“ฉันกอดนายได้หรือเปล่า” วินตราตัวแข็งค้างแต่ยังถามคำถามที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้คำตอบแบบไหน
“กอดในฐานะอะไรครับ”
“กอดในฐานะเพื่อนมนุษย์เพื่อนร่วมโลกกอดเพื่อแบ่งปันความอบอุ่น—” เดนีสที่ยังพูดไม่จบประโยควินตราก็หันหน้ามาเผชิญหน้า
“ฉันไม่ต้องการความสงสาร” สรรพนามเปลี่ยนไปไม่ใช่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องแต่เป็นเพียงวินตรากับเดนีสไม่มียศถาอะไรมาเกี่ยวข้องเป็นเพียงคนสองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงนี้วินตราหลุบตาลงแพขนตาเหมือนใบพัดนั้นสั่นระริกแทบจะซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ไม่มิดและคนตรงหน้าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นความอ่อนแอความไม่เอาไหนของวินตราเป็นการเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา
“ฉันรู้นายเป็นคนเก่งอย่าลืมว่านายเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่งต่อหน้าคนอื่นนายจะแสร้งทำตัวเข้มแข็งแข็งแกร่งยังไงก็ได้แต่อย่างน้อยเวลาอยู่ต่อหน้าฉันอย่าฝืนเลย…ฉันอาจไม่ใช่คนที่ดีพร้อมแต่อย่างน้อยขอให้ฉันได้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้นายนายไม่ได้อยู่และต่อสู้ปัญหาเพียงลำพังเพียงแค่นายเอ่ยปาก…ไม่ว่าปัญหาจะเล็กใหญ่แค่นั้นฉันจะช่วยนายแบกเอง” เดนีสเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของวินตราเบาๆวินตราเองก็ไม่หลีกเลี่ยงสัมผัสนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนในสายตาสองคู่นั้นสองแขนของเดนีสค่อยๆโอบร่างตรงหน้าเข้ามาในอกกระชับอ้อมแขนพร้อมกับโยกตัวเบาๆเหมือนกล่อมเด็กวินตราซุกหน้าลงกับลาดไหล่นั้นแม้ไม่ได้กอดตอบแค่นี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเดนีสยิ้มแป้นอดที่จะจูบกระหม่อมนั้นไม่ได้
“ฉันไม่ใช่เด็ก” วินตราขืนตัวเพราะว่าอีกฝ่ายกอดเขาแน่นเกินไปแล้ว
“อายุเป็นเพียงตัวเลขน่าสามสิบกว่าก็ร้องไห้ได้ไม่เห็นจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร”
“ใครร้องกัน”
“อ้อ! ไม่ร้องแล้วเสียงสูดน้ำมูกนี่คือ…” วินตราขืนตัวเอ่ยเสียงเข้ม
“ปล่อย!”
“ไม่! นายต้องการอ้อมกอดฉันมากขนาดนี้” เดนีสยัดเยียดให้สุดๆกดหัวอีกฝ่ายแทบจะซุกใต้รักแร้เขาอยู่แล้ววินตราขัดขืนพอเป็นพิธีก่อนจะกำชายเสื้อข้างเอวของเดนีสไว้แน่นระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรอีกมีเพียงความเงียบที่โอบล้อมทั้งสองเอาไว้เงียบจนได้ยินเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะพร้อมกัน
เดนีสที่ได้ทีก็ทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีของวินตราอีกคนอีกทั้งเพราะเป็นพี่ใหญ่ของบ้านเลยติดนิสัยนี้มา
วินตราที่ย้ายมาอยู่คอนโดของเดนีสเจ้าของห้องเลยถือโอกาสเปิดเตาตั้งกระทะทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ
“ท่านประธานทำกับข้าวเป็นด้วย” ท่าทีดูทะมัดทะแมงไม่เหมือนกับนั่งเก้าอี้ประธานหยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปหมดแม้ว่าฝ่ามือด้านขวาจะพันผ้าจนสันหมัดอยู่ก็ตามไม่เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อย
“ไปนั่งรอเลยไป” เดนีสชี้ตะหลิวไปทางวินตราที่ยืนกอดอกจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“กินได้แน่นะ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่ฉันนี่แหละเชฟกระทะเหล็กตัวจริงเสียงจริง” เดนีสทำกับข้าวสองสามอย่างไข่ข้นกุ้งผัดผักบุ้งต้มจืดอีกหนึ่งอย่างอาหารวางเรียงรายตรงหน้าเรียกน้ำย่อยคนทั้งสองเป็นอย่างดี
“บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันทำส่วนนายล้าง” วินตราเบ้ปากนิดๆก่อนจะตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
“กินได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เดนีสจิ๊ปากใส่แต่สองมือก็ตักข้าวใส่จานให้อย่างเอาใจ
“กินให้หมดละกันบ่นเก่ง” เมื่อซุปร้อนๆเข้าปากวินตราก็ตาลุกวาว ‘เกินคาดไปมาก’ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆให้กับตัวเอง
“อร่อยละสิ”
“พอได้”
“เหอๆพอได้แต่ตางี้ลุกวาวเชียว” เดนีสปากว่าแต่ก็ตักนั่นตักนี่ให้อีกฝ่ายไม่หยุดวินตราก็ก้มหน้าก้มตากินไม่หยุดปากเช่นกันเรื่องเล็กน้อยที่ต่างฝ่ายต่างทำให้กันทำให้ช่องว่างที่ต่างฝ่ายต่างขีดเส้นเอาไว้ค่อยๆย่นระยะเข้ามาหากันความเป็นปรปักษ์ที่เดนีสตั้งธงในใจเมื่อเจออีกฝ่ายครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าค่อยๆสลายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เมื่อก่อนท่านประธานอย่างเขาอิดออดแทบเป็นแทบตายที่จะต้องตื่นเช้าไปทำงานแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปกลับกลายเป็นคนรักงานขึ้นมาทันทีเหมือนมีเป้าหมายในแต่ละวันว่าตื่นนอนแล้วเขาจะทำอะไรมีแพลนอะไรที่ต้องจัดการ เรียงลำดับหน้าหลังได้เป็นอย่างดี ดีจนท่านเจ้าสัวยังแปลกใจ ตอนแรกคิดว่าเพราะเดนิมกลับมาอยู่บ้าน พี่ชายที่ทำตัวติดน้องเลยตามมาเฝ้า และหาเรื่องอิดออดไม่ไปทำงาน แต่ที่ไหนได้ ผิดคาด! อีกฝ่ายตื่นเช้าตั้งแต่ตีห้าไม่พอ ยังผิวปาก หวีผมเรียบแปล้ แถมยังห่ออาหารเช้าไปทำงานด้วยอีก
“ช่วงนี้มีอะไรดี” ท่านเจ้าสัวเอ่ยปากถามลูกชายที่นั่งจิบกาแฟด้วยสีหน้าเบิกบาน
“ไม่นี่ครับ”ท่านเจ้าสัวเหลือบมองนาฬิกาตั้งพื้นที่มุมห้องตีห้าครึ่ง
“เข้างานเก้าโมงไม่ใช่เหรอ”
“ก็…ใช่ครับ” ท่านเจ้าสัวไม่อยากขัดก่อนจะเอ่ยถามเรื่องคดี
“แล้วคดีไปถึงไหน” เดนีสส่ายหน้า
“อีกฝ่ายไม่ปริปากพูดอะไรสาวไปไม่ถึงตัวบงการแน่ๆ” ท่านเจ้าสัวถอนหายใจออกมาเสียงดังอีกอย่างเขาและวินตรามีสัญญาสำคัญต่อกันหากวินตราไม่เอ่ยปากท่านเจ้าสัวยื่นมือเข้าไปยุ่งไม่ได้จริงๆ
“ช่วงนี้ก็ระวังตัวไว้หน่อย”
“ครับ”
“ไม่ใช่แกฉันหมายถึงวินตรา” มือที่จิ้มผลไม้ใส่ปากชะงัก
“พ่อรู้อะไรมาใช่ไหมครับหรือว่าเรื่องเงิน 25 ล้านนั่น”
“ก็มีส่วน”
“พ่อ” ท่านเจ้าสัวโบกมือ
“ฉันเป็นผู้ใหญ่พอคำไหนคำนั้นเรื่องนี้อยู่ที่วินตราทั้งนั้น”
“หมายความว่าไงครับ”
“แล้วแกเป็นห่วงเป็นร้อนแทนวินตราตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ้า! เขาเป็นเลขาส่วนตัวมีสิทธิ์ที่เจ้านายอย่างผมควรรู้”
“ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน” ท่านเจ้าสัวหรี่ตาจับผิด
“เกี่ยวอะไรกันครับ” เดนีสตีหน้านิ่ง
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” เดนีสหูผึ่งภายในใจลิงโลดที่ว่า ‘ไม่ว่าอะไร’ จะเหมือนที่เขาเข้าใจหรือเปล่าก็ตาม
“มิน่าพ่อถึงถือหางวินตราซะขนาดนั้น”
“เขาเป็นเด็กดีเรียนเก่งและก็น่าสงสารมากๆคนหนึ่ง” เดนีสย่นคิ้วเป็นปมพ่อเขารู้อะไรมาแหงๆต่อให้เอาอะไรมางัดก็ไม่ยอมปริปากเล่าออกมาแน่พ่อเขาถือวาจาสิทธิ์เป็นสำคัญรับปากอะไรไว้แล้วต้องทำให้ได้และจะไม่รับปากในเรื่องที่ทำไม่ได้อย่างส่งๆนั่นคือหัวใจในการทำธุรกิจของเจ้าสัวเดรโกอีกอย่างถึงแม้จะถอยมาอยู่ข้างหลังปล่อยให้ลูกชายแต่ละคนกุมบังเหียนธุรกิจใช่ว่าจะหูหนวกตาบอดมีหูตาคอยรายงานเป็นระยะๆอยู่แล้ว
แล้วใครบ้างจะชอบคนที่ทำให้ลูกชายเป็นผู้เป็นคนแบบนี้ล่ะ…
แป๊บๆก็เกือบจะขึ้นปีใหม่วินตราทำงานที่นี่มาเกือบปีปีหน้าเดือนมกราคมก็ครบรอบหนึ่งปีพอดีจากท่านประธานที่เอาแต่ใจทำงานเช้าชามเย็นชามเมื่อเทียบกับตอนแรกที่เจอกันตอนนี้ดีกว่ามากวินตรามองท่านประธานที่สั่งงานกับเลขาหน้าห้องอย่างเป็นระบบตอนประชุมก็ตอบคำถามลับฝีปากกับบอร์ดบริหารได้เป็นอย่างดีความจริงวินตราวางแผนเอาไว้แล้วว่าหากท่านประธานของเขาเติบโตได้อย่างสง่างามเมื่อไหร่วินตราจะลาออกและไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการแต่เหมือนโชคชะตาไม่เป็นใจชีวิตเขาที่ไม่รู้เมื่อไหร่พัวพันกับท่านประธานจนเหมือนเงาติดตามตัวแบบนี้ มีท่านประธานที่ไหนมีคุณเลขามือทองที่นั่น งานเลี้ยงพบปะห้าสิงห์เองก็เช่นกันคุณเลขาก็มาส่งและมารอรับเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีบอดีการ์ดคอยคุ้มกันห่างๆสองคนวินตราอ่านรายงานรออีกฝ่ายที่ร้านกาแฟข้างๆเช่นเดิม“ไงไอ้นีสการงานไปได้สวยนี่หว่าเห็นว่าแก้ปัญหาใหญ่ได้แล้ว” เวคินเอ่ยถามในขณะที่มืออีกข้างก็แกว่งของเหลวสีอำพันไปด้วย“เออกว่าจะผ่านไปได้เกือบตาย” เดนีสทำหน้าเหม็นเบื่อ“ฮ่าๆ” สานิชหัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า “มึงใจร้อนไอ้นีสต้องเชือดนิ่มๆอย่างคุณชายกิตติกร” สานิชเย้ากิตติกรที่กอดอกอยู่
เดนีสเลิกปาร์ตี้เร็วกว่าที่วินตราคิดไว้เพียงสี่ทุ่ม ปกติต้องเกือบเช้าวันใหม่ ออกจากคลับมาใส่บาตรต่อได้เลยทำนองนั้น เขาเดินเข้ามายังร้านกาแฟที่อีกฝ่ายบอกกล่าว เดนีสกวาดสายตามองไปทั่วร้านก่อนจะมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตา ยิ่งเห็น ยิ่งอยากโทษตัวเอง ไม่แปลกที่ภายในคอนโดของวินตราจะมีกองขยะสุมกันเต็มห้องหากเขาผ่านเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนั้นป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วไม่อาจฝืนทนกล้ำกลืนมาทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ได้ยิ่งรู้เบื้องหลังอีกฝ่ายเดนีสเองก็ยิ่งตำหนิตัวเองหากเขารู้…จะทำตัวดีกับอีกฝ่ายมากกว่านี้สักหน่อยแต่เรื่องละเอียดอ่อนและน่าอายแบบนี้ใครอยากจะเปิดปากเล่ากันเล่าแล้วใครจะเชื่อความคิดมากมายวิ่งวนในหัวของเดนีส‘อยู่ที่วินตรา’ เดนีสเข้าใจประโยคที่พ่อเขาพูดอ้อมๆแล้วอีกทั้งสื่อยังเลือกที่จะประจานเหยื่อโดยโชว์หน้าหราบนสื่อออนไลน์และปกป้องผู้กระทำผิดที่มีสีมียศตำแหน่งพวกนั้นระยำ! หากเปิดหน้าเผชิญเหยื่อจะต้องใช้ความเข้มแข็งมากแค่ไหนวะสภาพจิตใจไหนจะคอมเมนท์ที่รับสารฝั่งเดียวบางทีโลกใบนี้มันก็โหดร้ายไม่มีพื้นที่ปลอดภัยให้เหยื่อเลยแม้แต่คอมเมนท์สงสารเห็นใจยังไม่มีได้แต่คอมเมนท์ไปตามลมแห่ขึ้นรถท
เดนีสซบหน้าที่ไหล่มนก่อนจะจุมพิตแผ่วเบา และกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำเอาวินตราปั้นสีหน้าไม่ถูก เหมือนมีผีเสื้อนับร้อยบินวนอยู่ในท้อง ไหนจะจุมพิตที่ลาดไหล่เมื่อครู่ แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น และลมหายใจร้อนที่รดอยู่ตรงต้นคอทำเอาวินตราร่างกายแข็งค้าง…แม้จะเปิดใจให้แต่ทว่าร่างกายยังไม่คุ้นชิน มีบางครั้งที่รู้สึกต่อต้านอยู่บ้าง “ฉันไม่ทำอะไรนายจริงๆแค่อยากจะกอดอยากจะโอบกอดนายไว้อยากจะส่งต่อความสุขที่ฉันมีให้นายจนหมด” ไม่รู้เพราะแอลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องสะเทือนใจที่ได้ยินมาทำให้เดนีสเปิดปากเอ่ยถึงความในใจ“ฉันอยากจะทะนุถนอมนายให้มากกว่านี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงไม่รู้ว่าจะต้องทำแบบไหนนายถึงจะไม่กลัวฉันและไว้ใจฉันฉัน…อยากจะปกป้องนายอยากจะอมนายไว้ในปากไม่ให้ใครได้เห็น” ประโยคหลังรู้สึกแปลกๆเดนีสพูดพลางสูดน้ำมูกไปด้วย“นายรังเกียจคนอื่นได้แต่อย่ารังเกียจสัมผัสจากฉันเลย” น้ำเสียงเจือความเว้าวอนอยู่ในนั้น“ฉันไม่เคยอยากมีอำนาจในมือเท่านี้มาก่อนเมื่อก่อนฉันไม่รู้จะมีมันไว้เพื่ออะไรแต่ตอนนี้ฉันจะมีมันไว้เพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก” เสียงประโยคท้ายๆเริ่มยานคางวินตราตัวแ
วินตราตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายแล้วเขาเข้าไปจัดการตัวเองก่อนจะออกมาพบท่านประธานที่นั่งอ่านไอแพดของเขาตรงหน้ามีอาหารเช้าเรียงรายเอาไว้สองสามอย่าง“ท่านประธานทำ?”“ไม่ใช่ฉันแล้วจะใครนั่งลงแล้วกินให้หมด” วินตรากวาดมองอาหารเช้าที่วางเรียงรายตรงหน้าไม่น่าเชื่อว่าท่านประธานเฮงซวยจะทำกับข้าวเก่งขนาดนี้ “มากไป”“น้อยไปต่างหากนายอยู่ได้ยังไงกินแต่อาหารขยะพวกนั้น” “ก็มันสะดวก”“แต่ไม่ดีต่อสุขภาพ” วินตราไม่พูดอะไรก้มทานโจ๊กสีขาวกับเครื่องเคียงสองสามอย่างมีน้ำเต้าหู้ด้วย “ต่อไปเรื่องอาหารการกินฉันจะดูแลเอง” วินตราเงยหน้าขึ้นมาถาม“จะอยู่ที่นี่?” เดนีสทำทียกกาแฟขึ้นมาจิบ “ฉันทนที่จะเห็นห้องรกไม่ได้ต่างหาก”“อ้อ”“และอย่าคิดจะไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาดการจัดการตัวเองเป็นศูนย์ขนาดนี้”“เผด็จการ” วินตรากัดปาท่องโก๋พลางยิ้มที่มุมปากไปด้วยเดนีสตีหน้านิ่งไม่ตอบโต้อะไรอีกวินตราไม่เคยได้รับความอบอุ่นการเอาใจใส่อย่างนี้มาก่อนการตระเตรียมอาหารเช้าให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอไม่เหมือนอย่างที่ศูนย์เลี้ยงเด็กเขาเติบโตมาเพียงลำพังมีแต่ความใฝ่ดีที่ทำให้เขาไม่เฉาตายไปเสียก่อนกอบโกยความหวังที่ส่องแสงริบหรี่วิ่งตรงไปข้างห
การมาทำงานพร้อมกันของคุณเลขาและท่านประธานในทุกๆเช้าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองมากกว่าที่ปรียานุชสามารถสัมผัสได้ว่า…มันดีแบบแปลกๆมีโมเมนต์เล็กๆที่บางครั้งเหมือนจะเห็นสายตาท่านประธานทอดมองคุณเลขาด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนทาสแมวที่ไม่ว่าจะโดนข่วนกี่สิบครั้งก็มีความรักให้เหมือนเดิมคุณเลขาเองก็ไม่ได้หน้าตึงเหมือนโมโหอยู่ตลอดเวลาอย่างตอนที่เข้ามาทำงานแรกๆตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนเลขาหน้าห้องกับเลขาส่วนตัวสามารถประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพบรรยากาศรอบๆตัวคุณเลขาเองก็ไม่ได้แผ่รังสีอำมหิตใส่ท่านประธานเหมือนช่วงแรกๆ หรือว่าเธอจะคิดมากไปจนฟุ้งซ่านปรียานุชโคลงศีรษะก่อนจะเคาะพิมพ์รายงานในหน้าจอโดยไม่สนใจเรื่องกอสสิปพวกนี้อีก “ตีมหน้ากาก?” วินตราถามขณะอ่านรายละเอียดภายในงานรวมไปถึงเงินรางวัลการประกวดการแต่งกายส่วนใหญ่งานแบบนี้พวกบอร์ดบริหารไม่ค่อยมากันเดนีสเองปีที่แล้วเขาก็ไม่ได้เข้าร่วมอีกอย่างหากมีพวกบริหารนั่งกันสลอนลูกจ้างคงจะเกร็งๆกันหมดไม่มีเรื่องสุรามึนเมาปีนี้เดนีสทุ่มเป็นหม้อไฟชื่อดังเพราะเขารู้ดีเรื่องปัญหาที่เคยก่อเอาไว้เลยอยากจะชดเชยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกอย่างเรื่อง
ตกเย็นเดนีสก็พาวินตราไปเลือกชุดเสื้อกั๊กสูทมาหนึ่งชุดโดยมีเดนิมเป็นคนจัดแจงให้ “เหมาะมากเลยครับ” เดนิมที่กลับมาอยู่บ้านหลังจากขอเลิกรากับอดีตสามีอย่างพิพัฒน์นานๆถึงจะเข้าร้านทีอีกอย่างเป็นงานสำคัญของพี่ชายเขาเลยออกมาร้านมาช่วยเลือกให้ตัวเองแต่เหมือนอีกฝ่ายจะให้เขาช่วยเลือกชุดให้คุณเลขาส่วนตัวมากกว่า“ขอบคุณครับ” วินตราตอบเสียงเรียบแววตาของเดนิมทำเอาวินตราประหม่าอย่างบอกไม่ถูกสายตากลมสุกใสเหมือนตากวางเวลามองมาที่เขาและท่านประธานเหมือนมีอะไรแฝงอยู่ในนั้น“ขอบคุณนะน้องรัก” “ยินดีครับ” ก็จะไม่ให้น้องชายอย่างเดนิมยิ้มได้อย่างไรบัตรเครดิตวงเงินเยอะขนาดนั้นพี่เดนีสไม่เคยให้เขายืมด้วยซ้ำแต่กลับอยู่กระเป๋าสตางค์ของคุณเลขาส่วนตัวจะไม่ให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่คนทั้งคู่ได้อย่างไร แถมร้าน JeansShore ยังมีหน้ากากขนนกหลากหลายให้เลือกอีกโจชัวร์พาร์ทเนอร์ร้านที่สวมกางเกงยีนแฟชั่นเปิดหน้าขาจนเหมือนเศษผ้าในความคิดของเดนีสเดินเข้ามาหาพร้อมกับแนะนำหน้ากากแต่ละชิ้นให้คุณเลขาได้ฟังและเลือกอีกฝ่ายพูดน้ำไหลไฟดับจนวินตราเวียนหัวไปหมดเลยหยิบมาสักอันเพื่อตัดรำคาญ “อันนี้แหละครับ”“เหมาะมากเลยครับ” โจชัวร์ด
แต่กรณีของเดนีสนั้นโชคดีกว่ามากเพราะพื้นเพทางฝั่งแม่และพ่อก็มีอำนาจและบารมีพอสมควรเป็นห่วงก็แต่คุณเลขามีเพียงตัวคนเดียวไม่มีป้อมปราการให้หลบหนีเดนีสยังโชคดีที่มีรั้วศศิภักดีเป็นที่กำบังมีเพื่อนพี่น้องที่คอยช่วยเหลือแต่วินตรามีเพียงเขาเขาคนเดียวเท่านั้นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงจะเหมือนเดิมอย่างนี้ไหมแต่ว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่ยังคงอยากทำตามความปรารถนาอยากจะเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆที่มีร่วมกันให้มากที่สุดอย่างเช่นดินเนอร์ใต้แสงเทียนค่ำคืนนี้ วินตราขมวดคิ้วมุ่นก่อนลงจากรถอีกฝ่ายยังให้เขาสวมใส่หน้ากากบ้าบอนี่อีกด้วยจับจูงมือขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมหรูหกดาวแห่งหนึ่งเหมาชั้นรูฟท็อปเอาไว้มีเพียงพวกเขาสองคนและนักแสดงดนตรีแจ๊ซคอยบรรเลงขับกล่อมให้บรรยากาศค่ำคืนนี้โรแมนติกและหอมหวานเดนีสฉีกยิ้มปากเกือบจะถึงรูหูมีเพียงวินตราที่เอาแต่เหม่อมองไปด้านข้างทอดมองท้องฟ้าเส้นผมปลิวไปตามลม เดนีสจับฝ่ามือของวินตราอย่างทะนุถนอมวินตราชักมือกลับ“เป็นอะไรไป” วินตราถอดหน้ากากออกอย่างช้าๆจดจ้องชายหนุ่มตรงหน้าที่สวมหน้ากากสีเทาไว้ครึ่งหน้าใช้สายตาสำรวจดวงตาไล่มาตรงโหนกแก้มและริมฝีปากเป็
วินตราดื่มไวน์ไปหลายแก้วอาจเป็นเพราะการเปิดเปลือยความรู้สึกต้องอาศัยความกล้าจากแอลกอฮอล์กล่อมสมองให้มึนเมาแม้ความมึนเมาจะทำให้สมองคิดช้าไปชั่วขณะแต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านทางร่างกายที่กอดแนบแน่นอยู่บนโซฟาในขณะนี้เป็นของจริงตอนนี้วินตราเหมือนแมวยั่วสวาทสายตาที่มองมาที่เดนีสทั้งหยาดเยิ้มและวาบหวามอยู่ในทีเจือความเว้าวอนในนั้นบางอย่าง …ขย้ำฉันสิ… แม่งเอ่ย! เดนีสสบถอยู่ในใจหลายรอบท่องพุธโธพุธถังกะละมังหม้อเอาไว้ในใจมั่วไปหมดแถมยังไม่กล้าสบประสานสายตากับคนในอ้อมแขนตรงๆกลัวว่าบางสิ่งจะลุกมาเคารพธงชาติทำเสียเรื่อง!ก่อนหน้าบนโต๊ะอาหารเดนีสอุ้มคุณเลขาที่แทบจะฟุบกับโต๊ะดินเนอร์กลางแสงเทียนมายังห้องสวีทที่จับจองไว้ก่อนหน้าจองไว้เพื่อเล่นละครแต่ดันสวมบทบาทจริงคุณเลขาเมาจริง! “นี่…กินยาเค้าไม่ให้ดื่มของมึนเมาไม่ใช่เหรอ” เดนีสไม่ใช่หมอแต่ก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างยาพวกนี้เป็นยาที่ส่งผลต่อการทำงานของสารสื่อสมองโดยตรงและห้ามไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่ทานยาพวกนี้วินตราไม่ตอบได้แต่นั่งอยู่บนตักโอบรอบคอของท่านประธานอยู่อย่างนั้นด้วยใบหน้าแดงก่ำเดนีสลืมเสียสนิท! “มองฉันแบบนี้หมายความว่าไงฉัน…มีศีลธรรมมากพอ
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง