อนวินท์เลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณบ้าน ชายหนุ่มคิดทบทวนระหว่างที่รถจอดที่หน้าบ้านเห็นรถของภรรยาสาวที่ยังจอดอยู่ทางด้านในโรงรถ
ต้นน้ำได้ยินเสียงรถก็วิ่งไปที่หน้าต่างหัวใจเต้นแรง แต่เมื่อมานึกถึงภาพในมือถือหญิงสาวก็ยืนนิ่งสงบ ในใจยังคงเจ็บปวด หญิงสาวคิดทบทวนคำถามหลังจากคิดตลอดหลายชั่วโมงในตอนเช้า “ทำไมน้ำยังไม่ไปที่โรงพยาบาล ผมไปที่นั่นแต่อิ๋วบอกว่าน้ำยังไม่มา ผมเลยขับมาดูว่ามีอะไรหรือเปล่า” อนวินท์พูดน้ำเสียงแสดงความห่วงใย “น้ำลาป่วยค่ะ” “น้ำเป็นอะไรมากไหม” อนวินทร์เดินเข้าไปใกล้จะใช้มือจับที่หน้าผาก แต่ต้องขมวดคิ้ว เมื่อภรรยาสาว ถอยหลังออก “น้ำมีเรื่องจะถาม เมื่อคืนพี่หมอนอนที่ไหน ทำไมน้ำโทรไปไม่รับสาย” ต้นน้ำเริ่มซักทันที อนวินท์ยืนนิ่ง ในสมองด้านหนึ่งบอกกับตัวเองว่า ถ้าเล่าเรื่องทั้งหมดคงทำให้หญิงสาวไม่สบายใจ ส่วนสมองอีกด้านหนึ่งสั่งให้เล่าความเป็นจริงให้หญิงสาวฟัง “พี่ก็พักที่โรงแรม...คนเดียว” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ชายหนุ่มเอามือล้วงกระเป๋าสายตาจ้องมองใบหน้าภรรยาสาวที่ดูซีดเซียวด้วยความเป็นห่วง ถ้าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่มีนายแพทย์รุ่นพี่มาช่วย อนวินท์ยังคิดไม่ตกว่าตนเองจะเผชิญหน้ากับภรรยาสาวอย่างไร ต้นน้ำถอยหลังไปอีกก้าวจ้องมองผู้ชายที่ตนรักด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าผิวหวัง ปวดร้าว “โกหก ทำไมพี่หมอต้องโกหกน้ำด้วย ไปนอนกับแฟนเก่าก็บอกตรงๆก็ได้” “เหลวไหลนะน้ำ พี่นอนคนเดียวจริงๆ ไม่ได้ไปนอนกับใครที่ไหน” อนวินท์ก้าวเข้าไปหาพร้อมกับยึดข้อมือของหญิงสาวแน่น “ทั้งโกหกทั้งหลอกลวงพอกันทีพี่หมอ ถ้าทำกันขนาดนี้ก็เลิกกันเถอะ” ต้นน้ำตะเบ็งเสียงดังจนอนวินท์ต้องลากหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ต้นน้ำพยายามแกะมือของอีกฝ่ายแต่ชายหนุ่มจับแน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลพราก ที่น้ำตาไหลมันทั้งโกรธและน้อยใจ “เช็ดน้ำตา แล้วเรามาคุยกัน” อนวินท์ผลักให้หญิงสาวนั่งลง ต้นน้ำนั่งลงแต่ไม่มองใบหน้าของชายหนุ่ม อนวินท์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูด “พี่เอาเกียรติของตัวเองเป็นประกันว่าเมื่อคืน พี่ไม่ได้มีอะไรกับใคร พี่ขอให้น้ำเชื่อมั่นในตัวพี่” “น้ำเชื่อสิ่งที่น้ำเห็น และได้ยิน” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงเรียบ “อะไรที่น้ำบอกว่า น้ำเห็น” ต้นน้ำหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยกหน้าจอให้ชายหนุ่มดู เป็นรูปภาพห้องในโรงแรมที่บนโซฟามีเสื้อและกางเกงผู้ชายหล่นอยู่ที่พื้น ภาพที่สอง เป็นภาพเบลอๆ มีผู้ชายและหญิงนอนเคียงข้างกัน อนวินท์มองแล้วมีใบหน้าเคร่งขรึม “จะเถียงหรือเปล่าว่าไม่ใช่เสื้อผ้าของพี่หมอ น้ำจำได้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่พี่หมอใส่ออกจากบ้าน” ต้นน้ำจ้องมองหน้าสามีอย่างคาดคั้น แววตาเด็ดเดี่ยว หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งริมฝีปากเชิด อนวินท์กอดอกแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ใช่ เสื้อผ้าของพี่ แต่.....” เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังติดต่อกันหลายครั้ง ชายหนุ่มยกขึ้นมาดูก่อนจะกดข้อความตอบไปในขณะที่ต้นน้ำมองด้วยความสงสัย อนวินท์เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ แล้วจ้องหน้าภรรยาสาวถอนหายใจเบาๆ “พี่ต้องรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เอาเป็นว่าเย็นนี้เรามาเคลียร์กันเรื่องนี้ แต่พี่ขอเอาเกียรติของพี่เป็นประกันว่าพี่ไม่เคยปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมหรือนอกใจน้ำแม้แต่ครั้งเดียว” ต้นน้ำนิ่งเงียบมีแต่น้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาคู่สวย ริมฝีปากเม้มแน่น ในใจตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างแต่มิได้กล่าวคำใดออกไป ในใจกำลังต่อสู้ระหว่างเชื่อคำของบุคคลที่รัก แต่อีกใจหลักฐานที่ได้มาก็ค่อนข้างน่าเชื่อถือ หลังจากชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านไป ต้นน้ำก็เดินขึ้นไปบนบ้านหลังจากบอกให้แม่บ้านเก็บข้าวของตั้งแต่เช้า หญิงสาวเข้าไปตรวจตราอีกครั้งมือหนึ่งอุ้มลูกชายตัวน้อยที่เพิ่งตื่นนอน หญิงสาวก้มลงจูบที่หน้าผากนูนเบาๆ “นนท์ แม่ขอโทษที่ต้องทำให้นนท์กำพร้าพ่ออีกครั้ง แต่ครั้งนี้แม่ยอมยกโทษให้พ่อนนท์ไม่ได้จริงๆมันหยามกันเกินไป” ต้นน้ำน้ำเสียงสั่นเครือแล้วก้มลงจูบที่แก้มลูกชายสุดที่รักอีกครั้งพยาบาลสาว เหลียวหลังกลับไปมองบ้านที่ตนเองอยู่มาสี่ปี ด้วยความอาลัย หญิงสาวหยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วหยิบให้แม่บ้านสาวที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่น้องนนท์เกิด “สมศรีฉันไปล่ะ ฝากกุญแจนี้ให้คุณหมอด้วย ในบ้านยังมีเสื้อผ้าและสิ่งของของคุณหมอ ถ้าเค้าถามถึงฉันสมศรีไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น บอกว่าไม่ได้สั่งไว้” “เจ้า ข้าเจ้าจะบอกหื้อเจ้า” สมศรียกมือไหว้ แล้วเดินกลับไปที่ในบ้าน ต้นน้ำอุ้มลูกชายไปนั่งที่ที่นั่งเด็กทางด้านหลังก่อนที่จะขับรถออกจากบ้าน มือกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักมือค่อนข้างสั่น หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คนเองตัดสินใจนั้นจะถูกหรือไม่ แต่ในเมื่อตัดสินใจทำแล้วหญิงสาวจึงต้องเดินหน้าต่อไป “เรย์ ฉันจะไปรับแกที่คอนโดฯ นะ อืม ไปส่งฉันที่สนามบินหน่อย” “เฮ้ย ตัดสินใจแน่นะ น้ำ” “อืม ฝากขายรถให้ด้วยนะเพื่อน” “โอเค เดี๋ยวเจอกัน” ต้นน้ำพูดปิดการสนทนา ใบหน้าเรียบเฉยแต่ในใจกลับว้าวุ่นบ้านพิพัฒนพงค์ตรีรินทร์ ธมกานต์ และคุณหญิงมณีจันทร์ ลอบมองต้นน้ำที่นั่งที่เรือนกล้วยไม้ ในขณะที่ปล่อยให้น้องนนท์ไปเล่นกับลูกชายของกอหญ้า ต้นน้ำนั่งมองเด็กผู้ชายสองคนในวัยไล่เลี่ยกันวิ่งเตะบอลกลางสนามก่อนจะปล่อยใจให้เลื่อนลอย หญิงสาวยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้เกือบจะบ่ายสี่โมงแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะได้เวลาเลิกงานของนายแพทย์อนวินท์ ต้นน้ำมีใบหน้าเศร้าเมื่อมองเห็นพี่ชายเพียงคนเดียว เข้ามาเล่นกับเด็กชายทั้งสองอย่างสนิทสนม ในใจหญิงสาวปวดแปลบเมื่อนึกถึงว่าตนเองเป็นคนตัดสินใจเดินจากมา และการกระทำครั้งนี้อาจส่งผลทำให้ลูกชายเป็นกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ต้นน้ำมองไปที่ลูกชายตัวน้อยด้วยความสงสาร“คุณคะ คุณว่ายัยน้ำจะทะเลาะกับหมอหรือเปล่า ทำไมกลับมาแล้วดูลูกเราเศร้าจังคะ แล้วหมอล่ะหมอทำไมไม่กลับมาด้วย”“รินทร์เป็นแม่ ทำไมรินทร์ไม่ถามลูกล่ะ ผมไม่รู้หรอก” ธมกานต์กล่าวพลางหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาเปิดอ่าน“รินทร์ยังไม่กล้าถาม เห็นลูกเงียบๆ เศร้า ๆ รินทร์รอให้ลูกเล่าเองค่ะ” ตรีรินทร์มองไปที่บุตรสาวคนเล็กด้วยความเป็นห่วง“งั้นก็ต้องรอให้ลูกพร้อมลูกคงจะเล่าเอง แต่ดุเหตุการณ์น่าจะไม่ค่อยดีนัก” ธมกานต์ลุกขึ
บรรยากาศภายในรถที่เงียบสงัดทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด จนต้องรวบรวมความกล้าพูดออกมา“พี่หมออยากพูดอะไร ก็น่าจะพูดออกมาเลย”“กลับไปคุยที่บ้าน พี่ต้องการสมาธิในการขับรถ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม ต้นน้ำรับฟังอย่างสงบ ท่าทางที่น่าเกรงขามทำให้หญิงสาวไม่กล้าที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ออกไป เพราะรู้จักชายหนุ่มดีว่าเป็นคนที่เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรมักจะเด็ดขาดเสมอ หญิงสาวนั่งพิงเบาะแล้วหันหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง ในใจกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง อะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงชั่วโมง ต้นน้ำยังคาดเดาไม่ได้ แต่รู้สึกในใจกำลังเต้นแรงจนหญิงสาวต้องใช้มือทาบที่หน้าอกเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลายความตื่นเต้นสามสิบนาทีต่อมา เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปในบ้านต้นน้ำเดินตามเข้าไป ต่างคนต่างเงียบ “เอาล่ะ เรามาเคลียร์กันให้จบ พี่ไม่ชอบอะไรคาราคาซัง”“จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ น้ำเหนื่อยอยากพัก” “พี่ก็เหนื่อยและอยากพักเหมือนกัน รีบกลับบ้าน แทนที่จะได้เจอเมีย แต่กลับเป็นว่าเมียหอบลูกหนีน้ำพิพากษาตัดสินลงโทษพี่อีกแล้ว โดยไม่สืบสวนเลยด้วยซ้ำ”“พี่หมอพูดเกินไป น้ำแค่ไม่อยากเป็นอุปสรรคสำหรับพี่หมอ ถ้าพี่หมออยากมีใครอีกคนน้ำจะ
ต้นน้ำรู้สึกเสมือนร่างกายกำลังตื่นตัวไปแทบทุกส่วน มือที่ถูกกดไว้ถูกปลดปล่อย ชายหนุ่มใช้ทั้งริมฝีปากและมือทั้งลูบไล้ทั้งถอดทั้งดึงจนเสื้อผ้าแทบทุกชิ้นหลุดออกไปจากร่างกาย ต้นน้ำรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่กำลังเผชิญตรงหน้า ร่างกายแพ้จิตใจก็กำลังแพ้เพราะความรู้สึกรักชายหนุ่มก็ยังมีอยู่เปี่ยมล้น อนวินท์ใช้ริมฝีปากทั้งจูบทั้งกัดเม้มจนต้นน้ำรู้สึกวาบหวาม แล้วปราการที่ตั้งไว้สูงตระหง่านก็พังครืนเมื่อกำลังต่อสู้กับความพิศวาสที่ถูกปลุกขึ้นมาราวกับไฟไหม้ป่า จากการเป็นผู้รับก็กลายเป็นการร่วมมือ หญิงสาวรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่เคยเอาชนะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้แม้สักครั้งเดียว ความคิดของหญิงสาวหลุดลอยเมื่อชายหนุ่มใช้มือลูบไล้หน้าอกก่อนที่ลิ้นเรียวร้ายจะฉกพุ่งเป้าไปที่ดอกบัวสวย ชายหนุ่มตวัดไล้เลียขบเม้มดูดดึงราวกับเป็นของหวาน เสียงของหญิงสาวครวญครางเบาๆ อนวินท์อมยิ้มนิดๆ เมื่อสามารถทำให้ภรรยาสาวมีความสุขในการร่วมรักก่อนที่ทั้งสองจะพากันขึ้นสวรรค์ โดยลืมสนิทว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังหน้าดำคร่ำเครียดทะเลาะกัน ทั้งคู่ราวกับน้ำมันกับไฟมาเจอกัน เจอกันกี่ครั้งก็เผาผลาญ เสียงกรีดร้องเบาๆ ของทั้งเขาและเธอการันตีได
“ไม่ต้องมายุ่ง นี่มันเด็กของฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้” แพทย์หญิงนิภาจับเมมโมรี่สติ๊กสองอัน ตอนนี้ปวดสมองแทบระเบิด ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อมีเสียงประกาศเรียกชายหนุ่มและเธอให้ไปที่ห้องประชุมดังอีกสองครั้ง“ไปได้แล้ว...เค้าเรียกแล้วเห็นไหม” นายแพทย์สุชาติกล่าวย้ำ“เออ....” แพทย์หญิงนิภา เกิดอาการลังเล“ยืมคอมนายหน่อยสิ”“ไม่มีเวลาแล้ว ผู้ใหญ่รอตั้งเยอะแยะ” นายแพทย์สุชาติผลักให้หญิงสาว เดินไปข้างหน้า “ขอเวลาห้านาทีไม่ได้หรือไง...ฉันยังไม่แน่ใจในข้อมูล”“ไม่ได้...ค่อยไปแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้น” นายแพทย์สุชาติออกแรงดึงให้หญิงสาว เดินตามตนเองไปอย่างรวดเร็ว“โอ๊ย...จะบ้า อันไหนเนี่ย” แพทย์หญิงนิภากำเมมโมรี่สติ๊กสองอันในมือแน่นห้องประชุมใหญ่ อนวินท์ยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อแพทย์หญิงนิภา นายแพทย์สุชาติ และพยาบาลอีกสองสามคนที่เดินตามกันมา มายืนรวมอยู่หน้าห้อง“ทำไมไม่รักษาเวลาเลยครับนิ ผู้ใหญ่มากันหมดแล้ว นี่เราเลทไปห้านาที”“นิขอโทษค่ะ วินท์”“งั้นเริ่มกันเถอะ ผมเกรงใจผู้ใหญ่ในวงการแพทย์ทั้งนั้น” อนวินท์กวาดตาไปยังแพทย์อาวุโส จากสาขาต่างๆ หลายหลากโรงพยาบาล ทุกปีจะมีการสัมมนาใหญ่อยู่สองครั้งต่อปี ปก
“คุณหมอคงได้เห็นแค่คลิปเดียว...แต่พวกเราในห้องนี้เห็นทั้งสองคลิปแล้วเปรียบเทียบกัน ประกอบกับคำสารภาพของแม่บ้านของโรงพยาบาล คนที่คุณหมอไปแย่งถาดเครื่องดื่มในวันนั้น ก็เพียงพอแล้ว” นายแพทย์สุชาติชูเมมโมรี่สติ๊กอีกอัน ก่อนจะเสียบเข้ากับเครื่องแล้วต่อไปที่จอยักษ์แพทย์หญิงนิภาจ้องไปที่จอภาพที่ใหญ่เกือบหนึ่งร้อยนิ้ว ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้อง เพราะใบหน้าของผู้หญิงในรูป เป็นตัวเธอที่เห็นชัดเจน รูปร่างที่เปลือยเปล่า ทำให้แพทย์หญิงนิภากรีดร้องอีกครั้งด้วยความอับอาย“ไอ้บ้า นี่แก แกแบล็คเมล์ฉันเหรอ...”“เปล่า ผมก็แค่ป้องกันตัวเอง ถ้าคุณไม่เล่นผมก่อน..คลิปนี้ผมจะเก็บมันไว้และตายไปกับผม แต่นี่คุณไปลากคนบริสุทธิ์ให้มารับบาป เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณ...นี่ยังไม่รวมที่คุณให้แม่ของคุณเล่นละครตบตาวินท์ แกล้งป่วยมาหลายปีนี้อีกนะ"“ไอ้บ้า...ไอ้ ฉันอยากฆ่าแกนัก” แพทย์หญิงนิภากระโจนเข้ามาหมายจะตีนายแพทย์รุ่นพี่ด้วยความโกรธแค้น แต่บุรุษพยาบาลที่อยู่ข้างประตู กรูเข้ามาจับหญิงสาวเอาไว้“หมอนิ คุณเป็นหมอรู้ใช่ไหม ยาที่คุณใช้กับทั้งพี่หมอและผม มีผลข้างเคียงกับบุคคลที่ถูกใช้อย่างไง คุณก็ได้เรียนมา เท่าๆ กับพวกเราใ
โรงพยาบาลเลิศวสิน นายแพทย์อนวินท์ยกนาฬิกาขึ้นก่อนจะฮัมเพลงแล้วเซ็นต์เอกสารให้พยาบาลสาวคนสนิท พ่วงดีกรีเพื่อนสนิทของภรรยาสาวอีกหนึ่งตำแหน่งจอยมอง เจ้านายในสายงานและสามีเพื่อนรัก ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าถาม“อยากจะถามอะไรผมเหรอจอย ผมรู้ว่าคุณสงสัยใช่ไหมว่าทำไมวันนี้ผมอารมณ์ดี”จอยยิ้มหวานและขยับเข้าใกล้นายแพทย์อนวินท์ด้วยท่าทางประจบ “ค่ะ คุณหมอทำไมอารมณ์ดีจัง”“จำไม่ได้เหรอ วันนี้วันอะไร”จอยทำตาโต ก่อนยกมือขึ้นปิดปาก “อ๋อ วันครบรอบแต่งงาน แหมนึกว่าคุณหมอจะเอาแต่บ้างาน อุ๊ย” จอยเอามือปิดปากเมื่อเผลอพูดความในใจ“ผมนี่เป็นสามีที่แย่และใช้ไม่ได้เลยใช่ไหม แต่จอยก็รู้มันคืออาชีพของเรา ซึ่งผมว่าน้ำเค้าเข้าใจผมนะ”“แหม ถึงแม้น้ำจะเคยเป็นพยาบาลมาก่อน แต่พยาบาลก็คือคนธรรมดาเหมือนกัน ต้องการความเอาใจใส่เหมือนกันนะคะ”“ขอบคุณนะที่เตือนผม ผมเซ็นต์เอกสารเสร็จแล้ว วันนี้ผมขอกลับบ้านเร็วหน่อย วันศุกร์สิ้นเดือนด้วยรถคงจะติดมากๆ” อนวินท์ยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดดังขึ้น จอยยืนรอรับเอกสาร ก่อนจะมองเมื่อเสียงเรียกเข้าเหมือนเป็นการโทรแบบเฟสไทม์ ซึ่งเพื่อนสาวไม่ช
“ฮัลโหล” จอยรับโทรศัพท์เสียงอ่อย ในใจนึกสงสารเพื่อนสาว ที่ต้องมาผจญกับเรื่องบ้าๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น“จอย พี่หมอล่ะ ขอคุยกับพี่หมอหน่อย”“เออ พี่หมอ...เออ ติดคนไข้ด่วน”“คนไข้ที่ไหน” น้ำเสียงต้นน้ำเริ่มเย็นเฉียบ มือกำแน่นด้วยความโกรธ“เออ คนไข้พิเศษนะแก พี่หมอสั่งว่าจะไปช้าหน่อย แต่ไปแน่ๆ”“ยังงั้นเหรอ บอกพี่หมอนะ ว่าโอกาสมันไม่ได้มีหลายครั้ง และความอดทนของคนมันก็มีที่สิ้นสุด และความรักที่มันไม่เคยมีค่า มันก็หมดลงได้เหมือนกัน จำทุกคำนะแก”“เออๆ แกอย่าคิดมากนะ พี่หมอรักแกที่สุดแหละ” จอยพูดแล้ววางสาย“เป็นอะไร น้ำพูดอะไรจอย” อนวินท์รีบถาม“เปล่าๆ ค่ะ คุณหมอรีบไปจัดการยัยหมอผีนั่นเถอะค่ะ”“จอย...” น้ำเสียงอนวินท์ออกเสียงปราม “ก็จริงอ่ะ ทำไมต้องมาเป็นอุปสรรคด้วยนะ พี่หมอน่าจะปล่อยให้นาง ตายๆ ไป ใช่โปรเตสเซียมคลอไรด์หรือเปล่าก็ไม่รู้”“แล้วถ้ามันเป็นจริง คุณจะให้ผมเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไง” น้ำเสียงอนวินท์เข้ม นัยน์ตาดุดัน“เปล่าค่ะ ก็แค่เซ็งแทนเพื่อน” จอยพูดน้ำเสียงอ่อยคอนโดฯ จัสมินแพทย์หญิงนิภาได้รับรายงานจากโอเปเรเตอร์ว่า นายแพทย์หนุ่มได้มาถึงแล้ว หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดน
“แม่อย่ายุ่งได้ไหม ไม่ช่วยก็ไปไกลๆ” แพทย์หญิงนิภาตวาด แต่สายตายังจ้องมองชายที่ตนหลงรักมาสิบกว่าปี“เอาสิวินท์ ถ้าวินท์ก้าวลงบันได นิจะฉีดยา”“นี่คุณจะบ้าไปถึงไหน บอกกี่ครั้งจะเข้าใจ ผมไม่รักคุณ ไม่เคยรัก และจะไม่รัก” น้ำเสียงอนวินท์เข้มและแสดงความมั่นใจในการพูดน้ำตาของแพทย์หญิงนิภาไหลออกมา แต่นัยน์ตากลับแข็งกระด้าง“ก็ลองดูว่า ถ้าวินท์ต้องติดอยู่ที่นี่ทั้งคืนจนเช้า แล้วแม่นางเอกของวินท์จะเข้าใจไหม...จะบอกอะไรให้เมื่อหลายปีก่อน นิก็ทำแบบนี้แหละ แล้วแม่นั่นก็แผ่นหนีไปแทบไม่ทัน” แพทย์หญิงนิภาร้องไห้ตอนต้นและหัวเราะตอนท้ายๆ ด้วยความสะใจอนวินท์ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แววตาแสดงความผิดหวังในตัวหญิงสาวที่ตนเองมองเป็นเหมือนเพื่อนสนิทตลอดเวลา “ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนที่ผมไว้ใจ เชื่อใจ ในมิตรภาพจะทำร้ายเพื่อนได้มากเท่านี้” อนวินท์พูดแววตาและน้ำเสียงแสดงความผิดหวัง“ก็เพราะนิ ไม่เคยมองวินท์เป็นเพื่อนตั้งแต่แรก นิรักวินท์มานาน นานกว่านังเมียของวินท์อีก แต่วินท์ไม่เคยเห็นค่าของนิ”“ขอโทษนะนิ แต่ผมรู้สึกกับคุณแค่เพื่อนจริงๆ”คุณหญิงอำภามองเหตุการณ์ด้วยความปวดร้าว ที่บุตรสาวเพียงคนเดียว ถูกชายที่รักป
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม