เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
“เจ็บนะ……”“เจ็บอะไร ตอนนั้นเจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับข้า วันนี้เจ้าทนความเหงาไม่ได้อยากร่วมหอกับข้าอีก คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพช่างได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีเสียจริง เรียนรู้ความสามารถหญิงนางโลมมาวางยาข้า!”“เจ็บจนตายก็สมควรแล้ว ทนไว้ซะ!”เสิ่นหรูโจวถูกบีบคางเอาไว้ ความรู้สึกหายใจไม่ออกรุนแรงกับความแสบร้อนยากจะทนกำลังแผดเผาไปทั่วร่างกาย นางทุกข์ทรมานจนส่งเสียงโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดต่อให้ลืมตาไม่ขึ้นแต่นางฟังออกว่าเสียงที่อวดตนและเย็นชานี้คือเสียงของอ๋องอู่เฉิง…เซียวเฉินเหยี่ยนคนที่นางรักมาเป็นสิบปี เป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี และยังเป็นคนที่อยากให้นางตายที่สุดบนโลกใบนี้แต่นางตายแล้วไม่ใช่รึ ตายด้วยพันมีดหมื่นแล่!เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วมุ่นพร้อมพยายามลืมตา เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่ทับบนตัวนางชัดแล้ว นางพลันชะงักอึ้ง “เซียวเฉินเหยี่ยน! เป็นท่านจริง ๆ ด้วย!”เปลวเทียนที่พลิ้วไหวส่องบนใบหน้าของเขา ยังคงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่หางตาไม่มีริ้วรอยที่เกิดจากการทำงานอย่างหนักแล้ว นัยน์ตาอันดำสนิทแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามอันทรงพลัง ใบหน้านี้ยังคงเป็
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” เซียวเฉินเหยี่ยนหยุดการกระทำลงอย่างประหลาดใจ เขาทนความแสบร้อนที่แผดเผาทั่วร่างกายและหัวเราะเยาะอีกครั้ง “เสิ่นหรูโจว คำพูดนี้ลั่นออกมาจากปากของเจ้าฟังแล้วช่างแปลกใหม่เสียจริง!”“เจ้าคิดว่าขอหย่ากับข้า ใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับกับข้าแล้วจะทำให้ข้ามองเจ้ามากกว่าเดิมงั้นรึ! เจ้าจงรู้ไว้ซะ ไม่ว่าเจ้าใช้กลอุบายเท่าใดมีแต่จะทำให้ข้าเกลียดเจ้ามากกว่าเดิมเท่านั้น!”เสิ่นหรูโจวยังไม่ทันโต้กลับ เสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น!ประตูที่ปิดสนิทเปิดออกกะทันหัน เสียงพูดรีบร้อนเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านอ๋อง พระชายามีคนลอบสัง... ย่ะ หย่า!!”ในมือของจวินอู่ถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนระฆัง!พระชายาพูดว่าจะหย่ากับท่านอ๋อง!!พระชายาเสียสติไปแล้วกระมัง!“ตอนนั้นท่านพูดเองว่ารักท่านอ๋องจะแต่งงานกับท่านอ๋องให้ได้ และยังทูลขอพระราชทานกับไท่ซั่งหวงด้วยตัวเองอีก ตอนนี้ท่านกับท่านอ๋องเพิ่งจะแต่งงานกันแล้วจะหย่ากันเลย ท่านคิดจะทรมานท่านอ๋องของพวกเราถึงเมื่อไหร่ขอรับ!!”นางเป็นคนกล้าที่จะรักและกล้าที่จะเกลียด เมื่อชาติก่อนนางรักเซียวเฉินเหยี่ยนจริง ๆ ส่วนงานแต่งพระราชทานน่ะหรือ เหอะ
คอของเขาพลันเจ็บแปลบอย่างรุนแรงแล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว จากนั้นก็ล้มไปกับพื้น“พระชายา นี่ท่าน…”เสิ่นหรูโจวทิ้งปิ่นปักผมเปื้อนเลือดของตนเองขณะที่เขาอยู่ในอาการตกใจ นางมองเขาด้วยแววตาอันเย็นชา “หากยังตามข้ามาข้าจะไม่เกรงใจเจ้าอีก!”ชาติที่แล้ว ตอนที่เซียวเฉินเหยี่ยนเข้าร่วมสงครามแย่งชิงบัลลังก์ เขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายง่ายต่อการบาดเจ็บ นางอดเป็นห่วงไม่ไหวทุกครั้ง เพื่อรักษาบาดแผลให้กับเขา นางจึงเรียนรู้วิชาการรักษาจนเชี่ยวชาญและยังเรียนรู้ใช้ทักษะทางการแพทย์ป้องกันศัตรูอีกด้วยเมื่อชาติก่อน นางช่วยเหลือจุนเจือเขา พอกลับชาติมาเกิด นางกลับได้ใช้มันกับคนของเขาแทน ช่างน่าขำสิ้นดี!เสิ่นหรูโจวกล่าวเยาะเย้ยตนเองแล้วหันหลังเดินจากไปจวินอู่ยังอยู่ในอาการตกใจนอนอยู่กับพื้น เขารู้สึกชาและเจ็บไปทั้งตัวและขยับตัวไม่ได้เสิ่นหรูโจวถึงกับใช้ปิ่นปักผมแทงเขา เมื่อก่อนนางมีแต่ทำดีกับเขา วันนี้นางกินยาอะไรผิดกันแน่ถึงกล้าทำกับเขาเช่นนี้และแทงได้เจ็บมาก!ที่สำคัญ ตำแหน่งและแรงที่ปิ่นแท่งนั้นแทงลงมาล้วนคุมได้อย่างแม่นยำ คนที่สามารถลงมือเช่นนี้ได้ ไม่ใช่ผู้มีวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจก็เป็
นางไม่ต้องการเกี่ยวข้องอันใดกับเซียวเฉินเหยี่ยน นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงการกลั่นแกล้งดูหมิ่นและความโหดร้ายในชาติที่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่องรอยที่คลุมเครือนี้!นางยกน้ำมาหนึ่งกะละมังและขัดถูทำความสะอาดอย่างรุนแรงจนบาดแผลช้ำถลอก เมื่อเจ็บจนทนไม่ไหวนางถึงยอมนั่งลงอีกครั้งนางกำลังจะหากล่องยาเพื่อทายา จู่ ๆ ตรงหน้ากระจกก็มีกล่องยากล่องหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเสิ่นหรูโจวตะลึงไปชั่วขณะ นางเปิดกล่องยาออกด้วยความสงสัย ทันใดนั้นนางพลันเบิกตากว้างเมื่อกล่องยาถูกเปิดออก ก็พบว่ามียาชนิดต่าง ๆ วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และยังมีอุปกรณ์การแพทย์ครบชุดวางอยู่ตรงหน้านาง!นางขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ คิดจะหายาทาจินชวง แล้วยาจินชวงก็เด้งออกมาทันที เสิ่นหรูโจวรู้สึกหวาดกลัวมาก นางลองหายาถอนพิษ ยาถอนพิษกำหนัด แล้วยาก็เด้งออกมาทันทีเหมือนเดิมมัน…มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!นางเก็บอาการตื่นตกใจเอาไว้ จากนั้นหยิบยาจินชวงออกมา ไม่คิดเลยว่าพื้นที่ที่ว่างเปล่าเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็มียาจินชวงแบบเดิมปรากฏขึ้นกลางอากาศอีก!หลังจากได้เกิดใหม่ นางก็ได้รับสมบัติอันทรงพลังเช่นนี้ สวรรค์ทรงโปรดจริง ๆ !เสิ่
ทันทีที่เสิ่นหรูโจวปิดกล่องยาบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันก็หายไปเอง แต่มันติดอยู่ในสมองของนางอย่างน่าอัศจรรย์นางมองมู่หว่านหรงพาสาวใช้คนสนิทหลิงเฟิงก้าวผ่านคานประตูเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาวันนี้มู่หว่านหรงสวมกระโปรงยาวสีเขียวชอุ่มเรียบ ๆ ศีรษะปักด้วยปิ่นมุกดอกยี่หุบ แม้แต่น้ำมันหอมที่ใช้ก็ยังเป็นกลิ่นหอมพรรณพืชจาง ๆ ที่มู่หว่านชิงใช้เป็นประจำนางเป็นแบบจำลองของมู่หว่านชิงในทุก ๆ ด้าน แต่นางรูปงามน้อยกว่ามู่หว่านชิงเล็กน้อย หน้าตาไม่มีความละมุนละไมเช่นนางมู่หว่านหรงเหมือนได้กลิ่นฉุนของยาสมุนไพรภายในห้อง จึงขมวดคิ้วมุ่นอย่างรังเกียจพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดจมูกกับปาก“พระชายา รบกวนกลางดึก ท่านคงไม่รังเกียจหว่านหรงใช่หรือไม่เจ้าคะ”มู่หว่านหรงเพิ่งเข้ามาใกล้ สายตาของนางก็จับจ้องไปที่คอของเสิ่นหรูโจว จากนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นด้วยความไม่เชื่อทันที “ท่านกับพี่เฉินเหยี่ยนร่วมหอกันแล้วหรือเจ้าคะ!!”เสิ่นหรูโจวกวาดสายตามองนางด้วยความเย็นชา “ถ้าใช่แล้วจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่แล้วจะเป็นอย่างไร!”ชาติที่แล้ว นางได้ร่วมหอกับเซียวเฉินเหยี่ยนจนสำเร็จและมู่หว่านหรงก็มาหาเรื่องเหมือนกัน ตอนนั้นนางรู้สึกไ
หลิงเฟิงที่อยู่ด้านหลังคว้าตัวกอดนางอย่างชำนาญ จ้องเสิ่นหรูโจวเขม็งด้วยความขุ่นเคือง: “พระชายา! แม้สถานะของพระชายารองจะไม่ดีเท่าท่าน แต่นางก็หาใช่คนที่ท่านจะรังแกได้ไม่! ข้าจะไปเชิญท่านอ๋องมาเดี๋ยวนี้ ให้ท่านอ๋องลงความเห็นเสียหน่อย!”ตบหน้ากลับเจ็บไปถึงหัวใจ ช่างเป็นเรื่องประหลาดในใต้หล้าเสียจริง!เสิ่นหรูโจวส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เร่งนำเข็มเงินสองเข็มในช่องสุญญากาศออกมาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้สังเกตว่านางเคลื่อนไหวเช่นไรก็เข้าใกล้มู่หว่านหรงเสียแล้ว เพียงออกแรงหนักสองครั้งจึงได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมบาดหู…“กรี๊ด!”ใบหน้าของมู่หว่านหรงซีดเผือดกะทันหัน หัวใจเจ็บแปลบ เจ็บปวดจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก นางมองเสิ่นหรูโจวอย่างเหลือเชื่อ “ท่าน ท่านทำอะไรข้า!”หลิงเฟิงคิดว่านางกำลังแสดงละครอีกรอบ ครั้นพบว่านางตัวสั่นเทาจากเจ็บปวดจึงมองเสิ่นหรูโจวด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี“พระชายา ท่านทำอะไรกับพระชายารอง!”เสิ่นหรูโจวยังคงยิ้มเล็กน้อย หยิบเข็มเงินกลับมาโดยไม่หลบซ่อน“เจ้าไม่ได้มองหาเซียวเฉินเหยี่ยนเพราะเจ็บหัวใจหรอกหรือ หากหัวใจของเจ้าไม่ได้เจ็บแล้วจะตามหาเขาได้อย่างไร”นางอยากแสด