นางไม่ต้องการเกี่ยวข้องอันใดกับเซียวเฉินเหยี่ยน นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงการกลั่นแกล้งดูหมิ่นและความโหดร้ายในชาติที่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่องรอยที่คลุมเครือนี้!นางยกน้ำมาหนึ่งกะละมังและขัดถูทำความสะอาดอย่างรุนแรงจนบาดแผลช้ำถลอก เมื่อเจ็บจนทนไม่ไหวนางถึงยอมนั่งลงอีกครั้งนางกำลังจะหากล่องยาเพื่อทายา จู่ ๆ ตรงหน้ากระจกก็มีกล่องยากล่องหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเสิ่นหรูโจวตะลึงไปชั่วขณะ นางเปิดกล่องยาออกด้วยความสงสัย ทันใดนั้นนางพลันเบิกตากว้างเมื่อกล่องยาถูกเปิดออก ก็พบว่ามียาชนิดต่าง ๆ วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และยังมีอุปกรณ์การแพทย์ครบชุดวางอยู่ตรงหน้านาง!นางขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ คิดจะหายาทาจินชวง แล้วยาจินชวงก็เด้งออกมาทันที เสิ่นหรูโจวรู้สึกหวาดกลัวมาก นางลองหายาถอนพิษ ยาถอนพิษกำหนัด แล้วยาก็เด้งออกมาทันทีเหมือนเดิมมัน…มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!นางเก็บอาการตื่นตกใจเอาไว้ จากนั้นหยิบยาจินชวงออกมา ไม่คิดเลยว่าพื้นที่ที่ว่างเปล่าเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็มียาจินชวงแบบเดิมปรากฏขึ้นกลางอากาศอีก!หลังจากได้เกิดใหม่ นางก็ได้รับสมบัติอันทรงพลังเช่นนี้ สวรรค์ทรงโปรดจริง ๆ !เสิ่
ทันทีที่เสิ่นหรูโจวปิดกล่องยาบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันก็หายไปเอง แต่มันติดอยู่ในสมองของนางอย่างน่าอัศจรรย์นางมองมู่หว่านหรงพาสาวใช้คนสนิทหลิงเฟิงก้าวผ่านคานประตูเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาวันนี้มู่หว่านหรงสวมกระโปรงยาวสีเขียวชอุ่มเรียบ ๆ ศีรษะปักด้วยปิ่นมุกดอกยี่หุบ แม้แต่น้ำมันหอมที่ใช้ก็ยังเป็นกลิ่นหอมพรรณพืชจาง ๆ ที่มู่หว่านชิงใช้เป็นประจำนางเป็นแบบจำลองของมู่หว่านชิงในทุก ๆ ด้าน แต่นางรูปงามน้อยกว่ามู่หว่านชิงเล็กน้อย หน้าตาไม่มีความละมุนละไมเช่นนางมู่หว่านหรงเหมือนได้กลิ่นฉุนของยาสมุนไพรภายในห้อง จึงขมวดคิ้วมุ่นอย่างรังเกียจพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดจมูกกับปาก“พระชายา รบกวนกลางดึก ท่านคงไม่รังเกียจหว่านหรงใช่หรือไม่เจ้าคะ”มู่หว่านหรงเพิ่งเข้ามาใกล้ สายตาของนางก็จับจ้องไปที่คอของเสิ่นหรูโจว จากนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นด้วยความไม่เชื่อทันที “ท่านกับพี่เฉินเหยี่ยนร่วมหอกันแล้วหรือเจ้าคะ!!”เสิ่นหรูโจวกวาดสายตามองนางด้วยความเย็นชา “ถ้าใช่แล้วจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่แล้วจะเป็นอย่างไร!”ชาติที่แล้ว นางได้ร่วมหอกับเซียวเฉินเหยี่ยนจนสำเร็จและมู่หว่านหรงก็มาหาเรื่องเหมือนกัน ตอนนั้นนางรู้สึกไ
หลิงเฟิงที่อยู่ด้านหลังคว้าตัวกอดนางอย่างชำนาญ จ้องเสิ่นหรูโจวเขม็งด้วยความขุ่นเคือง: “พระชายา! แม้สถานะของพระชายารองจะไม่ดีเท่าท่าน แต่นางก็หาใช่คนที่ท่านจะรังแกได้ไม่! ข้าจะไปเชิญท่านอ๋องมาเดี๋ยวนี้ ให้ท่านอ๋องลงความเห็นเสียหน่อย!”ตบหน้ากลับเจ็บไปถึงหัวใจ ช่างเป็นเรื่องประหลาดในใต้หล้าเสียจริง!เสิ่นหรูโจวส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เร่งนำเข็มเงินสองเข็มในช่องสุญญากาศออกมาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้สังเกตว่านางเคลื่อนไหวเช่นไรก็เข้าใกล้มู่หว่านหรงเสียแล้ว เพียงออกแรงหนักสองครั้งจึงได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมบาดหู…“กรี๊ด!”ใบหน้าของมู่หว่านหรงซีดเผือดกะทันหัน หัวใจเจ็บแปลบ เจ็บปวดจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก นางมองเสิ่นหรูโจวอย่างเหลือเชื่อ “ท่าน ท่านทำอะไรข้า!”หลิงเฟิงคิดว่านางกำลังแสดงละครอีกรอบ ครั้นพบว่านางตัวสั่นเทาจากเจ็บปวดจึงมองเสิ่นหรูโจวด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี“พระชายา ท่านทำอะไรกับพระชายารอง!”เสิ่นหรูโจวยังคงยิ้มเล็กน้อย หยิบเข็มเงินกลับมาโดยไม่หลบซ่อน“เจ้าไม่ได้มองหาเซียวเฉินเหยี่ยนเพราะเจ็บหัวใจหรอกหรือ หากหัวใจของเจ้าไม่ได้เจ็บแล้วจะตามหาเขาได้อย่างไร”นางอยากแสด
หมดสติ!เมื่อได้ยิน สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนพลันเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”ผู้มารายงานโค้งคำนับพลางเอ่ยตอบ: “เมื่อครู่หลิงเฟิงมาบอกว่าพระชายารองมีใจไปเยี่ยมเยียนพระชายา แต่พระชายากลับทุบตีคนไม่เลือกหน้า ส่งผลให้พระชายารองโรคหัวใจกำเริบและอาการแย่อยู่พักหนึ่ง”แววเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยน ทันใดนั้นจึงยิ้มเย้ยหยันที่แท้เสิ่นหรูโจวยังคงเป็นเสิ่นหรูโจวคนเดิมที่ขี้หึงและขี้อิจฉาจากท่าทีของนางที่มีต่อมู่หว่านหรง เช่นนั้นจะต้องการหย่ากับเขาจริง ๆ ได้อย่างไรแล้วเขายังสัมผัสได้ว่าเสิ่นหรูโจวเปลี่ยนไปแล้ว ฮ่าฮ่าเขายืนขึ้นสวมเสื้อคลุม วางหนังสือสัญญาไว้บนโต๊ะก่อนเอ่ยสั่งจวินอู่“เก็บหนังสือสัญญาให้ดีแล้วตามข้าไปเยี่ยมเรือนชิงจู”หว่านหรงเป็นน้องสาวของหว่านชิง อีกทั้งเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาด้วย เขาสัญญากับนางว่าจะปกป้องนางไปตลอดชีวิต…เซียวเฉินเหยี่ยนเร่งรีบเข้าไปในเรือนของมู่หว่านหรง หลิงเฟิงย่อตัวคารวะเขา เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้อง เมื่อมองแวบเดียวก็ได้เห็นว่ามู่หว่านหรงหงายหน้าขึ้นฟ้า ใบหน้าของนางเผยความเจ็บปวดเต็มกลืนร้องครวญครางเสียงแผ่ว
“อีกอย่าง จวินอู่ไม่ได้บอกท่านว่าข้าทุบตีคนอื่นหรือไร หรือว่าท่านคิดว่าข้ายังถูกข่มเหงได้ง่ายเช่นเมื่อก่อน”ความเจ็บของเซียวเฉินเหยี่ยนหายไป เขามองนางพลางคลายความสงสัยเล็กน้อย บางทีนางอาจจะแทงเข็มโดยมิมีหลักการใดก็เป็นได้ มีความถมึงทึงบนใบหน้าหล่อเหลาไร้ผู้เทียบเคียง“เจ้าน่ะหรือถูกข่มเหงได้ง่าย เจ้าทุบตีนางจนหมดสติ จนโรคหัวใจกำเริบ จิตใจโฉดชั่วเช่นนี้ก็เรียกว่าถูกข่มเหงด้วยหรือ แล้วหว่านหรงไปทำอันใดให้เจ้าขุ่นเคือง เจ้าถึงต้องทำร้ายนางรุนแรงเพียงนั้น”เสิ่นหรูโจวยิ้มเหยียดหยัน ลำคอแดงก่ำ ในคอรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผาแม้เซียวเฉินเหยี่ยนจะพบเพชรตัดเพชร วางกลยุทธ์เผด็จศึกในระหว่างทางยึดครองราชบัลลังก์ แต่ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับสองพี่น้องนั่น ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ยังคงโง่เขลา แม้แต่สตรีที่แสร้งทำตัวใสซื่อเช่นมู่หว่านหรงซึ่งมีกลอุบายต่ำเตี้ย เพียงบุญคุณก็สามารถทำให้เขาหัวหมุนได้แล้ว“นางดูแคลนข้าดุด่าข้า ข้าก็ควรจะตอบแทนความกรุณาสิ ทำไมหรือ พระชายาผู้ยิ่งใหญ่เช่นข้าหรือจะสอนบทเรียนให้ชายารองไม่ได้เลยท่านบอกว่าข้าโฉดชั่วแต่ท่านก็ลงมือกับชายาของตนโดยไม่ถามไถ่เรื่องราว หรือท่านไม่โหดร้าย ไ
ดวงตาของจวินอู่ขยับเล็กน้อย “ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง”ครึ่งชั่วยามต่อมาเสิ่นหรูโจวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีแดงสดขับผิวขาวของนาง ชุดสีแดงยังทำให้ใบหน้าใสซื่อของนางดูเย้ายวนยิ่งขึ้น นางสวมผ้าคลุมหน้าแล้วเดินตรงออกจากจวนอ๋องท้ายที่สุดแล้วเสิ่นหรูโจวอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายปี ย่อมรู้จักจวนอ๋องดี เดินหลบหลีกหูตาทุกคนและเข้าไปในร้านขายยานาม “อวิ๋นเซิง” ทางตะวันตกของเมืองเถ้าแก่กำลังคำนวณสมุดบัญชี เงยหน้าขึ้นมองนางปราดเดียว และคิดจะไปทักทายนางอย่างอบอุ่น ทว่าเห็นเสิ่นหรูโจววางกล่องยาไว้บนโต๊ะจนเกิดเสียง “กึก” พลันเสียงชัดเจนดังมาจากใต้ผ้าคลุมหน้า“เถ้าแก่ ข้ามีการค้า ท่านอยากจะเจรจาหรือไม่”ครั้นเถ้าแก่เห็นว่านางมาที่นี่เพื่อทำการค้า ความกระตือรือร้นก็ลดลงทันใด “คุณหนู ท่านอยากเจรจาการค้าใดเล่า”“ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ได้ยินว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยเป็นภูมิแพ้ น่าจะมีคนมาซื้อยาเยอะเลยสินะ”เสิ่นหรูโจวแย้มยิ้มเล็กน้อย เปิดกล่องหยิบขวดกระเบื้องสีเขียวขนาดเล็กออกมาหนึ่งขวด“ข้ามียาทาที่มีกลิ่นเฉพาะตัว มีฤทธิ์เหมาะสำหรับโรคภูมิแพ้ จึงต้องการเจรจาความร่วมมือกับท่าน”กล่องยาอันล้ำค่าของนางหยิบจั
เสิ่นหรูโจวเข้าไปในหออวี้เหอ ห่อขนมแป้งกรอบและไก่ย่างดอกกุ้ยอวี่สองส่วนทว่าของในมือยังไม่ได้ส่งต่อก็ได้ยินเสียงที่ทั้งคุ้นหูทั้งน่ารำคาญดังขึ้นมา...“จิ๊จิ๊ บังเอิญจังเลยนะ ท่านกับข้าพบกันทุกที่เลย”เสิ่นหรูโจวกวาดมองคนที่เดินเข้ามาในปราดเดียว ครั้นเห็นหลิงเฟิงเดินประคองมู่หว่านหรงเข้ามา ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ส่งเสียงจิ๊ด้วยความเดียดฉันท์“สามารถกระโดดโลดเต้นได้เร็วเช่นนี้ ดูแล้วข้าคงลงมือเบาเกินไป”สีหน้าของมู่หว่านหรงแข็งค้าง แท้จริงแล้วหัวใจของนางยังคงเจ็บอยู่ เพียงแต่บรรเทาลงบ้างแล้วแต่หลิงเฟิงบอกว่าท่านอ๋องสั่งสอนเสิ่นหรูโจวอย่างฉุนเฉียว อีกทั้งยังได้ยินว่าเสิ่นหรูโจวลอบออกจวน นางจึงยิ่งรู้สึกว่าเสิ่นหรูโจวคงถูกท่านอ๋องตำหนิเป็นแน่ เช่นนั้นถึงได้ออกจวนมาผ่อนคลายอารมณ์!ก่อนนี้เสิ่นหรูโจวมักจะแอบเศร้าโศกอยู่ตลอดหลังจากถูกท่านอ๋องตำหนิ นางย่อมไม่สามารถพลาดโอกาสได้ทีขี่แพะไล่เช่นนี้ ดังนั้นจึงตามมามู่หว่านหรงบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยท่าทีอวดดีพลางส่งเสียงหัวเราะ ท่าทางแสนเย่อหยิ่ง“เสิ่นหรูโจว เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือท่านยังจะกล้าเอาเข็มมาแทงข้าอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่าท
“แม่นางท่านนี้กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้ได้อย่างไรกัน คุณหนูท่านนี้มีเงินอยู่แล้ว! เกือบเข้าใจผิดคนดี ๆ แล้วไหมล่ะ!”“นั่นสิ รูปร่างหน้าตาสู้เขาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจิตใจก็ยังเลวเช่นนี้อีก!”มู่หว่านหรงถูกด่าจนหน้าเขียวหน้าซีดเป็นพัก ๆ แต่นัยน์ตากลับแสดงไว้ด้วยอาการงุนงงอย่างชัดเจน นางคว้ามือของเสิ่นหรูโจวพร้อมซักถามด้วยความโกรธ “เสิ่นหรูโจว เจ้ามีเงินมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร! พ่อของเจ้าไม่ได้ให้สินเดิมกับเจ้าด้วยซ้ำ พูด เจ้าไปขโมยเงินเหล่านี้มาจากที่ใด! จากในจวนใช่หรือไม่!!”ขโมย!เสิ่นหรูโจวหยิบของตัวเองคืนจากมือเถ้าแก่ร้านอย่างไม่เร่งรีบ จากนั้นถึงหันไปหามู่หว่านหรงนางสะบัดมือของมู่หว่านหรงออกแล้วฟาดลงที่หน้าของมู่หว่านหรงอย่างแรงสองทีเสียง “เพียะ เพียะ” ดังสนั่นชัดเจน!รอยฝ่ามือเดิมบนหน้าของมู่หว่านหรงเพิ่งหายไป แล้วก็เกิดรอยใหม่ขึ้นอีกครั้ง แก้มทั้งสองข้างเจ็บแสบไปหมด“เจ็บนะ!”หลิงเฟิงชะงักตาค้างทันที นางพยุงมู่หว่านหรงและกล่าว “พระชายารอง!”เสิ่นหรูโจวดึงมือกลับพร้อมกวาดมองพวกนางด้วยสายตาเย็นเยือกดั่งผู้อยู่เหนือกว่าท่านพ่อกับท่านพี่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง