รองผู้บัญชาการหลินกับนายท่านหลิวพอเจอหน้ากันก็พูดเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนก็มองออกถึงความหมายของอีกฝ่ายทันที"ข้าไม่สนใจตัวตนฐานะนาง สรปคือ นางช่วยเหลือลูกชายพวกเราไว้ ก็ต้องยอมรับบุญคุณของนาง""ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูด้วยว่าตระกูลเสิ่นต้องการอะไรบ้าง ถึงเวลาก็เข้าไปช่วยเหลือแล้วกัน""ข้าบอกกับพวกพี่เขยน้องสะใภ้เหล่านั้นแล้ว ว่าให้คอยแอบช่วยเหลือบ้านตระกูลเสิ่นด้วย""อืม ข้าทางนี้ก็เตรียมตัวด้วยเหมือนกัน หมอเทวดาฟู่จะออกจากต้าชื่อ แตว่าในเมื่อเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง พวกเราก็ต้องช่วย"ตอนที่องค์จักรพรรดิส่งคนออกตามหาเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิง คนเหล่านี้ล้วนลอบลงมือ จึงโยนระเบิดควันมาหลายลูก เรียกความสนใจพวกทหารทางการออกไปได้พอดี ยืดเวลาปิดประตูเมืองไปได้หน่อย ดังนั้นจึงทำให้ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนออกจากเมืองไปได้ทันทหารทางการที่องค์จักรพรรดิส่งมาค้นเมืองหลวงจักรพรรดิอยู่จนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบตัวอ๋องเจวี้ยน กระทั่งหมอเทวดาฟู่ที่เพิ่งจะถูกเปิดโปงตัวตนฐานะว่าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ยังหาไม่พบสองวันต่อมาถึงมีข่าวยืนยัน แจ้งว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ย
ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจู่ๆ ก็จะถามเช่นนี้"ใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเห็นนางไม่ตอบ จึงถามมาอีกครั้ง"ใช่สิ"ฟู่จาวหนิงมองเขาเหมือนจะใส่ใจกับคำตอบนี้มาก จึงพยักหน้าให้อย่างจริงใจนางยังไม่เคยเห็นหน้าตาของเซียวหลันยวนตอนที่สมบูรณ์เลย แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่แผลเป็นพิษเล็กๆ เท่านั้น หลักๆ คือมองออกแล้วเขามีคิ้วเข้ม สั่นจมูกโด่งราวมีด ริมฝีปากสวยงาม ใบหน้าเรียบเนียนคมชัด ดวงตาลึกซึ้ง ราวกับฟ้าราตรีประดับด้วยแสงดาวใบหน้าเซียวหลันยวนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังเป็นแบบที่นางชอบด้วยรูปตาจมูกริมฝีปากของเขา และยังคางที่ทั้งแข็งแกร่งอ่อนโยนนั่นก็ตรงกับเสปกของนางพอดี เป็นแบบที่นางชอบมากที่สุดฟู่จาวหนิงกระทั่งรู้สึกว่า ตนเองตอนแรกแม้จะไปขอแต่งงานกับเขาเพราะตัวตนฐานะ แต่ต่อมาก็ยืนหยัดได้เพราะหน้าตาของเขาจริงๆไม่เช่นนั้นพวกเขาที่ยังมีความสัมพันธ์แบบคู่แค้นเช่นนี้ นางคงจะหาวิธีการปลีกตัวออกจากเขานานแล้วถึงจะถูก"ท่านเป็นแบบที่ข้าชอบมากที่สุด"เซียวหลันยวนมองนางนิ่ง แสงดาวในดวงตาราวกับทำให้ใจของคนอุ่นวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงแทบจะจมลงไปในดวงตาของเขาแต่นางชะงักไปครู่หนึ่ง ทำตัว
เซียวหลันยวนรู้สึกจำใจเหลือเกินวันคืนเหล่านั้นในเมืองหลวงจักรพรรดิ วันไหนบ้างที่นางไม่ยุ่งจนเท้าแทบไม่แตะพื้น? ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาจะไปทรมานนางอีกได้อย่างไร?หลังจากออกจากเมืองหลวง เขาก็พบปัญหานี้อีก พวกเขาต้องอยู่บนเส้นทางตลอดต่อให้ไปถึงเมืองจี้ ก็ญังต้องพักในโรงเตี๊ยมครั้งแรกของเขากับจาวหนิง ต้องไม่ใช่แบบนี้"ท่านอาจารย์บอกว่า ที่เมืองจี้มีสาขาของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถึงตอนนั้นพกวเราไปพักที่พันธมิตรโอสถได้"ฟู่จาวหนิงมองเขา ในดวงตาเผยประกายยิ้ม"นั่นก็ยังเป็นสถานที่ของคนอื่น ไม่สะดวกเอาเสียเลย แล้วยังไม่ยุติธรรมกับเจ้าด้วย"เซียวหลันยวนอยากให้ครั้งแรกของพวกเขาอยู่ที่บ้านตนเอง อยู่บนเตียงไม้ที่กว้างหน่อย บนผ้าห่มสีแดง มีเทียนแดงมงคลไม่มีคนมารบกวน สามารถหวานชื่นกันได้อย่างสุดอารมณ์นิสัยประหลาดนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว"เช่นนั้นท่านก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงผละออกจากตัวเขานั่งขึ้นมา หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดมือเซียวหลันยวนเข้ามาหา จูบลงไปที่ต้นคอของนางระหว่างทั้งสองคนพอไม่มีเรื่องที่เสิ่นเชี่ยววางยาในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นพอควร ก่อนหน
"ศิษย์พี่รองของเจ้าไม่ติดใจหรอก" ผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือไม่ใส่ใจต่งฮ่วนจือหัวเราะขึ้นมา คารวะให้กับฟู่จาวหนิง ดูแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรจริงๆ"ศิษย์น้องหญิง ได้ยินคำเล่าลือมาตลอด เพิ่งได้มาพบหน้ากัน ท่านอาจารย์ปีที่แล้วเขียนจดหมายหาพวกเรา บนจดหมายมีแต่คำชมตัวเจ้า วันนี้พอได้เห็น ก็รู้สึกว่าท่านอาจารย์ไม่ได้พูดเกินจริงเลย""คารวะศิษย์พี่รอง ข้าเองก็ยังรู้จักวัตถุดิบยาไม่เยอะเท่าไรนัก ช่วงนี้คงต้องศึกษาจากศิษย์พี่รองให้มาก ถึงตอนนั้นศิษย์พี่รองอย่าได้รำคาญตัวข้าเลย"ฟู่จาวหนิงไม่พูดถึงวิชาแพทย์ของนาง วิชาแพทย์ของนางถือว่าไม่เลวนักแต่ถ้าพูดถึงวัตถุดิบยา นางยังไม่รู้จักอีกมากจริงๆถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีวัตถุดิบยามากมายที่ในยุคสมัยนั้นของนางไม่มีทางได้พบเห็น"เจ้าถามเขาเอาก็พอ"ผู้อาวุโสจี้ยื่นมือมาตบไหล่ต่งฮ่วนจือ"ใช่ ศิษย์น้องหญิงมาถามข้าได้ตลอดเลยนะ ข้าจะตอบให้ทุกอย่างที่ข้ารู้""เอาล่ะเอาล่ะ พวกเขาเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ให้พวกเขาไปพักผ่อนกันก่อน"ต่งฮ่วนจือมองไปทางเซียวหลันยวนที่ตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงมาตลอดเซียวหลันยวนสวมหน้ากากอยู่"อ๋องเจวี้ยน?"หืม?ฟู่จาวหนิงมองต่งฮ่
ข้างนอกต่อหน้าคนอื่น ยังไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงมีท่าทีสาวน้อยแบบนี้กับเขามาก่อนเลย แต่ว่าเขาก็ชอบอยู่นะ ถูกนางกอดแขนเดินแบบนี้ รู้สึกเหมือนเป็นที่พึ่งและเป็นที่รักของเธอทั้งดวงใจเลยใจของเซียวหลันยวนร้อนวูบขึ้นมาฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงลมหายใจของเขาหนักขึ้นอย่างชัดเจน เงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ และสบเข้ากับสายตาลึกซึ้งของเขาไม่หรอกกระมัง? แค่คล้องแขนเดินก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์แล้วหรือ?สายตาข้างหลังนางลืมไปเลยทันทีผู้อาวุโสจี้มองไปยังสาวน้อยคนนั้น เหล่มองศิษย์คนรองอีกครั้งต่งฮ่วนจือพูดเสียงต่ำกับเขาสองคำ "ท่านอาจารย์ นี่คือคนที่ข้าเคยบอกท่านเมื่อครั้งนั้นไง เฉินฮ่าวจู""นี่เจ้าบอกว่าเป็นฮูหยินที่ปักภาพดอกโบตั๋นแล้วดึงดูดผีเสื้อเข้ามาได้ คนที่ตัวตนลึกลับคนนั้นน่ะหรือ?""อันนั้นเป็นแม่ของนาง"ท่านอาจารย์จงใจใช่ไหมเนี่ย นั่นมันฮูหยินเลยนะ เฉินฮ่าวจูตรงนี้เพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกเอง"ตอนนั้นเจ้ารับพวกนางแม่ลูกเข้ามา ข้าเองก็เตือนเจ้าแล้วว่าให้ระวังเรื่องขอบเขตไว้ เจ้ารับแม่ลูกของใครเข้ามาแต่ดันดึงไว้ข้างกายตั้งสี่ปีเลยหรือ?"ต่งฮ่วนจือเขียนจดหมายเล่าถึงแม่ลูกคู่นี้ คือเมื่อสี่ปีก่อน
เซียวหลันยวนสองมือกดเบาๆ บนบ่าฟู่จาวหนิง มองนาง"ถ้าหากบอกว่าข้าไปหลอกใครให้หลงได้ คนที่ข้าอยากหลอกให้หลงที่สุดก็คือเจ้า อยากให้เจ้ารักใบหน้านี้ หลงใหลใบหน้านี้จนถอนตัวไม่ขึ้น"เสียงเขาทุ้มลึกมีเสน่ห์ดึงดูด พร้อมความเย้ายวนเล็กน้อย ฟังจนหูฟู่จาวหนิงคันยุบยิบ"ท่านคิดตื้นไปแล้ว!"นางยื่นมือดันไว้บนหน้าอกเขา ขยับตัวเข้าไปหา เงยหน้ามองเขา ยิ้มจนตาเป็นเส้นโค้ง"ท่านไม่รู้สินะว่าหน้าตามันแก่ง่าย ความงามรักษาให้คงอยู่นั้นแสนยาก? ความคิดที่จะใช้หน้าตามาปฏิบัติกับคนนะมันใช้ไม่ได้หรอกนะ พี่ชาย..."คำเรียกสุดท้าย นางยังยกเสียงขึ้นสูงลากยาว แผ่วเบาออดอ้อน"เรียกข้าว่าอะไรนะ?"รางของเซียวหลันยวนเกร็งขึ้นมาทันที รู้สึกความร้อนหลั่งทะลักเขาไม่เคยรู้เลยว่าแค่ลูกไม้เล็กๆ ของฟู่จาวหนิงก็ทำเขาแทบจะรับมือไม่อยู่"พี่ชาย~"ฟู่จาวหนิงเงยหน้าขึ้นในอ้อมกอดเขา กระพริบตาปริบๆคำเรียกไร้สาระนี่!เขาชอบแฮะเซียวหลันยวนก้มหน้าลงทันควัน จูบประทับลงไปบนปากนางอีกครั้งฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าครั้งนี้เขาไม่เหมือนตอนปกติ รุนแรงเหลือเกินจนลมหายใจของนางสับสน ความรู้สึกแทบจะจมดิ่ง เขาจึงปล่อยนางออก กดนางไว้ใ
"ทราบ"ไป๋หูแม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังหมุนตัวเดินออกไป"ดื่มชาหน่อยไหม?" เซียวหลันยวนมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรีบไปนั่งลงข้างโต๊ะ ขายหน้า ขายหน้าจริงๆ นี่นางถูกจูบจนมึนหัวควบคุมไม่ได้เลยหรือนี่เซียวหลันยวนมองสภาพนางแล้วอดหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้อีกด้านหนึ่ง ในเรือนเล็กหลังหนึ่งข้างๆ พันธมิตรโอสถ เฉินฮ่าวปิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องอุ่น และเจอกับแม่ของนางที่กำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ริมหน้าต่างฮูหยินเฉินอายุสามสิบต้นๆ ผมดำราวกับเมฆเบา ถูกกดไว้ด้วยปิ่นไข่มุกงาม ดูอ่อนหวานทรงสง่า มองแล้วเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนมากคนหนึ่งเข็มในมือนางเหมือนกำลังเริงระบำ ยกขึ้นปักลง เต็มไปด้วยความงามบทกรอบปักเย็บ รูปดอกบ๊วยกลางหิมะประณีตที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ดอกบ๊วยแต่ละดอกนั้นก็ดูราวกับมีชีวิต จนแทบจะได้กลิ่นหอมของดอกบ๊วยเลยอย่างไรอย่างนั้น"ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าบอกท่านไปแล้วหรือ? ว่าอย่านั่งปักนานนัก ท่านต้องลุกออกไปเดินบ้าง ไม่ใช่นั่นสุขภาพท่านจะรับไม่ไหวเอานะ"เฉินฮ่าวปิงรีบเดินเข้ามา กดมือของนางลง ไม่ยอมให้นางปักต่อฮูหยินเฉินเงยหน้ามองนาง ยิ้มให้นางอย่างอบอุ่น "ได้ได้ได้ ข้าฟังเจ้าก็แล้วกัน""
ผู้อาวุโสจี้พักผ่อนไปครู่หนึ่ง พอได้ยินต่งฮ่วนจือรายงานถึงสถานการณ์ของสาขาเมืองจี้ในช่วงหนึ่งปีนี้แล้วยังพูดถึงวัตถุดิบยาที่พ่อค้ายาเหล่านั้นได้รับมาด้วย"พ่อค้ายาพวกนั้นมักจะไปหมู่บ้านรอบๆ นี้รวบรวมวัตถุดิบยา แล้วช่วงนี้จู่ๆ ก็เข้าไปในหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งโดยที่ไม่ตั้งใจ แล้วยังพูดถึงหมู่บ้านแห่งนั้นจนน่าขนลุกขึ้นมาอีก""โอ๋?""ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อหมู่บ้านนั้นมาก่อน จึงยังไม่เคยมีใครเข้าไป ครั้งนี้พ่อค้ายาพวกนั้นเนื่องจากหลงทางในภูเขาเพราะหมอกลวงตา พอเดินไปเดินมา จู่ๆ ก็ว่าที่นั่นมีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งซ่อนอยู่ ในหมู่บ้านมีวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่มากมาย ทุกคนล้วนดีใจกันยกใหญ่ จึงซื้อมาทั้งหมดเลย"ต่งฮ่วนจือนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็เสียดายหน่อยๆ"น่าเสียดายที่คนของพันธมิตรโอสถไม่ได้ไป แต่ว่า หลังจากพ่อค้าเหล่านัน้กลับมาวัตถุดิบยาส่วนใหญ่ก็ยังมาขายให้พวกเรา เพียงแต่มีวัตถุดิบยาบางอย่างข้าไม่รู้วิธีจัดการ จึงเขียนจดหมายไปหาเจ้าพันธมิตร เจ้าพันธมิตรเห็นด้วยที่จะให้คนในสมาคมหมอใหญ่มาลองดู ผลคือคนของสมาคนหมอใหญ่พอดูวัตถุดิบยาเหล่านั้น ก็ตัดสินใจเปลี่ยนให้งานประชุมหมอใหญ่มาจัดที