"มามามา ให้ศิษย์พี่รองของเจ้าเล่าสถานการณ์ในเมืองจี้ให้เจ้าฟังอีกรอบ"ต่งฮ่วนจือจึงเล่าเรื่องเมื่อครู่นี้อีกรอบฟู่จาวหนิงหลังจากได้ยินก็สนใจขึ้นมาตามคาด"อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกันไหม?""ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าอยากไป!" ผู้อาวุโสจี้พอใจมาก "พวกเราไปดูกัน ขากลับค่อยพาเจ้าไปที่คลังยา แล้วให้เข้าไปดูวัตถุดิบยาทั้งหมด"มีอะไรที่นางไม่รู้จัก เขาจะสอนนางอย่างดีเลยทีเดียว"พวกหมอของสมาคมหมอใหญ่ก็ไปกัน ดังนั้นการแลกเปลี่ยนด้านวิชาแพทย์ของพวกเขาก็คงจะต้องถอยออกไปแล้ว คนที่ไปในภูเขามีมาก ศิษย์น้องหญิงเล็ก เจ้าอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่คล่องตัวหน่อย"ต่งฮ่วนจือเห็นว่าฟู่จาวหนิงอายุยังน้อยอยู่ จึงอดกำชับขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้"ขอบคุณมากศิษย์พี่รอง ข้าทราบแล้ว""เจ้าคิดว่าศิษย์น้องหญิงเล็กของเจ้าไม่รู้อะไรเลยหรือไง? นางรุ้ทั้งหมดนั่นล่ะ" ผู้อาวุโสจี้คิดๆ "จาวหนิง เจ้าลองดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยนไปด้วยไหม?"ถ้าหากบอกว่าคนมากมายล้วนไปกัน เช่นนั้นก็คงจะอันตรายหน่อยๆ วิชายุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนสูงขนาดนั้น มีเขาอยู่ด้วยคงปกป้องฟู่จาวหนิงได้ เขาก็วางใจได้หน่อย"ข้าจะไปถามเขาดู ท่านอาจารย์ ถ้าอย่
เซียวหลันยวนมองเห็นจุดปักหลายแห่งแค่เหลือบดูก็มองออกแล้วว่าฝีมือการปักนั้นประณีตยอดเยี่ยมปลอกแขนสีดำปักลายค้างคาวแดงเข้ม ดูสูงส่งล้ำค่า มองแล้วไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปเลยสาเหตที่ทำให้สายตาของเขามองไป เพราะเขารู้สึกว่าลักษณะเช่นนี้ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้บ่อยในแคว้นเจาหรือต้าชื่อ แต่เป็นความงามประณีตและยังสูงส่งเขาคิดๆ ในใจก็สั่นกึกขึ้นมาเพราะลักษณะเช่นนี้ ดูคล้ายกับของตงฉิงมากสิ่งของของตงฉิงที่เขาได้รับมาจากเขาอวี้เหิง บนชุดชาววังเหล่านั้น ก็มีลักษณะงานปักเช่นนี้ปลอกแขนเองก็แบบเดียวกันและเพราะเหตุนี้ สายตาของเขาจึงหยุดอยู่บนปลอกแขนคู่นี้นานพอควรเฉินฮ่าวจูพอเห็น ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาเขาชอบหรือเปล่านะ?ชอบปลอกแขนคู่นี้ที่นางปักเย็บเองกับมือหรือเปล่านะ?ถ้าหากปลอกแขนนี้สวมอยู่บนข้อมือเขา น่าจะดูดีเลยกระมัง"นี่เจ้าปักเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเซียวหลันยวนถามคำนี้ เท้าก็หยุดชะงัก รู้สึกเกินคาดขึ้นมาเซียวหลันยวนเดิมทีเป็นพวกนิสัยเย็นชามาก แล้วการบุกมาหาถึงหน้าประตูเช่นนี้ ด้วยสมองของเขาก็น่าจะเข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายอยู่นะนางเดิมทีคิดว่าภายใต้สถานการณ
เซียวหลันยวนตอนนี้ไม่กลัวแม่นางคนอื่นจะใจสลายแล้วสินะ นี่มันน่าโมโหหน่อยๆ หรือเปล่า? คนอื่นเขาเอามามอบให้ตัวเองแท้ๆ"หนิงหนิง"สายตาของเซียวหลันยวนมองเข้ามา ร้องเรียกนางขึ้นฟู่จาวหนิงสาวเท้าเดินเข้ามาเฉินฮ่าวจูหันกลับไปมองนาง ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง หน้าของนางก็แดงก่ำ รีบหันไปคารวะให้นาง "ข้า ข้าขอตัวก่อน"พูดจบนางก็หนีออกไปเหมือนวิ่งหนี"ข้ากำลังจะแนะนำเจ้าเลย แต่นางวิ่งไวเหลือเกิน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมองเขา เกิดความคิดจะเย้าแหย่ขึ้น "ท่านคิดจะแนะนำข้า?""ฮูหยินของข้า" เซียวหลันยวนพูดต่อ"เช่นนี้หรือ?""ไม่อย่างนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนก้มหน้าต่ำ แนบเข้ามาข้างหูนาง กระซิบเสียงต่ำ "ดวงใจของข้า?""พรวด!"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหวหัวเราะก๊ากขึ้นมาคนผู้นี้! ไปเรียนวิธีแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?ชิงอียกของอยู่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร "ท่านอ๋อง พระชายา นี่ให้ข้าจริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "ไม่อย่างนั้นล่ะ เจ้าอยากให้สามีของข้าสวมปลอกแขนที่แม่นางคนอื่นเย็บขึ้นด้วยตนเองหรือไรกัน?""ไม่ๆๆ ได้อย่างไรกัน! ข้าน้อยจะเก็บไว้!" ชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง"ท่านรับของไว้เพราะอะไร
หมู่บ้านนั้น ไม่มีชื่อหลักๆ คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ตอนนั้นหลังจากที่พวกพ่อค้ายาเข้าไปก็ไม่ได้ถามชื่อหมู่บ้าน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเวลาเรียกขึ้นมาจึงเรียกว่าหมู่บ้านนิรนามว่ากันว่าหมู่บ้านนิรนามอยู่บนหน้าผาเล็กแห่งหนึ่ง ถ้าจะไปก็ต้องปีนทางเนินชัน แล้วบนทางเนินชั้นนั้นยังมีวัชพืชรกครึ้มรวมถึงหินแหลมคมอีกไม่น้อย ดังนั้นคนของหมู่บ้านนี้จึงไม่ค่อยจะลงมานัก และไม่มีคนขึ้นไปด้วยตอนนี้พวกเขากระทั่งหน้าผาเล็กนั่นก็ยังหาไม่เจอ"ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ แล้วยังแปลกอีกด้วย ข้าในน่าจะมีต้นน้ำอยู่ ชื้นเอามากๆ แล้วยังเย็นอีกด้วย พอตกค่ำลมหนาวนั่นก็จะพัดเข้าไปถึงในกระดูกเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าหลงทางอยู่ด้านในก็ลำบากแน่"ต่งฮ่วนจือไปด้วยกันกับพวกเขาระหว่างทางเขาก็บอกถึงข่าวที่ตนเองไปหามาให้พวกเขาฟัง"ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกว่าเจอทางเข้า พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปค้างคืนในป่า เพียงแค่ทิ้งคนไว้ด้านนอกป่า ก่อไฟ พอฟ้าตะวันตกเริ่มมืดแล้วยังหาไม่เจอ ก็จะรีบกลับออกมากัน จะค้างแรมในป่าไม่ได้"พ่อค้ายาหลายคนนั้นตอนแรกได้เข้าไปจากทางนี้ พวกเขาวนไปเวียนมาในเขาลึกหลายวัน ถึงไปเจอกับชาวบ้านของหมู
มีคนทักผู้อาวุโสจี้อยู่ตลอดทาง"ผู้อาวุโสจี้ ท่านเองก็มาเมืองจี้ด้วยหรือ?""ผู้อาวุโสจี้ ไม่เจอกันเสียหลายปี นายท่านของข้าเองก็มาด้วยเช่นกัน"พวกเขาทักทายกับผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองต่งฮ่วนจือ น่าจะพอเดาถึงตัวตนฐานะเขาได้แล้วแต่พอเห็นฟู่จาวหนิง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย ไม่รู้จัก แต่เดาได้ แต่ก็ยังไม่อาจยืนยันระหว่างทางมีสายตาคนไม่น้อยตกมาอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปตอนที่เพิ่งลงรถม้าก่อนหน้า เซียวหลันยวนเองก็บอกนางแล้ว ว่าเขาจะคอยดูนางจากมุมมืด ไม่เผยตัวออกมาฟู่จาวหนิงคิดถึงตัวตนฐานะเขา จากนั้นก็คิดถึงว่าองค์จักรพรรดิต้าชื่อยังวาดรูปเพื่อตามหาเขา จึงไม่ได้คัดค้านอะไรตอนนี้พอเห็นว่าจุดพักผ่อนนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องนาง นางจึงรู้่สึกว่าเซียวหลันยวนตัดสินใจได้ถูกต้องถ้าเขาอยู่ข้างกายนาง คงถูกเปิดโปงในเวลาไม่นานแน่นอนเพียงแต่ตอนนี้ที่นี่คนเยอะมาก นางเองก็ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปหลบอยู่ตรงมุมมืดไหน"จาว..."เสียงหนึ่งดังขึ้น ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเรียกนางอีกอย่าง"แม่นางฟู่"ฟู่จาวหนิงมองไปตามเสียง ก็เห็นซือถูไป๋ในชุดคลุมขาวพระจันทร์
ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงแข็งทื่อไปฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่คิดอยากจะพูดกับเขาเลยสักคำหรือ?พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนเก่ากันอยู่กระมังเพื่อนที่รู้จักจากแคว้นเจา มาเจอกันอีกครั้งในเมืองจี้ที่ไกลขนาดนี้ ถ้าตามหลักการถ้าคุยกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่เขาเห็นนางมากับผู้อาวุโสจี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะสนใจกับวัตถุดิบยาของหมู่บ้านนิรนามนี้แน่นอนเขาเองยังคิดจะเอาข่าวที่หามาเล่าให้นางฟังอยู่ ถือว่าเป็นการแบ่งปันให้นางซือถูไป๋หัวเราะขืนๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่งด้านหลังเขามีแม่นางสวมผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา มองๆ แผ่นหลังฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองซือถูไป๋"คุณชายซือถือดูท่านจะปล่อยว่างแม่นางฟู่ไม่ลงเสียแล้ว" เสียงของนางแผ่วเบาเอามากๆ แค่ให้ซือถูไป๋ได้ยินเท่านั้นซือถูไป๋หันกลับมา สบตากับสายตาสุกใสของนาง ประหลาดใจ"องค์หญิงใหญ่พูดเรื่องน่าขันเสียแล้ว"ถูกต้อง คนผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเพียงแต่นงตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดสามัญ คลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมบาง บนเส้นผมก็ไม่ได้มีเครื่องประดับใด ราวกับล้างเอาความหรูหราออกไปจนหมด ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเลย"ไม่ใช่บอกให้เรียกข้าว่าแม่นาง
ดังนั้นก่อนหน้าที่จะปิดประตูเมืองวันนั้น เขาจึงอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกจากเมืองอย่างลับๆองค์จักรพรรดิเดิมทีคิดว่าถ้าขังอ๋องเจวี้ยนไว้ในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ การจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมายังเมืองจี้ก็ไม่มีอะไร คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันแต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้เค้าค้นเมืองอยู่ตลอด ก็ยังหาอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงไม่พบพวกของฟู่จาวหนิงเดินกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นสถานที่ที่งดงามหน่อยก็หยุดชื่นชม แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทางลัดและเร่งเดินทางมายังเมืองจี้ ดังนั้นจึงมาไวกว่าพวกเขาประมาณครึ่งวันพอมาถึงนางก็เจอกับซือถูไป๋"คุณชายซือถู อีกเดี๋ญวข้าจะเข้าป่าไปกับท่านด้วย"ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่คิดจะเข้าไป แต่จะรออยู่ที่นี่ รอจนลูกน้องของนางหาหมู่บ้านเจอแล้วค่อยเข้าไปทำไมถึงเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว?"ข้ารู้สึกว่า ข้าเข้าไปหาเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะเจอกับวัตถุดิบยาดีดีนำกลับไปมอบให้องค์จักรพรรดิได้"ประโยคนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ลับสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างไปนักก็ได้ยินแล้วนี่เป็นองครักษ์ลับที่องค์จักรพรร
พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้