ตอนที่ 15. ช่วยสืบคดี

ภายในห้องพัก ณารากำลังยืดเส้นยืดสาย หลังจากนอนแบบอยู่บนเตียงมาหลายชั่วโมง แม้จะเจ็บแผลจากคมกระบี่อยู่บ้าง แต่ก็ยังพอทนไหว ขณะกำลังวาดแข้งสลับซ้ายขวา เตะอากาศอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงเคาะเบาๆ หญิงสาวไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นเตียง นอนห่มผ้าหลับตานิ่งตามเดิม จึงไม่เห็นว่า เจิ้งหมิงได้ถือวิสาสะเดินเข้ามา

“ข้าเอง แม่นางณารา”

เสียงทุ้มห้าวดังอยู่ใกล้ๆ พาให้คนแกล้งหลับรีบลืมตา ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

            “คุณ ตอนคุณไม่อยู่ ใต้ท้าวเฉินกับเลขาเจียงมาที่นี่ เค้าสองคนมองฉันแปลกๆ เค้าสงสัยแล้วใช่มั้ยว่า ฉันไม่ใช่ท่านหญิงน่ะ”

            เจิ้งหมิงพยักหน้ารับ “อึม ใช่ แล้วข้าก็บอกใต้ท้าวกับเลขาเจียงไปแล้วด้วยว่า เจ้าเป็นใคร”

            “คุณทำแบบนี้ได้ไง ฉันก็ซวยน่ะสิ” ณารามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

            “แค่การพูดจาของเจ้า ก็ไม่เหมือนท่านหญิงแล้วล่ะ ใต้ท้าวเฉินกับเลขาเจียงสืบคดีมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ อย่างไรเสีย ท่านทั้งสองก็ต้องสงสัยอยู่แล้วล่ะ”

            “แล้วยังไง”

            “เลขาเจียงให้ข้าบอกรูปพรรณสันฐานของเจ้าให้ฟัง แล้วท่านก็วาดภาพออกมา แต่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกนะ ใต้ท้าวเฉินเชื่อว่าเจ้ามาจากกาลเวลาข้างหน้า และไม่ได้คิดจะเอาผิดอะไร เพียงแต่ใต้ท้าวเฉินอยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ ใต้ท้าวต้องคลี่คลายคดีการหายตัวไปของหญิงตั้งครรภ์ในเมืองนี้ก่อน”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ แล้วคุณได้เบาะแสอะไรบ้างมั้ย”

เจิ้งหมิงส่ายหน้าแทนคำตอบ

“เมื่อคืนมีทหารยามเห็นชายชุดดำกลุ่มหนึ่ง ลักพาตัวหญิงตั้งครรภ์นางหนึ่งออกไปจากเมือง แต่ก็ไม่ทราบว่าไปที่ไหน”

“แล้วใต้ท้าวเฉินจะทำยังไงต่อไปคะ” ณาราจ้องหน้าองครักษ์หนุ่มอย่างสนใจ ความเป็นตำรวจทำให้เธอไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้เลย

“ใต้ท้าวต้องการหญิงตั้งครรภ์สักคน เพื่อล่อให้พวกมันมาจับตัวไป จะได้รู้ว่ารังของพวกมันอยู่ที่ไหน”

“ให้ฉันช่วยนะคะ ที่กาลเวลาของฉัน ฉันเป็นตำรวจ ยังไงฉันก็เชื่อว่า ต้องช่วยพวกคุณได้แน่ ฉันจะไปหาใต้ท้าวเฉิน พูดให้ท่านเข้าใจเอง” ณาราลุกจากเตียง อารามรีบร้อน ทำให้ไม่ทันระวัง เดินสะดุดขาเก้าอี้ซึ่งวางอยู่ไม่ไกลจากเตียง และคงหน้าคะมำไปแล้ว หากเจิ้งหมิงไม่คว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน หากแรงปะทะก็ทำให้เธอปลิวหวือเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย กลายเป็นว่า เขากำลังกอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง

แผ่นอกกว้างแกร่ง กับแผ่นหลังเล็กกว่า แนบชิด จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนจางจากกายกันและกัน แม้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่ก็ทำให้หัวใจสองดวงเต้นด้วยจังหวะแปลกแปล่งชอบกล

โลกทั้งโลกคล้ายมีเพียงเขาโอบกอดเธออยู่เช่นนี้ ความอบอุ่นอิ่มเอมก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในส่วนลึกของใจโดยที่ทั้งเขาและเธอเองก็ต่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย

“ระวังหน่อยสิ ประเดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก” น้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ปลุกให้ณาราตื่นจากห้วงภวังค์ รีบผละออกห่างเขา แล้วเสมองไปทางอื่น เรื่องอะไรจะยอมให้เขาเห็นพวงแก้มแดงซ่านเพราะความเขินล่ะ

“ฉันไปหาใต้ท้าวเฉินก่อนล่ะ” ณาราเอ่ยห้วนๆ ก่อนก้าวฉับๆ ออกจากห้องพักมา ไม่ทันได้มองจี้หมินกับเจิ้นหยาง สองมือปราบที่เพิ่งเดินผ่านมาด้วยซ้ำ

“แม่นางณา เป็นอะไรของเค้าน่ะ” จิ้หมินมองหน้าคู่หูงงๆ

“นั่นสิ หน้าแดงด้วย สงสัยจะไม่สบาย” เจิ้นหยางสำทับ ก่อนเอ่ยทักเจิ้งหมิงที่เพิ่งเดินตามออกจากห้องพักมา

“พี่เจิ้งหมิง แม่นางณาจะรีบไปไหนน่ะ”

“ไปหาใต้ท้าวน่ะ”

“แล้วทำไมต้องไปด้วยล่ะ” จี้หมินยังไม่คลายสงสัยอยู่นั่นเอง

“เรื่องมันยาว ไว้ข้าค่อยเล่าก็แล้วกันนะ” เจิ้งหมิงตัดบท ก่อนจะเดินตามณาราไปอีกคน

ภายในห้องทำงานของเฉินลู่ซี ณารายอบกายลงคารวะเจ้าของห้อง ตามแบบที่เธอเรียนมาก่อนจะแสดงภาพยนตร์จีนเรื่องแรกเมื่อหลายปีก่อน

“ใต้ท้าวคะ ฉัน เอ่อ ข้ามาเสนอตัวช่วยสืบคดีหญิงตั้งครรภ์ที่หายตัวไปค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตามตรง ด้วยไม่เห็นประโยชน์จะพูดจาอ้อมค้อมอยู่อีก

“ทำไมเจ้าถึงอยากจะช่วย ทั้งที่รู้ว่า งานนี้อาจทำให้เจ้าได้รับอันตรายล่ะ” เฉินลู่ซีเอ่ยเนิบช้า นุ่มนวล ผิดจากเมื่ออยู่ในศาลราวพลิกฝ่ามือ

“ใต้ท้าวคงรู้แล้วว่า ข้ามาจากกาลเวลาข้างหน้า ในกาลเวลานั้นน่ะ ข้าเป็นตำรวจ เอ่อ ข้าหมายถึงมือปราบค่ะ ข้าจึงมั่นใจว่า จะช่วยท่านได้ ข้าจึงอยากขอให้ใต้ท้าวอนุญาตให้ข้ากับเจิ้งหมิงออกไปสืบคดีค่ะ” ณาราเอ่ยหนักแน่น ก่อนบอกเล่าแผนการที่ตนเองคิดเอาไว้แล้วให้เฉินลู่ซีฟังโดยละเอียด

“ข้าสัญญาว่า จะคลี่คลายเรื่องนี้ให้กระจ่างให้ได้ค่ะ”

“อึม” เฉินลู่ซีพยักหน้าช้าๆ ยกมือขึ้นลูบเครายาวเบาๆ

“ตกลง ข้าอนุญาต แต่เจ้าต้องอย่าให้คนที่ตำหนักอ๋องเห็นเจ้าเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็ จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นแน่”

“ค่ะ ข้ารับรองว่าจะไม่ทำให้เสียเรื่องแน่นอน ข้าขอตัวก่อนนะคะ” ณาราค้อมศีรษะน้อยๆ ก่อนเดินกลับจากห้องทำงานของเฉินลู่ซีมา

ยังไม่ทันจะกลับเข้าห้องพัก ก็เห็นเจิ้นหยางเดินนำใครคนหนึ่งไปทางห้องรับรอง แม้เคยเห็นแต่ในภาพความทรงจำของจ้าวเจี้ยนฟาง แต่หญิงสาวก็จำได้ว่า ชายสูงวัยผู้นั้นคือ ท่านอ๋อง 9 จ้าวเจี้ยนหลิงนั่นเอง

“ท่านอ๋อง 9 มา แม่นางเข้าไปหลบในห้องพักก่อนดีกว่านะครับ” จี้หมินก้าวเร็วๆ เข้ามาหาเอ่ยเบาๆ พอให้ได้ยินกันเพียงสองคน

“ขอบใจนะจี้หมิน” ณาราเอ่ย ก่อนเดินกลับเข้าห้องพักมา จึงไม่ทันเห็นและได้ยินว่า ท่านอ๋อง 9 มาพบเฉินลู่ซีด้วยเหตุผลใด แต่ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่า เขาคงมาตามหาธิดาคนเล็กเป็นแน่

สองชั่วยาม หลังจากนั้น...

ณาราแต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูแขนยาวสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อกั๊กตัวนอกสีน้ำเงินเรียบไร้ลวดลายที่เจิ้งหมิงเห็นตรงหน้า ไม่ได้ทำให้ความงามของหญิงสาวจากกาลเวลาข้างหน้าลดน้อยลงเลย

แม้ดวงหน้าจะปราศจากการแตะแต้มด้วยเครื่องสำอาง ผิวพรรณขาวผ่องลออตา กับเครื่องหน้าเหมาะเจาะ ก็ทำให้ดวงหน้างามสดใสชวนมอง

“พี่เจิ้ง มองแม่นางณาราไม่วางตาเลยนะ” เจิ้นหยางแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าองครักษ์เจิ้งหมิงผู้ไม่เคยสนใจหญิงงามคนใด คอยแต่จะลอบมองหญิงสาวในภาพวาดของเลขาเจียงอยู่บ่อยครั้ง แม้ในยามที่นางกำลังยืนทอดสายตามองทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่ริมระเบียง

นั่นสิ นอกจากพี่เจิ้งแล้ว ทุกคนก็เห็นนางเป็นท่านหญิงน้อยกันหมด ไม่แน่ว่า นางอาจจะเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาให้พี่ก็ได้นะ” จี้หมินยิ้มน้อยๆ ให้องครักษ์หนุ่ม คนที่เขารักและเคารพไม่ต่างจากพี่น้องท้องมารดาเดียวกัน

หลายปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา มือปราบหนุ่มต้องยอมรับว่า เจิ้งหมิงนั้นเป็นผู้กล้า มีน้ำใจงดงาม เยี่ยงชาวยุทธภพที่ดีพึงมี หลายครั้งที่การสืบคดีต้องขัดแข้งขัดขาขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนต้องเอาคอไปอยู่บนเครื่องประหารเกือบพร้อมกัน หากเจิ้งหมิงก็ไม่เคยทิ้งเขากับเจิ้นหยางให้ต้องเผชิญกับความทุกข์

หากวันนี้พี่ชายของเขาจะได้พบกับใครสักคน ที่มีวาสนาร่วมกัน เขาก็พร้อมจะยินดีและสนับสนุนเต็มที่

“เจ้าสองคนคิดว่า เราจะให้ในสิ่งที่คนที่เรารักต้องการได้มั้ยล่ะ ชีวิตข้ากับเจ้า นอกจากเรื่องงานแล้ว จะมีเรื่องอื่นใดสำคัญไปกว่านี้อีกเล่า” เจิ้งหมิงหันมาเอ่ยกับผู้เป็นเสมือนน้องชายทั้งสอง ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“มันก็ไม่แน่หรอกนะพี่เจิ้ง ใครจะรู้ วันดีคืนดี สวรรค์อาจจะส่งคนที่เหมาะสมมาให้เราก็เป็นได้ ดูอย่างแม่นางณาราหน่อยเป็นไร พี่ก็เป็นทหารองครักษ์ ส่วนนางเองก็เป็นมือปราบ พี่อาจจะมีทั้งคนที่เป็นมือปราบคู่ใจ ทั้งคู่ชีวิตมาเคียงข้างกายก็ได้” จี้หมินยิ้มบางๆ อย่างเชื่อมั่น

ไม่รู้ล่ะ อย่างไรอีกไม่นานนี้ เขากับเจิ้นหยางจะต้องมีพี่สะใภ้คนใหม่อย่างแน่นอน…