“นิ รักวินท์นะรักมาตลอด รักมาตั้งแต่สมัยเรียน วินท์คือรักแรกและรักสุดท้ายของนิ และนิสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเสียวินท์ไปอีก ไม่เด็ดขาด”
แพทย์หญิงนิภาเอื้อมมือไปจับที่แก้มพร้อมกับยื่นริมฝีปากเข้าไปหา อนวินท์สะบัดหน้าทำให้หญิงสาว จูบพลาดไปโดนแค่คางเพียงนิดเดียว อนวินท์เซจนล้ม ศีรษะไปฟาดกับขอบเก้าอี้ อย่างแรงทำให้สลบไป “วินท์คะ วินท์” แพทย์หญิงนิภาตกใจ เขย่าร่างกายของเพื่อนชายคนสนิท เมื่อจับชีพจรเต้นปรกติใบหน้าของแพทย์หญิงนิภาผ่อนคลายความกังวลไปมาก หญิงสาวถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นทีละชิ้นแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ แล้วมาถอดเสื้อเชิ้ตให้กับเพื่อนชายคนสนิท หลังจากทั้งผลักและลากขึ้นมาบนโซฟาอย่างทุลักทุเลแพทย์หญิงนิภาเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนหยิบชุดคลุมสีขาวขึ้นมาสวม ใบหน้านิ่งสนิทสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก “วินท์เป็นของเรา เป็นของเรา ของเราคนเดียวเท่านั้น” หญิงสาวพูดกับตัวเองในกระจก แววตามุ่งมั่นก่อนจะมัดเชือกที่เอวหลวมๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก แพทย์หญิงนิภานั่งข้างๆ เพื่อนชายคนสนิท ที่ยังสลบเสมือนหลับใหล หญิงสาวกำผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่นมาลูบที่ใบหน้าเบาๆ ก่อนจะเหลียวไปมองมือถือที่หล่นอยู่ข้างตัวเพื่อนชายคนสนิท แพทย์หญิงนิภายิ้มเยาะที่มุมปาก ก่อนจะกดปุ่มเปิดหน้าจอ แล้วก็ต้องหงุดหงิดเมื่อมีพาสเวิร์ดล๊อคหน้าจอไว้สี่ตัว หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโกรธก่อนจะหันไปคว้ามือถือของตัวเอง แล้วกดหมายเลขต่อไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม “ปางสวนแก้ว สวัสดีฮะ” “นี่ฉันแพทย์หญิงนิภาคนที่จองห้องกับเธอเมื่อตอนหัวค่ำ จำได้ว่าวินท์บอกว่าเธอเป็นเพื่อนกับยัยต้นน้ำใช่ไหม” แพทย์หญิงนิภาพูดพลางใช้มืออีกข้าง ลูบไล้ที่แขนของชายหนุ่มไปมา นัยน์ตาสั่นระริก เมื่อเป้าหมาย กำลังจะถึงฝั่ง “อ๋อครับ ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับน้ำ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่า” “นายช่วยต่อสายเพื่อนของนายเข้ามาที่ห้อง 1161 ด้วยนะด่วนที่สุด” แพทย์หญิงนิภาพูดจบแล้วรีบวางสาย ก่อนจะหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ “ห้อง 1161 เฮ้ย ห้องหมอวินท์ แล้วทำไมยัยนั่นไปอยู่ห้องหมอวินท์ เนี่ย อีเรย์งงไปหมดล่ะนะ” เรย์ รัตนชาติ กรีดเสียงพร้อมกับกรีดมือกดหมายเลขเพื่อนสาวมือสั่น “น้ำ แกเหรอ แกรีบโทรหาผัวแกด่วนเลย” น้ำเสียงเรย์ จิกเสียงดัง จนต้นน้ำต้องรีบเอาโทรศัพท์ ห่างออกจากหู ก่อนจะขยับตัวนั่งพร้อมกับตั้งสติ “มีอะไรหรือเปล่าเรย์ นี่มันตีสามตีสี่แล้วนะแก แล้วนี่แกโทรมาจากไหน ไปเที่ยวกับกิ๊กแกเหรอ” “กิ๊ก พ่อแกนะสิ” เรย์สบถด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ฉันทำงานอยู่ที่โรงแรมที่สามีแกมาเช็คอินอ่ะ เค้าจองห้องประชุมไว้ แต่เห็นพนักงานบริการบอกว่าประชุมเสร็จไปนานแล้วนะแก ตอนนี้พี่หมอน่าจะกลับห้องไปแล้ว แต่ที่แปลกก็คือเพื่อนสามีแกโทรมาบอกให้ฉันต่อสายแกขึ้นไปที่ห้องของพี่หมอ เกิดอะไรขึ้นกับพี่หมอหรือเปล่า แกรอฉันแป๊บนะฉันต่อให้” “เดี๋ยวเรย์ ฉันโทรเข้ามือถือพี่หมอก่อนดีกว่า รอแป๊บหนึ่งนะ” ต้นน้ำตาสว่างขึ้นทันทีในใจเต้นแรงเมื่อนึกไปว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับสามีของตนเอง หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกดเบอร์สามีอย่างรวดเร็วมือสั่นในใจเต้นระรัว แพทย์หญิงนิภาก้มหน้าไปจูบเบาๆที่แก้มของนายแพทย์อนวินท์แล้วอมยิ้ม มือยังลูบไล้ไปทั่วร่างของชายหนุ่ม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือถือของชายหนุ่มดัง รูปโปร์ไฟล์เป็นรูปภรรยาสาวที่เป็นศัตรูหัวใจมาตลอดหลายปี แพทย์หญิงหยิบมือถือแววตาจิกเบาๆ แต่เมื่อจะกดรับแต่ต้องใส่รหัสเพื่อจะรับสายได้ แพทย์หญิงนิภาถึงกับสบถออกมาดังๆ “รหัสบ้าอะไร ปีเกิดวินงั้นเหรอ” เมื่อแพทย์หญิงกดรหัสไปสองครั้งแต่ไม่ได้เป็นรหัสของชายหนุ่ม นิภาถึงกับกรี๊ดออกมาก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์ภายในห้องนอน ตาก็มองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่ยังสลบอยู่อย่างมีความเป็นกังวล “รีเซฟชั่นครับ” เรย์ ยกหูโทรศัพท์ทันทีที่มีสายภายในต่อลงมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงที่แสนจะคุ้นเคย “นี่เธอเป็นเพื่อนภรรยาหมอวินท์ใช่ไหม ที่ฉันคุยด้วยเมื่อกี้ใช่ไหม บอกให้โทรไปบอกให้ภรรยาหมอวินท์โทรขึ้นมาที่ห้อง โทรไปหรือยังทำไมช้านัก” น้ำเสียงตวาดฉุนเฉียว เรย์ รัตนชาติ ขมวดคิ้วพร้อมกับตอบรับเบาๆ “ครับต่อแล้วนะครับ น้ำไม่ได้โทรงั้นเหรอครับ” “โทร เธอบอกให้เค้าโทรเข้ามาที่ห้องสิ เอางี้เธอต่อโทรศัพท์ให้ฉันที” “ครับ” เรย์ กัดริมฝีปากความรู้สึกกำลังบอกว่าเพื่อนสาวกำลังงานเข้าอย่างจัง ต้นน้ำขมวดคิ้วเมื่อต่อสายหาสามี แต่ชายหนุ่มไม่ได้รับ ปกติก่อนจะเข้านอนจะต้องโทรศัพท์คุยกันมีอยู่บ่อยครั้งที่สามีต้องเข้าไปค้างในเมืองเมื่อมีประชุมเคสสำคัญๆแต่ทุกครั้งไม่ว่าจะดึกแค่ไหน นายแพทย์หนุ่มก็ต้องโทรมากู๊ดไนท์ แต่วันนี้หญิงสาวรอจนหลับไป จนกระทั่งเพื่อนชายคนสนิทโทรมาเตือน ต้นน้ำรู้สึกถึงความไม่ปกติหัวใจว้าวุ่น สมองวาดภาพไปต่างๆ นาๆ “ทำไมพี่หมอไม่รับสายนะ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนต้นน้ำสะดุ้งตกใจ แล้วกดรับ “ฮัลโหล”“น้ำเหรอ เราเองนะ”“โทรมาทำไมอีก ไอ้เรย์ตกใจหมด”“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเม้าส์ ตอนนี้แก ยัยคุณหมอศัตรูหัวใจแกจะคุยด้วย เค้ามาพักโรงแรมเดียวกับพี่หมอของแกเลย แกตั้งสติดีๆนะ เค้าให้ฉันต่อสายแกขึ้นไปที่ห้องที่สามีแกจองอ่ะ รายละเอียดเดี๋ยวค่อยคุยกัน”เรย์หันมากดสลับสาย แล้วถอนหายใจดังเฮือก “น้ำ แกนี่มารผจญไม่เลิกจริงๆ ขอให้แกตั้งสติอย่าเหมือนนางเอกสมัยก่อนๆ นะแก สมัยนี้ต้องนางเอกฉลาดๆ” พูดจบเรย์ก็กดดูละครชื่อดังย้อนหลังจากมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เพราะตอนนี้เวลาลุล่วงไปเกือบจะเช้าแล้ว แพทย์หญิงนิภา แสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อมีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขปลายทาง “สวัสดีจ๊ะ น้ำ ทายสิฉันอยู่ที่ไหน”“หมอนิ” ต้นน้ำรำพึงเบาๆ“เก่งนี่ จำเสียงฉันได้”“คุณหมอมีอะไรคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว น้ำง่วง”“เฮ้อ น่าสงสารเธอจริงๆ คืนนี้ต้องนอนคนเดียว ส่วนฉัน...” แพทย์หญิงนิภาหัวเราะเบาๆ “มีคนนอนเป็นเพื่อน ที่สำคัญเป็นคนที่เธอสนิทที่สุด” น้ำเสียงของหญิงสาวกดขึ้นลงราวกับคีย์บอร์ด ทำให้ อีกฝ่ายหัวใจเต้นรัว“ขอบคุณนะที่ให้ฉันยืมเค้า” “คุณหมอหมายความว่าไง” ต้นน้ำใจเต้นรัว น
“อย่าต่อสู้เลยวินท์สถิติทางการแพทย์เคยพิสูจน์ว่าไม่มีใครทนยานี้ได้ มันได้ผลทุกราย” แพทย์หญิงนิภาเน้นเสียงอธิบายก่อนจะใช้มือเอื้อมไปลูบที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างรักสุดหัวใจ “ถ้าคุณทำได้ คุณจะได้แค่ร่างกายผม”“นิไม่แคร์ ขอแค่ให้วินท์เป็นของนิแค่นั้นพอ”“คุณไม่น่าจะมีอาชีพนี้”“หมอก็คนนะคะวินท์ มีเลือดเนื้อมีหัวใจ” แพทย์หญิงนิภากำลังเกี่ยวมือไปที่กางเกงบิกินี่ตัวจิ๋ว อนวินท์พยายามรวบรวมกำลังที่กำลังเหลือน้อยนิดให้ก้าวห่างออกไป แต่แพทย์หญิงนิภาใช้แขนมาสะกัด อนวินท์ เหมือนถูกกักให้อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาว ใบหน้าห่างกันแค่คืบเดียว แพทย์หญิงนิภากำลังก้มหน้าจะเข้าไปจูบ อนวินท์สะบัดใบหน้าทำให้หญิงสาวจูบไปโดนแค่ปลายคาง แพทย์หญิงนิภาหงุดหงิดเมื่อเห็นกริยาที่ปฏิเสธของชายหนุ่ม หญิงสาวเอื้อมมือมาจับที่คางแล้วใช้ร่างกายของตัวเองเหมือนล็อคร่างกายของชายหนุ่ม อนวินท์กัดริมฝีปากอีกครั้งเมื่อคลื่นความต้องการทางเพศกำลังซัดอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกเหมือนจุกที่ช่วงท้อง “อย่าทรมานตัวเองเลยค่ะวินท์ เรามาสนุกกันเถอะ” แพทย์หญิงนิภาใช้มือข้างหนึ่งจับที่คาง มืออีกข้างกักร่างของชายหนุ่มไว้ อนวินท์รู้สึกสลดใจที่ตน
นายแพทย์สุชาติเดินตรงไปที่ห้องนอนมองเห็นสภาพหญิงสาวที่นั่งคอพับก็รู้สึกสงสาร ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปแกะมัดแล้วอุ้มให้หญิงสาวมานอนที่เตียงนอน พร้อมกับเอาผ้าขนหนูออกจากปากแล้วมองหญิงสาว อาชีพเดียวกันด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าเวทนาสงสาร “คุณไม่น่าใช้ความรู้ในอาชีพในทางที่ผิด จริงๆ แล้ว คุณก็ไม่ได้ขี้เหร่จนหาคนมารักไม่ได้ ไม่น่าเลย”นายแพทย์สุชาตินั่งมองร่างของหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติ สักพักรู้สึกเพลียจากที่นั่งมองก็ล้มเอนจนเป็นนอนเคียงข้างกันอำเภอหางดงต้นน้ำ ผุดยืนผุดนั่งอยู่ร่วมชั่วโมงในใจรุ่มร้อน หญิงสาวจับโทรศัพท์มือถือแล้วกดหมายเลขปลายทางอย่างแม่นยำ“ฮัลโหลโรงแรมปางสวนแก้วครับ” น้ำเสียงเรย์ รัตนชาติเริ่มงัวเงียเล็กน้อยหลังจากเผลองีบไปครึ่งชั่วโมง“ไอ้เรย์ แกอยู่เวรอยู่ใช่ไหม”“อือ เดี๋ยวมีคนมาเปลี่ยนตอนแปดโมงไง มีไรไหมน้ำ”“เรย์ แกเป็นเพื่อนฉันใช่ไหม”“เป็นสิ ไอ้บ้ามาถามอะไรป่านนี้”“งั้นแกต้องช่วยให้ฉันตาสว่าง”“หา....หา”“แกอย่าบอกว่า...”“เฮ้ย ไม่ได้นะแก ผิดกฎใครรู้ฉันอาจตกงานได้”“แกไม่เห็นใจเพื่อนหรือไง ฉันอยากรู้ว่าสิ่งที่ฉันได้ยินและสงสัยเป็นจริง ฉันจะได้เลิกโง่สักทีไง”“เฮ้ย ไม่ดีมั
“นาย...หมายความว่า” แพทย์หญิงนิภาหน้าชา ยืนนิ่งหัวใจเต้นแรง“แม่คุณสารภาพหมดแล้ว”“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”“งั้นคุณก็กลับไปหาแม่คุณ แล้วถามท่าน”เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำให้นายแพทย์สุชาติส่ายหน้าด้วยความระอา “แล้วเลิกคิดเรื่องจะพรากหมอวินท์จากน้ำได้เลย”“ไม่มีวัน นังนั่นมันมีดีอะไรกว่าฉัน ฉันเหนือกว่ามันทุกอย่างรู้ไว้ซะ แล้ววินท์ต้องเป็นของฉันคนเดียว ถ้านายไม่มายุ่งเมื่อคืน เราสองคนก็มีความสุขไปแล้ว”“ด้วยการมอมยาเนี่ยนะ”“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้วินท์มา ไม่ว่าจะวิธีไหน” แพทย์หญิงนิภายืนยันหนักแน่น“มันคงไม่มีวันนั้นหรอกนิ” เสียงชายหนุ่มอีกคนที่ดังมาจากหน้าห้อง ทำให้แพทย์หญิงนิภาต้องเงยหน้าขึ้นฉับพลัน แล้วก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อแววตาที่มองมามันเปลี่ยนไปจากเดิม“ไม่นึกเลย เพื่อนที่ผมรักและไว้ใจจะทำกันได้ นี่คุณใช้แม่คุณ ผมให้ไปอยู่ใกล้งั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะดูคนผิดขนาดนี้”แพทย์หญิงนิภาถลาวิ่งเข้าไปเพื่อจะไปอยู่ใกล้ชายหนุ่ม แต่ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายชี้นิ้วแล้วตวาดเสียงดัง“คุณหยุดอยู่ตรงนั้นอย่าเข้ามาใกล้ผม รู้ไหมตอนนี้ผมรู้สึกขยะแขยงคุณเป็นที่สุด เพราะนอกจากคุณจะใช้มิตรภาพความเป็นเพื
อนวินท์เลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณบ้าน ชายหนุ่มคิดทบทวนระหว่างที่รถจอดที่หน้าบ้านเห็นรถของภรรยาสาวที่ยังจอดอยู่ทางด้านในโรงรถต้นน้ำได้ยินเสียงรถก็วิ่งไปที่หน้าต่างหัวใจเต้นแรง แต่เมื่อมานึกถึงภาพในมือถือหญิงสาวก็ยืนนิ่งสงบ ในใจยังคงเจ็บปวด หญิงสาวคิดทบทวนคำถามหลังจากคิดตลอดหลายชั่วโมงในตอนเช้า “ทำไมน้ำยังไม่ไปที่โรงพยาบาล ผมไปที่นั่นแต่อิ๋วบอกว่าน้ำยังไม่มา ผมเลยขับมาดูว่ามีอะไรหรือเปล่า” อนวินท์พูดน้ำเสียงแสดงความห่วงใย“น้ำลาป่วยค่ะ”“น้ำเป็นอะไรมากไหม” อนวินทร์เดินเข้าไปใกล้จะใช้มือจับที่หน้าผาก แต่ต้องขมวดคิ้ว เมื่อภรรยาสาว ถอยหลังออก“น้ำมีเรื่องจะถาม เมื่อคืนพี่หมอนอนที่ไหน ทำไมน้ำโทรไปไม่รับสาย” ต้นน้ำเริ่มซักทันทีอนวินท์ยืนนิ่ง ในสมองด้านหนึ่งบอกกับตัวเองว่า ถ้าเล่าเรื่องทั้งหมดคงทำให้หญิงสาวไม่สบายใจ ส่วนสมองอีกด้านหนึ่งสั่งให้เล่าความเป็นจริงให้หญิงสาวฟัง “พี่ก็พักที่โรงแรม...คนเดียว” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ชายหนุ่มเอามือล้วงกระเป๋าสายตาจ้องมองใบหน้าภรรยาสาวที่ดูซีดเซียวด้วยความเป็นห่วง ถ้าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่มีนายแพทย์รุ่นพี่มาช่วย อนวินท์ยังคิดไม่ตกว่าตนเองจะเผ
บ้านพิพัฒนพงค์ตรีรินทร์ ธมกานต์ และคุณหญิงมณีจันทร์ ลอบมองต้นน้ำที่นั่งที่เรือนกล้วยไม้ ในขณะที่ปล่อยให้น้องนนท์ไปเล่นกับลูกชายของกอหญ้า ต้นน้ำนั่งมองเด็กผู้ชายสองคนในวัยไล่เลี่ยกันวิ่งเตะบอลกลางสนามก่อนจะปล่อยใจให้เลื่อนลอย หญิงสาวยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้เกือบจะบ่ายสี่โมงแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะได้เวลาเลิกงานของนายแพทย์อนวินท์ ต้นน้ำมีใบหน้าเศร้าเมื่อมองเห็นพี่ชายเพียงคนเดียว เข้ามาเล่นกับเด็กชายทั้งสองอย่างสนิทสนม ในใจหญิงสาวปวดแปลบเมื่อนึกถึงว่าตนเองเป็นคนตัดสินใจเดินจากมา และการกระทำครั้งนี้อาจส่งผลทำให้ลูกชายเป็นกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ต้นน้ำมองไปที่ลูกชายตัวน้อยด้วยความสงสาร“คุณคะ คุณว่ายัยน้ำจะทะเลาะกับหมอหรือเปล่า ทำไมกลับมาแล้วดูลูกเราเศร้าจังคะ แล้วหมอล่ะหมอทำไมไม่กลับมาด้วย”“รินทร์เป็นแม่ ทำไมรินทร์ไม่ถามลูกล่ะ ผมไม่รู้หรอก” ธมกานต์กล่าวพลางหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาเปิดอ่าน“รินทร์ยังไม่กล้าถาม เห็นลูกเงียบๆ เศร้า ๆ รินทร์รอให้ลูกเล่าเองค่ะ” ตรีรินทร์มองไปที่บุตรสาวคนเล็กด้วยความเป็นห่วง“งั้นก็ต้องรอให้ลูกพร้อมลูกคงจะเล่าเอง แต่ดุเหตุการณ์น่าจะไม่ค่อยดีนัก” ธมกานต์ลุกขึ
บรรยากาศภายในรถที่เงียบสงัดทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด จนต้องรวบรวมความกล้าพูดออกมา“พี่หมออยากพูดอะไร ก็น่าจะพูดออกมาเลย”“กลับไปคุยที่บ้าน พี่ต้องการสมาธิในการขับรถ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม ต้นน้ำรับฟังอย่างสงบ ท่าทางที่น่าเกรงขามทำให้หญิงสาวไม่กล้าที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ออกไป เพราะรู้จักชายหนุ่มดีว่าเป็นคนที่เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรมักจะเด็ดขาดเสมอ หญิงสาวนั่งพิงเบาะแล้วหันหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง ในใจกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง อะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงชั่วโมง ต้นน้ำยังคาดเดาไม่ได้ แต่รู้สึกในใจกำลังเต้นแรงจนหญิงสาวต้องใช้มือทาบที่หน้าอกเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลายความตื่นเต้นสามสิบนาทีต่อมา เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปในบ้านต้นน้ำเดินตามเข้าไป ต่างคนต่างเงียบ “เอาล่ะ เรามาเคลียร์กันให้จบ พี่ไม่ชอบอะไรคาราคาซัง”“จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ น้ำเหนื่อยอยากพัก” “พี่ก็เหนื่อยและอยากพักเหมือนกัน รีบกลับบ้าน แทนที่จะได้เจอเมีย แต่กลับเป็นว่าเมียหอบลูกหนีน้ำพิพากษาตัดสินลงโทษพี่อีกแล้ว โดยไม่สืบสวนเลยด้วยซ้ำ”“พี่หมอพูดเกินไป น้ำแค่ไม่อยากเป็นอุปสรรคสำหรับพี่หมอ ถ้าพี่หมออยากมีใครอีกคนน้ำจะ
ต้นน้ำรู้สึกเสมือนร่างกายกำลังตื่นตัวไปแทบทุกส่วน มือที่ถูกกดไว้ถูกปลดปล่อย ชายหนุ่มใช้ทั้งริมฝีปากและมือทั้งลูบไล้ทั้งถอดทั้งดึงจนเสื้อผ้าแทบทุกชิ้นหลุดออกไปจากร่างกาย ต้นน้ำรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่กำลังเผชิญตรงหน้า ร่างกายแพ้จิตใจก็กำลังแพ้เพราะความรู้สึกรักชายหนุ่มก็ยังมีอยู่เปี่ยมล้น อนวินท์ใช้ริมฝีปากทั้งจูบทั้งกัดเม้มจนต้นน้ำรู้สึกวาบหวาม แล้วปราการที่ตั้งไว้สูงตระหง่านก็พังครืนเมื่อกำลังต่อสู้กับความพิศวาสที่ถูกปลุกขึ้นมาราวกับไฟไหม้ป่า จากการเป็นผู้รับก็กลายเป็นการร่วมมือ หญิงสาวรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่เคยเอาชนะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้แม้สักครั้งเดียว ความคิดของหญิงสาวหลุดลอยเมื่อชายหนุ่มใช้มือลูบไล้หน้าอกก่อนที่ลิ้นเรียวร้ายจะฉกพุ่งเป้าไปที่ดอกบัวสวย ชายหนุ่มตวัดไล้เลียขบเม้มดูดดึงราวกับเป็นของหวาน เสียงของหญิงสาวครวญครางเบาๆ อนวินท์อมยิ้มนิดๆ เมื่อสามารถทำให้ภรรยาสาวมีความสุขในการร่วมรักก่อนที่ทั้งสองจะพากันขึ้นสวรรค์ โดยลืมสนิทว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังหน้าดำคร่ำเครียดทะเลาะกัน ทั้งคู่ราวกับน้ำมันกับไฟมาเจอกัน เจอกันกี่ครั้งก็เผาผลาญ เสียงกรีดร้องเบาๆ ของทั้งเขาและเธอการันตีได
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม