สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
“เจ็บนะ……”“เจ็บอะไร ตอนนั้นเจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับข้า วันนี้เจ้าทนความเหงาไม่ได้อยากร่วมหอกับข้าอีก คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพช่างได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีเสียจริง เรียนรู้ความสามารถหญิงนางโลมมาวางยาข้า!”“เจ็บจนตายก็สมควรแล้ว ทนไว้ซะ!”เสิ่นหรูโจวถูกบีบคางเอาไว้ ความรู้สึกหายใจไม่ออกรุนแรงกับความแสบร้อนยากจะทนกำลังแผดเผาไปทั่วร่างกาย นางทุกข์ทรมานจนส่งเสียงโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดต่อให้ลืมตาไม่ขึ้นแต่นางฟังออกว่าเสียงที่อวดตนและเย็นชานี้คือเสียงของอ๋องอู่เฉิง…เซียวเฉินเหยี่ยนคนที่นางรักมาเป็นสิบปี เป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี และยังเป็นคนที่อยากให้นางตายที่สุดบนโลกใบนี้แต่นางตายแล้วไม่ใช่รึ ตายด้วยพันมีดหมื่นแล่!เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วมุ่นพร้อมพยายามลืมตา เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่ทับบนตัวนางชัดแล้ว นางพลันชะงักอึ้ง “เซียวเฉินเหยี่ยน! เป็นท่านจริง ๆ ด้วย!”เปลวเทียนที่พลิ้วไหวส่องบนใบหน้าของเขา ยังคงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่หางตาไม่มีริ้วรอยที่เกิดจากการทำงานอย่างหนักแล้ว นัยน์ตาอันดำสนิทแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามอันทรงพลัง ใบหน้านี้ยังคงเป็
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” เซียวเฉินเหยี่ยนหยุดการกระทำลงอย่างประหลาดใจ เขาทนความแสบร้อนที่แผดเผาทั่วร่างกายและหัวเราะเยาะอีกครั้ง “เสิ่นหรูโจว คำพูดนี้ลั่นออกมาจากปากของเจ้าฟังแล้วช่างแปลกใหม่เสียจริง!”“เจ้าคิดว่าขอหย่ากับข้า ใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับกับข้าแล้วจะทำให้ข้ามองเจ้ามากกว่าเดิมงั้นรึ! เจ้าจงรู้ไว้ซะ ไม่ว่าเจ้าใช้กลอุบายเท่าใดมีแต่จะทำให้ข้าเกลียดเจ้ามากกว่าเดิมเท่านั้น!”เสิ่นหรูโจวยังไม่ทันโต้กลับ เสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น!ประตูที่ปิดสนิทเปิดออกกะทันหัน เสียงพูดรีบร้อนเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านอ๋อง พระชายามีคนลอบสัง... ย่ะ หย่า!!”ในมือของจวินอู่ถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนระฆัง!พระชายาพูดว่าจะหย่ากับท่านอ๋อง!!พระชายาเสียสติไปแล้วกระมัง!“ตอนนั้นท่านพูดเองว่ารักท่านอ๋องจะแต่งงานกับท่านอ๋องให้ได้ และยังทูลขอพระราชทานกับไท่ซั่งหวงด้วยตัวเองอีก ตอนนี้ท่านกับท่านอ๋องเพิ่งจะแต่งงานกันแล้วจะหย่ากันเลย ท่านคิดจะทรมานท่านอ๋องของพวกเราถึงเมื่อไหร่ขอรับ!!”นางเป็นคนกล้าที่จะรักและกล้าที่จะเกลียด เมื่อชาติก่อนนางรักเซียวเฉินเหยี่ยนจริง ๆ ส่วนงานแต่งพระราชทานน่ะหรือ เหอะ
คอของเขาพลันเจ็บแปลบอย่างรุนแรงแล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว จากนั้นก็ล้มไปกับพื้น“พระชายา นี่ท่าน…”เสิ่นหรูโจวทิ้งปิ่นปักผมเปื้อนเลือดของตนเองขณะที่เขาอยู่ในอาการตกใจ นางมองเขาด้วยแววตาอันเย็นชา “หากยังตามข้ามาข้าจะไม่เกรงใจเจ้าอีก!”ชาติที่แล้ว ตอนที่เซียวเฉินเหยี่ยนเข้าร่วมสงครามแย่งชิงบัลลังก์ เขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายง่ายต่อการบาดเจ็บ นางอดเป็นห่วงไม่ไหวทุกครั้ง เพื่อรักษาบาดแผลให้กับเขา นางจึงเรียนรู้วิชาการรักษาจนเชี่ยวชาญและยังเรียนรู้ใช้ทักษะทางการแพทย์ป้องกันศัตรูอีกด้วยเมื่อชาติก่อน นางช่วยเหลือจุนเจือเขา พอกลับชาติมาเกิด นางกลับได้ใช้มันกับคนของเขาแทน ช่างน่าขำสิ้นดี!เสิ่นหรูโจวกล่าวเยาะเย้ยตนเองแล้วหันหลังเดินจากไปจวินอู่ยังอยู่ในอาการตกใจนอนอยู่กับพื้น เขารู้สึกชาและเจ็บไปทั้งตัวและขยับตัวไม่ได้เสิ่นหรูโจวถึงกับใช้ปิ่นปักผมแทงเขา เมื่อก่อนนางมีแต่ทำดีกับเขา วันนี้นางกินยาอะไรผิดกันแน่ถึงกล้าทำกับเขาเช่นนี้และแทงได้เจ็บมาก!ที่สำคัญ ตำแหน่งและแรงที่ปิ่นแท่งนั้นแทงลงมาล้วนคุมได้อย่างแม่นยำ คนที่สามารถลงมือเช่นนี้ได้ ไม่ใช่ผู้มีวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจก็เป็