ดอกไม้ในเผ่ามารแห่งนี้มีเพียงดอกบัวเท่านั้น..เช่นนั้นก็หมายความว่านางงดงามเหมือนกับดอกบัวที่อยู่ในสระ ถึงแม้จะเป็นคำที่ไม่ค่อยนิยมหยิบยกมาชมเชยกัน แต่หมิงหลันก็รู้สึกดีกับคำกล่าวชมเชยของหลี่เจ๋อฮั่น
“ขอบคุณท่านเจ๋อฮั่น ทั้งเรื่องสุราและคำกล่าวชมเชยข้า” นี่เขากำลัง..คุยกับก้อนหินหรืออย่างไร? “ช่างเถอะ เรามาดื่มกันดีกว่าวันนี้เป็นสุรานารีแดง เพราะอย่างนั้นเจ้าดื่มเบาๆ หน่อยก็แล้วกัน” หมิงหลันเฝ้ามองสุราแก้วแล้วแก้วเล่าที่หลี่เจ๋อฮั่นยกขึ้นมาดื่ม นางได้แต่นั่งมองเขาร่ำสุราเงียบๆ พร้อมกับฉีกเนื้อไก่ขึ้นมากัดกิน “ในยามที่เจ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า งานของเจ้าคือการปลูกดอกไม้อย่างนั้นหรือ?” หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น “งานของข้าคือการดูแลความสวยงามของสวนมากมายบนสวรรค์ ดูแลดอกโบตั๋นที่หมื่นปีจะบานสักครั้ง ดูแลลูกท้อเทียนเหมินที่สามร้อยปีจะออกช่อ อีกสามร้อยปีถึงผลิดอกและอีกสามร้อยปีถึงจะแปรเปลี่ยนจากดอกเป็นลูก ต้องรอคอยอีกห้ารอยปีลูกท้อถึงจะแก่จัด” “ฟังดู..เป็นงานที่น่าเบื่อใช้ได้” หมิงหลันหัวเราะเสียงใส “ไม่ได้น่าเบื่อเลยเจ้าค่ะ การเฝ้าดูลูกท้อที่ค่อยเติบโต ดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มผลิบานมันทำให้ข้ามีความสุข และเนื่องจากข้าคือเทพบุปผาในยามที่ลูกท้อสุกแล้ว ข้าจะได้รับรางวัลเป็นลูกท้อหนึ่งผล ข้าได้นำลูกท้อไปหมักสุราเอาไว้ อีกสามร้อยปีก็ได้ทานแล้วเจ้าค่ะ พอถึงเวลานั้นข้าจะนำลงมาให้ท่านเจ๋อฮั่นได้ลิ้มรสชาติของสุราลูกท้อเทียนเหมิน” ในยามที่นางกล่าวถึงเมืองสวรรค์และหน้าที่การทำงานของนาง ดวงตาของหมิงหลันเปล่งประกาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นมา นางมีความสุขอยู่บนนั้นดีๆ อยู่แล้วแต่กลับเลือกที่จะลงมาที่นี่ เพื่อตามหา..สิ่งที่เรียกว่าความรัก “เจ้าดูมีความสุขดีในยามที่อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า แล้วเหตุใดถึงได้อาสาลงมาที่นี่” หมิงหลันลดสายตาลงมามองมือของตัวเองเงียบๆ ท่านเจ๋อฮั่นถือเป็นสหายคนแรกของนางเมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะอย่างนั้นหมิงหลันจึงไม่อยากปิดบังอะไรเขา “ข้อแรก พี่สาวของข้านั้นมีคนรักอยู่แล้ว ข้าไม่อยากให้พี่ไป๋เฉียนเจ็บปวดที่ต้องแยกจากคนรัก ส่วนข้อสอง..ข้าลงมาที่นี่เพื่อมาตามหาความเพ้อฝันของตัวเอง” หลี่เจ๋อฮั่นยกมือขึ้นมาเท้าคาง เพราะเขาดื่มสุราไปมากพอสมควรจึงรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย “เจ้ากล่าวราวกับคนที่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าเผ่ามารจะขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นฟ้าเพื่อร้องขอเทพบุปผามาให้กำเนิดทายาทเผ่ามาร..หมิงหลันข้าเคยได้ยินมาว่าเทพบุปผาทุกนางจะมีพลังวิเศษ เช่นนั้นหากข้าเดาไม่ผิด พลังวิเศษของเจ้ามันคือการมองเห็นอนาคตใช่หรือไม่?” ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้กับท่านเจ๋อฮัน เพียงแต่พลังการมองเห็นอนาคตของหมิงหลันยังไม่คงที่ นางยังต้องฝึกอีกมากเพื่อให้สามารถมองเห็นอนาคตในภายภาคหน้าได้ “ท่านเจ๋อฮั่น ท่านเมามากแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะให้สาวใช้ไปส่งท่านยังที่พัก..” เจ๋อฮั่นมองหน้าของหมิงหลันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะฟุบลงบนโต๊ะ ทำไมกันนะ มาชวนนางร่ำสุราคราใดมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายเมามายและสลบไปก่อนทุกครั้งไป เมื่อสาวใช้มาพาหลี่เจ๋อฮั่นออกไปจากที่นี่แล้ว หมิงหลันก็ลุกขึ้น นางก้าวเท้าไปอย่างมั่นคงเพื่อไปที่ริมสระบัว ในยามนี้ท้องฟ้ามืดไปหมด แม้แต่ดาวสักดวงยังไม่มีให้เห็นเลย นางมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งเดือนแล้ว ได้ร่วมเตียงกับท่านจอมมารครั้งหนึ่งนอกนั้นแม้แต่มองหน้าเขายังทำไม่ได้เลย เวลาที่จะอยู่ที่นี่ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แถมวันพระจันทร์เต็มดวงจะเดินทางมาถึงวันไหนก็ไม่รู้.. หน้าที่ของนางคือต้องรอต่อไปเรื่อยๆ สินะ รอจนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายเดินมาหานางก่อน ........... “ไป๋เฉียนได้โปรดวางใจ หมิงหลันมิใช่คนโง่ นางจะต้องเอาตัวรอดในเผ่ามารได้แน่” เทพบุพผาไป๋เฉียนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา นางเอนศีรษะลงไปซบลงบนไหล่ของเทพสงครามอันฉีที่กำลังกล่าวปลอบใจอยู่ “ข้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังแย่งชิงความสุขของหมิงหลันมา นางเสียสละเพื่อข้าลงไปที่เผ่ามาร แต่สิ่งที่พี่สาวอย่างข้าสามารถทำได้คือการรอคอยการกลับมาของนางเท่านั้น ยามนี้แม้แต่จะมีความสุขข้ายังไม่กล้ามีเลยอันฉี..พวกเราน่ะลงไปรับหมิงหลันขึ้นมาดีหรือไม่ ชวนท่านเทพม่อเกวียนไปด้วย เขาจะต้องยินยอมร่วมมือเป็นแน่” เทพสงครามอันฉีถอนหายใจเบาๆ เขายกมือขึ้นมาลูบผมของไป๋เฉียนด้วยความอ่อนโยน “เฉียนเฉียน เจ้าตรองดูเถิดว่าที่หมิงหลันเลือกที่จะอาสาลงไปที่เผ่ามารเพราะเหตุใด นางต้องการให้เจ้ามีความสุขนางถึงได้ยินยอมเสียสละ แต่ในยามนี้เจ้ากลับต้องทนทุกข์ทรมานและโทษตัวเองเช่นนี้ หากหมิงหลันล่วงรู้ นางจะอดทนอยู่ที่นั่นได้อย่างไรเมื่อพี่สาวของนางไม่กล้าแม้แต่จะมีความสุข ท่านเทพม่อเกวียนให้คำมั่นเอาไว้แล้วว่าในระยะเวลาสองปีจะไปรับนางกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นข้าเองก็จะเดินทางไปกับเขาด้วย วางใจเถิดเฉียนเฉียน หมิงหลันจะต้องปลอดภัย จอมมารไม่กล้าทำอะไรนางหรอก” เมื่อไป๋เฉียนได้ฟังดังนั้นความทุกข์ในใจก็รู้สึกเบาบางลงได้บ้าง นางจึงเริ่มการใช้ชีวิตใหม่ หมิงหลันชื่นชอบการดื่มสุราดอกไม้มากที่สุด เช่นนั้นนางจะหมักสุราดอกไม้เอาไว้เยอะๆ เพื่อรอคอยให้น้องสาวกลับมาลิ้มรส.. ........... “เรื่องมันผ่านมาแล้วอีกทั้งในยามนี้เจ้าจะต้องลงไปเผชิญด่านเคราะห์เพื่อเลื่อนขั้นเป็นสัจจะเทพแล้วเทียนจุน..อย่าประวิงเวลาอีกเลย มันล้วนไร้ประโยชน์” เทพม่อเกวียนกล่าวพร้อมกับส่งปิ่นไม้อันหนึ่งให้กับเทียนจุน เขายื่นมือมารับก่อนจะยกปิ่นไม้นั้นมากอดแนบอก “ข้ากลับมาจากสงครามที่ทะเลตงไห่กลับได้ข่าวว่าหมิงหลันลงไปที่เผ่ามารเพื่อให้กำเนิดองค์รัชทายาทให้จอมมาร ม่อเกวียนเจ้าใจร้ายยิ่งนักทั้งๆ ที่คำสั่งเสียสุดท้ายของข้าคือการปกป้องนางแต่ทว่าเจ้ากลับเป็นคนผลักไสให้นางไปที่เผ่ามารด้วยตัวเอง” เทพม่อเกวียนก้มหน้าลงเล็กน้อย เรื่องนี้เขาไม่มีคำใดจะเถียงสหายรักเลยแม้แต่คำเดียว “เรื่องนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้า ข้าจะชดใช้ให้เจ้าอีกสองปีนับจากนี้ข้าจะไปรับหมิงหลันกลับมา หลังจากนั้นข้าจะปกป้องนางเพื่อรอคอยวันที่เจ้าเผชิญเคราะห์กรรมสำเร็จลุล่วง ให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถิดนะเทียนจุน การเดินทางของเจ้าในครั้งนี้มันสำคัญกับสวรรค์ชั้นฟ้าอย่างมาก เพราะบนสวรรค์ไม่มีสัจจะเทพถือกำเนิดมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว..ได้โปรดเทียนจุนทำเพื่อพวกเราชาวสวรรค์ทุกคน” คราวที่แล้วในยามที่เขาไปจัดการเผ่าปักษาที่ทะเลตงไห่ทุกคนก็กล่าวอ้างว่าให้เขาทำเพื่อชาวสวรรค์ เขาทำเพื่อชาวสวรรค์แล้วอย่างไร ในเมื่อจะรักสตรีสักนางยังไม่อาจทำได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อันใดกันม่อเกวียนนั้นอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้ว่าที่หมิงหลันอาสาไปที่เผ่ามารเป็นเพราะว่านางมีใจสงสารพี่สาวอย่างไป๋เฉียนถึงแม้อยากจะห้ามปรามแต่ทว่าหน้าที่ของเขาก็ค้ำคออยู่ การส่งเทพบุพผาไปที่เผ่ามาร หาใช่เรื่องล้อเล่นเมื่อไรกัน มันเกี่ยวพันไปถึงพันธสัญญาสงบศึกของเผ่ามารและดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า เรื่องนี้เขามีส่วนผิดอยู่ ถึงจะเป็นหน้าที่แต่ทว่าเขาก็ละเลยคำขอของเทียนจุนม่อเกวียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าของสหายรัก เราทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคือเทพผู้ดูแลเรื่องทุกอย่างในดินแดนสวรรค์ อีกไม่กี่ปีเขาก็จะได้เป็นสัจจะเทพ เพราะมีชาติกำเนิดจากเทพีจันทราทำให้ม่อเกวียนมิต้องลงไปเผชิญคราวเคราะห์เช่นเทพองค์อื่น ตำแหน่งของเขานั้นใหญ่โตยิ่งนักเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่ท่านเง็กเซียนและองค์รัชทายาทสวรรค์เท่านั้นแต่ถึงแม้ม่อเกวียนจะยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็ยินยอมวางอำนาจทุกอย่างของเขาลงเพื่อคุกเข่าและขอโทษสหายอย่างเทียนจุนเมื่อเทียนจุนมองเห็นม่อเกวียนกระทำเช่นนั้น เขาก็เลือกที่จะหันหน้าหนีความเจ็บปวดสายหนึ่งกรีดแทงเข้าไปในดวงใจ เขาโกรธเคืองที่ม่อเกวียนผิดคำสัญญา จึงอารมณ์เสียพานโกรธสหาย..แต่ท
“ปล่อยให้ทั้งสองคนสนิทสนมเช่นนี้ดีแล้วอย่างนั้นหรือฮูหยิน..”เทพซือมิ่งมองหน้าของสามี พร้อมกับแย้มยิ้มที่มุมปาก“ข้าเอ็นดูหมิงหลันมากเลยนะท่านพี่ ข้าหมายมั่นอยากได้เทพบุปผาผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้เหลือเกิน และข้ามั่นใจว่านางจะต้องมาเป็นลูกสะใภ้ของข้า”ท่านจอมมารคนเก่าถึงกับถอนหายใจ“แต่หมิงหลันดูสนิทสนมกับเจ๋อฮั่นมากกว่าเจ๋อเชี่ยนเสียอีก ข้ากลัวว่าเจ๋อเชี่ยนจะเสียสตรีดีๆ เช่นนั้นไป และกลัวว่าเจ๋อฮั่นจะผิดใจกันด้วยเรื่องนี้”เพราะโชคชะตามักเล่นตลกเช่นนี้ ด้ายแดงพัวพันวกไปวนมาไม่รู้จบโดยที่หากมองด้วยตาเปล่าจะมิสามารถมองเห็นปลายด้ายแดงอีกฝั่งได้เลย เวลาจะพาพวกเขาเหล่านั้นผ่านพ้นเคราะห์กรรมพิสูจน์ความรักเพื่อให้ทั้งคู่ได้ทอดสายตามองเห็นผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของด้ายแดงอย่างถนัด..“สิ่งที่เราทำได้คือการเร่งให้ทั้งสองคนทำความรู้สึกกัน..ส่วนเจ๋อฮั่น ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้คลอดเขาออกมาแต่ข้าก็เลี้ยงเขามากับมือ เจ้าลูกคนนี้สมควรจะต้องได้รับผลของการกระทำ เขาเล่นสนุกกับสตรีไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะมนุษย์ หรือเทพธิดาบนสวรรค์ เพราะอย่างนั้นเขาควรได้รับบทเรียน แม่นมจางไปบอกเชี่ยนเชี่ยนว่าข้าอยากกินขนมแป้งทอดให้เขา
แต่ทว่าคนอย่างหลี่เจ๋อเชี่ยนฆ่าได้หยามไม่ได้ หากนางจะไปหาบุรุษอื่นก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นเสียก่อนสิ!!เขาเดินตรงเข้าไปหาเทพบุปผาไป๋หมิงหลันก่อนจะคว้าแขนของนางเอาไว้แน่นอนว่าดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจแทบสิ้นสติเมื่อนางเห็นเขา ต้องตกใจเช่นนั้นเลยหรือเพียงแค่เขาจับได้ว่านางปันใจไปให้มนุษย์ผู้อื่น“ท่านหลี่..”หมิงหลันเกือบจะเผลอหลุดเรียกเขาว่าจอมมารไปเสียแล้ว เพราะไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ความคิดถึงที่อัดแน่นในหัวใจก็เลยแผ่กระจายออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวนางช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยดวงตาเหม่อลอยไร้สติ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก“มากับข้าสิ หรือว่าเจ้าอยากจะไปกับมนุษย์ผู้นั้นมากกว่าข้าที่เป็นเจ้าแห่งเผ่ามาร”“หามิได้เจ้าค่ะ”โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาบ่อยๆ ถึงแม้ว่าหมิงหลันจะมิได้พบหน้าของท่านพี่เทียนจุนมาเนิ่นนาน แต่ทว่าบนสวรรค์มีกฎอยู่ ห้ามเทพทุกองค์เข้าไปแทรกแซงการเผชิญคราวเคราะห์ของเทพองค์อื่น ในใจของนางมิได้หมายมั่นว่าจะช่วยเหลือเขา แต่นางแค่อยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาพี่น้องเท่านั้นเอง“อ่า ท่านเทียนจุน เห็นทีว่าวันนี้ข้าจะไม่สามารถไปกับท
หลี่เจ๋อเชี่ยนผละริมฝีปากออกด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง ปกติเพียงแค่ยืนอยู่ใกล้นางเขาก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยฟุ้งออกมาจากกายนางจนติดปลายจมูกไปหมดแต่เมื่อได้ลิ้มรสก็พบว่าหมิงหลัน..น่าจะหวานไปทุกส่วนของร่างกาย เมื่อลิ้นของเขาลุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่มมันเหมือนกับว่าเขากำลังเสียสติเพราะพบเจอความหอมหวานที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน หวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดที่เคยลิ้มรสมาดูเหมือนว่าดอกสาลี่น้อยดอกนี้จะพร้อมเบ่งบานเพื่อเขาแล้วสินะ เจ๋อเชี่ยนยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของหมิงหลันที่มันกำลังแดงซ่านราวกับลูกเชอรี่เอาไว้“รู้สึกอย่างไร?”หมิงหลันรีบเบนสายตาเพื่อมองไปทางอื่นในทันที ส่วนมือทั้งสองข้างของนางถูกยกขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้ บางสิ่งในอกรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมานางหายใจเหนื่อยหอบราวกับจะเป็นลมและหลี่เจ๋อเชี่ยนรีบยื่นมือไปประคองร่างของนางเอาไว้ เขากระซิบที่ข้างใบหูของหมิงหลันด้วยความแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“แค่จูบก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เห็นทีว่าการร่วมเตียงของเราจะต้องเลื่อนไปอีกสักหน่อย..”“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ้าคะ”เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของหมิงหลันมันยิ่งทำให้เจ๋อเชี่ยนอยากจะลองแกล้งน
หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้ามองพระจันทร์ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด คืนวันพรุ่งนี้คงเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสินะ เป็นคืนเข้าหอแรกของหมิงหลันและพี่ใหญ่..สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อะไรเลยงั้นเหรอ? ไม่ได้การ เขาต้องไปพบหมิงหลันเพื่อบอกกล่าวความในใจของเขาให้นางรู้ ทว่าเมื่อเจ๋อฮั่นเปิดประตูห้องของเขาออกไปคนที่เขาพบเจอคือท่านเทพซื่อมิ่ง แม่เลี้ยงของเขา“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าจะไปไหนกันเจ๋อฮั่น”เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด“ข้าจะไปหาหมิงหลัน..ท่านแม่เองก็คงจะมาห้ามข้าสินะ”“เจ๋อฮั่น สตรีนั้นมีมากมายเหตุใดต้องเป็นเทพบุปผาหมิงหลันด้วย สตรีผู้นี้เกิดมาเพื่อพี่ชายของเจ้า..”“แต่ท่านพี่ไม่ได้รักนาง..ข้าต่างหากที่รักนาง!!”เทพซื่อมิ่งถอนหายใจเบาๆ“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน”“หากว่าท่านพี่รักหมิงหลัน เขาไม่มีทางมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นหรอกท่านแม่”“ที่เจ้ากล่าวออกมานั้นก็ไม่ผิด ในวันนี้เจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน แต่ทว่าวันข้างหน้าสุดแสนจะคาดเดา ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็กถึงแม้มิได้คลอดเจ้าแต่ข้าก็เป็นคนอาบน้ำให้เจ้าตั้งแต่เล็กแต่น้อย เจ๋อฮั่นสิ่งเดียวที่ข้าจะขอจากเจ้าคือให้เจ้าปล่อยหมิงหลันไป นางไม่ใ
“ข้าได้ยินมาว่าท่านม่อเกวียนส่งเทพบุปผาไปให้จอมมารอย่างนั้นหรือ?”ม่อเกวียนเงยหน้าขึ้นมาจากม้วนกระดาษมากมายเบื้องหน้า เมื่อเขามองเห็นเทพีเสวียนม่านที่กำลังเดินเข้ามาเขาก็ก้มหน้าลงเพื่อตวัดพู่กันลงไปบนกระดาษ มิชายตามองหรือสนใจในคำถามของเทพีเสวียนม่านเลยแม้แต่น้อยเสวียนม่านขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย“ท่านเทพม่อเกวียนข้าเพียงอยากรู้เรื่องของเทพบุปผาผู้นั้น อย่างน้อยครั้งหนึ่งข้าก็เคยอาศัยอยู่ที่เผ่ามาร ข้าจะได้แนะนำนางถูกว่าจะต้องทำเช่นไร..”“เสวียนม่าน กลัวผู้อื่นมิรู้หรืออย่างไรว่าก่อนมาเป็นเทพีเจ้าเคยอยู่ที่ใดมาก่อน งานของข้านั้นยุ่งยากยิ่งนัก มิได้มีเวลามาเสวนาเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเจ้าหรอกนะ”เสวียนม่านกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก นางเพียงต้องการรู้ข่าวคราวของท่านจอมมารก็เท่านั้นเอง“เช่นนั้นม่านม่านมิรบกวนท่านม่อเกวียนแล้วเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรท่านเทพม่อเกวียนไม่ค่อยชอบนางสักเท่าไหร่ เพราะเขายังคิดว่าสงครามเมื่อสองร้อยปีก่อนมีฉนวนเหตุมาจากนาง ทั้งๆ ที่เสวียนม่านบอกกล่าวท่านจอมมารไปแล้วว่านางเลือกองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวมิใช่เขานางอยากเป็นสตรีที่ทรงอำนาจมากที่สุดในสวรรค์ชั้นฟ้า มิใช่นางม
หลังจากได้พูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งแล้ว หมิงหลันก็เดินทางกลับมายังตำหนักของนาง และเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าสายตาก็พบเห็นหลี่เจ๋อฮั่นที่กำลังยืนรออยู่“เจ๋อฮั่น เจ้ามารอข้านานรึยัง เหตุใดไม่ไปหาข้าที่สวนดอกไม้เล่า”นางยังคงส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับชงชาเพื่อต้อนรับ แต่ทว่าในใจของหลี่เจ๋อฮันยามนี้ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว“ข้าชอบเจ้านะหมิงหลัน ไม่ใช่ความรู้สึกแบบเพื่อนแต่มันคือการชอบแบบสามีภรรยา แบบที่คนรักกัน..”หมิงหลันวางกาน้ำชาลงเบื้องหน้า นางช้อนสายตามองหน้าของหลี่เจ๋อฮั่นพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ค่อยๆ จางหายไปเรื่องความรู้สึกเกินเลยของเขา นางรับรู้มานานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นมองข้ามเพราะว่าที่เผ่ามารเพื่อนของหมิงหลันมีเพียงแต่หลี่เจ๋อฮั่นเท่านั้นนางจึงพยายามรักษาคามสัมพันธ์ของเราเอาไว้ที่ตรงกลางเพื่อไม่ให้มากเกินไปหรือว่าน้อยจนเกินไป วันที่หมิงหลันหวาดกลัวที่สุดคือวันที่เจ๋อฮั่นสารภาพความในใจออกมา และวันนั้นมันเดินทางมาถึงแล้ว“เจ๋อฮั่น เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้มองเจ้าแบบนั้น การชอบข้าคือการกระทำที่เสียเวลามากที่สุดเพราะหัวใจดวงนี้ของข้ายกให้ท่านจอมมารนานมากแล้ว”หลี่เจ๋อฮั่นก้มหน้าลงเล็กน้อย เขารู
หมิงหลันเงยหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังเต็มดวง นางรอคอยวันนี้มานานนับสี่เดือน แต่ทว่ามันกลับว่างเปล่ามากกว่าที่คิดเอาไว้ ท่านจอมมารมีงานด่วน ทำให้ต้องรีบเดินทางไปตรวจตราเขตแดน ไม่รู้ว่าจะเดินทางกลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่.. ทั้งที่คิดว่าเมื่อวานนี้เธอได้เดินเข้าไปใกล้เขาอีกก้าวหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มันกลับไกลออกไปเท่าเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ในอกรู้สึกเหมือนถูกบดขยี้เลย หมิงหลันคิดว่าคืนนี้ตัวเองอยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้วเธอจะเดินทางออกไปที่เมืองมนุษย์สักหน่อย.. ........... “เทพซื่อมิงเดินทางขึ้นมาพบเทพีจันทราอย่างนั้นหรือ? นี่จะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเป็นแน่” เสวียนม่านกล่าวพร้อมกับใช้ความคิด ในความรู้สึกส่วนลึกเกิดเป็นความร้อนรนขึ้นมา “ไม่ได้การแล้วข้าจะเดินทางไปที่เผ่ามารสักหน่อย” เสวียนม่านปลอมตัวเป็นสาวใช้เพื่อเดินทางเข้าไปในเผ่ามารที่นางแสนคุ้นเคย นางรู้ดีว่าที่นี่มีทางลับที่สามารถเข้าออกได้โดยไม่ถูกจับได้และในขณะที่เสวียนม่านเดินเข้ามาในทางลับ..นางกลับพบเจอใบหน้าของสตรีผู้หนึ่งที่กำลังจะเดินสวนทาง เสวียนม่านรีบไปหลบด้านหลังก้อนหินในทันที และเมื่อมองดูดีๆ ใบหน้านั้นงานล้ำ
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส