขี้ยวคมๆ ลงบนซอกคอของหญิงสาวสักคน  ใบหน้าของผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้ฟ้องถึงความเจ็บเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับหลับตาลง เหมือนกับได้รับความสุขมากเหลือเกินจากการถูกดูดเลือด เช่นเดียวกับเธอที่ตอนนี้สั่นเทาไปทั้งตัว

ชั่วพริบตาต่อมาปรัชญ์ก็หยุดจูบ ทำให้ธรินดาเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ พร้อมๆ กับที่ร่างบางถูกช้อนอุ้มแล้วพาไปยังเตียงที่เธอเพิ่งจะลุกมา

เตียงที่เคยกว้างแคบลงไปถนัดตาเมื่อร่างใหญ่ก่ายเกยขึ้นมานอนด้วย ธรินดาพยายามจะยกมือขึ้นผลักไหล่หนาออกห่าง ปรัชญ์จึงรวบสองมือเล็กของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา ก่อนจะเอื้อมอีกข้างไปเปิดไฟหัวเตียง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status