ต้นน้ำรู้สึกเสมือนร่างกายกำลังตื่นตัวไปแทบทุกส่วน มือที่ถูกกดไว้ถูกปลดปล่อย ชายหนุ่มใช้ทั้งริมฝีปากและมือทั้งลูบไล้ทั้งถอดทั้งดึงจนเสื้อผ้าแทบทุกชิ้นหลุดออกไปจากร่างกาย ต้นน้ำรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่กำลังเผชิญตรงหน้า ร่างกายแพ้จิตใจก็กำลังแพ้เพราะความรู้สึกรักชายหนุ่มก็ยังมีอยู่เปี่ยมล้น อนวินท์ใช้ริมฝีปากทั้งจูบทั้งกัดเม้มจนต้นน้ำรู้สึกวาบหวาม แล้วปราการที่ตั้งไว้สูงตระหง่านก็พังครืนเมื่อกำลังต่อสู้กับความพิศวาสที่ถูกปลุกขึ้นมาราวกับไฟไหม้ป่า จากการเป็นผู้รับก็กลายเป็นการร่วมมือ หญิงสาวรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่เคยเอาชนะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้แม้สักครั้งเดียว ความคิดของหญิงสาวหลุดลอยเมื่อชายหนุ่มใช้มือลูบไล้หน้าอกก่อนที่ลิ้นเรียวร้ายจะฉกพุ่งเป้าไปที่ดอกบัวสวย ชายหนุ่มตวัดไล้เลียขบเม้มดูดดึงราวกับเป็นของหวาน เสียงของหญิงสาวครวญครางเบาๆ อนวินท์อมยิ้มนิดๆ เมื่อสามารถทำให้ภรรยาสาวมีความสุขในการร่วมรักก่อนที่ทั้งสองจะพากันขึ้นสวรรค์ โดยลืมสนิทว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังหน้าดำคร่ำเครียดทะเลาะกัน ทั้งคู่ราวกับน้ำมันกับไฟมาเจอกัน เจอกันกี่ครั้งก็เผาผลาญ เสียงกรีดร้องเบาๆ ของทั้งเขาและเธอการันตีได้ว่า ชายหนุ่มได้พาภรรยาสาวถึงเส้นชัย แต่เป็นเส้นชัยแห่งความสุข
อนวินท์พลิกตัวกอดภรรยาสาวให้อยู่ในอ้อมกอด โดยที่ชายหนุ่มใช้ศีรษะหญิงสาววางที่ไหล่ ริมฝีปากยังสูดดมเส้นผมสวย “พรุ่งนี้พี่จะไปส่งที่บ้าน น้ำยังไม่ต้องทำงานพักผ่อนสักพักหนึ่ง นี่พี่จะไม่ลงโทษที่หนีงานมา” “ใครบอกว่าน้ำหนี น้ำลางานแล้ว” “พี่ลาออกให้แล้ว นี่ทำผิดกฎนะเนี่ย แต่อาจารย์หมอเห็นใจก็เลยจะช่วย” “แน้...เรื่องอะไรพี่หมอมีสิทธิ์อะไร ไปลาออกให้น้ำ” “สิทธิ์การเป็นสามี” อนวินท์พูด แต่จมูกยื่นไปจูบที่แก้มนวลเบาๆ “น้ำยังไม่หายโกรธพี่หมอนะ อย่ามามั่ว” ต้นน้ำขยับหนี เมื่อนึกไปถึงภาพเหตุการณ์วันก่อน อนวินท์ดึงหญิงสาวเข้ามาแนบตัว แล้วกอดไว้แน่น “ไม่มีหลักฐานที่ดีกว่านั้นแล้วห้ามมั่วนิ่ม รู้ไหมพี่โกรธแค่ไหนที่น้ำทำตัวเป็นเด็ก คุยกันยังไม่รู้เรื่องก็หอบลูกหนีต้องมีเหตุผลให้มากกว่านี้” “แต่....” “พี่ยืนยันว่าไม่ได้นอกใจน้ำ ไม่เคยสักครั้งเดียว ตั้งแต่แต่งงานกันมาสาบานได้” อนวินท์พูดพลางใช้ริมฝีปากจูบที่ไหล่ของภรรยาสาวเบาๆ ต้นน้ำอึ้งกับคำยืนยันของชายหนุ่มมือประสานมือ อนวินท์ซุกใบหน้าเข้ามาแนบชิดใบหน้าของหญิงสาว สักพักชายหนุ่มก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย มีเพียงต้นน้ำที่ยังครุ่นคิดภาย ในใจของหญิงสาวรู้สึกลังเล ระหว่างสิ่งที่ตนเองเห็นและได้ยินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองตอนนี้ แต่ในใจเริ่มโอนเอียงมากับคำยืนยันหนักแน่น ของสามีจนเกือบคลายความกังวลไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันยังมีเส้นหมอกบางๆ เพียงบางเบาที่ยังสงสัยกับรูปภาพชายหญิงที่นอนเคียงกัน ภายในห้องที่ชายหนุ่มพัก ต้นน้ำคิดวนไปมาจนเผลอหลับไป โรงพยาบาลเลิศวสิน อินเตอร์กรุ๊ป แพทย์หญิงนิภา เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ผ่านหน้า พยาบาลสาวที่ทำงานเสมือนมือขวาให้กับตนเอง อย่างรวดเร็ว “คุณหมอขา อีกสิบนาทีประชุมห้องโถงใหญ่นะคะ ข้อมูลดิฉันกำลังโหลดลงสติ๊กค่ะ” “เดี๋ยวเธอตามเอาไปให้ที่ห้องคุณหมอสุชาตินะ ฉันไปทำธุระแป๊บหนึ่ง” แพทย์หญิงนิภา เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชัก ก่อนจะหยิบเมมโมลี่สติ๊ก ที่เธอเก็บไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว “ค่ะ” ชบาวิ่งกลับไปที่โต๊ะ แล้วรีบโหลดข้อมูลที่เหลืออีกสามหน้าลง เมมโมรี่สติ๊กอย่างรีบเร่ง ก๊อกๆๆ นายแพทย์สุชาติเอ่ยปากอนุญาต ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารชุดสุดท้าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อ แพทย์หญิงที่เปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมา กำลังเดินหน้าเชิดเข้ามาในห้อง ใบหน้าอมยิ้มแต่มีแววตาที่อำมหิต “มีอะไร ไม่ต้องไปเตรียมอภิปรายหรือไง วินท์บอกคุณเป็นคนอภิปรายคนแรก” “ไม่ต้องยุ่ง ฉันแค่จะมาบอกนายว่า ฉันเอาคืนนายแน่ๆ ทำแผนฉันพัง” แพทย์หญิงนิภาตบที่โต๊ะทำงานอย่างแรง “นี่คุณสงบจิตใจหน่อย...ตกลงคุณเป็นหมอจริงๆ หรือเปล่า” “หมอไม่ใช่คนหรือไง...ฉันแค่มาบอก ฉันเอาคืนนายแน่ๆ ผลของการแส่ไม่เข้าเรื่อง...จำอันนี้ได้ไหม” แพทย์หญิงนิภา หยิบเมมโมรี่สติ๊กสีม่วง แล้วแกว่งไปมา “อะไร...” “หลักฐานที่จะทำให้นายถูกถอนใบอนุญาตไง...” แพทย์หญิงนิภากำสติ๊ก แน่น แววตาจ้องมองนายแพทย์รุ่นพี่เขม็ง “อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ผมเตือนไว้อย่างหนึ่ง ระวังจะเหมือนคำพังเพยไทย” “คำพังเพยอะไร” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภาหงุดหงิด แผนแกล้งปั่นหัวนายแพทย์รุ่นพี่ ดูเหมือนจะล้มเหลว เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนไม่เดือดร้อนแม้แต่นิดเดียว “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” นายแพทย์สุชาติ ก้าวเดินออกมาด้านหน้า มือกอดอก มองแพทย์หญิงรุ่นน้องนิ่ง มาดสุขุมและเยือกเย็น “ไม่กลัว...สักนิด” แพทย์หญิงนิภายังแกว่งเมโมรี่สติ๊กไปมา ..เสียงเคาะประตูดัง ก่อนที่นายแพทย์สุชาติจะเอ่ยปากอนุญาต เสียงเปิดประตูก่อนที่พยาบาลที่ทำงานเสมือนเลขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ารีบเร่ง “หมอนิค่ะ หมอวินท์ให้ตามหมอนิ กับหมอสุชาติที่ห้องประชุมใหญ่ค่ะทุกคนมาพร้อมหมดแล้ว นี่ค่ะเอกสารและข้อมูล” ชบายื่นเอกสารไปข้างหน้า ในขณะที่มือของแพทย์หญิงนิภาที่กำลังแกว่งเมมโมรี่สติ๊ก ชนกับแฟ้มจนทำให้เมมโมรี่สติ๊กสองอันล่วงลงพื้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แพทย์หญิงนิภาตาโต ก่อนจะมองไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว “ขอโทษค่ะ คุณหมอ” ชบารีบนั่งลงแล้วเก็บเอกสารที่ล่วงออกจากแฟ้ม มือสั่น “ทำไมมันโง่แบบนี้นะ” แพทย์หญิงนิภาผลักพยาบาลสาว ล้มด้วยความโมโห ก่อนจะมองไปที่เมมโมรี่สติ๊กตาโต “เฮ๊ย ทำไมสีเหมือนกัน แล้วมันอันไหนของฉันยะ” แพทย์หญิงนิภาจับเมมโมรี่สติ๊ก ที่รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ตาแทบจะถลนออกจากเบ้า ในขณะที่นายแพทย์สุชาติผวาเข้าประคองพยาบาลสาวที่ถูกผลักจนเซไปเกือบชนกับขอบโต๊ะ “ทำบ้าอะไร หยุดอาละวาดได้แล้ว” นายแพทย์สุชาติประคองพยาบาลสาว ให้ยืน แววตาที่มองไปที่แพทย์หญิงมีแววตำหนิ ในพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของอีกฝ่าย“ไม่ต้องมายุ่ง นี่มันเด็กของฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้” แพทย์หญิงนิภาจับเมมโมรี่สติ๊กสองอัน ตอนนี้ปวดสมองแทบระเบิด ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อมีเสียงประกาศเรียกชายหนุ่มและเธอให้ไปที่ห้องประชุมดังอีกสองครั้ง“ไปได้แล้ว...เค้าเรียกแล้วเห็นไหม” นายแพทย์สุชาติกล่าวย้ำ“เออ....” แพทย์หญิงนิภา เกิดอาการลังเล“ยืมคอมนายหน่อยสิ”“ไม่มีเวลาแล้ว ผู้ใหญ่รอตั้งเยอะแยะ” นายแพทย์สุชาติผลักให้หญิงสาว เดินไปข้างหน้า “ขอเวลาห้านาทีไม่ได้หรือไง...ฉันยังไม่แน่ใจในข้อมูล”“ไม่ได้...ค่อยไปแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้น” นายแพทย์สุชาติออกแรงดึงให้หญิงสาว เดินตามตนเองไปอย่างรวดเร็ว“โอ๊ย...จะบ้า อันไหนเนี่ย” แพทย์หญิงนิภากำเมมโมรี่สติ๊กสองอันในมือแน่นห้องประชุมใหญ่ อนวินท์ยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อแพทย์หญิงนิภา นายแพทย์สุชาติ และพยาบาลอีกสองสามคนที่เดินตามกันมา มายืนรวมอยู่หน้าห้อง“ทำไมไม่รักษาเวลาเลยครับนิ ผู้ใหญ่มากันหมดแล้ว นี่เราเลทไปห้านาที”“นิขอโทษค่ะ วินท์”“งั้นเริ่มกันเถอะ ผมเกรงใจผู้ใหญ่ในวงการแพทย์ทั้งนั้น” อนวินท์กวาดตาไปยังแพทย์อาวุโส จากสาขาต่างๆ หลายหลากโรงพยาบาล ทุกปีจะมีการสัมมนาใหญ่อยู่สองครั้งต่อปี ปก
“คุณหมอคงได้เห็นแค่คลิปเดียว...แต่พวกเราในห้องนี้เห็นทั้งสองคลิปแล้วเปรียบเทียบกัน ประกอบกับคำสารภาพของแม่บ้านของโรงพยาบาล คนที่คุณหมอไปแย่งถาดเครื่องดื่มในวันนั้น ก็เพียงพอแล้ว” นายแพทย์สุชาติชูเมมโมรี่สติ๊กอีกอัน ก่อนจะเสียบเข้ากับเครื่องแล้วต่อไปที่จอยักษ์แพทย์หญิงนิภาจ้องไปที่จอภาพที่ใหญ่เกือบหนึ่งร้อยนิ้ว ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้อง เพราะใบหน้าของผู้หญิงในรูป เป็นตัวเธอที่เห็นชัดเจน รูปร่างที่เปลือยเปล่า ทำให้แพทย์หญิงนิภากรีดร้องอีกครั้งด้วยความอับอาย“ไอ้บ้า นี่แก แกแบล็คเมล์ฉันเหรอ...”“เปล่า ผมก็แค่ป้องกันตัวเอง ถ้าคุณไม่เล่นผมก่อน..คลิปนี้ผมจะเก็บมันไว้และตายไปกับผม แต่นี่คุณไปลากคนบริสุทธิ์ให้มารับบาป เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณ...นี่ยังไม่รวมที่คุณให้แม่ของคุณเล่นละครตบตาวินท์ แกล้งป่วยมาหลายปีนี้อีกนะ"“ไอ้บ้า...ไอ้ ฉันอยากฆ่าแกนัก” แพทย์หญิงนิภากระโจนเข้ามาหมายจะตีนายแพทย์รุ่นพี่ด้วยความโกรธแค้น แต่บุรุษพยาบาลที่อยู่ข้างประตู กรูเข้ามาจับหญิงสาวเอาไว้“หมอนิ คุณเป็นหมอรู้ใช่ไหม ยาที่คุณใช้กับทั้งพี่หมอและผม มีผลข้างเคียงกับบุคคลที่ถูกใช้อย่างไง คุณก็ได้เรียนมา เท่าๆ กับพวกเราใ
โรงพยาบาลเลิศวสิน นายแพทย์อนวินท์ยกนาฬิกาขึ้นก่อนจะฮัมเพลงแล้วเซ็นต์เอกสารให้พยาบาลสาวคนสนิท พ่วงดีกรีเพื่อนสนิทของภรรยาสาวอีกหนึ่งตำแหน่งจอยมอง เจ้านายในสายงานและสามีเพื่อนรัก ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าถาม“อยากจะถามอะไรผมเหรอจอย ผมรู้ว่าคุณสงสัยใช่ไหมว่าทำไมวันนี้ผมอารมณ์ดี”จอยยิ้มหวานและขยับเข้าใกล้นายแพทย์อนวินท์ด้วยท่าทางประจบ “ค่ะ คุณหมอทำไมอารมณ์ดีจัง”“จำไม่ได้เหรอ วันนี้วันอะไร”จอยทำตาโต ก่อนยกมือขึ้นปิดปาก “อ๋อ วันครบรอบแต่งงาน แหมนึกว่าคุณหมอจะเอาแต่บ้างาน อุ๊ย” จอยเอามือปิดปากเมื่อเผลอพูดความในใจ“ผมนี่เป็นสามีที่แย่และใช้ไม่ได้เลยใช่ไหม แต่จอยก็รู้มันคืออาชีพของเรา ซึ่งผมว่าน้ำเค้าเข้าใจผมนะ”“แหม ถึงแม้น้ำจะเคยเป็นพยาบาลมาก่อน แต่พยาบาลก็คือคนธรรมดาเหมือนกัน ต้องการความเอาใจใส่เหมือนกันนะคะ”“ขอบคุณนะที่เตือนผม ผมเซ็นต์เอกสารเสร็จแล้ว วันนี้ผมขอกลับบ้านเร็วหน่อย วันศุกร์สิ้นเดือนด้วยรถคงจะติดมากๆ” อนวินท์ยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดดังขึ้น จอยยืนรอรับเอกสาร ก่อนจะมองเมื่อเสียงเรียกเข้าเหมือนเป็นการโทรแบบเฟสไทม์ ซึ่งเพื่อนสาวไม่ช
“ฮัลโหล” จอยรับโทรศัพท์เสียงอ่อย ในใจนึกสงสารเพื่อนสาว ที่ต้องมาผจญกับเรื่องบ้าๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น“จอย พี่หมอล่ะ ขอคุยกับพี่หมอหน่อย”“เออ พี่หมอ...เออ ติดคนไข้ด่วน”“คนไข้ที่ไหน” น้ำเสียงต้นน้ำเริ่มเย็นเฉียบ มือกำแน่นด้วยความโกรธ“เออ คนไข้พิเศษนะแก พี่หมอสั่งว่าจะไปช้าหน่อย แต่ไปแน่ๆ”“ยังงั้นเหรอ บอกพี่หมอนะ ว่าโอกาสมันไม่ได้มีหลายครั้ง และความอดทนของคนมันก็มีที่สิ้นสุด และความรักที่มันไม่เคยมีค่า มันก็หมดลงได้เหมือนกัน จำทุกคำนะแก”“เออๆ แกอย่าคิดมากนะ พี่หมอรักแกที่สุดแหละ” จอยพูดแล้ววางสาย“เป็นอะไร น้ำพูดอะไรจอย” อนวินท์รีบถาม“เปล่าๆ ค่ะ คุณหมอรีบไปจัดการยัยหมอผีนั่นเถอะค่ะ”“จอย...” น้ำเสียงอนวินท์ออกเสียงปราม “ก็จริงอ่ะ ทำไมต้องมาเป็นอุปสรรคด้วยนะ พี่หมอน่าจะปล่อยให้นาง ตายๆ ไป ใช่โปรเตสเซียมคลอไรด์หรือเปล่าก็ไม่รู้”“แล้วถ้ามันเป็นจริง คุณจะให้ผมเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไง” น้ำเสียงอนวินท์เข้ม นัยน์ตาดุดัน“เปล่าค่ะ ก็แค่เซ็งแทนเพื่อน” จอยพูดน้ำเสียงอ่อยคอนโดฯ จัสมินแพทย์หญิงนิภาได้รับรายงานจากโอเปเรเตอร์ว่า นายแพทย์หนุ่มได้มาถึงแล้ว หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดน
“แม่อย่ายุ่งได้ไหม ไม่ช่วยก็ไปไกลๆ” แพทย์หญิงนิภาตวาด แต่สายตายังจ้องมองชายที่ตนหลงรักมาสิบกว่าปี“เอาสิวินท์ ถ้าวินท์ก้าวลงบันได นิจะฉีดยา”“นี่คุณจะบ้าไปถึงไหน บอกกี่ครั้งจะเข้าใจ ผมไม่รักคุณ ไม่เคยรัก และจะไม่รัก” น้ำเสียงอนวินท์เข้มและแสดงความมั่นใจในการพูดน้ำตาของแพทย์หญิงนิภาไหลออกมา แต่นัยน์ตากลับแข็งกระด้าง“ก็ลองดูว่า ถ้าวินท์ต้องติดอยู่ที่นี่ทั้งคืนจนเช้า แล้วแม่นางเอกของวินท์จะเข้าใจไหม...จะบอกอะไรให้เมื่อหลายปีก่อน นิก็ทำแบบนี้แหละ แล้วแม่นั่นก็แผ่นหนีไปแทบไม่ทัน” แพทย์หญิงนิภาร้องไห้ตอนต้นและหัวเราะตอนท้ายๆ ด้วยความสะใจอนวินท์ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แววตาแสดงความผิดหวังในตัวหญิงสาวที่ตนเองมองเป็นเหมือนเพื่อนสนิทตลอดเวลา “ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนที่ผมไว้ใจ เชื่อใจ ในมิตรภาพจะทำร้ายเพื่อนได้มากเท่านี้” อนวินท์พูดแววตาและน้ำเสียงแสดงความผิดหวัง“ก็เพราะนิ ไม่เคยมองวินท์เป็นเพื่อนตั้งแต่แรก นิรักวินท์มานาน นานกว่านังเมียของวินท์อีก แต่วินท์ไม่เคยเห็นค่าของนิ”“ขอโทษนะนิ แต่ผมรู้สึกกับคุณแค่เพื่อนจริงๆ”คุณหญิงอำภามองเหตุการณ์ด้วยความปวดร้าว ที่บุตรสาวเพียงคนเดียว ถูกชายที่รักป
ต้นน้ำมองนาฬิกาด้วยความหงุดหงิด หญิงสาวเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะได้ยินเสียงข้อความ เมื่อหญิงสาวอ่านก็แทบอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง “พี่หมอ น้ำทนไม่ไหวแล้วนะ นี่พี่หมอกล้าทำกับน้ำจริงๆ ใช่ไหม” ต้นน้ำนั่งน้ำตาไหล ก่อนจะมองไปที่ดอกไม้ จานอาหารที่ถูกจัดอย่างประณีต หญิงสาวยกจานขึ้นมามองก่อนยิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดถังขยะก่อนจะเทอาหารลงไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ห้องครัวแล้วร้องไห้ หญิงสาวเอาใบหน้าซบที่หัวเข่า ก่อนจะเหม่อมองไปที่รูปที่ติดข้างฝาในห้องครัว มองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะตัดสินใจกับตนเอง หญิงสาวลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบมือถือ กดปิดสัญญาณ ก่อนจะขึ้นไปบนบ้าน ลงมือจัดเสื้อผ้าด้วยความคิดที่เด็ดเดี่ยวต้นน้ำให้แม่บ้านคนสนิทนำลูกชายเพียงคนเดียวไปฝากไว้กับมารดา โดยให้เหตุผลกับลูกชายว่ามีธุระสำคัญต้องจัดการ หญิงสาววางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างๆ ประตู ก่อนจะนั่งรอชายหนุ่มที่ห้องรับแขกด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินท์ยืนมองเพื่อนสาวก่อนจะมองไปที่นาฬิกาแล้วถอนหายใจ เหลียวไปมองพยาบาลสาวที่ยืนหาว “จอย ผมว่าถ้าคุณไม่ไหว ให้พยาบาลคนอื่นมาดูหมอนิก็ได้นะ เธอไ
พิพัฒนพงษ์บ่ายสองโมง ตรีรินทร์นั่งดูแฟ้มงานของสมาคมการกุศล เมื่อรถเลี้ยวมาจอดหน้าบ้าน ก็หันไปมองเมื่อได้ยินฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา “สวัสดีครับแม่รินทร์” นายแพทย์อนวินท์ยกมือไหว้ตรีรินทร์รับไหว้ ก่อนมองหน้าลูกเขยที่แววตามีแววกังวลอย่างเข้าใจ “สวัสดีจ๊ะหมอ ไม่ได้เจอกันนานเลย”“ขอโทษครับแม่รินทร์ งานที่โรงพยาบาลยุ่งมากๆ” นายแพทย์อนวินท์ทรุดตัวนั่งข้างๆ แม่ของภรรยาสาวอย่างสนิทสนม“ไปไงมาไงล่ะ ไม่ต้องทำงานเลยรึวันนี้”“ทำครับ แต่มีธุระต้องจัดการก่อนไปทำงาน”ตรีรินทร์เหลียวตาม เมื่ออนวินท์จ้องมองไปทางบันได “ไม่อยู่หรอกจ๊ะ บอกแม่ว่าไปต่างจังหวัดสองสามวัน”“ไปไหนครับ ผมพยายามโทรหาตั้งแต่ตอนสายๆ แต่น้ำปิดเครื่อง” อนวินท์พูดน้ำเสียงและแววตามีกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เดี๋ยวนะ เขาฝากอันนี้ไว้ให้หมอ” ตรีรินทร์เอื้อมไปหยิบซองสีขาวยื่นให้ลูกเขย มองชายหนุ่มด้วยความสงสาร แต่เป็นเรื่องครอบครัวเกี่ยวเนื่องคนสองคนดังนั้นจึงอยากให้ลูกสาวและบุตรเขยเป็นคนแก้ปัญหามากกว่าที่จะเข้าไปยุ่ง นอกเหนือจากมีการขอร้องแต่ดูจากอากัปกริยาราวกับนกปีกหักของลูกสาวเมื่อตอนเช้าตรู่มันคงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ตรีรินทร์ถอนใจเบาๆ ก่
ก๊อกๆ“เชิญครับ” อนวินท์เอ่ยปากอนุญาตทั้งๆ ที่ยังหงุดหงิด“อ้าว พี่หมอ มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”นายแพทย์สุชาติมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้อง พร้อมปลายตามองไปที่เอกสารตรงหน้า แต่เลือกที่จะเงียบก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ “พี่ว่า จะมาชวนหมอไปงานศพ แม่หมอนิภาด้วยกัน”“จองวัดเรียบร้อยแล้วเหรอครับ รวดเร็วดีนะ ตกลงครับ ผมขอติดรถพี่หมอไปนะครับ ไม่อยากขับรถเลย วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี”“ได้สิ ชวนหมอภัทรอีกคนจะได้ประหยัดช่วยชาติ” นายแพทย์สุชาติลุกขึ้นยืน เอื้อมมือมาจับที่ไหล่“พี่ว่า ช่วงนี้หมอเครียดกับงานไปนะ ชวนน้ำไปพักผ่อน เผื่อจะทำให้อะไรดีขึ้น”อนวินท์เงยหน้ามองชายหนุ่มรุ่นพี่ แววตาครุ่นคิด“หมอไม่ต้องเล่า พี่เข้าใจพี่เคยมีครอบครัวมาก่อน อีกสองชั่วโมงเจอกันที่ลานจอดรถนะวินท์”“ครับพี่หมอ”ภายในงานสวดอภิธรรม คุณหญิงอำภาจัดแบบเรียบง่าย แขกผู้ใหญ่ในสายอาชีพหลากหลายคน อนวินท์ยืนอึดอัด เพราะตั้งแต่เข้ามาในงานแพทย์หญิงนิภาก็เกาะแขนแจ จนทำให้เป็นเป้าสายตาของคนภายในงานอนวินท์เอื้อมมือมาปลดข้อมือของหญิงสาวที่เกาะไว้แน่น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเป้าสายตาของพนักงาน พยาบาล และแม่บ้านในโรงพยาบาลที่มาร่วมงาน
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม