“คืนนี้นั่งข้างๆ ได้เต็มที่ แต่ขอให้งานเสร็จก่อนนะหมอนิ”
“รู้แล้ว สั่งจริงเชียว” แพทย์หญิงนิภากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะไปนั่งทางด้านหลัง แต่ก็ขยับขึ้นมา พลางเกาะไหล่คนขับไว้แน่น “โห เชียงใหม่เปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะคะวินท์” “ครับ” “นิ ชักอยากมาทำงานที่สาขานี้จัง” “คลินิกที่เชียงใหม่ ไม่ได้ต้องการหมอสูตินะเท่าที่รู้” นายแพทย์สุชาติพูดลอยๆ ก่อนจะมองไปที่กระจกด้านข้าง เห็นแพทย์หญิงส่งสายตามาอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วสัญญากับตัวเองว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องจับตาดูพฤติกรรมของแพทย์หญิงรุ่นน้องอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมให้หมอรุ่นน้องตกหลุมพรางเหมือนที่ตนเองได้ตกมาแล้ว นายแพทย์สุชาติหรี่ตามองเห็นแพทย์หญิงซบศีรษะลงที่ไหล่ แม้จะทำจากด้านหลังรถ โรงพยาบาลพิงค์วราคม ต้นน้ำอ้าแขน เมื่อลูกชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาหา โดยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล “แม่ครับ แม่” “น้องนนท์” ต้นน้ำหันไปตามเสียงแล้วกางแขนเพื่อรอรับร่างลูกชายเพียงคนเดียวเข้าสู่อ้อมกอด “น้องนนท์คิดถึงคุณแม่” “แม่ก็คิดถึงลูกครับ” ต้นน้ำกอดลูกชายเพียงคนเดียวแน่น น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันเมื่อลูกชายซบศีรษะที่บ่า “คุณตากับคุณยายล่ะครับมาด้วยไหม” “อยู่ตรงโน้นครับ” เด็กชายนนท์วัตรชี้ไปทางด้านหน้า ต้นน้ำเห็นนายแพทย์เอกชัยและพยาบาลอรวสา กำลังยืนคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล หญิงสาวอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอด แล้วเดินไปสมทบคุณพ่อและคุณแม่สามีที่สนทนากับท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสร็จ แล้วกำลังเดินตรงมาที่ตนเอง “สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่” “สวัสดีจ๊ะน้ำ เดี๋ยวเย็นนี้แม่กับพ่อเราก็บินขึ้นมานะ” “จริงๆ เหรอคะ ดีใจจัง” “งั้นเดี๋ยวน้ำ จองโรงแรมเพิ่มนะคะ” “แม่เราเค้าไม่อยากพักในเมือง อยากพักใกล้ๆ โรงพยาบาลนี้แหละ” “ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวน้ำจัดการให้เลยนะคะ จริงๆ บ้านน้ำอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาล แต่มีแค่ห้องนอนเดียวกับห้องน้องนนท์” “ไม่เป็นไรจ๊ะ นอนโรงแรมนั่นแหละสะดวก เพราะกว่าจะกลับจากที่งานคงดึก พรุ่งนี้แม่มีงานที่สมาคมอีก อยากอยู่โรงแรมแถวๆ รอบนอกมันใกล้ธรรมชาติ” “นี่จ๊ะ หมอวินท์ฝากแม่มาให้ คืนนี้น้ำใส่ชุดนี้นะลูก หมอวินท์อุตส่าห์เลือกให้เอง” ต้นน้ำรับกล่องสีขาวมองยี่ห้อที่ติดหน้ากล่อง ก็รู้ว่าชายหนุ่มจ่ายเงินสำหรับชุดนี้แพงมาก ต้นน้ำรู้สึกตื่นเต้นจนอยากเปิดออกดูแต่อายพ่อและแม่สามีที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้า หญิงสาวได้แต่ลูบกล่องเบาๆ แล้วนึกถึงใบหน้าสามี “ขอบคุณค่ะคุณแม่ คืนนี้เราต้องไปงานกี่โมงคะ” “ประมาณทุ่มครึ่งก็ได้” “ไปค่ะคุณแม่น้ำไปส่งที่โรงแรมค่ะ” ต้นน้ำกดข้อความส่งผ่านโปรแกรมยอดฮิต ส่งให้สามี “ขอบคุณนะคะ สามีน้ำน่ารักที่สุด” พร้อมส่งสติ๊กเกอร์เป็นรูปไอคอนที่มีตัวการ์ตูนยกมือไหว้ท่วมหัว อนวินท์กดอ่านข้อความขณะที่รถติดไฟแดง ชายหนุ่มหลุดหัวเราะกับอารมณ์ขันของภรรยา พลางกดข้อความส่งตอบกลับไปสั้นๆ แพทย์หญิงนิภา แอบสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “ใครนะส่งข้อความให้วินท์ทำไมวินท์ต้องยิ้มกว้างขนาดนั้น ฉันต้องรู้ให้ได้มันเป็นใคร”หญิงสาวพยายามชะโงกไปใกล้ๆ แต่อนวินท์ปิดหน้าจอ หญิงสาวถึงกับเม้าริมฝีปากแน่น “ใครนะ ต้องรู้ให้ได้” แพทย์หญิงนิภาพูดกับตัวเองในใจ อนวินท์ขับรถแล้วนึกภาพไปถึงใบหน้าของภรรยาสาวตอนเปิดกล่อง แล้วเห็นชุดเดรสสีครีมไข่มุก พร้อมเครื่องประดับสองชิ้น ชายหนุ่มนึกไปถึงภาพตอนที่ภรรยาสาวสวมใส่ชุดที่ตนเองเลือกให้ ย้อนนึกไปถึงภาพตอนที่เลือกชุดผ่านโปรแกรมยอดฮิต โดยสั่งให้ทางร้านส่งชุดผ่านมาทางมือถือ อนวินท์ก็ไม่เคยคิดว่าตนเอง จะทำให้ใครได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มขับรถแล้วนึกถึงภรรยาสาวยืนยิ้มให้แล้วหัวใจมันพองโต ราวกับมีผีเสื้อนับพันวิ่งไปมาตรงช่วงท้อง อนวินท์ผิวปากเป็นทำนองเพลงรักอย่างอารมณ์ดี แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้สังเกตุของ หญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่ใบหน้าหงิกงอ หงุดหงิด แพทย์หญิงนิภา เม้มปาก กัดริมฝีปากล่าง มือจิกที่เบาะนั่งอย่างแรง ด้วยความหึงหวงในตัวเพื่อนชายคนสนิทที่ตนหลงรักภายในบริเวณงาน ทั้งช่างภาพ แขกที่ได้รับเชิญทั้งที่เป็นลูกค้า และเพื่อนๆ ร่วมรุ่น เพื่อนร่วมอาชีพอนวินท์เดินเคียงข้างมากับแพทย์หญิงนิภากล่าวทักทายแขกทุกคนอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ทำให้เหลือบตาไปมอง พอดิสเพย์ที่หน้าจอ ปรากฎเป็นรูปภรรยาสาว ที่ในอ้อมกอดคือบุตรชายเพียงคนเดียว อนวินท์ก็ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะขอปลีกตัวเพื่อจะมารับสายของภรรยาสาวอย่างรีบเร่งสีหน้านายแพทย์อนวินท์จากที่กำลังยิ้มแย้มทักทายแขกที่มาร่วมงานแสดงความยินดีเปิดคลินิกสาขาใหม่ล่าสุด เปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงภรรยาสาวทางโทรศัพท์พูดละล่ำละลัก“พี่หมอขา ได้ยินหรือเปล่า น้ำคิดว่า น้ำคงไปไม่ทันแน่ๆ น้ำต้องอยู่เวรแทนเพื่อนค่ะ” ภรรยาสาว กล่าวเสียงอ่อย “ทำไมถึงมาไม่ทัน ก็บอกแล้วไงว่าพี่อยากให้มา” อนวินท์เดินไปที่มุมตึก น้ำเสียงกดต่ำบ่งบอกอารมณ์ว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิด“เออ คือพี่หมอฟังน้ำก่อนนะคะ” น้ำเสียงต้นน้ำพยายามออดอ้อน“ก็พูดมาสิฟังอยู่” อนวินท์ทำเสียงเย็น“พอดีว่า สามีของยิ้มตกเครื่องก็เลยไม่มีใครไปรับลูก ยิ้มก็เลยฝากงานน้ำสองชั่วโมง น้ำหาใครไม่ได้จริงๆ ค่ะ น้ำสัญญาค่ะพี่หมอถ้ายิ้มกลับมาเมื่อไหร่
โรงแรมปางแก้วอนวินท์นั่งโต๊ะเดียวกับผู้บริหารบริษัทห้างร้านดังต่างๆในเชียงใหม่ แนบข้างกับนายแพทย์สุชาติและนายแพทย์ภัทรและแพทย์หญิงนิภา ที่เดินย้อนกลับมาที่โต๊ะ กำลังจะนั่งข้างๆ นายแพทย์อนวินท์แต่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาทำให้หญิงสาวชะงัก“ที่ตรงนั้นจะมีคนมานั่ง มองไม่เห็นหรือไงป้ายจองวางไว้นะ” นายแพทย์สุชาติเอ่ยขัดขึ้นเมื่อแพทย์หญิงนิภากำลังจะก้าวเข้ามานั่งข้าง หมอรุ่นน้องที่เหลียวไปมองแล้วมีท่าทางอึดอัด“วินท์คะ นินั่งตรงนี้ได้ไหม ย้ายป้ายจองไปทางด้านโน้นไม่ได้เหรอ” แพทย์หญิงนิภาเอ่ยปากอ้อนพร้อมส่งสายตาหวาน“คุณก็นั่งถัดไปอีกเก้าอี้หนึ่งคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง คนที่นั่งข้างๆหมอวินท์เนี่ยเป็นคนสำคัญ คงย้ายไม่ได้หรอก”แพทย์หญิงนิภาจ้องมองหน้าแพทย์หนุ่มที่ตนหลงรักอย่างคาดหวังว่าชายหนุ่มจะทำตามที่ขอ แต่เมื่อชายหนุ่มหันไปมองประตูทางเข้าด้วยท่าทางกระวนกระวาย ยิ่งทำให้แพทย์หญิงหงุดหงิด และร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก“ใครค่ะ วินท์ที่จะมานั่งตรงนี้” แพทย์หญิงนิภาถามด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิดอนวินท์ไม่ได้สนใจฟัง เพราะตามองไปทางประตูแทบจะตลอดเวลาจนทำให้แพทย์หญิงนิภาเม้มริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดใจ พลางหรี่
อนวินท์ร้องอย่างตกใจแล้วรู้สึกหงุดหงิด เมื่อนายแพทย์ภัทร บอกว่าคืนนี้ตนเองไม่สามารถกลับบ้านได้ “ทำไมศาตราจารย์ฟิลิป ต้องนัดพวกเรากะทันหันแบบนี้” อนวินท์ร้องอย่างหัวเสีย ก่อนจะมองเข้าไปในห้องจัดงาน มองตรงไปที่ภรรยาสาวอย่างกังวล “นั่นสิ ทำไมกะทันหันไม่รู้แต่เลขาท่านเพิ่งโทรมาเมื่อกี้ เราต้องเช็คอินที่นี่สักคืนนายคงกลับไปที่หางดงไม่ได้ เพราะเท่าที่รู้สัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่แรงเท่าที่ควร ที่สำคัญศาตราจารย์ฟิลิปท่านเป็นคนนัดมาโดยตรง ถ้าเราปฏิเสธคงจะไม่ดี” นายแพทย์ภัทรออกความคิดเห็น“นายเช็คอินที่โรงแรมปางแก้วเรียบร้อยแล้วเหรอ อาจจะไม่มีห้องก็ได้”“เรียบร้อย ตั้งแต่เลขาศาตราจารย์โทรมาแล้วล่ะ”“หงุดหงิดเป็นบ้าเลย งั้นผมไปส่งน้ำกับลูกกลับบ้านก่อนแล้วกัน ศาตราจารย์นัดตอนตีหนึ่งมิใช่เหรอ”“ที่อเมริกาก็ตอนเช้าพอดี แต่ของเราดึกเป็นบ้า” นายแพทย์ภัทรอดที่จะบ่นตามไม่ได้ แต่ด้วยหน้าที่ทำให้ต้องทำตาม “งั้นผมรีบไปส่ง น้ำกับลูกกลับบ้านก่อนล่ะกันนะ หมอภัทรแล้วจะเอาเสื้อผ้ามาสำหรับเปลี่ยนด้วย พรุ่งนี้เช้าจะได้ตรงไปที่โรงพยาบาลเลย”นายแพทย์อนวินท์หันไปมองใบหน้าภรรยาสาว ที่ตอนนี้เรียบแต่แววตาสั่นระริกรา
แพทย์หญิงนิภา มองออกไปนอกห้องจัดงาน เห็นหน้าอดีตคนรักที่ดูก็รู้ว่าคงหงุดหงิด แล้วยิ้มที่มุมปากที่แผนการของตนเองผ่านไปได้เกือบครึ่ง หญิงสาวเปิดกระเป๋าแล้วหยิบไปที่ขวดเล็กๆ แล้วใจเต้นแรงยาปลุกเซ็กส์ที่เธอสั่งมาจากต่างประเทศได้ผลแบบเฉียบพลันยาวนาน แม้ว่าตนเองจะรู้ดีว่ายิ่งยาได้ผลรุนแรงเพียงใด ผลข้างเคียงก็มีต่อร่างกายมากเท่านั้น แต่ความอยากได้มันบดบังมนุษยธรรมในจรรณยาแพทย์หมด ทำให้แพทย์หญิงแสยะยิ้มที่มุมปาก แล้วนึกจินตนาการไปถึงบทรักที่เร่าร้อนระหว่างตนเองกับชายที่ตนหลงรักมาสิบกว่าปี แพทย์หญิงนิภาหลับตานึกจินตนาการล่องลอยไป ก่อนจะตกใจเมื่อมีมือใครบางคนมาจับที่แขนอย่างหนักหน่วง“คุณมีแผนอะไรหรือเปล่า ทำไมพวกเราจะต้องค้างที่นี่” นายแพทย์สุชาติ จับที่ต้นแขนแน่น ก่อนจะกระซิบที่ได้ยินเพียงสองคน “ไอ้บ้า ใครใช้ให้แก มาจับแขนฉัน” แพทย์หญิงนิภากระซิบเบาๆ ก่อนจิกสายตาดุดัน“แผนคุณใช่ไหม” นายแพทย์สุชาติกัดฟันพูด พลางนึกเป็นห่วงพยาบาลรุ่นน้องขึ้นมาจับใจ นายแพทย์รุ่นพี่มองไปที่พยาบาลสาวที่กำลังนั่งโยกตัวกล่อมลูกชายที่กำลังง่วงอย่างนึกสงสาร “แผนอะไร ฉันยังไม่รู้อะไร ค้างที่นี่ ค้างทำไม...” แพทย์หญิ
“นิ รักวินท์นะรักมาตลอด รักมาตั้งแต่สมัยเรียน วินท์คือรักแรกและรักสุดท้ายของนิ และนิสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเสียวินท์ไปอีก ไม่เด็ดขาด”แพทย์หญิงนิภาเอื้อมมือไปจับที่แก้มพร้อมกับยื่นริมฝีปากเข้าไปหา อนวินท์สะบัดหน้าทำให้หญิงสาว จูบพลาดไปโดนแค่คางเพียงนิดเดียว อนวินท์เซจนล้ม ศีรษะไปฟาดกับขอบเก้าอี้ อย่างแรงทำให้สลบไป “วินท์คะ วินท์” แพทย์หญิงนิภาตกใจ เขย่าร่างกายของเพื่อนชายคนสนิท เมื่อจับชีพจรเต้นปรกติใบหน้าของแพทย์หญิงนิภาผ่อนคลายความกังวลไปมาก หญิงสาวถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นทีละชิ้นแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ แล้วมาถอดเสื้อเชิ้ตให้กับเพื่อนชายคนสนิท หลังจากทั้งผลักและลากขึ้นมาบนโซฟาอย่างทุลักทุเลแพทย์หญิงนิภาเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนหยิบชุดคลุมสีขาวขึ้นมาสวม ใบหน้านิ่งสนิทสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก “วินท์เป็นของเรา เป็นของเรา ของเราคนเดียวเท่านั้น” หญิงสาวพูดกับตัวเองในกระจก แววตามุ่งมั่นก่อนจะมัดเชือกที่เอวหลวมๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก แพทย์หญิงนิภานั่งข้างๆ เพื่อนชายคนสนิท ที่ยังสลบเสมือนหลับใหล หญิงสาวกำผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่นมาลูบที่ใบหน้าเบาๆ ก่อนจะเหลียวไปมองมือถือที่หล่นอยู่ข้างตั
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนต้นน้ำสะดุ้งตกใจ แล้วกดรับ “ฮัลโหล”“น้ำเหรอ เราเองนะ”“โทรมาทำไมอีก ไอ้เรย์ตกใจหมด”“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเม้าส์ ตอนนี้แก ยัยคุณหมอศัตรูหัวใจแกจะคุยด้วย เค้ามาพักโรงแรมเดียวกับพี่หมอของแกเลย แกตั้งสติดีๆนะ เค้าให้ฉันต่อสายแกขึ้นไปที่ห้องที่สามีแกจองอ่ะ รายละเอียดเดี๋ยวค่อยคุยกัน”เรย์หันมากดสลับสาย แล้วถอนหายใจดังเฮือก “น้ำ แกนี่มารผจญไม่เลิกจริงๆ ขอให้แกตั้งสติอย่าเหมือนนางเอกสมัยก่อนๆ นะแก สมัยนี้ต้องนางเอกฉลาดๆ” พูดจบเรย์ก็กดดูละครชื่อดังย้อนหลังจากมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เพราะตอนนี้เวลาลุล่วงไปเกือบจะเช้าแล้ว แพทย์หญิงนิภา แสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อมีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขปลายทาง “สวัสดีจ๊ะ น้ำ ทายสิฉันอยู่ที่ไหน”“หมอนิ” ต้นน้ำรำพึงเบาๆ“เก่งนี่ จำเสียงฉันได้”“คุณหมอมีอะไรคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว น้ำง่วง”“เฮ้อ น่าสงสารเธอจริงๆ คืนนี้ต้องนอนคนเดียว ส่วนฉัน...” แพทย์หญิงนิภาหัวเราะเบาๆ “มีคนนอนเป็นเพื่อน ที่สำคัญเป็นคนที่เธอสนิทที่สุด” น้ำเสียงของหญิงสาวกดขึ้นลงราวกับคีย์บอร์ด ทำให้ อีกฝ่ายหัวใจเต้นรัว“ขอบคุณนะที่ให้ฉันยืมเค้า” “คุณหมอหมายความว่าไง” ต้นน้ำใจเต้นรัว น
“อย่าต่อสู้เลยวินท์สถิติทางการแพทย์เคยพิสูจน์ว่าไม่มีใครทนยานี้ได้ มันได้ผลทุกราย” แพทย์หญิงนิภาเน้นเสียงอธิบายก่อนจะใช้มือเอื้อมไปลูบที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างรักสุดหัวใจ “ถ้าคุณทำได้ คุณจะได้แค่ร่างกายผม”“นิไม่แคร์ ขอแค่ให้วินท์เป็นของนิแค่นั้นพอ”“คุณไม่น่าจะมีอาชีพนี้”“หมอก็คนนะคะวินท์ มีเลือดเนื้อมีหัวใจ” แพทย์หญิงนิภากำลังเกี่ยวมือไปที่กางเกงบิกินี่ตัวจิ๋ว อนวินท์พยายามรวบรวมกำลังที่กำลังเหลือน้อยนิดให้ก้าวห่างออกไป แต่แพทย์หญิงนิภาใช้แขนมาสะกัด อนวินท์ เหมือนถูกกักให้อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาว ใบหน้าห่างกันแค่คืบเดียว แพทย์หญิงนิภากำลังก้มหน้าจะเข้าไปจูบ อนวินท์สะบัดใบหน้าทำให้หญิงสาวจูบไปโดนแค่ปลายคาง แพทย์หญิงนิภาหงุดหงิดเมื่อเห็นกริยาที่ปฏิเสธของชายหนุ่ม หญิงสาวเอื้อมมือมาจับที่คางแล้วใช้ร่างกายของตัวเองเหมือนล็อคร่างกายของชายหนุ่ม อนวินท์กัดริมฝีปากอีกครั้งเมื่อคลื่นความต้องการทางเพศกำลังซัดอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกเหมือนจุกที่ช่วงท้อง “อย่าทรมานตัวเองเลยค่ะวินท์ เรามาสนุกกันเถอะ” แพทย์หญิงนิภาใช้มือข้างหนึ่งจับที่คาง มืออีกข้างกักร่างของชายหนุ่มไว้ อนวินท์รู้สึกสลดใจที่ตน
นายแพทย์สุชาติเดินตรงไปที่ห้องนอนมองเห็นสภาพหญิงสาวที่นั่งคอพับก็รู้สึกสงสาร ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปแกะมัดแล้วอุ้มให้หญิงสาวมานอนที่เตียงนอน พร้อมกับเอาผ้าขนหนูออกจากปากแล้วมองหญิงสาว อาชีพเดียวกันด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าเวทนาสงสาร “คุณไม่น่าใช้ความรู้ในอาชีพในทางที่ผิด จริงๆ แล้ว คุณก็ไม่ได้ขี้เหร่จนหาคนมารักไม่ได้ ไม่น่าเลย”นายแพทย์สุชาตินั่งมองร่างของหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติ สักพักรู้สึกเพลียจากที่นั่งมองก็ล้มเอนจนเป็นนอนเคียงข้างกันอำเภอหางดงต้นน้ำ ผุดยืนผุดนั่งอยู่ร่วมชั่วโมงในใจรุ่มร้อน หญิงสาวจับโทรศัพท์มือถือแล้วกดหมายเลขปลายทางอย่างแม่นยำ“ฮัลโหลโรงแรมปางสวนแก้วครับ” น้ำเสียงเรย์ รัตนชาติเริ่มงัวเงียเล็กน้อยหลังจากเผลองีบไปครึ่งชั่วโมง“ไอ้เรย์ แกอยู่เวรอยู่ใช่ไหม”“อือ เดี๋ยวมีคนมาเปลี่ยนตอนแปดโมงไง มีไรไหมน้ำ”“เรย์ แกเป็นเพื่อนฉันใช่ไหม”“เป็นสิ ไอ้บ้ามาถามอะไรป่านนี้”“งั้นแกต้องช่วยให้ฉันตาสว่าง”“หา....หา”“แกอย่าบอกว่า...”“เฮ้ย ไม่ได้นะแก ผิดกฎใครรู้ฉันอาจตกงานได้”“แกไม่เห็นใจเพื่อนหรือไง ฉันอยากรู้ว่าสิ่งที่ฉันได้ยินและสงสัยเป็นจริง ฉันจะได้เลิกโง่สักทีไง”“เฮ้ย ไม่ดีมั
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม