องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วยหรือ? หรือยู่ที่ไหนกัน?สำหรับจุดนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจมาก"นางมาทำอะไร?"นางยังคิดว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิต้าชื่อน่าจะดึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาไว้แต่ในวังจักรพรรดิสิ จำกัดให้อยู่แต่ข้างกายเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยให้นางออกมาแบบนี้"ที่นี่ในเมื่อมีวัตถุดิบยาชั้นดี นางจะต้องมาแน่ๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังมีงานประชุมหมอใหญ่อีกด้วย""ดูจากตัวตนฐานะของข้า ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าหมอใหญ๋ตอนนี้ไม่ค่อยได้รับความเคารพเท่าไรเลย" ฟู่จาวหนิงอดเย้าแหย่ขึ้นมาไม่ได้ "ไม่เช่นนั้นตอนข้าอยู่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ องค์จักรพรรดิต้าชื่อทำไมถึงไม่เชิญข้าเข้าไปในวังจักรรพรรดิอย่างนอบน้อม จัดงานเลี้ยงอะไรให้ข้าบ้าง?""เจ้าอยากไปกินเลี้ยงในวังจักรพรรดิต้าชื่อหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าไม่ได้สนใจวังเลยสักนิด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ชอบวังจักรพรรดิแล้วจริงๆ ในวังทำเอาอึดอัดหายใจไม่ออกพวกเจ้านายแก่งแย่งชิงดี เหล่าข้าทาสก็มองตนเองต่ำต้อย พอคิดถึงโชคชะตาทั้งชีวิตของพวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ไม่รู้สึกว่าจะสบายเลยยิ่งไปกว่นั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งแค่พูดคำสองคำก็ทำเอาหัวคนหลุดจากบ
พวกเขาเดินไปต่อด้านใน ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณสามโมงครึ่งแล้ว พวกเขาเดินมาในป่าอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบหน้าผาเล็กอะไรเลย ราวกับว่าอยู่แต่ในป่ามาตลอด ที่นี่มืดมิดเสียจนทำเอาคนหลงทางออกไปไม่ได้เลยทีเดียวจู่ๆ ก็มีศิษย์พันธมิตรโอสถคนหนึ่งร้องขึ้นมา"ตรงนี้มีคน!"เขาชี้ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งใต้ต้นไม้มีคนนั่งอยู่บนพื้นสองคน เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ก้มหน้าต่ำ ดูแล้วเหมือนเดินจนเหนื่อยแล้วนั่งลงพักผ่อนที่ตรงนั้นแต่พวกเขามากันเยอะขนาดนี้ สองคนนั้นกลับไม่สังเกตเห็นเลย สิ่งนี้ทำให้รู้สึกผิดปกติ"พวกเราจะเข้าไปดูหน่อย"สืออีสือซานบอกกับฟู่จาวหนิง ยกเท้าเดินเข้าไป"ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเตือนขึ้นมาคำหนึ่งสืออีเพิ่งเดินไปถึงตรงหน้าคนทั้งสอง จู่ๆ คนหนึ่งในนั้นก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน ตาทั้งคู่ถลึงโต เหมือนตกใจกลัวอย่างไรอย่างนั้น คอเอนมาด้านหน้า ร่างกายเกร็งแข็ง ดูคล้ายกับจะกระโจมพุ่งเข้าหาพวกเขาทันทีก่อนหน้านี้ยังดูเหมือนหลับลึกอยู่แท้ๆ แต่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหว แล้วยังทำเอาคนสะดุ้งโหยงไปอีกด้วยสืออีกับสือซานกวาดพื้นแล้วชักกระบี่ ชี้ไปทางเขาอีกคนหนึ่งยังไม่ขยับเขยื้อนชายหนุ
ฟู่จาวหนิงไม่อยากจะให้คนขององค์จักรพรรดิเห็นเซียวหลันยวนโดยตรงเซียวหลันยวนกระโจนตัวขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ด้านหลังนางซือถูไป๋ตอนนี้จึงเดินตรงเข้ามา"ผู้อาวุโสจี้ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?""ข้าไม่เป็นไร!" ผู้อาวุโสจี้แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีกับซือถูไป๋นัก และรู้ว่าเขามาเพราะฟู่จาวหนิง แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรเขาก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เขาจะไม่ตอบก็กระไรอยู่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็เดินตรงมาทางนี้เช่นกัน องครักษ์หลายคนของนางแบ่งเป็นสองกลุ่ม มีส่วนหนึ่งกันอยู่ด้านหน้า และมีอีกสองคนเดินอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากนางนักสืออีกพวกเขาล้วนขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า มองไปยังวัตถุสีดำที่เกาะอยู่บนต้นไม้ทางนั้นไม่วางตาและกันพวกฟู่จาวหนิงเอาไว้ด้านหลังวัตถุสีดำชั้นเกาะอยู่บนต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ ไม่ถึงกับไม่ขยับเขยื้อนเสียทีเดียว ปีกของมันเหมือนจะขยับขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อยเหมือนความถี่การหายใจมองเช่นนี้ ดูคล้ายกับผีเสื้อกลางคืนสีดำตัวหนึ่ง แต่ขนาดใหญ่เท่าค้างคาวแต่ตอนนี้ใครเองก็ไม่กล้ามองมันเป็นแมลงผีเสื้อกลางคืนปกติแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อครู่มันก็ถูกกระบี่ฟันเข้าแต่กลับไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยว่าตามหลักการ กำลั
เพราะต้าชื่อกับแคว้นเจาเป็นเพื่อนบ้านกัน สองแคว้นนี้จึงอยู่ใกล้ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นจุดเริ่มก็ใกล้เคียงกัน ความเร็วและระยะเวลาในการรุ่งเรื่องก็ใกล้เคียงกัน ดังนั้นการไปมาหาสู่จึงมีมากที่สุดแต่สองแคว้นนี้พอเทียบกับแคว้นหมิ่นและตงฉิง ประวัติศาสตร์ยังยาวนานไม่พอเพียงแต่แคว้นหมิ่นอยู่ห่างออกไปไกลหน่ยอฟู่จาวหนิงมองชายชราคนนั้นหูของนางได้ยินเสียงของเซียวหลันยวน เขาสื่อเสียงรหัสลับมา ไม่ให้คนอื่นได้ยิน"ก่อนหน้านี้ตอนที่แคว้นหมิ่นเจริญรุ่งเรืองที่สุด แคว้นเจากับต้าชื่อยังเพิ่งจะออกเดิน ตื่ชื่อได้เปิดแคว้นจากความช่วยเหลือของตระกูลเสิ่น ส่วนจักรพรรดิองค์ก่อนของแคว้นเจาก็เคยเป็นบุตรชายตัวประกันของแคว้นหมิ่นคนหนึ่ง"ซู๊ดหรือก้คือ แคว้นหมิ่นเป็นพี่ใหญ่สินะ?ซุนฉงหมิงคนนั้นแม้จะอายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังแดงประกาย สายตาคมกริบฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นว่าแม้เขาจะถูกประคองอยู่ แต่ความเป็นจริงคือเพราะขาพลิกไปแล้ว ดูจากสภาพของเขา ถ้าหากขาไม่ได้พลิก ก็น่าจะคล่องแคล่วอยู่ในป่านี้พอสมควรยิ่งไปกว่านั้นซุนฉงหมิงยังสวมชุดคลุมสีม่วงเข้มทั้งตัวด้วย บนหัวสวมกวานสีม่วงทอง ดูแล้วสูงส่งมากแค่มองก
ซุนฉงหมิงพอพูดออกมา สีหน้าของพวกต่งฮ่วนจือก็ดูไม่ดีเสียแล้ว"คำพูดคำจาของผู้เฒ่ารองซุนหนักข้อกว่าปีก่อนๆ นี้อีกนะ" ผู้อาวุโสจี้ร้องเฮอะขึ้นมา"สหายจี้ควรจะฟังคำแนะนำที่ดีด้วยนะ พวกเจ้าลองดูสิ วัตถุดิบยาชั้นดีอย่างแมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กนั่น เจ้าก็ยังไม่รู้จักเลยกระมัง?"ซุนฉงหมิงตอนที่พูด คนหนุ่มเหล่านั้นของตระกูลซุนก็จัดการลดวงล้อมเข้ามา ค่อยๆ เดินเข้าไปยังต้นไม้ใหญ่ที่แมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กตัวนั้นเกาะอยู่ชายหนุ่มที่หยิบถุงคนนั้นตอนที่เดินไม่มีเสียงเลย การเคลื่อนไหวแผ่วเบาเอามากๆ สองคือเขาจับถุงเอาไว้ชายหนุ่มอีกด้านหนึ่งในมือหยิบกระบอกไม้ไผ่ ตอนที่เข้าใกล้จู่ๆ ก็ยกกระบอกไม้ไผ่ไว้ข้างปาก เป่าควันกลุ่มหนึ่งออกไปใส่แมลงผีเสื้อกลางคืนเหล็กตัวนั้นพรึ่บแมลงผีเสื้อกลางคืนตัวนั้นบินทะยานขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนที่เจอเข้ากับควันความเร็วของมันก็ชะงักไป พริบตานี้เอง ถุงในมือของชายหนุ่มก็ครอบลงไปที่ตัวมันจัดการเก็บมันเข้าไปในถุงอย่างรวดเร็ว"จับได้แล้ว!"เขามัดปากถุงแน่นอย่างไว ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็รีบเป่าควันไปทางถุงอีกสองฟอดการบินกระแทกในถุงอย่างรุนแรงด้านใน เพียงไม่นานก็หยุดลง ท้า
"เจ้าคือ?"ซุนฉงหมิงมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่สวมผ้าบางไว้บนหัว"ข้าคือ..."ซือถูไป๋เดินขึ้นขวางนางไว้"ได้ยินชื่อเสียงของผู้เฒ่ารองซุนมานาน ซือถูไป๋แห่งโรงยาทงฝูขอคารวะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจู่ๆ ถูกเขาบังไว้ด้านหลัง จึงมองแผ่นหลังซือถูไป๋อย่างประหลาดใจ แต่นางก็ยังปิดปากลงไม่พูดต่อ และก็ไม่คิดจะอ้อมตัวเขาเดินขึ้นไปอีก แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างหลังเขา"คุณชายน้อยโรงยาทงฝูหรือ? เคยได้ยินมาเหมือนกัน"ซุนฉงหมิงพิจารณาตัวซือถูไป๋ แต่ก็พูดแค่คำเดียวเท่านั้น ไม่รู้สึกสนใจจะพูดอะไรต่อ"สหายจี้ ถึงอย่างไรข้าก็เล่าสถานการณ์หมู่บ้านเล็กนั้นแล้ว ตอนนี้พวกชาวบ้านน่าจะย้ายบ้านกันหมดและตรงไปยังแคว้นหมิ่นเรียบร้อย พวกเจ้ายังจะเข้าไปในหมู่บ้านอีกหรือ?"พูดจบก็ไม่รอให้ผู้อาวุโสจี้ตอบ เขากวักมือ พาคนหนุ่มในตระกูลเหล่านั้นออกไป "พวกเราขอตัวก่อน ไปเจอกันที่เมืองจี้แล้วกัน"แล้วพวกเขาก็ออกไปรอจนไม่เห็นร่างของพวกเขา ไม่ได้ยินเสียงพวกเขาแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงยื่นมือมาสะกิดแผ่นหลังซือถูไป๋"ทำไมท่านไม่ให้ข้าพูด?""ผู้เฒ่ารองซุนไม่ใช่แค่วิชาแพทย์ร้ายกาจ แต่ยังถนัดใช้พิษอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม
ซือถูไป๋เดินออกไปข้างๆ สองก้าว ออกห่างจากนางหน่อย"องค์หญิงใหญ่อันที่จริงสามารถไปถามฝ่าบาทอีกครั้งหลังกลับไปได้ เชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียดแน่"พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงหม่นลงมาเล็กน้อยซือถูไป๋ปฏิเสธนางอย่างชัดเจนนี่มันเพราะอะไรกัน?นางรู้ว่าซือถูไป๋จะเว้นระยะห่างกับนาง เพื่อไม่ให้ฟู่จาวหนิงเข้าใจผิดแต่ฟู่จาวหนิงมีอะไรต้องเข้าใจผิดล่ะ? นางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนแคว้นเจานี่ แต่งงานไปแล้ว ยังจะมาสนใจว่าซือถูไป๋อยู่ใกล้ใครด้วยหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นซือถูไป๋ทำไมต้องทุ่มเทสุดใจกับฟู่จาวหนิงเช่นนี้ด้วย?แน่นอนว่า ฟู่จาวหนิงหน้าตาดีเอามากๆ แต่นางเองก็ไม่ได้แย่นี่ ฟุ่จาวหนิงวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมเกินใคร แต่นางก็ยังมีโชคดีอยู่กับตัวนะฟู่จาวหนิงแต่งงานแล้ว ร่างกายก็น่าจะไม่บริสุทธิ์แล้วไหม แต่นางยังสะอาดผุดผ่อง ตัวตนฐานะก็ยังสูงส่งพอมาดูนิสัย นางรู้สึกว่านิสัยตนเองก็ยังดีกว่าฟู่จาวหนิงเยอะ นางทั้งเกรงใจและอ่อนโยนกับซือถูไป๋มาตลอด พูดจาอ่อนหวาน แต่ฟู่จาวหนิงมีแต่เย็นชาใส่ซือถูไป๋เห็นๆ อยู่ว่าซือถูไป๋มีใจให้นาง แต่ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไว้หน้ามาตลอดพอ
คำพูดนี้แปลกๆ หน่อยยิ่งไปกว่านั้นพอนางพูดจบยังเหลือบมองต่งฮ่วนจือผาดหนึ่งด้วย สายตาเหมือนมีความเห็นใจต่งฮ่วนจือมองออกว่านางเห็นใจตนเอง จึงนิ่งขรึมไม่พูดจาฟู่จาวหนิงเองก็เหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่งนางไม่รู้ว่าเพราะอะไรองค์หญิงใหญ่จู่ๆ ก็ไม่คิดจะอำพรางร่องรอยตนเอง วิ่งแจ้นออกมาปรากฏต่อหน้านางเพื่ออะไรกัน?"ไปเถอะ กลับกัน"ผู้อาวุโสจี้พอตัดสินใจกลับ ก็ไม่ชักช้าอีกตอนที่พวกเขากำลังจะออกไป องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับมองไปทางสองคนที่อยู่ใต้ต้นไม้นั่น"แล้วสองคนนี้จะทำอย่างไรดี?"นางยื่นมือไปทางชายคนที่ยังอยู่ในท่าเดิมเช่นนั้น ปากก็ยังอ้าค้างอยู่"ระวัง..."องครักษ์ของนางรีบเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังคงยื่นมือเข้าไปวัดลมหายใจของชายคนนั้น นางอุทานร้องออกมา"เอ๊! คนคนนี้ยังมีลมหายใจอยู่!"คำพูดนี้ทำให้คนทั้งหมดหยุดลงมาคนคนนั้นยังคงแข็งทื่ออยู่ท่าเดิม ดูเหมือนจะตายไปแล้ว แต่ยังมีลมหายใจอยู่หรือ?"แม่นางฟู่ ท่านเป็นหมอ ท่านรีบมาดูอาการเร็ว ท่านไปแบบนี้ไม่ได้นะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหันหน้ามองไปทางฟู่จาวหนิงสีหน้าและน้ำเสียงของนางมีเชิงตำหนิหน่อยๆ เพรา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้