“ฮัลโหล” จอยรับโทรศัพท์เสียงอ่อย ในใจนึกสงสารเพื่อนสาว ที่ต้องมาผจญกับเรื่องบ้าๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“จอย พี่หมอล่ะ ขอคุยกับพี่หมอหน่อย” “เออ พี่หมอ...เออ ติดคนไข้ด่วน” “คนไข้ที่ไหน” น้ำเสียงต้นน้ำเริ่มเย็นเฉียบ มือกำแน่นด้วยความโกรธ “เออ คนไข้พิเศษนะแก พี่หมอสั่งว่าจะไปช้าหน่อย แต่ไปแน่ๆ” “ยังงั้นเหรอ บอกพี่หมอนะ ว่าโอกาสมันไม่ได้มีหลายครั้ง และความอดทนของคนมันก็มีที่สิ้นสุด และความรักที่มันไม่เคยมีค่า มันก็หมดลงได้เหมือนกัน จำทุกคำนะแก” “เออๆ แกอย่าคิดมากนะ พี่หมอรักแกที่สุดแหละ” จอยพูดแล้ววางสาย “เป็นอะไร น้ำพูดอะไรจอย” อนวินท์รีบถาม “เปล่าๆ ค่ะ คุณหมอรีบไปจัดการยัยหมอผีนั่นเถอะค่ะ” “จอย...” น้ำเสียงอนวินท์ออกเสียงปราม “ก็จริงอ่ะ ทำไมต้องมาเป็นอุปสรรคด้วยนะ พี่หมอน่าจะปล่อยให้นาง ตายๆ ไป ใช่โปรเตสเซียมคลอไรด์หรือเปล่าก็ไม่รู้” “แล้วถ้ามันเป็นจริง คุณจะให้ผมเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไง” น้ำเสียงอนวินท์เข้ม นัยน์ตาดุดัน “เปล่าค่ะ ก็แค่เซ็งแทนเพื่อน” จอยพูดน้ำเสียงอ่อย คอนโดฯ จัสมิน แพทย์หญิงนิภาได้รับรายงานจากโอเปเรเตอร์ว่า นายแพทย์หนุ่มได้มาถึงแล้ว หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ก่อนจะยีผมให้ยุ่ง มือจับเข็มฉีดยามั่น ก่อนจะเปิดประตู ด้วยมาดนางพญา แต่แล้วนัยน์ตาหญิงสาวก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “แม่” เสียงแพทย์หญิงนิภาแสดงอาการตกใจ เมื่อมองเห็นคุณหญิงอำภาในรถเข็นโดยมีเจี๊ยบคนสนิทเป็นคนเข็นรถอยู่ทางด้านหลัง รถคันนี้มีการออกแบบพิเศษสามารถเลื่อนไปได้โดยปุ่มรีโมท แต่แม่ของเธอก็มีคนสนิทที่อยู่กันมาตั้งแต่แต่งงาน จนถึงเดี๋ยวนี้ “หมอนิ ลูกจะทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น” น้ำเสียงคุณหญิงอำภาแสดงความเป็นห่วงและร้อนรนในขณะที่แพทย์หญิงนิภามองหานายแพทย์อนวินท์ จนกระทั่งสายตาไปปะทะกับนายแพทย์หนุ่มที่ยืนเยื้องออกไป “วินท์คะ วินท์มาจริงๆด้วย” แพทย์หญิงนิภาถลาเข้าไปหา แต่นายแพทย์อนวินท์เบี่ยงตัวออก “คุณมาเพราะคุณห่วงนิ ใช่ไหม ใช่ไหมคะ เพราะจริงๆแล้วคุณก็มีใจให้กับนิ” “ที่ผมไปรับคุณแม่คุณมาด้วย เพราะอยากให้คุณมีสติ ถ้าเจอกับคนที่รักคุณมากที่สุด” “นิไม่ต้องการใครเวลานี้ นอกจากวินท์” “คุณต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมมีภรรยาแล้ว และผมรักภรรยาผมมากๆด้วย” อนวินท์พูดเสียงแข็ง ในขณะเดียวกันพยาบาลจอย ที่ยืนอยู่ด้านหลังแอบยิ้ม แล้วดีใจที่ตนเองกดอัดเสียงไว้ได้ทันท่วงที กรี๊ดดดดดดดดด เสียงกรีดร้องแสดงความไม่พอใจ อนวินท์เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงเยือกเย็น “นิครับ อย่าทำร้ายตัวเอง แล้วมันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะทำแบบนี้เพราะยังไง ผมก็รักคุณไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรแค่ผมคิดกับคุณแค่เพื่อน” “ไม่จริงวินท์ ถ้าไม่มีนังนั่นวินท์ก็รักนิ เราเข้ากันได้ทุกเรื่อง เรามีอาชีพเดียวกัน เข้าใจกัน” แพทย์หญิงนิภาเอื้อมมือไปหยิบเข็มฉีดยาที่ใส่ไว้ในกระเป๋าชุดสีขาวแน่น “ถ้าคุณยังดื้อดึงผมคงต้องขอตัวกลับ มีนัดทานข้าวกับน้ำ” อนวินท์พูด พลางหันไปไหว้คุณหญิงอำภาเป็นการร่ำลา “ไปกันจอย กลับเถอะ” “เดี๋ยววินท์ ..คุณกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณต้องอยู่กับฉัน ไม่งั้นฉันจะฉีดยานี้ แล้วตายต่อหน้าให้คุณดู ว่าคุณมันใจร้าย ชาเย็นแค่ไหน” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภามุ่งมั่น นัยน์ตากร้าว อนวินท์หันหน้ามามองเพื่อนร่วมอาชีพ แล้วส่ายหน้า “ถ้าแม้แต่คุณยังไม่รักตัวเอง ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ ในเมื่อคุณรู้ถึงโทษของยาตัวนี้จะทำให้หัวใจคุณเต้นเร็ว และอาจช็อคถึงตายได้” อนวินท์ก้าวเท้าไปด้านหน้า แล้วมองหญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพด้วยสายตาบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ฉันไม่แคร์ขอแค่ให้คุณอยู่กับฉันคืนนี้” “เพราะอะไร วันนี้มันสำคัญยังไง” อนวินท์ถามด้วยความสงสัย “เพราะมันเป็นวันครบรอบแต่งงานของคุณ ถ้าคุณอยู่กับฉัน เมียคุณจะคิดยังไง จริงไหมวินท์” “ตลกมากๆ นิ คุณเอาความคิดบ้าๆ นี้มาจากไหน เสียเวลาผมจัง ผมไปล่ะ” แพทย์หญิงนิภาก้าวเข้ามาขวาง นายแพทย์อนวินท์ที่จะเดินตรงไปที่ลิฟท์ พร้อมๆกันจอย พยาบาลเลขาหน้าห้อง “ฉันไม่ให้คุณไป...” “นิ ลูกนิ อย่าทำกับหมอวินท์แบบนั้น ลูกทำให้ครอบครัวหมอวินท์ยุ่งยากมากพอแล้ว” “แม่อย่ายุ่ง ไม่ช่วยแล้วอย่ามายุ่งกับหนู” แพทย์หญิงนิภาตวาดเสียงดัง “หมอวินท์คะ ป้าขอโทษที่ลูกสาวป้าทำให้คุณร้อนใจ แม้แต่วันสำคัญของคุณหมอ..คุณหมอกลับเถอะเดี๋ยวทางนี้ป้าจัดการเอง” “ขอบคุณครับคุณป้า” อนวินท์ยกมือไหว้ ตามด้วยพยาบาลจอย อนวินท์ส่ายศีรษะเมื่อแพทย์หญิงนิภาเอามือกั้นทางเข้าลิฟท์ อนวินท์หันหลังกลับ เดินตรงไปที่บันไดหนีไฟ แพทย์หญิงนิภากระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองเห็นชายที่ตนรักเดินจากไปไม่แยแส ทำเหมือนตนเองไม่มีค่า แพทย์หญิงนิภารีบวิ่งตามไป พร้อมกับจับเข็มฉีดยาแน่น คุณหญิงอำภากดรีโมทให้รถเข็นเลื่อนตามลูกสาวเพียงคนเดียวไป อนวินท์เอื้อมมือไปเปิดประตู ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวไป แพทย์หญิงนิภาก็พยายามดึงมือชายหนุ่มให้กลับเข้ามา เกิดการดึงรั้ง จอยมองสถานการณ์ด้วยความตกใจ ในขณะที่รถเข็นของคุณหญิงอำภามาจอด “นิ หยุดทำแบบนี้ได้แล้ว อย่าทำร้ายครอบครัวหมอวินท์อีกเลย เห็นแก่แม่” “แม่อย่ายุ่งได้ไหม ไปรอในห้อง” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภาตวาด ก่อนที่หญิงสาว จะดึงรั้งมือของชายหนุ่มแน่น อนวินท์สะบัดมือจนหลุด ชายหนุ่มเปิดประตูอีกครั้งคราวนี้ประตูเปิดกว้าง ชายหนุ่มเดินออกจากประตูไป แพทย์หญิงนิภาก้าวเข้าไปขวาง ยืนอยู่ริมบันได ขั้นสูงสุดหญิงสาวไม่ทันมองว่าจุดที่ตนเองยืนเป็นจุดเสี่ยง “หยุดบ้าได้แล้วนิ...” น้ำเสียงอนวินท์เริ่มฉุนเฉียว “วินท์ก้าวไปอีกก้าว นิจะฉีดยานี้เข้าเส้นเลือดจริงๆ” แพทย์หญิงนิภาดึงแกนกระบอกเข็มฉีดยา คุณหญิงอำภาตาเบิกกว้างเพราะรู้ว่า ยาตัวนี้ถ้าฉีดเข้าเส้นเลือดจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต “หมอนิ อย่าทำแบบนั้นลูก....อย่าทำ” คุณหญิงอำภาเลื่อนรถเข็นมาใกล้ๆ โดยไม่รู้ว่ารถของตัวเองทับเส้นชายของสายมัดรอบเอวของลูกสาวอยู่“แม่อย่ายุ่งได้ไหม ไม่ช่วยก็ไปไกลๆ” แพทย์หญิงนิภาตวาด แต่สายตายังจ้องมองชายที่ตนหลงรักมาสิบกว่าปี“เอาสิวินท์ ถ้าวินท์ก้าวลงบันได นิจะฉีดยา”“นี่คุณจะบ้าไปถึงไหน บอกกี่ครั้งจะเข้าใจ ผมไม่รักคุณ ไม่เคยรัก และจะไม่รัก” น้ำเสียงอนวินท์เข้มและแสดงความมั่นใจในการพูดน้ำตาของแพทย์หญิงนิภาไหลออกมา แต่นัยน์ตากลับแข็งกระด้าง“ก็ลองดูว่า ถ้าวินท์ต้องติดอยู่ที่นี่ทั้งคืนจนเช้า แล้วแม่นางเอกของวินท์จะเข้าใจไหม...จะบอกอะไรให้เมื่อหลายปีก่อน นิก็ทำแบบนี้แหละ แล้วแม่นั่นก็แผ่นหนีไปแทบไม่ทัน” แพทย์หญิงนิภาร้องไห้ตอนต้นและหัวเราะตอนท้ายๆ ด้วยความสะใจอนวินท์ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แววตาแสดงความผิดหวังในตัวหญิงสาวที่ตนเองมองเป็นเหมือนเพื่อนสนิทตลอดเวลา “ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนที่ผมไว้ใจ เชื่อใจ ในมิตรภาพจะทำร้ายเพื่อนได้มากเท่านี้” อนวินท์พูดแววตาและน้ำเสียงแสดงความผิดหวัง“ก็เพราะนิ ไม่เคยมองวินท์เป็นเพื่อนตั้งแต่แรก นิรักวินท์มานาน นานกว่านังเมียของวินท์อีก แต่วินท์ไม่เคยเห็นค่าของนิ”“ขอโทษนะนิ แต่ผมรู้สึกกับคุณแค่เพื่อนจริงๆ”คุณหญิงอำภามองเหตุการณ์ด้วยความปวดร้าว ที่บุตรสาวเพียงคนเดียว ถูกชายที่รักป
ต้นน้ำมองนาฬิกาด้วยความหงุดหงิด หญิงสาวเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะได้ยินเสียงข้อความ เมื่อหญิงสาวอ่านก็แทบอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง “พี่หมอ น้ำทนไม่ไหวแล้วนะ นี่พี่หมอกล้าทำกับน้ำจริงๆ ใช่ไหม” ต้นน้ำนั่งน้ำตาไหล ก่อนจะมองไปที่ดอกไม้ จานอาหารที่ถูกจัดอย่างประณีต หญิงสาวยกจานขึ้นมามองก่อนยิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดถังขยะก่อนจะเทอาหารลงไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ห้องครัวแล้วร้องไห้ หญิงสาวเอาใบหน้าซบที่หัวเข่า ก่อนจะเหม่อมองไปที่รูปที่ติดข้างฝาในห้องครัว มองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะตัดสินใจกับตนเอง หญิงสาวลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบมือถือ กดปิดสัญญาณ ก่อนจะขึ้นไปบนบ้าน ลงมือจัดเสื้อผ้าด้วยความคิดที่เด็ดเดี่ยวต้นน้ำให้แม่บ้านคนสนิทนำลูกชายเพียงคนเดียวไปฝากไว้กับมารดา โดยให้เหตุผลกับลูกชายว่ามีธุระสำคัญต้องจัดการ หญิงสาววางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างๆ ประตู ก่อนจะนั่งรอชายหนุ่มที่ห้องรับแขกด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินท์ยืนมองเพื่อนสาวก่อนจะมองไปที่นาฬิกาแล้วถอนหายใจ เหลียวไปมองพยาบาลสาวที่ยืนหาว “จอย ผมว่าถ้าคุณไม่ไหว ให้พยาบาลคนอื่นมาดูหมอนิก็ได้นะ เธอไ
พิพัฒนพงษ์บ่ายสองโมง ตรีรินทร์นั่งดูแฟ้มงานของสมาคมการกุศล เมื่อรถเลี้ยวมาจอดหน้าบ้าน ก็หันไปมองเมื่อได้ยินฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา “สวัสดีครับแม่รินทร์” นายแพทย์อนวินท์ยกมือไหว้ตรีรินทร์รับไหว้ ก่อนมองหน้าลูกเขยที่แววตามีแววกังวลอย่างเข้าใจ “สวัสดีจ๊ะหมอ ไม่ได้เจอกันนานเลย”“ขอโทษครับแม่รินทร์ งานที่โรงพยาบาลยุ่งมากๆ” นายแพทย์อนวินท์ทรุดตัวนั่งข้างๆ แม่ของภรรยาสาวอย่างสนิทสนม“ไปไงมาไงล่ะ ไม่ต้องทำงานเลยรึวันนี้”“ทำครับ แต่มีธุระต้องจัดการก่อนไปทำงาน”ตรีรินทร์เหลียวตาม เมื่ออนวินท์จ้องมองไปทางบันได “ไม่อยู่หรอกจ๊ะ บอกแม่ว่าไปต่างจังหวัดสองสามวัน”“ไปไหนครับ ผมพยายามโทรหาตั้งแต่ตอนสายๆ แต่น้ำปิดเครื่อง” อนวินท์พูดน้ำเสียงและแววตามีกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เดี๋ยวนะ เขาฝากอันนี้ไว้ให้หมอ” ตรีรินทร์เอื้อมไปหยิบซองสีขาวยื่นให้ลูกเขย มองชายหนุ่มด้วยความสงสาร แต่เป็นเรื่องครอบครัวเกี่ยวเนื่องคนสองคนดังนั้นจึงอยากให้ลูกสาวและบุตรเขยเป็นคนแก้ปัญหามากกว่าที่จะเข้าไปยุ่ง นอกเหนือจากมีการขอร้องแต่ดูจากอากัปกริยาราวกับนกปีกหักของลูกสาวเมื่อตอนเช้าตรู่มันคงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ตรีรินทร์ถอนใจเบาๆ ก่
ก๊อกๆ“เชิญครับ” อนวินท์เอ่ยปากอนุญาตทั้งๆ ที่ยังหงุดหงิด“อ้าว พี่หมอ มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”นายแพทย์สุชาติมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้อง พร้อมปลายตามองไปที่เอกสารตรงหน้า แต่เลือกที่จะเงียบก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ “พี่ว่า จะมาชวนหมอไปงานศพ แม่หมอนิภาด้วยกัน”“จองวัดเรียบร้อยแล้วเหรอครับ รวดเร็วดีนะ ตกลงครับ ผมขอติดรถพี่หมอไปนะครับ ไม่อยากขับรถเลย วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี”“ได้สิ ชวนหมอภัทรอีกคนจะได้ประหยัดช่วยชาติ” นายแพทย์สุชาติลุกขึ้นยืน เอื้อมมือมาจับที่ไหล่“พี่ว่า ช่วงนี้หมอเครียดกับงานไปนะ ชวนน้ำไปพักผ่อน เผื่อจะทำให้อะไรดีขึ้น”อนวินท์เงยหน้ามองชายหนุ่มรุ่นพี่ แววตาครุ่นคิด“หมอไม่ต้องเล่า พี่เข้าใจพี่เคยมีครอบครัวมาก่อน อีกสองชั่วโมงเจอกันที่ลานจอดรถนะวินท์”“ครับพี่หมอ”ภายในงานสวดอภิธรรม คุณหญิงอำภาจัดแบบเรียบง่าย แขกผู้ใหญ่ในสายอาชีพหลากหลายคน อนวินท์ยืนอึดอัด เพราะตั้งแต่เข้ามาในงานแพทย์หญิงนิภาก็เกาะแขนแจ จนทำให้เป็นเป้าสายตาของคนภายในงานอนวินท์เอื้อมมือมาปลดข้อมือของหญิงสาวที่เกาะไว้แน่น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเป้าสายตาของพนักงาน พยาบาล และแม่บ้านในโรงพยาบาลที่มาร่วมงาน
อนวินท์ยืนนิ่งก่อนหันไปมองเพื่อนร่วมงาน แล้วขมวดคิ้ว “คุณรู้เรื่องในบ้านผมได้ไง ผมถามว่ารู้ได้ไง” น้ำเสียงอนวินท์เริ่มหงุดหงิด เมื่อเริ่มปะติดปะต่อคำพูด และกริยาของภรรยาสาว ก่อนที่จะผลุนผลันออกจากบ้านไป“คุณเองเหรอที่ทำให้น้ำเข้าใจผมผิด ไม่น่าเลย ผมนี่มันโง่ปล่อยให้คุณหลอกปั่นหัว ครั้งแล้วครั้งเล่า”อนวินท์มองเพื่อนร่วมงาน ด้วยสายตาผิดหวัง“วินท์คะ ที่นิทำเพราะนิรักคุณ และไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณต้องเป็นของนิคนเดียว” แพทย์หญิงนิภากล่าวน้ำเสียงกร้าว“บอกแล้วไง ว่าผมไม่เคยคิดอะไรเกินเพื่อน ไม่มีวัน เลิกยุ่งกับผม เพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมรักก็คือภรรยาของผม อย่าตามผมมาอีก ไม่งั้นแม้แต่คำว่า “เพื่อน” ผมก็อาจจะไม่มีให้คุณ” อนวินท์เอ่ยน้ำเสียงกร้าว ก่อนเดินออกไปอย่างรวดเร็วแพทย์หญิงนิภากระทืบเท้าพร้อมกับกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น เสียงปรบมือทางด้านหลังทำให้หญิงสาวหันหน้าไปมอง“ผมว่าคุณแสดงได้ดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณจะทำหน้าที่ลูกที่ดี ไปดูแลแขกที่มาร่วมงานแม่ของคุณให้ดีกว่านี้”“คุณมายุ่งอะไรด้วย”“จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ แต่คุณนี่สุดยอด สุดยอดแย่นะ”“นายเป็นใคร มาด่าฉัน”“ก็เป็นคนที่รู
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม