ม่อเกวียนนั้นอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้ว่าที่หมิงหลันอาสาไปที่เผ่ามารเป็นเพราะว่านางมีใจสงสารพี่สาวอย่างไป๋เฉียนถึงแม้อยากจะห้ามปรามแต่ทว่าหน้าที่ของเขาก็ค้ำคออยู่ การส่งเทพบุพผาไปที่เผ่ามาร หาใช่เรื่องล้อเล่นเมื่อไรกัน มันเกี่ยวพันไปถึงพันธสัญญาสงบศึกของเผ่ามารและดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า เรื่องนี้เขามีส่วนผิดอยู่ ถึงจะเป็นหน้าที่แต่ทว่าเขาก็ละเลยคำขอของเทียนจุนม่อเกวียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าของสหายรัก เราทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคือเทพผู้ดูแลเรื่องทุกอย่างในดินแดนสวรรค์ อีกไม่กี่ปีเขาก็จะได้เป็นสัจจะเทพ เพราะมีชาติกำเนิดจากเทพีจันทราทำให้ม่อเกวียนมิต้องลงไปเผชิญคราวเคราะห์เช่นเทพองค์อื่น ตำแหน่งของเขานั้นใหญ่โตยิ่งนักเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่ท่านเง็กเซียนและองค์รัชทายาทสวรรค์เท่านั้นแต่ถึงแม้ม่อเกวียนจะยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็ยินยอมวางอำนาจทุกอย่างของเขาลงเพื่อคุกเข่าและขอโทษสหายอย่างเทียนจุนเมื่อเทียนจุนมองเห็นม่อเกวียนกระทำเช่นนั้น เขาก็เลือกที่จะหันหน้าหนีความเจ็บปวดสายหนึ่งกรีดแทงเข้าไปในดวงใจ เขาโกรธเคืองที่ม่อเกวียนผิดคำสัญญา จึงอารมณ์เสียพานโกรธสหาย..แต่ท
“ปล่อยให้ทั้งสองคนสนิทสนมเช่นนี้ดีแล้วอย่างนั้นหรือฮูหยิน..”เทพซือมิ่งมองหน้าของสามี พร้อมกับแย้มยิ้มที่มุมปาก“ข้าเอ็นดูหมิงหลันมากเลยนะท่านพี่ ข้าหมายมั่นอยากได้เทพบุปผาผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้เหลือเกิน และข้ามั่นใจว่านางจะต้องมาเป็นลูกสะใภ้ของข้า”ท่านจอมมารคนเก่าถึงกับถอนหายใจ“แต่หมิงหลันดูสนิทสนมกับเจ๋อฮั่นมากกว่าเจ๋อเชี่ยนเสียอีก ข้ากลัวว่าเจ๋อเชี่ยนจะเสียสตรีดีๆ เช่นนั้นไป และกลัวว่าเจ๋อฮั่นจะผิดใจกันด้วยเรื่องนี้”เพราะโชคชะตามักเล่นตลกเช่นนี้ ด้ายแดงพัวพันวกไปวนมาไม่รู้จบโดยที่หากมองด้วยตาเปล่าจะมิสามารถมองเห็นปลายด้ายแดงอีกฝั่งได้เลย เวลาจะพาพวกเขาเหล่านั้นผ่านพ้นเคราะห์กรรมพิสูจน์ความรักเพื่อให้ทั้งคู่ได้ทอดสายตามองเห็นผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของด้ายแดงอย่างถนัด..“สิ่งที่เราทำได้คือการเร่งให้ทั้งสองคนทำความรู้สึกกัน..ส่วนเจ๋อฮั่น ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้คลอดเขาออกมาแต่ข้าก็เลี้ยงเขามากับมือ เจ้าลูกคนนี้สมควรจะต้องได้รับผลของการกระทำ เขาเล่นสนุกกับสตรีไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะมนุษย์ หรือเทพธิดาบนสวรรค์ เพราะอย่างนั้นเขาควรได้รับบทเรียน แม่นมจางไปบอกเชี่ยนเชี่ยนว่าข้าอยากกินขนมแป้งทอดให้เขา
แต่ทว่าคนอย่างหลี่เจ๋อเชี่ยนฆ่าได้หยามไม่ได้ หากนางจะไปหาบุรุษอื่นก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นเสียก่อนสิ!!เขาเดินตรงเข้าไปหาเทพบุปผาไป๋หมิงหลันก่อนจะคว้าแขนของนางเอาไว้แน่นอนว่าดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจแทบสิ้นสติเมื่อนางเห็นเขา ต้องตกใจเช่นนั้นเลยหรือเพียงแค่เขาจับได้ว่านางปันใจไปให้มนุษย์ผู้อื่น“ท่านหลี่..”หมิงหลันเกือบจะเผลอหลุดเรียกเขาว่าจอมมารไปเสียแล้ว เพราะไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ความคิดถึงที่อัดแน่นในหัวใจก็เลยแผ่กระจายออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวนางช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยดวงตาเหม่อลอยไร้สติ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก“มากับข้าสิ หรือว่าเจ้าอยากจะไปกับมนุษย์ผู้นั้นมากกว่าข้าที่เป็นเจ้าแห่งเผ่ามาร”“หามิได้เจ้าค่ะ”โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาบ่อยๆ ถึงแม้ว่าหมิงหลันจะมิได้พบหน้าของท่านพี่เทียนจุนมาเนิ่นนาน แต่ทว่าบนสวรรค์มีกฎอยู่ ห้ามเทพทุกองค์เข้าไปแทรกแซงการเผชิญคราวเคราะห์ของเทพองค์อื่น ในใจของนางมิได้หมายมั่นว่าจะช่วยเหลือเขา แต่นางแค่อยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาพี่น้องเท่านั้นเอง“อ่า ท่านเทียนจุน เห็นทีว่าวันนี้ข้าจะไม่สามารถไปกับท
หลี่เจ๋อเชี่ยนผละริมฝีปากออกด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง ปกติเพียงแค่ยืนอยู่ใกล้นางเขาก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยฟุ้งออกมาจากกายนางจนติดปลายจมูกไปหมดแต่เมื่อได้ลิ้มรสก็พบว่าหมิงหลัน..น่าจะหวานไปทุกส่วนของร่างกาย เมื่อลิ้นของเขาลุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่มมันเหมือนกับว่าเขากำลังเสียสติเพราะพบเจอความหอมหวานที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน หวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดที่เคยลิ้มรสมาดูเหมือนว่าดอกสาลี่น้อยดอกนี้จะพร้อมเบ่งบานเพื่อเขาแล้วสินะ เจ๋อเชี่ยนยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของหมิงหลันที่มันกำลังแดงซ่านราวกับลูกเชอรี่เอาไว้“รู้สึกอย่างไร?”หมิงหลันรีบเบนสายตาเพื่อมองไปทางอื่นในทันที ส่วนมือทั้งสองข้างของนางถูกยกขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้ บางสิ่งในอกรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมานางหายใจเหนื่อยหอบราวกับจะเป็นลมและหลี่เจ๋อเชี่ยนรีบยื่นมือไปประคองร่างของนางเอาไว้ เขากระซิบที่ข้างใบหูของหมิงหลันด้วยความแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“แค่จูบก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เห็นทีว่าการร่วมเตียงของเราจะต้องเลื่อนไปอีกสักหน่อย..”“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ้าคะ”เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของหมิงหลันมันยิ่งทำให้เจ๋อเชี่ยนอยากจะลองแกล้งน
หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้ามองพระจันทร์ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด คืนวันพรุ่งนี้คงเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสินะ เป็นคืนเข้าหอแรกของหมิงหลันและพี่ใหญ่..สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อะไรเลยงั้นเหรอ? ไม่ได้การ เขาต้องไปพบหมิงหลันเพื่อบอกกล่าวความในใจของเขาให้นางรู้ ทว่าเมื่อเจ๋อฮั่นเปิดประตูห้องของเขาออกไปคนที่เขาพบเจอคือท่านเทพซื่อมิ่ง แม่เลี้ยงของเขา“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าจะไปไหนกันเจ๋อฮั่น”เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด“ข้าจะไปหาหมิงหลัน..ท่านแม่เองก็คงจะมาห้ามข้าสินะ”“เจ๋อฮั่น สตรีนั้นมีมากมายเหตุใดต้องเป็นเทพบุปผาหมิงหลันด้วย สตรีผู้นี้เกิดมาเพื่อพี่ชายของเจ้า..”“แต่ท่านพี่ไม่ได้รักนาง..ข้าต่างหากที่รักนาง!!”เทพซื่อมิ่งถอนหายใจเบาๆ“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน”“หากว่าท่านพี่รักหมิงหลัน เขาไม่มีทางมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นหรอกท่านแม่”“ที่เจ้ากล่าวออกมานั้นก็ไม่ผิด ในวันนี้เจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน แต่ทว่าวันข้างหน้าสุดแสนจะคาดเดา ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็กถึงแม้มิได้คลอดเจ้าแต่ข้าก็เป็นคนอาบน้ำให้เจ้าตั้งแต่เล็กแต่น้อย เจ๋อฮั่นสิ่งเดียวที่ข้าจะขอจากเจ้าคือให้เจ้าปล่อยหมิงหลันไป นางไม่ใ
“ข้าได้ยินมาว่าท่านม่อเกวียนส่งเทพบุปผาไปให้จอมมารอย่างนั้นหรือ?”ม่อเกวียนเงยหน้าขึ้นมาจากม้วนกระดาษมากมายเบื้องหน้า เมื่อเขามองเห็นเทพีเสวียนม่านที่กำลังเดินเข้ามาเขาก็ก้มหน้าลงเพื่อตวัดพู่กันลงไปบนกระดาษ มิชายตามองหรือสนใจในคำถามของเทพีเสวียนม่านเลยแม้แต่น้อยเสวียนม่านขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย“ท่านเทพม่อเกวียนข้าเพียงอยากรู้เรื่องของเทพบุปผาผู้นั้น อย่างน้อยครั้งหนึ่งข้าก็เคยอาศัยอยู่ที่เผ่ามาร ข้าจะได้แนะนำนางถูกว่าจะต้องทำเช่นไร..”“เสวียนม่าน กลัวผู้อื่นมิรู้หรืออย่างไรว่าก่อนมาเป็นเทพีเจ้าเคยอยู่ที่ใดมาก่อน งานของข้านั้นยุ่งยากยิ่งนัก มิได้มีเวลามาเสวนาเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเจ้าหรอกนะ”เสวียนม่านกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก นางเพียงต้องการรู้ข่าวคราวของท่านจอมมารก็เท่านั้นเอง“เช่นนั้นม่านม่านมิรบกวนท่านม่อเกวียนแล้วเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรท่านเทพม่อเกวียนไม่ค่อยชอบนางสักเท่าไหร่ เพราะเขายังคิดว่าสงครามเมื่อสองร้อยปีก่อนมีฉนวนเหตุมาจากนาง ทั้งๆ ที่เสวียนม่านบอกกล่าวท่านจอมมารไปแล้วว่านางเลือกองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวมิใช่เขานางอยากเป็นสตรีที่ทรงอำนาจมากที่สุดในสวรรค์ชั้นฟ้า มิใช่นางม
หลังจากได้พูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งแล้ว หมิงหลันก็เดินทางกลับมายังตำหนักของนาง และเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าสายตาก็พบเห็นหลี่เจ๋อฮั่นที่กำลังยืนรออยู่“เจ๋อฮั่น เจ้ามารอข้านานรึยัง เหตุใดไม่ไปหาข้าที่สวนดอกไม้เล่า”นางยังคงส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับชงชาเพื่อต้อนรับ แต่ทว่าในใจของหลี่เจ๋อฮันยามนี้ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว“ข้าชอบเจ้านะหมิงหลัน ไม่ใช่ความรู้สึกแบบเพื่อนแต่มันคือการชอบแบบสามีภรรยา แบบที่คนรักกัน..”หมิงหลันวางกาน้ำชาลงเบื้องหน้า นางช้อนสายตามองหน้าของหลี่เจ๋อฮั่นพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ค่อยๆ จางหายไปเรื่องความรู้สึกเกินเลยของเขา นางรับรู้มานานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นมองข้ามเพราะว่าที่เผ่ามารเพื่อนของหมิงหลันมีเพียงแต่หลี่เจ๋อฮั่นเท่านั้นนางจึงพยายามรักษาคามสัมพันธ์ของเราเอาไว้ที่ตรงกลางเพื่อไม่ให้มากเกินไปหรือว่าน้อยจนเกินไป วันที่หมิงหลันหวาดกลัวที่สุดคือวันที่เจ๋อฮั่นสารภาพความในใจออกมา และวันนั้นมันเดินทางมาถึงแล้ว“เจ๋อฮั่น เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้มองเจ้าแบบนั้น การชอบข้าคือการกระทำที่เสียเวลามากที่สุดเพราะหัวใจดวงนี้ของข้ายกให้ท่านจอมมารนานมากแล้ว”หลี่เจ๋อฮั่นก้มหน้าลงเล็กน้อย เขารู
หมิงหลันเงยหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังเต็มดวง นางรอคอยวันนี้มานานนับสี่เดือน แต่ทว่ามันกลับว่างเปล่ามากกว่าที่คิดเอาไว้ ท่านจอมมารมีงานด่วน ทำให้ต้องรีบเดินทางไปตรวจตราเขตแดน ไม่รู้ว่าจะเดินทางกลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่.. ทั้งที่คิดว่าเมื่อวานนี้เธอได้เดินเข้าไปใกล้เขาอีกก้าวหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มันกลับไกลออกไปเท่าเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ในอกรู้สึกเหมือนถูกบดขยี้เลย หมิงหลันคิดว่าคืนนี้ตัวเองอยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้วเธอจะเดินทางออกไปที่เมืองมนุษย์สักหน่อย.. ........... “เทพซื่อมิงเดินทางขึ้นมาพบเทพีจันทราอย่างนั้นหรือ? นี่จะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเป็นแน่” เสวียนม่านกล่าวพร้อมกับใช้ความคิด ในความรู้สึกส่วนลึกเกิดเป็นความร้อนรนขึ้นมา “ไม่ได้การแล้วข้าจะเดินทางไปที่เผ่ามารสักหน่อย” เสวียนม่านปลอมตัวเป็นสาวใช้เพื่อเดินทางเข้าไปในเผ่ามารที่นางแสนคุ้นเคย นางรู้ดีว่าที่นี่มีทางลับที่สามารถเข้าออกได้โดยไม่ถูกจับได้และในขณะที่เสวียนม่านเดินเข้ามาในทางลับ..นางกลับพบเจอใบหน้าของสตรีผู้หนึ่งที่กำลังจะเดินสวนทาง เสวียนม่านรีบไปหลบด้านหลังก้อนหินในทันที และเมื่อมองดูดีๆ ใบหน้านั้นงานล้ำ
วันเวลาที่หลี่เจ๋อเชี่ยนรอคอยในที่สุดก็เดินทางมาถึงเสียที เขารอคอยมาเนิ่นนานมากทีเดียวจนกว่าจะถึงวันที่เราได้แต่งงานกัน เขาจะได้ประกาศก้องออกไปให้ดังไกลไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนว่าเทพบุปผาหมิงหลัน นางคือภรรยาของจอมมารผู้นี้“ข้ามิคิดว่าภรรยาจะสามารถงดงามได้มากยิ่งขึ้นไปอีก..”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็หอมแก้มหมิงหลันแรงๆ ท่ามกลางพิธีแต่งงานที่พวกเขากำลังคำนับฟ้าดินท่านอดีตจอมมารถึงกับกระแอมออกมาเสียงดัง“เจ๋อเชี่ยน..ทำพิธีให้เสร็จก่อนสิเจ้าลูกคนนี้!!"เสียงหัวเราะดังขึ้นมาในทันที แขกในงานไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นภาพของท่านจอมมารที่ดูอ่อนโยนและทนุถนอมท่านเทพบุปผาเช่นนี้หมิงหลันร้องไห้อยู่สามวันสามคืนเลยทีเดียว ยิ่งใกล้ถึงกำหนดแต่งงานนางยิ่งรู้สึกตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่เรามีเจ้าตัวน้อยซึ่งเป็นพยานรักตั้งสองคนแล้ว แต่หมิงหลันก็ยังอดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ทุกที“อย่าร้องสิ ในวันแต่งานของเราเจ้าควรจะยิ้มเยอะๆ ให้ผู้คนที่มาร่วมงานลือให้ไกลเป็นพันลี้ว่าท่านจอมมารเป็นคนดียิ่งนัก เขาทำให้ภรรยาแย้มยิ้มได้ตลอดงาน..”เมื่อได้ฟังดังนั้นหมิงหลันก็หัวเราะออกมาเบาๆ“คำสาบานของข้านั้นเรียบง่ายยิ่งนัก ถึงแม
เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เดินหน้าแล้วมักจะไม่มีวันย้อนกลับ และตัวเขา..ทำให้สตรีผู้หนึ่งเสียเวลาในชีวิตไปนานมากเลยทีเดียว“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณชาย..เชิญนั่งรอที่ชั้นบนได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะจัดการนำชาเลิศรสและขนมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านน้ำชาเราไปส่งให้ท่านถึงที่โต๊ะเลย..”ท่านเทพดวงชะตาบอกกับเขาว่าเขาควรจะทำอะไรที่เป็นการไถ่โทษที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้ชีวิตของสตรีผู้หนึ่งพังลง และในยามนี้จงจิ้งโหวกำลังกระทำการไถ่โทษนางในแบบของเขาอยู่ครั้งหนึ่งเราทั้งสองคนคือสารเลว แต่ทว่าในครั้งนี้เขาจะสอนเสวียนม่านด้วยตัวเอง ว่าการทำความดีมันง่ายดายยิ่งกว่าการว่าร้ายผู้อื่น..“ข้ามาที่ร้านน้ำชาแห่งนี้บ่อยมากทีเดียว แต่กลับไม่เคยเห็นสามีของเถ้าแก่เนี้ยเลย..”เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านางคือหญิงหม้าย แต่ถึงอย่างนั้นจงจิ้งโหวคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นการสนทนาที่ค่อนข้างดีมากทีเดียวระหว่างเขาและนาง“ข้าไม่มีสามีเจ้าค่ะ จะเรียกว่ายังไม่มีสามีก็ยังไงอยู่ เพราะว่าข้าคือหญิงหม้ายที่พึ่งผ่านการหย่าร้างมา..คุณชายท่านนี้สนใจในตัวหญิงหม้ายผู้นี้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”จงจิ้งโหวมองหน้าของเสวียนม่าน เขายกมุมปากขึ้นสูงเล็
หลี่เจ๋อเชี่ยนค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้คือกลิ่นหอมของหมู่มวลบุปผาพร้อมๆ กับกลิ่นไอของแสงแดดนี่เขากำลังฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร เผ่ามารถึงได้ดูแปลกตาเช่นนี้ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้ไอขุ่นมัว แสงของดวงตะวันสามารถส่องกระทบมาบนพื้นหญ้าได้อย่างชัดเจน และบนพื้นดินที่เคยเป็นสีดำสนิท ยามนี้มันกลับเขียวขจีไปทั่วทั้งดินแดนมวลบุปผาชูช่ออวดโฉมเบ่งบาน มุมปากของหลี่เจ๋อเชี่ยนหยักยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดที่ฝังแน่นในใจ มิใช่ว่ายามนี้หมิงหลันอยู่ที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดินออกไปจากห้อง หมิงหลันก็เดินเข้ามาพร้อมๆ กับถาดน้ำชาในมือ สาวใช้ที่เดินตามนางเข้ามาสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าพวกนางพยายามอย่างมากในการห้ามท่านเทพบุปผาไม่ให้นางทำงานแต่ด้วยนิสัยของหมิงหลันแล้ว นางไม่ถนัดเรื่องการมีคนรับใช้..เขาส่งยิ้มให้กับภรรยาผู้งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในสี่ทะเลแปดดินแดน หลี่เจ๋อเชี่ยนเดินเข้าไปหาหมิงหลันโดนที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำเขาโอบกอดและฝังใบหน้าลงไปบนเรือนผมด้วยความคำนึงถึง“ภรรยา..ข้าหลับไปนานพอสมควรเลยอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันหลับตาลงช้าๆ นางยกมื
“ตามกฎแล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเทพแห่งดวงชะตาแต่ทว่าข้าไม่สามารถเปิดเผยเรื่องราวของเหล่าเซียนได้เลย..”สีหน้าของท่านเทพดวงชะตานั้นเต็มไปด้วยสีหน้าขมขื่น จงจิ้งโหวปรายตามองไปยังสวนที่แสนกว้างใหญ่ของเขา“แต่ท่านก็แหกกฎนั้นเพื่อบอกท่านแม่ของข้านี่”เทพซื่อมิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่นางจะแย้มยิ้มขึ้นมาจางๆ“ข้าไม่เคยเข้าหาเจ้าเพียงเพราะว่าในอนาคตเจ้าจะได้เป็นองค์รัชทายาทหรือว่าองค์เง็กเซียนเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ตำหนักดวงชะตาของข้านั้น ข้ามักจะชอบนั่งทำงานที่ริมหน้าต่างและเมื่อมองทอดสายตาออกมาด้านนอกหน้าต่างนั้น มันทำให้ข้าได้เห็นเด็กชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เงียบๆ หน้าสระบัว..ในยามนั้นข้าเพียงคิดว่านั่นคือเรื่องราวที่แปลกพอสมควรเพราะว่าเด็กในวัยเดียวกันควรจะวิ่งเล่นหรือไม่ก็ท่องเที่ยวไปทั่วสวนของแดนบุปผาแล้ว แต่เด็กชายผู้นั้นกลับไม่กระทำการที่เด็กในวัยเด็กกันทำ ข้ามองเด็กคนนั้นมานานหลายสิบปี จนข้าตัดสินใจเข้าไปพูดคุยเพราะข้าอยากรู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เด็กน้อยผู้นั้นดูเศร้าหมองได้ถึงเพียงนั้น การพูดคุยของข้านั้น เป็นการท้าทายความอดทนของข้ามากทีเดียวเพราะว่าเขามิได้ยินยอมพูดกับข้าในทันทีที่ข้าเอ
ท่านเทพซื่อมิ่งเดินเข้าไปหาองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้า ในมือของเด็กน้อยผู้นั้นถือถ้วยน้ำชาเอาไว้และมันยิ่งกำถ้วยในมือเอาไว้แน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อนางเดินเข้าไปใกล้ครั้งหนึ่งเมื่อยามที่นางยังอยู่บนแดนสวรรค์ นางพบเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารมากกว่าใครๆ ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนึ่งในโอรสของสวรรค์แต่ทว่ากลับมิได้รับความเคารพจากผู้ใดเลย จงจิ้งโหวเป็นเด็กที่เก็บตัวเงียบอยู่ในมุมมืดเพียงผู้เดียว ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นดังเช่นเด็กคนอื่น เนื่องจากหอดวงชะตาอยู่ไม่ไกลจากตำหนักชมจันทร์ที่จงจิ้งโหวอาศัย เมื่อมองเด็กน้อยผู้นี้นานๆ เข้า ท่านเทพซื่อมิ่งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา“เหตุใดถึงมีเพียงองค์ชายผู้เดียวที่มานั่งชมสระบัวอยู่ตรงนี้เพคะ”นางตามตื๊ออยู่นานทีเดียวกว่าจงจิ้งโหวจะยินยอมพูดด้วย“นี่คือบันทึก..เกี่ยวกับดวงชะตาอย่างนั้นหรือขอรับ”เขาใช้มือลูบไล้ลงไปบนแผ่นไม้ที่จารึกดวงชะตาของเหล่ามนุษย์เอาไว้ด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มน้อยๆ ของเด็กที่ไม่เคยพบเจอสิ่งใดนอกจากสระบัวและดวงจันทร์ข้างๆ ตำหนัก มันทำให้ท่านเทพซื่อมิ่งอดรู้สึกเวทนามิได้“พระองค์..อยากอ่านหรือไม่เพคะ”ในแววตาที่ไร้เดียงสาปรากฏร่องรอยค
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ