"มามามา ให้ศิษย์พี่รองของเจ้าเล่าสถานการณ์ในเมืองจี้ให้เจ้าฟังอีกรอบ"ต่งฮ่วนจือจึงเล่าเรื่องเมื่อครู่นี้อีกรอบฟู่จาวหนิงหลังจากได้ยินก็สนใจขึ้นมาตามคาด"อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกันไหม?""ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าอยากไป!" ผู้อาวุโสจี้พอใจมาก "พวกเราไปดูกัน ขากลับค่อยพาเจ้าไปที่คลังยา แล้วให้เข้าไปดูวัตถุดิบยาทั้งหมด"มีอะไรที่นางไม่รู้จัก เขาจะสอนนางอย่างดีเลยทีเดียว"พวกหมอของสมาคมหมอใหญ่ก็ไปกัน ดังนั้นการแลกเปลี่ยนด้านวิชาแพทย์ของพวกเขาก็คงจะต้องถอยออกไปแล้ว คนที่ไปในภูเขามีมาก ศิษย์น้องหญิงเล็ก เจ้าอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่คล่องตัวหน่อย"ต่งฮ่วนจือเห็นว่าฟู่จาวหนิงอายุยังน้อยอยู่ จึงอดกำชับขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้"ขอบคุณมากศิษย์พี่รอง ข้าทราบแล้ว""เจ้าคิดว่าศิษย์น้องหญิงเล็กของเจ้าไม่รู้อะไรเลยหรือไง? นางรุ้ทั้งหมดนั่นล่ะ" ผู้อาวุโสจี้คิดๆ "จาวหนิง เจ้าลองดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยนไปด้วยไหม?"ถ้าหากบอกว่าคนมากมายล้วนไปกัน เช่นนั้นก็คงจะอันตรายหน่อยๆ วิชายุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนสูงขนาดนั้น มีเขาอยู่ด้วยคงปกป้องฟู่จาวหนิงได้ เขาก็วางใจได้หน่อย"ข้าจะไปถามเขาดู ท่านอาจารย์ ถ้าอย่
เซียวหลันยวนมองเห็นจุดปักหลายแห่งแค่เหลือบดูก็มองออกแล้วว่าฝีมือการปักนั้นประณีตยอดเยี่ยมปลอกแขนสีดำปักลายค้างคาวแดงเข้ม ดูสูงส่งล้ำค่า มองแล้วไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปเลยสาเหตที่ทำให้สายตาของเขามองไป เพราะเขารู้สึกว่าลักษณะเช่นนี้ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้บ่อยในแคว้นเจาหรือต้าชื่อ แต่เป็นความงามประณีตและยังสูงส่งเขาคิดๆ ในใจก็สั่นกึกขึ้นมาเพราะลักษณะเช่นนี้ ดูคล้ายกับของตงฉิงมากสิ่งของของตงฉิงที่เขาได้รับมาจากเขาอวี้เหิง บนชุดชาววังเหล่านั้น ก็มีลักษณะงานปักเช่นนี้ปลอกแขนเองก็แบบเดียวกันและเพราะเหตุนี้ สายตาของเขาจึงหยุดอยู่บนปลอกแขนคู่นี้นานพอควรเฉินฮ่าวจูพอเห็น ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาเขาชอบหรือเปล่านะ?ชอบปลอกแขนคู่นี้ที่นางปักเย็บเองกับมือหรือเปล่านะ?ถ้าหากปลอกแขนนี้สวมอยู่บนข้อมือเขา น่าจะดูดีเลยกระมัง"นี่เจ้าปักเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเซียวหลันยวนถามคำนี้ เท้าก็หยุดชะงัก รู้สึกเกินคาดขึ้นมาเซียวหลันยวนเดิมทีเป็นพวกนิสัยเย็นชามาก แล้วการบุกมาหาถึงหน้าประตูเช่นนี้ ด้วยสมองของเขาก็น่าจะเข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายอยู่นะนางเดิมทีคิดว่าภายใต้สถานการณ
เซียวหลันยวนตอนนี้ไม่กลัวแม่นางคนอื่นจะใจสลายแล้วสินะ นี่มันน่าโมโหหน่อยๆ หรือเปล่า? คนอื่นเขาเอามามอบให้ตัวเองแท้ๆ"หนิงหนิง"สายตาของเซียวหลันยวนมองเข้ามา ร้องเรียกนางขึ้นฟู่จาวหนิงสาวเท้าเดินเข้ามาเฉินฮ่าวจูหันกลับไปมองนาง ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง หน้าของนางก็แดงก่ำ รีบหันไปคารวะให้นาง "ข้า ข้าขอตัวก่อน"พูดจบนางก็หนีออกไปเหมือนวิ่งหนี"ข้ากำลังจะแนะนำเจ้าเลย แต่นางวิ่งไวเหลือเกิน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมองเขา เกิดความคิดจะเย้าแหย่ขึ้น "ท่านคิดจะแนะนำข้า?""ฮูหยินของข้า" เซียวหลันยวนพูดต่อ"เช่นนี้หรือ?""ไม่อย่างนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนก้มหน้าต่ำ แนบเข้ามาข้างหูนาง กระซิบเสียงต่ำ "ดวงใจของข้า?""พรวด!"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหวหัวเราะก๊ากขึ้นมาคนผู้นี้! ไปเรียนวิธีแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?ชิงอียกของอยู่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร "ท่านอ๋อง พระชายา นี่ให้ข้าจริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมอง "ไม่อย่างนั้นล่ะ เจ้าอยากให้สามีของข้าสวมปลอกแขนที่แม่นางคนอื่นเย็บขึ้นด้วยตนเองหรือไรกัน?""ไม่ๆๆ ได้อย่างไรกัน! ข้าน้อยจะเก็บไว้!" ชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง"ท่านรับของไว้เพราะอะไร
หมู่บ้านนั้น ไม่มีชื่อหลักๆ คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ตอนนั้นหลังจากที่พวกพ่อค้ายาเข้าไปก็ไม่ได้ถามชื่อหมู่บ้าน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเวลาเรียกขึ้นมาจึงเรียกว่าหมู่บ้านนิรนามว่ากันว่าหมู่บ้านนิรนามอยู่บนหน้าผาเล็กแห่งหนึ่ง ถ้าจะไปก็ต้องปีนทางเนินชัน แล้วบนทางเนินชั้นนั้นยังมีวัชพืชรกครึ้มรวมถึงหินแหลมคมอีกไม่น้อย ดังนั้นคนของหมู่บ้านนี้จึงไม่ค่อยจะลงมานัก และไม่มีคนขึ้นไปด้วยตอนนี้พวกเขากระทั่งหน้าผาเล็กนั่นก็ยังหาไม่เจอ"ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ แล้วยังแปลกอีกด้วย ข้าในน่าจะมีต้นน้ำอยู่ ชื้นเอามากๆ แล้วยังเย็นอีกด้วย พอตกค่ำลมหนาวนั่นก็จะพัดเข้าไปถึงในกระดูกเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าหลงทางอยู่ด้านในก็ลำบากแน่"ต่งฮ่วนจือไปด้วยกันกับพวกเขาระหว่างทางเขาก็บอกถึงข่าวที่ตนเองไปหามาให้พวกเขาฟัง"ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกว่าเจอทางเข้า พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปค้างคืนในป่า เพียงแค่ทิ้งคนไว้ด้านนอกป่า ก่อไฟ พอฟ้าตะวันตกเริ่มมืดแล้วยังหาไม่เจอ ก็จะรีบกลับออกมากัน จะค้างแรมในป่าไม่ได้"พ่อค้ายาหลายคนนั้นตอนแรกได้เข้าไปจากทางนี้ พวกเขาวนไปเวียนมาในเขาลึกหลายวัน ถึงไปเจอกับชาวบ้านของหมู
มีคนทักผู้อาวุโสจี้อยู่ตลอดทาง"ผู้อาวุโสจี้ ท่านเองก็มาเมืองจี้ด้วยหรือ?""ผู้อาวุโสจี้ ไม่เจอกันเสียหลายปี นายท่านของข้าเองก็มาด้วยเช่นกัน"พวกเขาทักทายกับผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองต่งฮ่วนจือ น่าจะพอเดาถึงตัวตนฐานะเขาได้แล้วแต่พอเห็นฟู่จาวหนิง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย ไม่รู้จัก แต่เดาได้ แต่ก็ยังไม่อาจยืนยันระหว่างทางมีสายตาคนไม่น้อยตกมาอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปตอนที่เพิ่งลงรถม้าก่อนหน้า เซียวหลันยวนเองก็บอกนางแล้ว ว่าเขาจะคอยดูนางจากมุมมืด ไม่เผยตัวออกมาฟู่จาวหนิงคิดถึงตัวตนฐานะเขา จากนั้นก็คิดถึงว่าองค์จักรพรรดิต้าชื่อยังวาดรูปเพื่อตามหาเขา จึงไม่ได้คัดค้านอะไรตอนนี้พอเห็นว่าจุดพักผ่อนนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องนาง นางจึงรู้่สึกว่าเซียวหลันยวนตัดสินใจได้ถูกต้องถ้าเขาอยู่ข้างกายนาง คงถูกเปิดโปงในเวลาไม่นานแน่นอนเพียงแต่ตอนนี้ที่นี่คนเยอะมาก นางเองก็ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปหลบอยู่ตรงมุมมืดไหน"จาว..."เสียงหนึ่งดังขึ้น ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนมาเรียกนางอีกอย่าง"แม่นางฟู่"ฟู่จาวหนิงมองไปตามเสียง ก็เห็นซือถูไป๋ในชุดคลุมขาวพระจันทร์
ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงแข็งทื่อไปฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่คิดอยากจะพูดกับเขาเลยสักคำหรือ?พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนเก่ากันอยู่กระมังเพื่อนที่รู้จักจากแคว้นเจา มาเจอกันอีกครั้งในเมืองจี้ที่ไกลขนาดนี้ ถ้าตามหลักการถ้าคุยกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่เขาเห็นนางมากับผู้อาวุโสจี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะสนใจกับวัตถุดิบยาของหมู่บ้านนิรนามนี้แน่นอนเขาเองยังคิดจะเอาข่าวที่หามาเล่าให้นางฟังอยู่ ถือว่าเป็นการแบ่งปันให้นางซือถูไป๋หัวเราะขืนๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่งด้านหลังเขามีแม่นางสวมผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา มองๆ แผ่นหลังฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองซือถูไป๋"คุณชายซือถือดูท่านจะปล่อยว่างแม่นางฟู่ไม่ลงเสียแล้ว" เสียงของนางแผ่วเบาเอามากๆ แค่ให้ซือถูไป๋ได้ยินเท่านั้นซือถูไป๋หันกลับมา สบตากับสายตาสุกใสของนาง ประหลาดใจ"องค์หญิงใหญ่พูดเรื่องน่าขันเสียแล้ว"ถูกต้อง คนผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเพียงแต่นงตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดสามัญ คลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมบาง บนเส้นผมก็ไม่ได้มีเครื่องประดับใด ราวกับล้างเอาความหรูหราออกไปจนหมด ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเลย"ไม่ใช่บอกให้เรียกข้าว่าแม่นาง
ดังนั้นก่อนหน้าที่จะปิดประตูเมืองวันนั้น เขาจึงอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกจากเมืองอย่างลับๆองค์จักรพรรดิเดิมทีคิดว่าถ้าขังอ๋องเจวี้ยนไว้ในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ การจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมายังเมืองจี้ก็ไม่มีอะไร คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันแต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้เค้าค้นเมืองอยู่ตลอด ก็ยังหาอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงไม่พบพวกของฟู่จาวหนิงเดินกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นสถานที่ที่งดงามหน่อยก็หยุดชื่นชม แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทางลัดและเร่งเดินทางมายังเมืองจี้ ดังนั้นจึงมาไวกว่าพวกเขาประมาณครึ่งวันพอมาถึงนางก็เจอกับซือถูไป๋"คุณชายซือถู อีกเดี๋ญวข้าจะเข้าป่าไปกับท่านด้วย"ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่คิดจะเข้าไป แต่จะรออยู่ที่นี่ รอจนลูกน้องของนางหาหมู่บ้านเจอแล้วค่อยเข้าไปทำไมถึงเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว?"ข้ารู้สึกว่า ข้าเข้าไปหาเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะเจอกับวัตถุดิบยาดีดีนำกลับไปมอบให้องค์จักรพรรดิได้"ประโยคนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ลับสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างไปนักก็ได้ยินแล้วนี่เป็นองครักษ์ลับที่องค์จักรพรร
พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส