ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงแข็งทื่อไปฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่คิดอยากจะพูดกับเขาเลยสักคำหรือ?พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนเก่ากันอยู่กระมังเพื่อนที่รู้จักจากแคว้นเจา มาเจอกันอีกครั้งในเมืองจี้ที่ไกลขนาดนี้ ถ้าตามหลักการถ้าคุยกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่เขาเห็นนางมากับผู้อาวุโสจี้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะสนใจกับวัตถุดิบยาของหมู่บ้านนิรนามนี้แน่นอนเขาเองยังคิดจะเอาข่าวที่หามาเล่าให้นางฟังอยู่ ถือว่าเป็นการแบ่งปันให้นางซือถูไป๋หัวเราะขืนๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่งด้านหลังเขามีแม่นางสวมผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา มองๆ แผ่นหลังฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองซือถูไป๋"คุณชายซือถือดูท่านจะปล่อยว่างแม่นางฟู่ไม่ลงเสียแล้ว" เสียงของนางแผ่วเบาเอามากๆ แค่ให้ซือถูไป๋ได้ยินเท่านั้นซือถูไป๋หันกลับมา สบตากับสายตาสุกใสของนาง ประหลาดใจ"องค์หญิงใหญ่พูดเรื่องน่าขันเสียแล้ว"ถูกต้อง คนผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเพียงแต่นงตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดสามัญ คลุมหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมบาง บนเส้นผมก็ไม่ได้มีเครื่องประดับใด ราวกับล้างเอาความหรูหราออกไปจนหมด ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเลย"ไม่ใช่บอกให้เรียกข้าว่าแม่นาง
ดังนั้นก่อนหน้าที่จะปิดประตูเมืองวันนั้น เขาจึงอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกจากเมืองอย่างลับๆองค์จักรพรรดิเดิมทีคิดว่าถ้าขังอ๋องเจวี้ยนไว้ในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ การจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมายังเมืองจี้ก็ไม่มีอะไร คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะได้เจอกันแต่น่าเสียดายที่หลายวันนี้เค้าค้นเมืองอยู่ตลอด ก็ยังหาอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงไม่พบพวกของฟู่จาวหนิงเดินกันอย่างเชื่องช้า พอเห็นสถานที่ที่งดงามหน่อยก็หยุดชื่นชม แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทางลัดและเร่งเดินทางมายังเมืองจี้ ดังนั้นจึงมาไวกว่าพวกเขาประมาณครึ่งวันพอมาถึงนางก็เจอกับซือถูไป๋"คุณชายซือถู อีกเดี๋ญวข้าจะเข้าป่าไปกับท่านด้วย"ซือถูไป๋งงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่คิดจะเข้าไป แต่จะรออยู่ที่นี่ รอจนลูกน้องของนางหาหมู่บ้านเจอแล้วค่อยเข้าไปทำไมถึงเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว?"ข้ารู้สึกว่า ข้าเข้าไปหาเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะเจอกับวัตถุดิบยาดีดีนำกลับไปมอบให้องค์จักรพรรดิได้"ประโยคนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ลับสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างไปนักก็ได้ยินแล้วนี่เป็นองครักษ์ลับที่องค์จักรพรร
พอเดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ารอบด้านล้วนเป็นป่าไม้ไปหมดแล้ว"ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไหวไหม?" ต่งฮ่วนจือถามผู้อาวุโสจี้ขึ้นอย่างกังวลผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "ข้ายังเดินได้อีกสองชั่วยาม!"ต่งฮ่วนจือหยุดชะงักอันที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆเพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้วเขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วอาจารย์มายังเมืองจี้ แค่ออกไปเดินข้างนอกสองรอบพอกลับมาก็ดูเหนื่อยล้ามาก แล้วในภูเขานี้ก็เดินลำบาก พวกเขาเมื่อครู่ก็เดินกันมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เขาจึงอยากจะถามท่านอาจารย์ดูว่าจะนั่งพักหน่อยไหมคิดไม่ถึงว่าจะเห็นท่านอาจารย์มีท่าทีเต็มไปด้วยกำลังวังชาแบบนี้รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้ ท่านอาจารย์ดูหนุ่มขึ้นอย่างไรอย่างนั้นผู้อาวุโสจี้มองสายตาเขา เข้าใจความคิดของเขาขึ้นมาทันที เขาสนุกขึ้นมาเสียแล้ว ยื่นมือมาตบที่บ่าของต่งฮ่วนจือ ดูจะภูมิใจหน่อยๆ"เจ้ารู้สึกว่าสุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?""ท่านอาจารย์น่าจะมีวิธีบำรุงสุขภาพที่ดี...""มีวิธีอะไรเสียที่ไหนกัน ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าให้มาต่างหาก แล้วก่อนหน้านี้ยังกินอาหารยาจีนไปอีกหลายอย่างด้วย เห็นผลลัพธ์เส
"ท่านอาจารย์ เช่นนั้นพวกเราเดินไปทางทิศใต้ดีไหม?" ต่งฮ่วนจือถามความเห็นผู้อาวุโสจี้อีกครั้งผู้อาวุโสจี้เดินไปไม่กี่ก้าว ก็นั่งยองลงมองพื้นดิน มองๆ ต้นไม้ตรงหน้า จากนั้นจึงสัมผัสกับสายลม มองดวงตะวัน ขมวดคิ้ว"ข้าทำไมถึงรู้สึกว่า เดินไปทางเหนือแล้วจะดีกว่า?"หืม?ต่งฮ่วนจือไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา ไม่ใช่ว่าทางเหนือมีบ่ออันตรายนั่นอยู่หรือ? เมื่อครู่คนเหล่านั้นยังเตือนว่าอย่าเดินไปทางเหนืออยู่เลย"ข้าก็คิดว่าท่านอาจารย์พูดถูก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยตามขึ้นมาเพราะลมในตอนนี้พัดมาจากทางใต้ นำกลิ่นคาวหญ้าที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดีนักมาด้วยด้านเหนือดูแล้วหญ้าจะเตี้ยกว่าหน่อย ต้นไม้เองก็ค่อนข้างเบาบางด้วยด้านเหนือกลับมีป่ารกทึบราวกับดินแดนลี้ลับ"เช่นนั้นก็ฟังท่านอาจารย์แล้วกัน" ต่งฮ่วนจือเลือกฟังพวกเขาพวกเขาหันเปลี่ยนไปทางเหนือ เพียงครู่เดียวซือถูไป๋กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เดินมาถึงจุดนี้ ตอนที่มาถึงพวกเขาแน่นอนว่าต้องพบกับคนที่บาดเจ็บเหล่านั้น ซือถูไป๋เองก็ถามพวกเขาไปสองสามคำ"ผู้อาวุโสจี้ไปทางไปไหนหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางซือถูไป๋ซือถูไป๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "องค์หญิงใหญ่ฝ
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วยหรือ? หรือยู่ที่ไหนกัน?สำหรับจุดนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจมาก"นางมาทำอะไร?"นางยังคิดว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะดึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้แต่ในวังจักรพรรดิสิ จำกัดให้อยู่แต่ข้างกายเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยให้นางออกมาแบบนี้"ที่นี่ในเมื่อมีวัตถุดิบยาชั้นดี นางจะต้องมาแน่ๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังมีงานประชุมหมอใหญ่อีกด้วย""ดูจากตัวตนฐานะของข้า ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าหมอใหญ๋ตอนนี้ไม่ค่อยได้รับความเคารพเท่าไรเลย" ฟู่จาวหนิงอดเย้าแหย่ขึ้นมาไม่ได้ "ไม่เช่นนั้นตอนข้าอยู่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิต้าชื่อทำไมถึงไม่เชิญข้าเข้าไปในวังจักรรพรรดิอย่างนอบน้อม จัดงานเลี้ยงอะไรให้ข้าบ้าง?""เจ้าอยากไปกินเลี้ยงในวังจักรพรรดิต้าชื่อหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าไม่ได้สนใจวังเลยสักนิด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ชอบวังจักรพรรดิแล้วจริงๆ ในวังทำเอาอึดอัดหายใจไม่ออกพวกเจ้านายแก่งแย่งชิงดี เหล่าข้าทาสก็มองตนเองต่ำต้อย พอคิดถึงโชคชะตาทั้งชีวิตของพวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ไม่รู้สึกว่าจะสบายเลยยิ่งไปกว่นั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งแค่พูดคำสองคำก็ทำเอาหัวคนหลุดจากบ
พวกเขาเดินไปต่อด้านใน ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณสามโมงครึ่งแล้ว พวกเขาเดินมาในป่าอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบหน้าผาเล็กอะไรเลย ราวกับว่าอยู่แต่ในป่ามาตลอด ที่นี่มืดมิดเสียจนทำเอาคนหลงทางออกไปไม่ได้เลยทีเดียวจู่ๆ ก็มีศิษย์พันธมิตรโอสถคนหนึ่งร้องขึ้นมา"ตรงนี้มีคน!"เขาชี้ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งใต้ต้นไม้มีคนนั่งอยู่บนพื้นสองคน เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ก้มหน้าต่ำ ดูแล้วเหมือนเดินจนเหนื่อยแล้วนั่งลงพักผ่อนที่ตรงนั้นแต่พวกเขามากันเยอะขนาดนี้ สองคนนั้นกลับไม่สังเกตเห็นเลย สิ่งนี้ทำให้รู้สึกผิดปกติ"พวกเราจะเข้าไปดูหน่อย"สืออีสือซานบอกกับฟู่จาวหนิง ยกเท้าเดินเข้าไป"ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเตือนขึ้นมาคำหนึ่งสืออีเพิ่งเดินไปถึงตรงหน้าคนทั้งสอง จู่ๆ คนหนึ่งในนั้นก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน ตาทั้งคู่ถลึงโต เหมือนตกใจกลัวอย่างไรอย่างนั้น คอเอนมาด้านหน้า ร่างกายเกร็งแข็ง ดูคล้ายกับจะกระโจมพุ่งเข้าหาพวกเขาทันทีก่อนหน้านี้ยังดูเหมือนหลับลึกอยู่แท้ๆ แต่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหว แล้วยังทำเอาคนสะดุ้งโหยงไปอีกด้วยสืออีกับสือซานกวาดพื้นแล้วชักกระบี่ ชี้ไปทางเขาอีกคนหนึ่งยังไม่ขยับเขยื้อนชายหนุ
ฟู่จาวหนิงไม่อยากจะให้คนขององค์จักรพรรดิเห็นเซียวหลันยวนโดยตรงเซียวหลันยวนกระโจนตัวขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ด้านหลังนางซือถูไป๋ตอนนี้จึงเดินตรงเข้ามา"ผู้อาวุโสจี้ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?""ข้าไม่เป็นไร!" ผู้อาวุโสจี้แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีกับซือถูไป๋นัก และรู้ว่าเขามาเพราะฟู่จาวหนิง แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรเขาก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เขาจะไม่ตอบก็กระไรอยู่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็เดินตรงมาทางนี้เช่นกัน องครักษ์หลายคนของนางแบ่งเป็นสองกลุ่ม มีส่วนหนึ่งกันอยู่ด้านหน้า และมีอีกสองคนเดินอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากนางนักสืออีกพวกเขาล้วนขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า มองไปยังวัตถุสีดำที่เกาะอยู่บนต้นไม้ทางนั้นไม่วางตาและกันพวกฟู่จาวหนิงเอาไว้ด้านหลังวัตถุสีดำชั้นเกาะอยู่บนต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ ไม่ถึงกับไม่ขยับเขยื้อนเสียทีเดียว ปีกของมันเหมือนจะขยับขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อยเหมือนความถี่การหายใจมองเช่นนี้ ดูคล้ายกับผีเสื้อกลางคืนสีดำตัวหนึ่ง แต่ขนาดใหญ่เท่าค้างคาวแต่ตอนนี้ใครเองก็ไม่กล้ามองมันเป็นแมลงผีเสื้อกลางคืนปกติแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อครู่มันก็ถูกกระบี่ฟันเข้าแต่กลับไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยว่าตามหลักการ กำลั
เพราะต้าชื่อกับแคว้นเจาเป็นเพื่อนบ้านกัน สองแคว้นนี้จึงอยู่ใกล้ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นจุดเริ่มก็ใกล้เคียงกัน ความเร็วและระยะเวลาในการรุ่งเรื่องก็ใกล้เคียงกัน ดังนั้นการไปมาหาสู่จึงมีมากที่สุดแต่สองแคว้นนี้พอเทียบกับแคว้นหมิ่นและตงฉิง ประวัติศาสตร์ยังยาวนานไม่พอเพียงแต่แคว้นหมิ่นอยู่ห่างออกไปไกลหน่ยอฟู่จาวหนิงมองชายชราคนนั้นหูของนางได้ยินเสียงของเซียวหลันยวน เขาสื่อเสียงรหัสลับมา ไม่ให้คนอื่นได้ยิน"ก่อนหน้านี้ตอนที่แคว้นหมิ่นเจริญรุ่งเรืองที่สุด แคว้นเจากับต้าชื่อยังเพิ่งจะออกเดิน ตื่ชื่อได้เปิดแคว้นจากความช่วยเหลือของตระกูลเสิ่น ส่วนจักรพรรดิองค์ก่อนของแคว้นเจาก็เคยเป็นบุตรชายตัวประกันของแคว้นหมิ่นคนหนึ่ง"ซู๊ดหรือก้คือ แคว้นหมิ่นเป็นพี่ใหญ่สินะ?ซุนฉงหมิงคนนั้นแม้จะอายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังแดงประกาย สายตาคมกริบฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นว่าแม้เขาจะถูกประคองอยู่ แต่ความเป็นจริงคือเพราะขาพลิกไปแล้ว ดูจากสภาพของเขา ถ้าหากขาไม่ได้พลิก ก็น่าจะคล่องแคล่วอยู่ในป่านี้พอสมควรยิ่งไปกว่านั้นซุนฉงหมิงยังสวมชุดคลุมสีม่วงเข้มทั้งตัวด้วย บนหัวสวมกวานสีม่วงทอง ดูแล้วสูงส่งมากแค่มองก